"บางทีข้าอาจไม่เลือกใครข้าเพิ่งจะรู้ก็วันนี้เองว่าการที่ข้าผอมลงมันทำให้ลำบากใจ""แล้วไม่ดีหรือเจ้าคะคุณหนูที่มีคนมาชอบคุณหนูแต่ละคนล้วน หล่อเหลา"จิงเชียวบิดมือไปมาแต่คราวนี้ ไม่มีไขมันกระเพื่อมไม่มี คางสามชั้นทว่าน่ารักน่ามอง"ดีสิ ก็มันคือความใฝ่ฝันของข้าที่เดียว เมื่อก่อนข้าข้าไม่คิดไม่กล้าจะพูดไป แต่หวังว่าสักวันข้าจะมีความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกเหมือนอย่างที่ข้าเคยสงสัยว่าน้องรอง จะอึดอัดเพียงใดหากต้องเลือกใครสักคนและน้องรองจะวางตัวเช่นไร หากมีใครหลายคนมาชอบเราพร้อมๆกัน"อี้เหลียวอมยิ้ม"แล้วคุณหนูวางตัวเช่นไรเจ้าคะ"จิงเชียวดวงตาเป็นประกาย"ข้าไม่ใช่หญิงงามที่เพียบพร้อมจนต้องวางตัวราวกับฮองเฮาสงวนท่าทีอย่างที่น้องรองทำหากแต่เป็นจิงเชียวผู้ที่อยากจะได้โอกาสนี้มานานแล้ว"จวนอ๋องจิงชินสวมใส่อาภรณ์บางเบา แต่ไม่ดึงสายรัดเอวให้แน่นถึงกระนั้นก็ยังมองเห็นว่าทรวดทรงองค์เอว ราวกับเทพปั้น"ท่านอ๋อง"เดินเข้ามาสวมกอดฟู่ฉวีช่ายจากด้านหลังซบหน้าลงบนแผ่นหลังอบอุ่นนั้น ในใจอยากจะอยู่แบบนี้ไปนานชั่วนานอยากจะแนบชิดฟู่อ๋องตลอดไปคราวนี้เองที่จิงชินเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าความรู้สึกที่มีต่ออู้ตี้คือควา
“เจ้างูตัวนั้น อยู่ไหนกัน” ฟู่อ๋องก้มมองลอดไปใต้แท่นนอน“เจ้าโง่จ้างก็หาข้าไม่พบ”กัวหลงหลงใช้มนตร์บังตาให้ตัวเขากลายเป็นขาแท่นนอน“ข้ายินดีทำทุกอย่างเพื่อจิงเชียว นางจะต้องไม่เจ็บปวดอีกต่อไป”“ท่านอ๋องจิงชินกลัว กลัวเหลือเกิน” กอดเอวหนาไว้แน่นกัวหลงหลงเบ้ปาก“เจ้าน่ากลัวกว่า งูน่ารักอย่างข้าเป็นไหนๆ”ส่ายหน้าไปมาก่อนจะเลื้อยเข้าใส่ฟู่อ๋องที่หงายหลังลงกับพื้นด้วยไม่ทันตั้งตัว“ท่านอ๋องมันไปแล้วเจ้างูนั่นหนีไปแล้ว”ฟู่อ๋องลุกขึ้นวิ่งตามกัวหลงหลงออกจากห้องไปแผนการของกัวหลงหลงนับว่าได้ผลอย่างน้อยก็ไม่มีใครได้กินเต้าหู้ของใคร“ข้าจะตามจับมันมาให้ได้ วันนี้ทำไมงูถึงได้เพ่นพ่านเสียจริง” ฟู่อ๋องบ่นเบาๆ คว้ากระบี่ตามกัวหลงหลงไปทันทีตำหนักใหญ่ฮ่องเต้“ฝ่าบาทอากาศเย็นยิ่งนักเหตุใดจึงออกมาตากลม” หยางอู้หลงฮ่องเต้ยกมือขึ้นกอดอก ขันทีนำเสื้อคลุมมาสวมให้“กงกงท่านว่าฟู่ฉวีช่ายอ๋อง เหมาะที่จะนำคนหรือไม่” ขันทีชราประสานมือยิ้มน้อยๆ“พ่ะย่ะค่ะ แต่ข้าน้อยก็ไม่อาจพูดมากไปกว่านี้ได้ในเมื่อในพระทัยของฝ่าบาทล้วนรู้ดีกว่าใคร”“ฟู่ฉวีช่ายข้าเลี้ยงดูมาก่อนที่จะมี อู้ตี้ เขาเป็นลูกของสนมเสด็จพ่อที่อาภัพ แต
