สามสิบปีรับศิษย์หนึ่งคน อวิ๋นมู่หลันจ้องมองไปยังบุรุษที่ยืนอยู่บนก้อนหิน อีกฝ่ายสวมชุดนักโทษเนื้อผ้าหยาบก็จริง ทว่าใบหน้าที่มีหนวดเครา ทั้งริ้วรอยแผลที่ตกสะเก็ดหลายแห่งกลับไม่ได้ลดทอนความสง่างามของเขาลงแม้แต่น้อย ซึ่งเขาไม่ได้มีรูปร่างสูงใหญ่บึกบึนดั่งนักรบแกร่งกล้า หากพิศแล้วกลับเป็นดั่งทายาทมังกร ทั้งคมคายหล่อเหลาราวกับเทพเซียนลงมาจุติ “หญิงใบ้ เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่” เมิ่งถูถาม และอวิ๋นมู่หลันย่อมต้องแสร้งทำเป็นคนบ้าใบ้อย่างสมจริง มิเช่นนั้นอาจได้รับอันตราย เพราะยังไม่รู้จักตื้นลึกหนาบางของอีกฝ่าย ชายหนุ่มมองร่างอรชรที่เสื้อผ้าขาดวิ่นและมีแผลที่แขน หลังมือ รวมถึงหน้าแข้งข้างหนึ่ง แต่ส่วนที่เขากังวลเป็นพิเศษคือซีกหน้าด้านซ้ายมันคือโลหิตทมิฬ หากพิศให้ดีดูเหมือนมิได้ติดตัวนางมาตั้งแต่เกิด เมิ่งถูแน่ใจเช่นนั้นเพราะเขาอยู่กับตำราการแพทย์ฝึกวิชาต่าง ๆ ทั้งยังเป็นผู้เลี้ยงกู่หลายชนิดกระทั่งได้จินฉานตัวฉกาจมาอยู่ในมือ “พูดไม่ได้... และยังหูหนวกด้วยหรือ” เขาถามและก้าวมาใกล้นาง ยามนั้นเขาขยับริมฝีปากหยักสวย เกิดเสียงคล้ายการส่งสัญญาณพิเศษ เพียงไม่
กวนเฉินหลางได้รับข้อความจากนกพิราบสื่อสาร โจวจื่อเว่ยเขียนรายงานสิ่งต่าง ๆ เมื่อเขาไม่ได้อยู่ในค่ายทหาร ตอนนี้ถึงรองแม่ทัพเหนี่ยวพาคนของตนพร้อมเหล่าขุนนางทั้งอ๋องต่างสกุลเดินทางกลับเมืองหลวง แต่ยังมีเรื่องให้ต้องกังวลหลายอย่าง โดยเฉพาะข่าวที่ฮ่องเต้มีคำสั่งลับ ๆ ว่าจะปลดหรงถังหวู่ลงจากตำแหน่งรัชทายาท และเตรียมส่งเขามาเป็นผู้บัญชาการฝ่ายบุ๋น รั้งตำแหน่งดูแลหัวเมืองทางใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกวนเฉินหลาง จากนั้นฮ่องเต้วางแผนแต่งตั้งองค์ชายแปดหรงอวู่เยว่ขึ้นเป็นรัชทายาทแทน ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เมืองหลวงแบ่งฝักฝ่ายชัดเจน และคนที่มีกองกำลังเกือบสิบหมื่นชีวิตอย่างกวนเฉินหลางย่อมต้องถูกจับตามองว่าเขาจะให้การสนับสนุนผู้ใด และแน่นอนหลังจากถูกแย่งชิงคนรักเจียงเฟยไปแล้วกวนเฉินหลางยังจะมองหน้าหรงถังหวู่ได้อย่างสนิทใจหรือไม่! “ท่านแม่ทัพ สถานการณ์เช่นนี้ควรออกจากค่ายกลหรือทำลายมันทิ้งเสีย” ทหารฝีมือดีของกวนเฉินหลางกล่าวเช่นนั้นเพราะสามารถใช้ทางลับกลับคืนค่ายอินทรีทอง เพียงแต่อาจเป็นการเผยเบาะแสให้ฝ่ายของเมิ่งถูรู้ กวนเฉินหลางจึงตั้งใจใช้โอกาสนี้แก
