Share

บทที่ 57 ไปตลาด

Author: ฮวาฮวาน่งหยวี่
รอจนถูซินเยว่จากไปแล้ว ภรรยาของหยวนเป่าก็หยิบกระต่ายขึ้นมา

วิเศษไปเลย เมื่อครู่นางไม่ได้สังเกต ตอนนี้ถึงพบว่ากระต่ายตัวนี้อ้วนพีดีจริง ๆ

ตอนเย็นเมื่อหยวนเป่ากลับมาถึงบ้าน ก็ได้กลิ่นเนื้อหอมกรุ่นลอยมาจากในบ้าน

“กลิ่นอะไร หอมถึงเพียงนี้?” หยวนเป่าวางจอบไว้ข้าง ๆ แล้วเดินเข้ามาด้วยความสงสัย เมื่อเห็นบนโต๊ะมีเนื้อวางอยู่ชามหนึ่งก็ถามขึ้นอย่างงุนงงเล็กน้อยว่า "น่าแปลก จำได้ว่าช่วงนี้ข้าไม่ได้ซื้อเนื้อสัตว์มานี่นา อีกอย่างก็ไม่มีใครล้มหมูในหมู่บ้าน"

หากมีการล้มหมู โดยทั่วไปแล้วก็มักจะเรียนเชิญคนในหมู่บ้านไปกินข้าวด้วยกัน ซึ่งเขาก็ต้องรู้แน่ ๆ

ภรรยาของหยวนเป่ายิ้มแล้วพูดว่า "นี่คือเนื้อกระต่ายที่ถูซินเยว่เอามาให้น่ะ ตอนเช้าข้าเอาผักสดไปให้นาง เมื่อครู่นางก็เลยเอากระต่ายมาฝาก"

เมื่อหยวนเป่าได้ยินเข้าก็ขมวดคิ้วทันที กำลังจะเอ่ยถาม ภรรยาของหยวนเป่าก็พูดขึ้นว่า "เจ้าวางใจเถอะน่า นี่เป็นน้ำใจจากซินเยว่ หากข้าไม่รับไว้ นางคงไม่ยอม ไว้วันหลังข้าจะเอาฟักทองไปฝากนาง"

หยวนเป่าเมื่อได้ยินดังนั้น ถึงได้พยักหน้า

เขาเป็นคนซื่อสัตย์เช่นเดียวกับภรรยา ผักสดเหล่านั้นเมื่อเช้าราคาแค่ไม่เท่าไหร่ แต่กระต่
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 58 พ่อบ้านผู้เหลี่ยมจัด

    พอเด็กหนุ่มในโรงเตี๊ยมเห็นของที่อยู่ในตะกร้า ทันใดนั้นแววตาแห่งความประหลาดใจก็ฉายออกมา พูดขึ้นว่า "คือสัตว์ป่าจริง ๆ ด้วย"“ก็ใช่น่ะสิ”ถูซินเยว่เงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นลักยิ้มทั้งสองข้างบนใบหน้าอ้วนของเธอ จากนั้นพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเอาของมาขายจริง ๆ ไม่ใช่มาขโมยสูตรอาหาร เจ้าดูเองละกันว่าจะมีแม่ครัวที่ไหนอายุน้อยเช่นข้า?""ก็จริง” หญิงอ้วนผู้นี้ดูยังไงก็ไม่เหมือนแม่ครัว หากนางเป็นแม่ครัวจริง ดูจากขนาดตัวคงจะกินข้าวเก่งจนไม่มีที่ไหนเลี้ยงไหวเมื่อนึกได้ถึงตรงนี้ เด็กชายก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า "งั้นเจ้ามากับข้า ข้าจะพาเจ้าไปหาพ่อบ้านที่เป็นฝ่ายจัดซื้อ"ถูซินเยว่พยักหน้าและเดินตามเด็กชายเข้าไป ระหว่างทางเธอแบกตะกร้าของเธอเองไว้บนหลัง ประพฤติตัวเรียบร้อย และไม่มองซ้ายแลขวาแม้แต่น้อยซึ่งทำให้เด็กชายประทับใจในตัวเธอยิ่งขึ้นไปอีก“เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน” เด็กชายสั่ง จากนั้นก็เดินกลับไปที่ห้องครัวและเรียกพ่อบ้านที่ดูแลเรื่องการจัดซื้อออกมาพ่อบ้านคนนั้นเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปีสวมเสื้อคลุมสีเทามีแววตาเฉียบคม มองแวบแรกก็สามารถบอกได้ว่าเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และฉลาดถูซินเยว่คิดอยู่ใน