“เขาไปไหนของเขากันนะ”จิงเชียวเดินรอบๆ ห้องพักลู่เย่วประสานมือตรงหน้า“คุณหนู เออองค์ เอ่อคุณชายออกไปตั้งแต่เมื่อคืนป่านนี้ยังไม่กลับมา”สีหน้าเป็นกังวลไม่น้อย“แล้วทำไมท่านไม่ติดตามท่านอาจารย์ไปเล่า”จิงเชียวพูดตามความจริง“เอ่อคุณชายไม่ให้ลู่เยว่ตามไป”จิงเชียวถอนหายใจ“พวกท่านทั้งสองคนมีอะไรที่จะบอกข้าไหม เรื่องราวที่ผ่านมายังไม่ได้รับความกระจ่าง”ลู่เย่วรีบหลบตา“บอกมาอย่าปิดบังข้า”ลู่เยว่ ก้มหน้านิ่งกำลังจะหาทางออกว่าควรจะแก้ตัวว่าอย่างไรไม่ได้ซักซ้อมไว้กับกัวหลงหลง“คุณหนูอิงเอ่อร์ที่เป็นแขกของบ้านฉิน มีน้ำใจยิ่งนักยกอาหารเช้าให้กับแขกของบ้านฉิน”ร่างสูงชะลูดของฟู่อ๋องเอามือไพล่หลังเดินมาจากด้านหน้าบ้านฉิน“ขอบคุณท่านอ๋องที่เอ่ยชม ความจริงจิง..อิงเอ่อร์ก็ดีกับทุกคนไม่เว้นใครท่านอ๋องลองมาเป็นแขกที่บ้านฉินดูจะดีไหม”ยิ้มสดใสแววตาใสซื่อฟู่อ๋องถอนหายใจยาว“ข้ามาส่งข่าวเรื่องหลานของฮูหยินฉินกงฉือ ที่บัดนี้พักรักษาตัวที่วังหลวงด้วยอาการบาดเจ็บ”จิงเชียวหน้าซีดเผือดยกมือขึ้นกุมที่อก“อะอะอุ๊ป”ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ฟู่อ๋องสังเกตท่าทีตื่นตกใจนั้นตลอดเวลา“อี้เหลียว ข้าจะเข้าวังหลวงเดี๋ยวนี้
“แต่นี่ข้าทำให้ท่านกงฉือโดยเฉพาะ ท่านอ๋องไม่ควรจะกินมันในเมื่อท่านกงฉือเองก็บาดเจ็บและไม่มีโอกาสได้กิน” ฟู่อ๋องยิ้มเศร้าๆ“อิจฉาจริง กงฉือผู้นั้น มาไม่ทันไรใครต่อใครต่างรุมเอาใจเขาแม้กระทั่งฝ่าบาทที่วิ่งวุ่นหาหมอหายา แล้วยังบัญชาให้ข้าคอยดูแลเขา ไหนจะคุณหนูอิงเอ่อร์ที่ใส่ใจแม้กระทั่งอาหารการกิน”จิงเชียวยิ้มแห้งๆ เหมือนจะนึกขึ้นได้“เอาแบบนี้ดีไหมข้าไปทำอาหารง่ายๆ ให้ท่านอ๋องสักสองสามอย่าง ท่านอ๋องชอบกินอะไรเป็นพิเศษ”จิงเชียวก็คือจิงเชียวนางไม่เคยโกรธใครนางไม่เคยไม่ดีกับใคร“ข้าครั้งหนึ่งเคยทำ กุ้งผัดซอสเฉฉวนให้คนที่ข้าคิดว่านางคือหญิงหนึ่งในใจ นางกินมันด้วยความเอร็ดอร่อย และตั้งแต่นั้นมาเมื่อพบกันในทุกๆ ครั้งนางมักจะให้ข้าทำกุ้งผัดซอสเฉฉวนให้เป็นประจำและนางจะชวนข้ากินทุกครั้งนางบอกว่ามันรสดีที่สุดแต่ข้ามักจะโกหกนางว่า ข้าไม่ชอบกินกุ้งทั้งๆ…ที่ ข้าไม่อยากจะแย่งนางเห็นนางกินก็มีความสุขแล้วได้นั่งมองนางกินของที่ข้าตั้งใจทำให้ก็มีความสุขแล้ว จนกระทั่งข้าต้องไปรบสามปีจึงไม่เคยได้นั่งมองนางกินกุ้งผัดซอสเฉฉวนฝีมือข้าอีกเลย”จิงเชียวน้ำตารื้นขอบตา ก็เรื่องที่ฟู่อ๋องพูดมาเป็นเรื่องราวระหว่างฟ
ลู่เยว่ยืนรีรอหน้าห้องพักของจิงเชียว“คุณหนูขอรับ”จิงเชียวยิ้ม สาวเท้ามาหยุดตรงหน้าลู่เยว่ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าดีใจอย่างที่สุด“อาจารย์เป็นอย่างไรบ้าง”ลู่เยว่เพียงแค่ยิ้ม กัวหลงหลงเป็นจิ้งจอกเก้าหางที่บำเพ็ญเพียรและมีคุณธรรมมาตลอด การบำเพ็ญเพียงสู่จุดสูงสุดแล้ว อาวุธไม่อาจทำร้ายได้ จึงไม่มีอะไรน่าห่วง