สุสานราคะ หลังจากกินอาหารป่าเรียบร้อยโดยที่อวิ๋นมู่หลันไม่กล้าอิดออดจำต้องกลืนลงท้อง เพราะมิอย่างนั้นเมิ่งถูคงหาวิธีป้อนนางเป็นแน่ และสิ่งที่เขานำมาให้คือหนูป่าย่างไฟ แล้วก็เผือกเผา คนของเมิ่งถูสมแล้วที่ชำนาญเรื่องการเอาตัวรอด พวกเขาจัดการอาหารได้อย่างรวดเร็วทั้งยังมีรสชาติเฉพาะตัว เมื่อกินเรียบร้อยนางต้องติดตามเมิ่งถูอย่างเร่งรีบ เขาพานางไปหลายจุดซึ่งตีความจากกำไลสำริดที่นางสวมอยู่ “ค่ายกลนี้ หากพิจารณาอย่างถ่องแท้ถือกำเนิดจากดิน ก็เหมือนชีวิตของคน เมื่อสิ้นลมหายใจก็ต้องให้ดินกลบหน้า” อวิ๋นมู่หลันได้ยินแล้วนางก็ขยับริมฝีปากช้า ๆ ทุกการแสดงออกของนางล้วนเป็นที่จับตามองของเมิ่งถู “เจ้าเขียนได้หรือไม่” เมิ่งถูถาม และอวิ๋นมู่หลันมองหากิ่งไม้เพื่อจะเขียนบางสิ่งลงไปบนผืนดิน แต่ชายหนุ่มส่ายศีรษะ เขายื่นฝ่ามือไปเบื้องหน้าแสดงท่าทางให้นางใช้นิ้วเรียวสวยแทนพู่กันและฝ่ามือเขาเป็นกระดาษ หญิงใบ้หน้าแดงระเรื่อ นางจะทำเช่นนั้นได้เยี่ยงไร ชายหญิงใกล้ ชิดกันมิอาจถูกต้อง “เหตุใดถึงยังรั้งรอ”อวิ๋นมู่หลันหล
“พวกสุนัขต้าเหอยังอยู่ที่นี่ ฉะนั้นระวังให้มาก หากถูกจับตัวได้ รู้ใช่ไหมว่าต้องทำเยี่ยงไร” เมิ่งถูสั่งคนของเขา และผายมือบอกให้อวิ๋นมู่หลันเดินไปข้างในถ้ำดังกล่าว ซึ่งเขาก่อไฟให้ความอบอุ่น ทั้งยังมีเผือกมันเผาให้นางได้กิน ส่วนเสี่ยวเฮย ด้วยอายุเพียงสามเดือนเศษจึงอยู่ไม่นิ่งและมันยังเป็นนักล่าตัวฉกาจหาอาหารกินได้เอง “นั่น ดูเอาเถิด เด็กน้อยของเจ้านำสิ่งใดมา” ปากของเสี่ยวเฮยคาบกระต่ายตัวโตมาหนึ่งตัวแล้ววางลง พอ อวิ๋นมู่หลันตบพื้นที่รองด้วยผ้าและใบไม้สั่งให้มันนอน แต่ลูกสุนัขกลับเห่าโฮ่ง ๆ ก่อนผลุนผลันออกไปจากถ้ำอีกหน “รู้จักเอาใจเช่นนี้ คงหวังอยากได้ความรักสินะ” อวิ๋นมู่หลันยิ้ม ท่าทางนางเอ็นดูเสี่ยวเฮยและกิริยานางทำให้หัวใจเมิ่งถูอ่อนยวบ เขาไม่ได้มีใจให้สตรีนางใดนานแล้วเพราะทุกอย่างไม่อำนวย เขาเป็นองค์ชายไร้แผ่นดิน ชีวิตที่ผ่านมาตั้งมั่นจะกอบกู้บัลลังก์ของตนกลับคืน ดังนั้นเรื่องคนรักมันคือสิ่งที่เขาไม่เคยคิด กระทั่งได้พบ อวิ๋นมู่หลัน นางมิใช่โฉมงามล่มเมืองทั้งยังมีโลหิตทมิฬอัปลักษณ์ ทว่าเหตุใดเขาถึงทำตัวราวกับเด็กหนุ่มที่ริ
ในยามนั้นอวิ๋นมู่หลันไม่รู้ว่านางเอาแรงแค้นมาจากที่ใด ราวกับช่วงชีวิตที่ถูกหลอกขึ้นรถม้าร่วมเดินทางในขบวนเจ้าสาวคือหายนะครั้งใหญ่ที่มีกวนเฉินหลางเป็นต้นเหตุ นางจึงไม่คิดออมมือส่งแรงตบหน้าเขาอีกฉาดใหญ่ คราวนี้ดวงตาของชายหนุ่มส่งกระแสดุดันถึงนาง ไอสังหารทาบทับเรือนร่างอวิ๋นมู่หลันจนอดอกสั่นขวัญแขวนมิได้ บุรุษที่เป็นเสมือนขุนเขาใหญ่ ทั้งยังมีฐานะทรงเกียรติและใต้ฝ่าเท้าคือทหารหลายสิบพันชีวิตถึงกับหนวดกระตุก และหางคิ้วสั่นอยู่หลายหน เขาถูกหญิงใบ้ตบ และนางยังกล้ากระทำการล่วงเกินนี้ถึงสองครั้งติด ๆ กัน ในห้วงเวลาตึงเครียด กวนเฉินหลางปรับสมดุลในร่างกาย ใช่... เขาเดือดพล่านทั้งใจ และหากยั้งอารมณ์ไม่ได้ ลำคอระหงขาวผ่องคงหักคามือเขาเป็นแน่ ด้วยเกิดความเงียบจนคล้ายจะได้ยินเสียงหัวใจอีกฝ่าย อวิ๋นมู่ หลันจึงสื่อสารกับเขาด้วยมือและการขยับริมฝีปาก ‘เป็นท่านที่สร้างความอัปยศต่อข้า... บุรุษเช่นแม่ทัพกวนสมควรให้ผู้คนสาปแช่ง!’ กวนเฉินหลางหัวเราะหึ ๆ เขาไม่ได้ยินสตรีนางใดที่กล้าตัดพ้อตนเช่นนั้นมานาน ไม่ใช่เพียงตัดพ้อ ห
“สตรีเช่นนางจะชอบปิ่นไม้แสนธรรมดาหรือไม่” เขาเอ่ยขึ้นและคนของชายหนุ่มล้วนต่างอมยิ้ม “องค์ชาย หากเป็นสตรีคนอื่นย่อมต้องสนใจ ไข่มุก หยก หรือเครื่องทอง แต่ปิ่นไม้นี้สำหรับหญิงใบ้ ข้าคิดว่าเหมาะสมกับนาง” “ฮึ ๆ เจ้ากำลังด้อยค่านางหรือ” เมิ่งถูถลึงตาใส่คนสนิทของตน “มิได้องค์ชาย ข้าเพียงแต่คิดว่านางคือสตรีที่จะส่งเสริมของไร้ค่าให้มีราคาเสียยิ่งกว่าเครื่องประดับใด ๆ ของฮองเฮาต้าเหอเสียด้วยซ้ำ” “ฮ่า ๆ ๆ เจ้าเอ่ยเหมือนรู้จักนาง” เมิ่งถูว่าอย่างอารมณ์ดี “ข้าเพียงแต่มองเห็นความสุขขององค์ชาย หลายปีที่ผ่านมาน้อยนักที่จะพบรอยยิ้มและแววตาอ่อนโยนเช่นนี้” คนสนิทของเขาเอ่ย “ฮึ กล่าวเหลวไหลอันใด พวกเจ้าทั้งหมดยังเคารพข้าหรือไม่” องค์ชายหนุ่มแกล้งทำเสียงขึงขัง แต่ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มราวกับหนุ่มน้อยที่ตกอยู่ในห้วงรัก “ข้าจะทำปิ่นไม้ให้มู่หลัน... และหวังว่านางจะรับมันไว้ด้วยความเต็มใจ” เมิ่งถูเอ่ยจบจึงตัดเอากิ่งไม้ยาวราว ๆ ครึ่งศอกใส่ไว้ในอกเสื้อตน ยามนั้นหัวใจเมิ่งถูเต้นไหว
ไร้ทางเลือก เวลาในคืนนั้นยาวนานอยู่สักหน่อย และหญิงใบ้ไม่อาจข่มตาหลับ นางพลิกตัวไปมาพลางคอยมองไปรอบ ๆ ตัว ภายในถ้ำที่นางนอนอยู่กับสตรีอีกสองคน ส่วนเมิ่งถูแยกไปนอนที่อื่น กระทั่งเช้ามืด อวิ๋นมู่หลันรีบลุกขึ้น นางบอกคนของเมิ่งถูว่าจะช่วยทำอาหาร ด้วยมีทั้งกระต่ายที่เสี่ยวเฮยคาบมาให้ หน่อไม้กับมันสีม่วงรสหวานและหอม นอกจากนั้นนางยังได้นางฟ้าเต้าหู้ (ใบเฉาก๊วยเขียว/ของไทยคล้ายใบหมาน้อยนำมาทำวุ้นเขียว) มาจำนวนหนึ่งด้วย จึงตั้งใจทำเป็นอาหารรสชาติจัดจ้าน เปรี้ยว เผ็ด เพราะคนของเมิ่งถูเก็บพริกป่า