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 59 รอคอยตอนที่ลดน้ำหนักสำเร็จ

    ถูซินเยว่ ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เธอคิดแต่จะไปพบซูจื่อหัง ดังนั้นหลังจากได้เงินแล้ว เธอก็รีบกล่าวลาพ่อบ้านอย่างรวดเร็ว“หลังจากนี้ถ้าเจ้ามีของดี ๆ มาอีก ก็นำมาที่โรงเตี๊ยมเทียนเซียงแห่งนี้ ข้าแซ่เฉียน คนอื่น ๆ เรียกข้าว่าพ่อบ้านเฉียน""ได้จ้ะ!"พ่อบ้านเฉียน ซึ่งแปลว่าเงิน แซ่นี้ช่างสอดคล้องกับลักษณะของพ่อบ้านเสียจริงเมื่อเดินมาถึงถนน ถูซินเยว่ถามคนสองคนที่สัญจรไปมาเพื่อให้แน่ใจว่าสำนักบัณฑิตไปทางไหน จากนั้นเธอก็เร่งฝีเท้าออกเดินทันที หวังจะได้พบกับซูจื่อหังโดยเร็วแต่ไม่คาดคิดว่าขณะที่เธอเดินไปตามถนนนั้น ก็เห็นร่างที่ดูคุ้นตาร่างหนึ่งอยู่ที่หัวมุมถนน“นี่ นี่คือท่านพี่ซูไม่ใช่หรือ?”เขาควรจะอยู่ที่สำนักบัณฑิตไม่ใช่หรือ? ทำไมมาที่อยู่หัวมุมถนนตรงนี้กันนะ?ถูซินเยว่มองจากระยะไกลพบว่าซูจื่อหังนั่งอยู่บนม้านั่งเล็ก ๆ และมีภาพวาดมากมายวางอยู่ตรงหน้าเขาเมื่อเห็นเช่นนี้ ถูซินเยว่ก็เดาได้ทันที ตอนนี้เป็นเวลาอาหารกลางวัน ซูจื่อหังต้องถือโอกาสใช้เวลานี้ออกมาขายภาพวาดเพื่อหารายได้เพิ่มแน่ ๆชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีขาว แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็ก ๆ แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อบุคลิกภาพที

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 60 หนิงอวี้

    ตอนแรกที่ซูจื่อหังได้ยินเช่นนั้น เขาก็ยังไม่ทันได้ตั้งสติ แต่เมื่อตั้งสติได้แล้ว รอยยิ้มก็ปรากฏบนริมฝีปากของเขาทันทีชายหนุ่มเลิกคิ้ว มองหน้าถูซินเยว่อย่างเรียบ ๆ แล้วถามว่า "เจ้าจะพิสูจน์อย่างไรว่าหากข้าไม่อยู่กับเจ้า เจ้าก็สามารถปกป้องดูแลตัวเองได้?"“ง่ายจะตาย” ถูซินเยว่หัวเราะคิกคักเผยให้เห็นฟันขาว เธอพูดอย่างจริงจังว่า “แค่ข้าเอาชนะเจ้าได้ ก็พิสูจน์ได้แล้วไม่ใช่หรือว่าข้าปกป้องตัวเองได้"พูดจบ จู่ ๆ ถูซินเยว่ก็ยื่นมือออกมาแล้วพูดกับซูจื่อหังราวกับว่าเธอเตรียมตัวมาอย่างดี "เรามางัดข้อกัน หากเจ้าแพ้ก็แสดงว่าข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า ถึงตอนนั้นเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาห้ามข้าขึ้นเขาอีก"ในความคิดของถูซินเยว่ ซูจื่อหังอยู่แต่ในสำนักบัณฑิตตลอดทั้งปี สิ่งที่เขาถือในมือบ่อยที่สุดก็คือพู่กันเขียนหนังสือ คงไม่ค่อยมีแรงแน่นอนไม่เหมือนกับตน ยังไม่นับว่าเมื่อก่อนตอนที่สติไม่ดีนั้น มักจะทะเลาะวิวาทกับคนนั้นทีคนนี้ที และในช่วงนี้งานที่ตนทำก็มีแต่งานที่ต้องใช้แรง ตะกร้าหนักห้าสิบกว่าชั่งก็แบกขึ้นหลังได้อย่างสบาย ๆดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่าการเอาชนะซูจื่อหังนั้นช่างเป็นเรื่องง่ายดายซูจื่อหังฉลาดระดับไ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 61 ข้าเป็นน้องสาวของเขา