เขาไปถึงกัวหลงหลงก็ฟื้นจากอาการบาดเจ็บแล้วที่ที่สำคัญนั้นเป็นเพราะฝ่าบาทที่ให้คนคอยดูแลจนกัวหลงหลงไม่อาจขยับตัวและหนีออกจากวังหลวงมาได้สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือ อยู่เฉยๆเสียในวังหลวงมีม่านอาคมที่ไม่อาจแปลงกายได้ตามใจ อีกทั้งป้ายหยกที่ฝ่าบาทแขวนไว้ยังทำให้กัวหลงหลงอ่อนแรง“คุณชายเอ่อท่านอาจารย์ของคุณหนูปลอดภัยแล้ว บอกให้ลู่เยว่ส่งข่าวคุณหนู ว่าอีกไม่นานจะหาทางออกมาพบคุณหนูไม่ให้เป็นห่วง”“เฮ้อ โล่งใจที่สุด ดีจังอาจารย์ปลอดภัยแล้วพรุ่งนี้ข้าจะต้องเข้าวังก็คงได้พบกันที่นั่น ลู่เย่วแจ้งข่าวบอกท่านแม่เสียจะได้ไม่สงสัยว่าอาจารย์หายไปไหน”“ลู่เยว่กับอาจารย์ปรึกษากันแล้ว ตอนนี้ฝ่าบาททรงห่วงใยคุณชายกัวมากจึงไม่ให้ไปไหน บางทีคุณหนูควรจะพูดกับท่านแม่คุณหนูแทนคุณชาย"จิงเชียวยิ้มเจื่อนๆ ก็ฟู่อ๋อ
กัวหลงหลงพยักหน้าขึ้นลงยิ้มมุมปาก"ท่านยินดี ช่วยไท่จือหรือไม่”“จะให้ข้าช่วยอย่างไร”กัวหลงหลงแสร้งโง่“ท่านก็แค่พูดเหมือนที่ข้าสงสัย และช่วยชี้ให้เห็นว่าจะมีกี่คนกันที่เข้ามาพอดีกับที่ฝ่าบาทกำลังถูกลอบสังหาร”“ได้ๆๆๆ แต่ข้าหวังว่าสิ่งที่ข้าทำครั้งนี้จะช่วยไท่จือผู้บริสุทธิ์ให้พ้นมลทินได้”ขันทีเจ้าเล่ห์ยิ้ม“ครั้งนี้ถือว่าเป็นบุญคุณ ไท่จือรับปากว่าหากท่านช่วยแก้ต่างให้กับไท่จือ ต่อไปหากท่านมีสิ่งใดที่รับมือไม่ไหวหรืออยากจะได้ ไท่จือยินดีให้ท่านตามที่ขอ”“ข้าจะจำใส่ใจ ข้าก็แค่คนบ้านป่า ได้รับใช้ไท่จือนับว่าเป็นบุญของข้ายิ่งแล้ว”จวนอ๋อง“ท่านอ๋องไม่เคยเหลียวแลข้าทั้งที่ ข้าไม่ได้อัปลักษณ์หรือน่ารังเกียจตรงไหนเจ้าช่วยข้าหาเหตุผลว่าเหตุใดท่านอ๋องจึงไม่สนใจไยดีข้าเหมือนที่ควรจะเป็นเมื่อคืนข้าเปลือยกายตรงหน้าเขากลับเลือกที่จะวิ่งตามงูที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปทางไหน”สาวใช้ข้างกายเสี่ยวฟางก้มหน้าถอนหายใจพูดอ้อมแอ้ม“พระชายา บางทีท่านอ๋องอาจมีบางอย่างในใจ หรือไม่อาจจะสืบรู้ว่าเอ่อ เอ่อพระชายาเป็นคนของไท่จือมาก่อนแล้ว”จิงชินขมวดคิ้ว“เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้เป็นความลับอย่างที่สุด มีแค่ข้ากับเจ้าเท่
โน้มตัวลงใกล้สุดใกล้“ได้หรือ เจ้ายินดีแต่งกับข้าเลยไหมเล่าหากเจ้ายินดีข้าก็พร้อมที่จะเข้าเฝ้ากราบบังคมทูลขออนุญาตแต่งเจ้า”น้ำเสียงราวกับผู้ชนะจิงเชียวย่นจมูก“ไม่มีทาง ชายาเอกท่านหายไปนอกจากไม่ติดตามถามข่าวท่านยัง…คิดแต่งชายาใหม่ข้าไม่มีทางยอม”คราวนี้ฟู่อ๋องรู้ทันทีว่าตัวเขาคือผู้ชนะอย่างแท้จริง“จะติดตามทำไมในเมื่อข้าพบนางแล้ว หรือเจ้าว่าข้าโง่ถึงกับมองไม่ออก”กระซิบข้างหูให้ได้ยินเพียงแค่สองคน“อย่ามาพูดแบบนี้นะ ท่านก็แค่ก็แค่……เห็นหญิงงามไม่ได้ก็เท่านั้นท่านมันคน …คนไม่ซื่อตรงต่อชายาของท่านคนใจโลเล”ฟู่อ๋องถอนหายใจยาว“ยอม ข้ายอมให้เจ้า จะว่าอย่างไรก็เชิญเจ้าตามสะดวก”“ท่านอาฟู่อ๋อง วันนี้ว่างจากราชกิจมายุ่ง อุ๊ยข้าใช้คำผิด ให้เกียรติมาดูแลความเรียบร้อยของการรับตัวผู้เข้าคัดตัวนางในด้วยตัวเองกลัวว่าอู้ตี้จะไร้สามารถทำการโดยลำพังหรือไร”“ข้ามาเพื่อนาง ข้ามาเพื่อคนของข้า”อู้ตี้ยิ้มหยัน“คุณหนู แซ่กัว มาคัดตัวนางในตอนนี้มีรายชื่ออยู่ในระเบียนผู้เข้าคัดตัวแล้วเท่ากับคุณหนูกัวเป็นคนของวังหลวงท่านอาจะอุปโลกน์ว่านางเป็นคนของท่านอาโดยอาศัยอำนาจอ๋องฟู่เช่นนั้นข้าในฐานะผู้ดูแลการคัดตัวนางใน
“ฝ่าบาทป่านนี้ยังจับมือสังหารไม่ได้คงต้องเพิ่มกำลังอารักขา อย่างแข็งขัน”ใต้เท้าเหวิน ที่คุมกองกำลังองครักษ์ก้าวออกมาตรงหน้าอู้หลงฮ่องเต้ นั่งบนบัลลังก์มังกร ข้างๆเป็นกัวหลงหลงที่ยืนทำท่าทีแข็งขัน“มือสังหารเข้านอกออกในได้ง่ายดายราวกับคุ้นเคยกับวังหลวงเป็นอย่างดีไม่แน่ว่าอาจจะมีคนในหนุนหลัง” ใต้เท้าฉินเอ่ยปากดังๆ“ถึงกับลอบสังหารฝ่าบาทช่างอาจหาญยิ่งนัก มุ่งหวังในบัลลังก์อย่างไม่ต้องสงสัย”ไท่จืออู้ตี้ใช้คำพูดยุยง“บังอาจ กล้าเอ่ยคำว่ามุ่งหวังในบัลลังก์ เจ้าตั้งใจหมายถึงใครอู้ตี้”อู้หลงฮ่องเต้เต็มไปด้วยโทสะ“เสด็จพ่ออู้ตี้พูดความจริง บัลลังก์มังกรใครบ้างไม่มุ่งหวังนอกจากลูกที่เป็นถึงไท่จือใครๆก็ล้วนแต่ต้องการบัลลังก์ โดยเฉพาะคนที่พลาดหวังในบัลลังก์”ฟู่ฉวีช่ายยิ้มเย็น“ไท่จือท่านพูดแบบนี้ เหมือนจงใจใส่ร้ายท่านอ๋องฟู่ที่เป็นอนุชาของฝ่าบาท”อู้หลงตบโต๊ะเบื้องหน้าดังลั่น“จริงอย่างที่ใต้เท้าฉินกล่าวหรือไม่ อู้ตี้อย่ากล่าวหาลอยๆ”ฟู่อ๋องยังมีท่าทีเฉยชา กัวหลงหลงเหลือบตามองท่าทีของฟู่อ๋อง“จะมีสักกี่คนที่ ….ยามจื่อแต่ทว่ากลับเดินเล่นรับลมจนมาถึงวังหลวงทั้งที่จวนอ๋องห่างออกไปเกือบครึ่งลี้”
ฟู่ฉวีช่ายอ๋องท่านอ๋องหนุ่มผู้ซึ่งเป็นน้องต่างมารดาของฮ่องเต้จึงได้เพียงตำแหน่งอ๋องมีแม่เป็นเพียงสนมที่ไม่เป็นที่โปรดปรานทว่าฮ่องเต้กลับรักราวกับลูกด้วยฟู่ฉวีชาย ช่วยงานราชสำนักหนักเบาได้ไม่น้อย มีความทรงจำที่งดงามในวัยเด็กร่วมกันกับจิงเชียวเรียกได้ว่าจิงเชียวคือรักแรกของเขาเช่นกัน แต่เป็นคนที่เก็บซ่อนความรู้สึกได้เก่งมาก มีความลับที่ไม่อาจเปิดเผยมากมาย แต่ก็พยายามที่จะชนะใจจิงเชียวให้ได้ฉินจิงเชียวหญิงอ้วนที่รักแรกรักเดียวคือฟู่ฉวีช่าย เป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้างถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กแต่ก็นิสัยน่ารักสดใสไม่ได้มีนิสัยเอาแต่ใจเหมือนเด็กที่ถูกตามใจทั่วไปจึงเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไปแม้จะอ้วนก็ไม่มีใครมองว่าคือสิ่งที่เป็นเรื่องใหญ่ทุกคนมองข้าม