มะเขือสด ทั้งยังมีผลไม้เปรี้ยวกับองุ่นมาเพิ่ม อวิ๋นมู่หลันปรุงอาหารง่าย ๆ คือผัดกระต่ายกับสมุนไพรที่หาได้ในป่า ส่วนมันม่วงนางเผาไฟจนสุกกำลังดี ทว่ามีสิ่งที่นางคิดจะใส่ในอาหารที่ทำขึ้นนั่นก็คือเห็ดเหลือง และอีกอย่างที่นางพบเมื่อตอนเดินไปล้างหน้า มันคือยอดอ่อนของใบชา ซึ่งอยากชงให้พวกเขาได้กินด้วยสองสิ่งนี้เมื่อรวมกันจะช่วยขับพิษได้ ขณะที่กำลังเพลินใจในการทำอาหารนางก็ย้อนนึกถึงคำพูดของกวนเฉินหลาง “หญิงใบ้... หัวใจของเจ้า
หลังม่านน้ำตก! ปิ่นไม้สีดำที่แกะเป็นรูปดอกมู่หลันปักอยู่ที่ผมอวิ๋นมู่หลัน ด้วยไม่มีกระจกทองเหลืองนางจึงไม่รู้ว่าเหมาะกับตนเองหรือไม่ ทว่าจากสายตาของเมิ่งถู นางคาดเดาได้ว่าสตรีที่มีโลหิตทมิฬคงเป็นที่พึงใจแก่เขาอยู่บ้าง “เมื่อเป็นมิตรสหายผู้หนึ่ง... คงไม่รังเกียจที่จะรับปิ่นไม้นี้ไว้” อวิ๋นมู่หลันส่ายหน้าช้า ๆ น้ำตาเหมือนจะไหลคลอหน่วยอีกหน ‘มิได้ ข้าเพียงแต่ ระลึกถึงความหลัง ยามอยู่กับบิดาและพี่ใหญ่ พวกเขาดีต่อข้ายิ่งนัก’ “มู่หลัน เจ้านับว่าโชคดีที่ยังมีคนรออยู่ จงอย่าทำให้ใครผิดหวัง ครอบครัวสำคัญเหนือสิ่งใด” เมิ่งถูเอ่ยจบเขาก็โน้มตัวมาใกล้ ๆ หญิงใบ้ เป็นตอนนั้นที่นางกับเขาต่างได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน ด้วยมีแรงปรารถนามากล้น และเขาคิดว่าหากไม่กระทำตอนนี้ เมิ่งถูไม่อาจรู้ได้ว่าภายภาคหน้าเขาจะมีโอกาสหรือไม่ ริมฝีปากหยักสวยจุมพิตที่หน้าผากของนาง ทั้งอ่อนหวานและมากด้วยความห่วงใยล้ำลึก ‘อ๊ะ... องค์ชาย... ทะ… ท่าน’ “ข้าย่อมรู้ ชายหญิงมิควรใกล้ชิด แต่เราเป็นสหายกัน ไยต้องใส่
“กินสิ มีวิธีกินตั้งหลายอย่างที่จะทำให้อาหลัน สนุกไปด้วย” แก้มนวลใสของนางแต้มสีแดงระเรื่อ พอเขาจูบแรง ๆ ที่ซอกคอ อวิ๋นมู่หลันก็เผลอส่งเสียงคราวหวานล้ำ “ท่านพี่... อายไป๋อิงบ้าง” อวิ๋นมู่หลันเอ่ยไม่ทันจบดี เสี่ยวเฮยก็โผล่เข้ามาก่อกวนอีกตัว ชายหนุ่มหัวเราะเสียงทุ้ม เขาชอบใจทั้งยังเป็นสุข ชีวิตเช่นนี้คือสิ่งที่ตามหามานาน ภาพในวัยเด็กย้อนกลับคืนให้เห็น เขาชอบธรรมชาติ เลี้ยงสุนัขหลายตัวและสนุกกับการวาดรูปเขียนกลอน “เสี่ยวเฮยคงอิจฉาข้าที่จะทำให้อาหลันมีทายาท เป็นเจ้าก้อนแป้งขาว ๆ อวบ ๆ แสนน่ารักก่อนมัน” “มิได้ สตรีย่อมตั้งครรภ์แปดถึงเก้าเดือน” “นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม หากเราเริ่มจากวันนี้ ปลายปี ข้าก็จะได้อุ้มลูกชายที่ทั้งกล้าหาญและเฉลียวฉลาด” “หากเป็นเด็กผู้หญิงเล่า ท่านพี่จะพึงใจหรือไม่” “ไม่ว่าชายหรือหญิง ขอให้เกิดจากสตรีที่ชื่ออวิ๋นมู่หลัน นับว่าเป็นสิ่งที่ฟ้าประทานมาให้แก่สกุลกวน” เมื่อเขาบอกด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขนางยิ่งขวยเขินกว่าเดิม “เอ เมื่อครู่อาหลันบอกว่า กินอ