    เมื่อถูซินเยว่กำลังสังเกตอีกฝ่ายอยู่นั้น อีกฝ่ายก็กำลังสังเกตถูซินเยว่อยู่เหมือนกัน"นี่คือ..." หนิงอวี้ถามขึ้นอย่างประหลาดใจ หญิงสาวมีรูปร่างอ้วนกลมราวกับซาลาเปาตรงหน้านี้เขาไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน และดูเหมือนว่าจะไม่ได้มาซื้อภาพ หรือว่าจะเป็นเพื่อนของจื่อหัง?นับตั้งแต่ที่ถูซินเยว่ได้ลดน้ำหนักอย่างจริงจังนั้น ดูเหมือนว่าเธอจะไม่อ้วนเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ถูซินเยว่ตอนนี้ดูดีขึ้นมากบางครั้ง คนอ้วนที่ดูสะอาดสะอ้านก็ดูดีไม่น้อยหลังจากได้ยินคำถามของหนิงอวี้แล้ว ซูจื่อหังก็เหลือบมองไปยังถูซินเยว่ และกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ไม่รู้ทำไมถูซินเยว่กลับพูดขึ้นมาทันทีว่า "ข้าเป็นน้องสาวของพี่ซู"ซูจื่อหังกระดกมุมปากใบหน้าของหนิงอวี้เต็มไปด้วยความสับสน และพูดว่า "แปลกจัง ทำไมข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจื่อหังมีน้องสาว"เขาจำได้ว่าพ่อของซูจื่อหังเสียชีวิตไปนานแล้ว และแม่ของเขาเป็นหม้าย ทำไมอยู่ดี ๆ ก็มีน้องสาวตัวโตขนาดนี้มาปรากฎตัวขึ้น? นอกจากนี้ถูซินเยว่ และซูจื่อหังก็ดูไม่มีที่อะไรเหมือนกันแม้แต่น้อยหนิงอวี้สีหน้าแสดงความสงสัย และถูซินเยว่ก็รีบพูดเสริมว่า "ข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่ซูน่ะ"

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 62 แก้แค้น

    ท่าทางของหลางฮุยนั้นลนลานเป็นอย่างมาก ราวกับเห็นศัตรูที่เคียดแค้นอย่างมาก ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาทันทีหากไม่ใช่ว่าถูกถูซินเยว่ทำร้่ายจนสาหัสและไม่สามารถขยับเขยื้อนได้แบบนี้ เขาคงจะกระโดดลงจากรถม้าเข้ารัดคอของถูซินเยว่ไปแล้วเขาถูกตัดลิ้นออกไป หลางฮุยก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ และทำได้เพียงเฝ้าดูถูซินเยว่จนละสายตาไปใขขณะนั้นเองถูซินเยว่ที่กำลังเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชน จู่ ๆ ก็ดูเหมือนจะรู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จู่ ๆ ก็หันกลับไปมองทางรถม้าเมื่อทั้งสองสบตากัน ถูซินเยว่ก็ค่อย ๆ หรี่ตาลง จากนั้นก็หันหลังกลับและเดินจากไปโดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ภายใต้การจ้องมองของหลางฮุยเธอเคยได้ยินคนในหมู่บ้านพูดมาก่อนว่าหลางฮุยมีคนหนุนหลังอยู่ แต่เธอคาดไม่ถึงว่าหลางฮุยจะถึงกับมีเกี้ยวนั่ง สำหรับชาวบ้านที่ยากจน แค่ได้นั่งเกวียนวัวไปตลาดก็ถือว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยแล้วอย่างเช่นถูซินเยว่ ทำได้เพียงเดินเท้าไปตลาดเท่านั้นอย่างไรก็ตาม แม้ว่าตอนนี้เธอจะรู้ว่าฐานะของหลางฮุยสูงส่งเพียงใด แต่ถูซินเยว่ก็ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย ใครใช้ให้อีกฝ่ายกล้ามารังแกตนก่อน เธอถูซินเยว่ไม่เคยกลัวใคร ต่อให้เป็นอ๋องจากสวรรค์มายั่วโมโห

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 63 คนต่ำช้าเจ้าด่าใคร?