เพราะจิงเชียวน่ารักสดใสกับคนรอบข้างเสมอ อีกทั้งยังเป็นคนจิตใจดีมีเมตตากับคนทั่วไปโดยเฉพาะฉินจิงชิน ปัญหาคงไม่เกิดหากฟู่อ๋องไม่หมางเมินจนทำให้จิงเชียวกระโดดหน้าผาจนพบกับกัวหลงหลงผู้ที่จะมาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างกัวหลงหลงองค์ชายเผ่าจิ้งจอกที่ชอบหนีเที่ยวแต่บังเอิญ วันนั้นหลงทางกับองครักษ์ (ลู่เยว่)และมาพบกับจิงเชียวที่มีเมตตาช่วยเหลือเขาโดยการนำตัวจิ
“แล้วหากข้าอ้วนขึ้นเล่า”“ความจริงข้าชอบจิงเชียวในแบบอ้วนนะอย่างน้อยนางก็มีสายตาไว้มองข้าคนเดียว ถึงความคิดของข้าจะเห็นแก่ตัวไปก็ตามแต่ข้าไม่ชอบให้ใครมองเจ้าไม่ชอบให้ใครชมเจ้าว่างดงามไม่ชอบให้เจ้า มองคนอื่น”“จิงเชียวก็ไม่ชอบให้ท่านพี่อ๋องฟู่มองคนอื่นเหมือนกัน”ตาสบตาฟู่อ๋องจุมพิตที่ริมฝีปากอย่างอ่อนโยน กัวหลงหลงที่ยืนอยู่ด้านหลังห้องยกสุราขึ้นกรอกลงปากจนหมดถุง ยิ้มเศร้าๆ หมาเชาเชาตัวสีขาวส่งเสียงร้องงื๊ดง๊าด กัวหลงหลงก้าวเดินจากไป“ไปกันเถอะลู่เยว่”“โฮ่งๆๆ”ลู่เยว่ท้วง“ไม่ไม่จำเป็นต้องกล่าวลานางหรอก ข้าพร้อมจะไปแล้ว นางก็พร้อมที่จะยิ้มรับความสุขแล้ว”สายลมพัดผ่านพวงหางทั้งเก้า กัวหลงหลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พรุ่งนี้จิงเชียวจะถามหาเขาไหมนะพรุ่งนี้นางจะ ยังมีเขาในความทรงจำไหมนะ“อย่าเพิ่ง ท่านพี่อ๋องฟู่จิงเชียวสงสัยว่าท่านทำไมไม่ร่วมแท่นนอนกับน้องรองจิงชินทั้งๆ ที่นางงดงามเพียงนั้น”ฟู่อ๋องถอนหายใจทั้งที่เขากำลังทาบทับร่างอุ่นของจิงเชียวแต่นางกับพูดเรื่องนี้ขึ้นมา“เพราะข้ารอเจ้าอย่างไรเล่าจิงเชียว เพราะข้ารักเจ้าอย่างไรเล่าจิงเชียวไม่ว่าจะกี่หญิงงามก็ไม่อาจทำให้ข้าเปลี่ยนใจ ข้ามีใจให้จิงเช
ก่อนหน้านั้น“ฮ่องเต้เสด็จๆๆๆๆๆ”จิงเชียวหรืออิงเอ่อร์นั่งบีบมือเย็นเฉียบอยู่บนแท่นนอน ใต้แท่นนอนมีกัวหลงหลงที่กลายร่างเป็นงู คอยระวังระไวหากจิงเชียวร้องขอความช่วยเหลือเขาคงต้องตัดใจกัดอู้หลงฮ่องเต้ให้จมเขี้ยวอย่างแน่นอน“จิงเชียวน้อย เจ้ากำลังเล่นอะไรอยู่”คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน กัวหลงหลงอ้าปากค้าง พึมพำเบาๆ“เจ้าอ๋องนั่นจะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกอู้หลงฮ่องเต้แน่”“ฉินเกอลนลานเข้ามาพบข้าบอกว่าเจ้าคือจิงเชียวน้อย ที่กลับมาอีกครั้งจากความตาย”จิงเชียวเงยหน้าขึ้นช้าๆ กัวหลงหลงส่ายหน้าไปมา“ฝ่าบาทรู้เรื่องนี้แล้ว”“ตั้งใจปิดบังฟู่อ๋อง ตามหารักแท้หรือไรฮ่าาาา”จิงเชียวก้มหน้ายิ้ม“ฝ่าบาท