บุรุษย่อมไม่เขินอายสตรี เรือนหลังเล็กนั้นมีกลิ่นอับอยู่สักหน่อย และร่างสตรีนั่งอยู่ข้างเสามีบาดแผลหลายแห่ง กระนั้นก็เริ่มตกสะเก็ด ทั้งได้รับการรักษาที่ดี ทั้งหมดเกิดขึ้นจากการที่นางหลบหนีบุรุษร้ายกาจหลวนคุน ก่อนที่โชคชะตาจะพลิกผันเมื่อมีคนผู้หนึ่งยื่นมือเข้าช่วยไว้ อวิ๋นหยวนม่านกรีดร้องราวกับคนเสียสติ ด้วยยังไม่หายตื่นตกใจเมื่อมีคนก้าวมายืนตรงหน้า แต่น้ำเสียงอีกฝ่ายทั้งการที่เขาให้คนดูแลนางอย่างดีเป็นสิ่งที่ทำให้นางรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไป “หึ ๆ ๆ แต่เจ้าไม่ใช่นาง ไม่มีความคล้ายคลึงสักนิด!” เขาเอ่ยแล้วจึงสั่งให้คนดูแลอวิ๋นหยวนม่าน ซึ่งเป็นหมอที่ท่าทางแปลก ๆ ใส่ยาบนแผลนาง และสั่งสตรีอีกสองคนที่มือหนักทั้งหยาบกร้านช่วยเช็ดเนื้อตัว “ช่วยข้าไว้ด้วยเหตุใด” นางเอ่ยถามคนพวกนั้น สายตาจ้องบุรุษที่โดดเด่นท่ามกลางคนแปลกหน้า “เจ้าไม่สมควรตายด้วยน้ำมือผู้อื่น ชีวิตนี้จงอยู่เพื่อทดแทนบุญคุณที่มู่หลัน... ไม่ใช่สิ หลันเอ๋อร์ที่ดีต่อเจ้าเถิด” “รู้จักน้องหกด้วยหรือ และท่าทางเจ้าเหมือนคนต่างแคว้น ท
กวนเฉินหลางได้รับขนมแป้งนุ่มที่ผสมฟักทอง ส่วนไส้ข้างในเป็นถั่วเหลืองกับหัวผักกาด รสชาติกลมกล่อมหอมกลิ่นน้ำมันงาทั้งยังทำให้เขานึกถึงความหลัง “ไม่ใช่ของอาหลันหรอกรึ แล้วเหตุใดรสชาติถึงคุ้นลิ้นนัก” ชายหนุ่มถามคนที่นำเข้ามาซึ่งก็คือหลิวอู้ อีกฝ่ายมีสีหน้ายุ่งยากใจ เขารอหลานชายนำของมาจากเรือนใต้เท้าโจว ทว่าวันนี้ไม่ทราบว่าเหตุใดถึงล่าช้า และจู่ ๆ มีพ่อบ้านผู้หนึ่งมาแจ้งเขา พร้อมของฝากพิเศษมอบให้กวนเฉินหลาง คราแรกเขาไม่คิดจะนำมาให้แม่ทัพหนุ่ม กวนเฉินหลางไม่ชอบรับสิ่งของใดจากผู้อื่นตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาห่วงเรื่องนี้จะนำพาความยุ่งยากมาให้ แต่เมื่อรู้ว่าคนที่ส่งมาจากสกุลเตียว ตัวหลิวอู้ก็เคยรับใช้ที่นั่นมาก่อนเขาจึงจำใจนำอาหารมาให้ผู้เป็นนาย “มิได้ขอรับท่านแม่ทัพ เป็นสิ่งที่สกุลเตียวฝากมา” สีหน้ากวนเฉินหลางเครียดขรึม ก่อนถามด้วยเสียงที่เข้มกว่าปกติ “เจ้ามีหน้าที่เป็นธุระให้ผู้อื่นตั้งแต่เมื่อใด” ยังไม่ทันที่กวนเฉินหลางจะได้ดุหลิวอู้เสียงฝีเท้าโจวจื่อเว่ยซึ่งแจ้งให้คนได้ยินรู้ว่าเขากำลังร้อนใจก็ดังขึ้น พร้อมการปร