โปรดอภัยจิงเชียวไม่ได้ตั้งใจหลอกลวงเบื้องสูง”คุกเข่าลงกับพื้น“ข้าเห็นเจ้าในครั้งแรกก็รู้สึกว่าดวงตาของเจ้าเหมือนของใครสักคนที่ข้ารู้จัก ในที่สึกจึงรู้ว่าเป็นของจิงเชียวน้อย บิดาเจ้ายินดีกว่าใครอยากจะเข้ามาพบเจ้าเสียให้ได้แต่ ข้าห้ามไว้ตั้งใจจะวางแผนจัดการกับคนปากแข็งเช่นฟู่อ๋อง ข้าส่งคนสอดแนมตอนที่เจ้าหายไป อยากรู้ว่าฟู่อ๋องเสียใจหรือไม่เมื่อเจ้าไม่อยู่”“แล้วท่านพี่อ๋องฟู่เสียใจไหมเพคะที่จิงเชียวไม่อยู่”กัวหล
เขย่าประตูแต่ทว่ากับใส่กลอนแน่นหนาฟู่อ๋องใช้ไหล่กระแทกประตูด้วยแรงทั้งหมดจนกระทั่งบานประตูหลุดออกจากกันพุ่งตัววิ่งเข้าหาจิงเชียวที่นอนบนแท่นนอนหนา“อิงเอ่อร์ ไม่สิจิงเชียวเจ้าเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น”จิงเชียวเงยหน้าขึ้นช้าๆ จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาทว่ามีสีหน้าวิตกกังวล มองอ้อมแขนที่กอดรัดไว้แน่น“ท่านพี่อ๋องฟู่ท่านรู้ว่าเป็นข้าหรือ” ฟู่อ๋องเลิกคิ้วสูง“เมื่อกี้เจ้ากรีดร้องเป็นอะไรไป”“จริงด้วยงู มีงูในผ้าห่มของข้าข้าเอาหมอนฟาดมันจนตัวงอ แต่มันก็ไม่ยอมไปไหน”ฟู่อ๋องอุ้มจิงเชียวไปวางไว้ที่เก้าอี้“ข้าจะไล่งูให้” กัวหลงหลงที่กลายร่างเป็นงูตัวสีดำขมวดคิ้ว พุ่งตัวเข้าหาจิงเชียว“กรี๊ดดดด”ฟู่อ๋องเองก็ถลาเข้าหาจิงเชียวกอดรวบร่างบางไว้แนบอก“ฟู่อ๋องฉวีช่าย”เสียงดังราวกับอาญาสิทธิ์ดังขึ้นอู้หลงฮ่องเต้ก้าวขามาในห้องทันได้เห็นภาพที่ฟู่อ๋องกอดรวบจิงเชียวไว้ทั้งตัวพอดี“ฝะฝะฝ่าบาท”ฟู่อ๋องรีบปล่อยอ้อมกอดประสานมือตรงหน้าสำนึกผิด“ฟู่อ่องสมควรตายล่วงเกินพระสนม”“หือ พระสนม ใครบอกว่านางเป็นสนมของข้า”ฟู่อ๋องมีสีหน้างงงันกัวหลงหลงพุ่งตัวออกไปด้านนอกกลายร่างเป็นกัวหลงหลงใทันที“พิษรักเล่นงานจนถึงกับทนไม่ไ
“รู้ได้อย่างไรว่าในเครื่องเสวยมียาปลุกกำหนัด”ถามทั้งที่ตัวเขาเองก็เอะใจอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างท่าทีของจิงชินเมื่อเห็นเครื่องเสวยร่วงเกลื่อนพื้นนางทำสีหน้าราวกับจะฆ่าจะแกงกัวหลงหลง“ก็นะข้ามีความสามารถพิเศษเรื่องที่สามารถ สัมผัสกลิ่นได้ดีกว่าคนทั่วไป”ฟู่อ๋องเลิกคิ้วสูง“ขอบคุณ แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ในเมื่อท่านองครักษ์มีทีท่าว่าหมายปองจิงเชียวทำไมท่านองครักษ์ถึงยอม …ช่วยข้าหรือว่าตั้งใจจะให้ข้า ออกหน้าแทนชิงตัวจิงเชียวมาจากฝ่าบาทกันแน่”“ช่างจินตนาการมองคนอื่นในแง่ร้ายสิ้นดี คนอย่างอ๋องฟู่รูปงามทว่าช่างคิดเล็กคิดน้อย”ฟู่อ๋องถอนหายใจ“ไปกันเถอะ ข้าต้องรีบไปอารักขาจิงเชียวแล้ว”ก้าวเดินนำจวนฟู่อ๋อง“ไท่จือ ท่านท่านมาถึงนี่”อู้ตี้ไท่จือเดินเซด้วยความเมามาย หลบอยู่ในห้องบรรทมของจิงชิน“จิงชินข้าคิดถึงเจ้า”พุ่งตัวเข้ากอดรัดจิงชินที่เบี่ยงตัวหลบ“เจ้ารังเกียจข้าหรือหรือว่าเปลี่ยนเป้าหมายแล้วหรือเห็นท่านอาดีกว่าข้าใช่ไหม”จิงชินถอนหายใจ“ท่านจือที่นี่เป็นจวนอ๋องไท่จือกล้ามาถึงนี่ แล้วมาทำเรื่องแบบนี้หากใครมาเห็นเข้า”“ก่อนนั้นข้าก็มาพบเจ้าที่นี่เป็นประจำไม่เคยมีปัญหาทำไมวันนี้ถึงได้คิดจะมีปัญหาไม่
“อะฮ้า จวนท่านอ๋องฟู่นี่มีเครื่องเสวยแต่ละอย่างน่ากินทั้งนั้น”กัวหลงๆ เปิดประตูเข้ามาราวกับบสนิทชิดเชื้อเสียเต็มประดาทรุดกายลงนั่ง“หือ แต่ละอย่างน่ากินทั้งนั้น”ก้มลงสูดดมกลิ่นอาหารก่อนจะขมวดคิ้ว หางทั้งเก้าปรากฏเลือนรางก่อนจะรีบร่ายมนตร์บังตาเสียใหม่“เจ้าเข้ามาได้อย่างไรผ่านองครักษ์เข้ามาได้อย่างไร”“หือข้าเป็นสหายลืมไปแล้วหรือท่านอ๋อง ข้ามาเพื่อจะมาเตือนว่าท่านจะต้องรีบไปอารักขาพระสนมคนใหม่ของฝ่าบาท”“ท่านองครักษ์ ท่านอ๋องเสวยเย็นแล้วจึงจะรีบไป”กัวหลงหลงยิ้ม เดินมาหยิบ กระบี่ที่วางไว้บนที่วางกระบี่ที่ทำจากงาช้าง“กระบี่นี่เนื้อดีอีกทั้งยัง เหมาะมือ”ไม่พูดเปล่าร่ายรำกระบี่ราวกับห้องนั้นเป็นสนามประลองตวัดคมกระบี่ไปด้านหน้าด้านหลัง“ระวังหน่อย เพล้งๆๆๆๆ”ฟู่อ๋องที่พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างสูงของกัวหลงหลงหันหลังกลับมาวาดกระบี่ในมือกวาดเอาเครื่องเสวยบนโต๊ะร่วงลงเกลื่อนพื้น“ขะขะข้าขอโทษ โอ๊ยแย่แล้วข้าผิดไปแล้วข้าทำมันพังอีกแล้วใช่ไหมข้าแย่จริงเชียว”รีบถลาเข้าไปเก็บชามและถ้วยเครื่องเสวยที่ร่วงเกลื่อนพื้น จิงชินกัดฟันจนเป็นสันนูนบ้านฉิน“ท่านพี่ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างเรา”ฮูหยินจิงหรานป
เช้าสดใส จิงเชียวนอนบิดขี้เกียจบนแท่นนอนอุ่นนุ่มเมื่อคืนหลับสบายไม่น้อย นางกำนัลยกชามน้ำอุ่นเข้ามาในห้อง“พระสนม”จิงเชียวยิ้มหวานหยดท้องพระโรงขุนนางหลายฝ่ายต่างรออยู่หน้าบัลลังก์อู้หลงปิดปากหาว ก้าวเดินมานั่งที่บัลลังก์ กัวหลงหลงก้าวตามมาติดๆ ก้มหน้ามองพื้นทางเดินมากกว่าเหมือนกลัวว่าจะสะดุดล้ม“ถวายพระพรฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”เสียงแซ่ซ้องจากคนทั้งหมดในท้องพระโรงอู้ตี้ยิ้ม เมื่ออู้หลงฮ่องเต้ปิดปากหาวอีกครั้ง“เสด็จพ่อ เมื่อคืนที่ผ่านมาคงจะทรงเกษมสำราญไม่น้อย”อู้หลงยิ้มมุมปาก“ฟู่อ๋องไปไหนเสีย”ฟู่อ๋องก้าวเดินมาตรงหน้าเด่นสง่าประสานมือ“ป่านนี้ฟู่อ๋องยังไม่พบชายาเอกที่หายไปอีกหรือหรือว่าเลิกล้มความตั้งใจในการตามหาชายาเอกจิงเชียวน้อยเสียแล้ว”อู้หลงพูดขึ้นดังๆ ฟู่อ๋องก้มหน้า“ฟู่อ๋องส่งคนลงไปที่หุบเหวปราบเซียนค้นทุกซอกทุกมุมพบเพียงความว่างเปล่า จึงได้สั่งให้ลดกำลังคนในการค้นหา”อู้หลงถอนหายใจ“ข้าเองก็คงเลิกล้มคำสั่งเรื่องการแต่งตั้งชายาเอกตอนนี้จะแต่งตั้งใครอย่างไรก็คงแล้วแต่อ๋องฟู่ เพราะนานมากแล้วที่ชายาเอกหายตัวไป”้“ฝ่าบาท ตอนนี้ยังไม่พบนางข้าจึงคิดว่าการแต่งตั้งชายาเอก