หนึ่งนางเสือ หนึ่งหงส์งาม อวิ๋นมู่หลันไม่ได้ไปส่งพี่รองขึ้นเกี้ยว นางให้สาวใช้มอบของบางสิ่งแก่อีกฝ่าย เป็นเครื่องประดับ ผ้าแพร ขนมมงคล จากนั้นก็มีสิ่งที่ต้องการซื้อหาในตลาด ทั้งยังอยากเปิดหูเปิดตา เนื่องจากช่วงเวลานี้มีเรือสินค้าเข้ามาเทียบท่า “แม่นางหลัน จะขนทั้งหมดนี้กลับเรือนเลยหรือขอรับ” หญิงสาวยิ้มก่อนส่ายหน้าช้า ๆ นางมีเงินและตั๋วแลกเงินที่กวนเฉินหลางมอบไว้ให้ รวมถึงสองวันก่อนโจวจื่อเว่ยบอกว่า ในฐานะน้อง สาวบุญธรรมนางย่อมต้องมีกินมีใช้อย่างสมฐานะ ดังนั้นเขาจึงมอบหลายสิ่งแก่นาง โดยเฉพาะตำลึงเงินและทองแท่ง ซึ่งออกจะมากเกินไป ดังนั้นนางจึงอยากแบ่งปันผู้อื่น หลังจากได้ยินพ่อบ้านเอ่ยถึง เด็ก ๆ ที่ยากไร้ และคนที่อยู่ด้านนอกกำแพงเมืองที่อพยพมาจากอำเภออื่น ช่วงนี้มีปัญหาภัยน้ำป่าไหลเข้าสู่เมืองเนื่องจากเขื่อนแตก และยังถูกซ้ำเติมด้วยโจรป่า “ข้าเพียงแค่อยากแจกจ่ายของให้ชาวบ้าน พวกเขาคงคลายหนาวและอิ่มท้องขึ้นกว่าเดิม” “แม่นางหลันหมายถึงเสื้อผ้าแล้วก็อาหารแห้งพวกนี้” “ถูกต้อง แบ่งให้ทุกคนได้กินและสวมใส่ ข้าช่วยได้ไม่มาก ท
ส่งตัวไปบ้านบรรพบุรุษ กวนเฉินหลางเอ่ยถามแล้วแต่นางแสร้งถลึงตาโต ๆ ใส่เขา ขำอยู่หรอก และหญิงสาวรู้สึกซ่านใจมิน้อย ด้วยกวนเฉินหลางเป็นบุรุษที่ทำให้ว้าวุ่นใจได้ตลอดเวลา “สำหรับแม่ทัพกวน คงมีสตรีหลายคนที่อยากทำหน้าที่นั้นมิขาด” อวิ๋นมู่หลันไม่ได้อยากเป็นสตรีงี่เง่าคอยหาเรื่องทะเลาะคนรัก แต่จะมีผู้หญิงสักกี่คนเมื่อรู้ว่าชายที่ตนมอบใจให้กำลังจะแต่งงาน นอกเหนือจากนั้นดวงใจเขายังเคยมีหญิงสาวที่แสนเพียบพร้อม และเขารักปักใจนางมาเนิ่นนาน สตรีที่เป็นถึงพระชายาเอกรัชทายาท ซึ่งยามนี้ฝ่ายนั้นได้ทะลายกรงทองแล้วหลบหนีออกจากเมืองหลวงเพื่อมาหากวนเฉินหลาง! “เหลวไหล ข้ามีแต่อาหลันในใจเท่านั้น” คำพูดเขาสร้างความมั่นใจแก่นาง ว่ากวนเฉินหลางต้องการให้นางเป็นสตรีของเขาจริง ๆ กระนั้นนางยังอดระแวงและสงสัยใคร่รู้ไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องเจียงเฟย ด้วยอวิ๋นมู่หลันพอจะมีหูมีตาคอยรายงานเรื่องต่าง ๆ ซึ่งมั่นใจว่าเจียงเฟยกำลังหาทางเรียกร้องความสนใจจากแม่ทัพหนุ่ม “พรุ่งนี้ท่านต้องแต่งอนุเข้าเรือน” “เจ้าสมควรกล่าวให้ถูก แต่งนางตามคำสั่งรัชทายาทและหยวนม่านจะถูกส่งต