“ท่านก็ไปเสียเองสิท่านเองก็ชื่นชอบนางท่านเองก็มีใจให้คุณหนูอิงเอ่อร์มิใช่หรอกหรือ แม้กระทั่งเข้ามาในวังหลวงนางยังใช้แซ่ของท่านในการสมัครเข้ามาคัดตัวนางในก็ควรเป็นท่านองครักษ์ที่จะต้องทำเพื่อนาง”กัวหลงหลงกัดฟันแน่น“นี่ ฟู่อ๋องข้ามองท่านผิดไป ข้ารึอุตส่าห์ช่วยท่านให้รอดพ้นเงื้อมมือไท่จือแต่ท่านกับทำทีเหมือนว่านางไม่….สำคัญกับท่านกระนั้น”“ช่วยข้ารึ ข้าไม่ได้ขอร้องนี่”กัวหลงหลงยกมือขึ้นตั้งใจจะซัดเข้าใส่ใบหน้าหล่อเหลาของฟู่อ๋องด้วยโทสะทว่ากับกำหมัดแน่น"ท่านไม่ทำข้าทำเอง ข้าไม่ยอมให้จิงเชียวเอ๊ย อิงเอ่อร์นางต้องเป็นสนมของฝ่าบาทเป็นแน่”“คิดหรือว่าวิธีนี้จะได้ผล ท่านตั้งใจเอาคอของท่านไปพาดไว้บนแท่นประหารอย่างนั้นหรือ”“เจ้าคนขี้ขลาด ข้าคิดว่าท่านจะชอบนางพร้อมยอมทำเพื่อนางแต่ดูท่านสิทำอะไรได้”กัวหลงหลงพูดไปก็เหมือนกับว่าตัวเองเพราะตัวเขาเมื่อเข้ามาอยู่ในวังกลับไม่สามารถใช้มนตร์ต่างๆ ได้ด้วยวังหลวงล้วนมีเครื่องรางและที่สำคัญป้ายหยกข้างกายอู้หลงนั่นยิ่งทำให้อ่อนแรง“หากท่านคุกเข่าต่อหน้าฝ่าบาทเรื่องที่ขอประทานอนุญาตรับนางเป็นฮูหยิน นั้นเท่ากับท่านกล้าแย่งแม้กระทั่งสนมของฮ่องเต้ ตอนนี้ท่าน
อู้ตี้ปากไวเท่าความคิด ทำเอาเหล่าหญิงงามต่างหัวเราะขบขัน จิงเชียวกัดเม้มริมฝีปากแน่นฟู่อ๋องอมยิ้มกับดอกท้อสีแดงสดตรงกลางผ้าสีขาวสะอาดดอกท้อสีแดงโดดเด่นบนนั้นเหมือน จิงเชียวในตอนนี้ยิ่งแน่ใจว่านี่คือจิงเชียวน้อยของเขาที่กี่ปีก็ไม่เคยเปลี่ยนนางปักได้เพียงดอกท้อสีแดงตั้งแต่เก้าขวบกัวหลงหลงดึงเอาผ้าขาวจากมือฟู่อ๋อง"งดงาม งดงามจริงๆ ช่างเป็นดอกท้อที่แตกต่างแต่มีมนต์ขลังพวกท่านเห็นไหม ไม่ใช่ใครจะปักลวดลายแบบนี้ได้ง่ายๆ งดงามแต่เรียบง่าย ธรรมดาแต่น่าจดจำ"หญิงงามที่กำลังซุบซิบต่างเงียบเสียงมองไปที่ดอกท้อสีแดงสดเพียงดอกเดียวนั้น"ท่านองครักษ์ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรือ เช่นไรจึงได้กล่าวชื่นขมเพียงแค่คนที่ทำอะไรง่ายๆอย่างนี้ นางไร้ความสามรถท่านยังเอ่ยชมเห็นว่านางมีใบหน้างดงามเป็นต่อพวกเราหรือไร"บุตรีของขุนนางใหญ่แซ่จือกล่าวติเตือนกัวหลงหลง"หืม. ..พวกเจ้าล้วนคิดว่าลวดลายงดงาม เท่านั้นที่จะผ่านการคัดเลือก จริงๆแล้วการที่ใครสักคนใส่ใจงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จสิ้น รู้จักพลิกแพงนั่นนับว่าหลักแหลมยิ่งแล้ว เขาสั่งให้ปักจึงปัก ลวดลายสะท้อนความเป็นตัวตนนางเป็นง่ายๆ ทว่าก็ทำตามกฎ"อู้หลงฮ่องเต้ก้าวเข