ลูกหมา ลูกข้า และลูกของเรา หญิงสาวอารมณ์ดีจนนางยังประหลาดใจ ถึงพรุ่งนี้กวนเฉินหลางจะแต่งอนุเข้าเรือนนอก และอีกฝ่ายยังเป็นพี่สาวนาง แต่พอรับรู้เรื่องเสี่ยวเฮยอวิ๋นมู่หลันกลับเลิกสนใจการขึ้นเกี้ยวของอวิ๋นหยวนม่านไปเสียนี่ ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลทำให้คนที่กำลังจะได้เป็นเจ้าบ่าวเครียดจัดจนนั่งไม่ติด กวนเฉินหลางร้อนใจ ยิ่งเห็นนางยิ้มและมองเขาราวกับไม่เห็นว่ามีตัวตน หัวใจบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ก็เหมือนถูกเหล็กร้อน ๆ นาบเข้าใส่จนทุกข์ทรมาน “อาหลันไม่สนใจข้าแล้วหรืออย่างไร” กวนเฉินหลางพยายามระงับความฉุนเฉียว เขาเก็บอารมณ์ก็แล้ว แต่ใบหน้ากลับถมึงทึง ดวงตาข้างที่มีพิษโลหิตทมิฬคล้ายจะกำเริบขึ้น ผมสีขาวส่งไอเย็นจัดแผ่ขยาย ยามนี้คำว่าปีศาจกวนยังคงน้อยไปหากใช้ขนานนามเขา ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปยังเรือนโจวจื่อเว่ย พอกุนซือหนุ่มเห็นเขาก็พยายามเรียกหาพ่อบ้านและคนของตนมาอยู่ใกล้ ๆ ที่เป็นเช่นนั้นด้วยกลัวจะถูกกวนเฉินหลางหาเรื่องระบายอารมณ์ใส่นั่นเอง “เหตุใดนางถึงเย็นชาต่อข้า!” กวนเฉินหลางถามเสียงเข้ม ก่อนจ้องไปยังคนที่อยู่ในห้องนั้น แสดงออกว่าต้องการคาดคั้นให้ผ
ใบหน้าอวิ๋นมู่หลันบึ้งตึง นางกำลังสับสนมิน้อย ตนกำลังขุ่นใจต่อพฤติกรรมเสี่ยวเฮยหรือว่าเป็นกวนเฉินหลางกันแน่! “แต่มันจะเป็นได้เช่นไร เสี่ยวเฮยยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ จะข่มหมาตัวเมียเป็นแล้วหรือ” อวิ๋นมู่หลันเลี้ยงเสี่ยวเฮยมาพักใหญ่ ดูอย่างไรมันก็ซุกซนเฉกเช่นเด็กเล็ก ๆ แต่นั่นแหละ นางอยู่กับเสี่ยวเฮยทุกวัน อาจไม่ทันสังเกตว่ามันตัวโตเกินวัย ตอนนี้หากเทียบอายุคนคงเท่ากับเด็กผู้ชายวัยสิบสี่สิบห้าปี “แม่นางหลัน เสี่ยวเฮยของท่านเป็นหนุ่มแล้วจริง ๆ ตอนนี้น้ำหนักเท่ากับสตรีผู้หนึ่ง ความสูงมากกว่าสามฉื่อ* (1 ฉื่อ* ประมาณ 22.7-23.1 เซนติเมตร)ภายหน้าหากโตเต็มวัย เกรงว่าคงมีตัวเท่า ๆ กับลูกม้าโลหิต และข้าอาจสู้แรงไม่ไหวด้วยซ้ำ” หลิวตงอธิบายให้นางฟัง หน้าที่ตอนนี้ของเขาคือเลี้ยงเสี่ยวเฮยให้ดี พร้อมฝึกให้เป็นสุนัขที่ฉลาดรอบรู้ในการป้องกันภัย ซึ่งเป็นคำสั่งกวนเฉินหลาง อวิ๋นมู่หลันคิดภาพตาม อย่างไรนางแค่ต้องการเลี้ยงแค่สุนัข มิใช่อยากให้เสี่ยวเฮยเป็นนักล่าหรือใช้เพื่อการศึก นางรู้ว่ากวนเฉินหลางมีหน่วยพิเศษฝึกสุนัขไว้เป็นหน่วยลอบโจมตีศัตรู ซึ่งสุนัขเหล่าน
เสี่ยวเฮยเกี้ยวรัก เย็นวันนี้โจวจื่อเว่ยไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาเป็นหนุ่มทั้งแท่งย่อมมีอารมณ์พิศวาสต่อสตรีอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าภาพที่เห็นอย่างไม่ได้ตั้งใจในห้องอาบน้ำ แทนที่จะชวนให้รู้สึกหวามไหวและขาที่สามพองขยาย เขากลับต้องรีบเบือนหน้าหนี เตรียมหุนหันหลบออกไปเพื่อไม่ให้ตนตกอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัด เรื่องที่เกิดขึ้นนี้สาเหตุมาจากสตรีนางนั้นกำลังแช่ร่างอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของเขาอย่างสำราญใจ “อุ๊ย นะ… นั่น ทะ… ท่านกลับมาแล้วหรือ?” “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร!” “โอ้ อ๊ะ ใต้เท้าโจว... ขะ… ข้า ไม่ได้ตั้งใจ” “แต่เจ้าเปลื้องอาภรณ์ อยากให้ข้าต้องเป็นบุรุษไร้ยางอายหรืออย่างไร!” “มิได้ ข้าเพียงแต่เหนียวตัว ที่เรือนของข้าบังเอิญเหลือเกินที่อ่างไม้แตกและยังประตูพัง ข้ามิอาจเปิดเผยเนื้อตัวให้ผู้อื่นเห็น ข้าถามสาวใช้แล้ว นางบอกว่าท่านไปทำงานนอกเมืองอีกสองวันถึงจะกลับ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่” ถึงนางยกเหตุผลมาอ้าง แต่สมควรแล้วหรือที่ต้องมาใช้ถังไม้ร่วม กับเขา ซึ่งหากเขาเหี้ยมโหดและใจคออำมหิตสักหน่อย อวิ
อวิ๋นมูหลันก้าวมาอยู่ที่สวนหิน ใจนั้นเต้นแรงไม่หยุด ก่อนหน้าไม่ได้คิดทำตัวร้ายกาจต่อพี่สาว ทว่าธาตุแท้อีกฝ่ายแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าเป็นภัยใหญ่หลวงต่อชีวิตนาง หากนางยังอ่อนแอคิดเมตตาศัตรูอยู่ร่ำไป อวิ๋นมู่หลันคงไม่อาจรับมือผู้ประสงค์ร้ายต่อตนได้ การเป็นสตรีข้างกายกวนเฉินหลางมิใช่เรื่องง่าย หากอยากมีชีวิตรอด ย่อมต้องมีจิตใจเด็ดเดี่ยว ถึงขั้นอำมหิตในบางครั้ง เมื่อใคร่ครวญให้ดีอวิ๋นมู่หลันจึงแจ้งใจว่า แม้อีกฝ่ายมีสายเลือดเดียวกัน ทว่าอวิ๋นหยวนม่านไม่เคยเห็นน้องสาวคนนี้อยู่ในสายตา น้องหกผู้เร่ร่อนมาอาศัยจวนเจ้าเมืองเช่นนาง เป็นเพียงเบี้ยล่างหรือสิ่งของที่ อวิ๋นหยวนม่านไม่เคยต้องการ และคิดหาทางทำลายทิ้งตลอดมา นิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นสั่งสมความริษยาเอาไว้ในอกย่อมมาจากอนุฉุยสตรีที่มาจากสกุลใหญ่ “เจ้าอย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีกว่าข้ามู่หลัน เจ้าเป็นได้แค่ลูกของนักแสดงละครเร่ข้างถนน มีเลือดของบิดาอยู่ในตัวหรือเปล่ายังไม่แน่ชัด อย่าคิดเทียบชั้นข้าเลย” “ตะ… แต่ ข้าเป็นลูกท่านพ่อ!” “ฮึ เจ้าเอาสิ่งใดมาอ้าง แค่จดหมายและตราประ