    “เจ้าอย่าลืมนะว่าเป็นเจ้าเองที่กุลีกุจออยากจะแต่งเข้าบ้านตระกูลเหลียงเอง แล้วเจ้าก็อย่าลืมอีกด้วยว่าเจ้าและเหลียงปินสมคบคิดกัน เล่นตลกกับข้าและพี่ซู" ถูซินเยว่ขมวดคิ้วมองดูอีกฝ่าย จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน "ทำไม? ตอนนี้คิดว่าตัวเองเลือกแต่งงานกับคนผิด แล้วอยากจะมาหาเรื่องข้าอย่างนั้นรึ?"ถูซินเยว่รู้สึกงุนงง ตระกูลเหลียงปฏิบัติต่อนางไม่ดี แล้วมันเกี่ยวอะไรกับตน? ถูหมิงซวนนี่ช่างแปลกคนจริง ๆ คิดจะโยนความผิดทุกอย่างมาให้กับตน ทำไมไม่ไตร่ตรองถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไปบ้างเมื่อเห็นถูหมิงซวนยังคงมองตนด้วยแววตาขุ่นเคือง ถูซินเยว่รู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นเกินจะเยียวยา เธอไม่อยากจะทนดูอีกฝ่ายอีกต่อไป จึงหันหลังเตรียมตัวจะออกเดินต่อในเวลานี้ ถูหมิงซวนดูเหมือนจะสังเกตเห็นบางอย่าง จึงรีบเอื้อมมือไปคว้าถุงผ้าที่อยู่ใต้แขนเสื้อของถูซินเยว่ออกมา“นี่คืออะไร?” ถูหมิงซวนยกถุงผ้าขึ้นมาแล้วถามถูซินเยว่อย่างสงสัย เมื่อครู่นางสังเกตเห็นแล้วว่าขณะที่ถูซินเยว่พูดคุยกับตนนั้นก็เอาแต่ก้มหน้าจ้องมองถุงผ้าในมือถูซินเยว่ดูสนอกสนใจสิ่งนี้มาก ดังนั้นตนจึงต้องแย่งมันมาให้ได้ถูหมิงซวนคิดในใจอย่างประสงค์ร้าย

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 64 วางแผน

    “ด่าเจ้าน่ะสิ!” ถูหมิงซวนตอบโดยไม่ต้องคิดหลังจากได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ถูซินเยว่ก็หัวเราะออกมา ที่ผ่านมาทุกคนต่างก็พูดว่าถูซินเยว่เป็นคนโง่และสติไม่ดี แต่ตอนนี้ในสายตาของถูซินเยว่ คนที่โง่อย่างสมบูรณ์แบบคือถูหมิงซวนนี่ต่างหากหลุมพรางตื้น ๆ แบบนี้ อีกฝ่ายกลับหลับหูหลับตาหลงกลได้ ช่างน่าอนาถใจเสียจริง ๆหญิงสาวปิดปากหัวเราะถูหมิงซวนยังไม่เข้าใจในตอนแรก แต่เมื่อได้ฟังคำพูดของอีกฝ่าย ก็ดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันที นางจ้องมองถูซินเยว่อย่างเดือดดาล กัดฟันพูดขึ้นว่า "เจ้ากล้าเล่นลิ้นกับข้างั้นรึ!"“ข้าเล่นลิ้นกับเจ้างั้นหรือ เจ้ายอมรับเองชัด ๆ ว่าตัวเองคือคนต่ำช้า จะมาหาว่าข้าเล่นลิ้นกับเจ้าได้อย่างไรกัน?" ถูซินเยว่หรี่ตาลง พูดอย่างยิ้มแย้มว่า "เออ นี่แน่ะ มีอีกเรื่องหนึ่ง เกรงว่าเจ้าก็คงยังไม่รู้ล่ะสิ"“เรื่องอะไร?” เมื่อถูซินเยว่พูดเช่นนี้ ถูหมิงซวนก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที จ้องมองอีกฝ่ายอย่างสงสัยแต่ถูซินเยว่กลับเดินเข้ามาหานางทีละก้าว ๆ ในขณะที่ถูหมิงซวนยังไม่ทันจะตั้งตัว จู่ ๆ ถูซินเยว่ก็ยกเท้าขึ้นมาถีบเข้าที่ลำตัวของถูหมิงซวนจนอีกฝ่ายตกคันนาลงไปเดิมทีถูหมิงซวนคิดว่าถูซิ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 65 ต่อบแทนบุญคุณ

    วันนั้นถูหมิงซวนพูดกับเธอต่อหน้าว่าเธอหน้าตาอัปลักษณ์ ไม่คู่ควรกับปิ่นปักผมอันนี้ ถึงแม้ปากจะไม่พูดอะไร แต่ในใจของถูซินเยว่นั้นแท้จริงแล้วก็เก็บเอาคำพูดนั้นมาคิดอยู่เช่นกันโดยเฉพาะเวลาที่เธอส่องกระจกอยู่คนเดียว เมื่อมองดูหน้าตาที่น่าเกลียดที่สะท้อนอยู่ในกระจกนั้น ถูซินเยว่ก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ยิ่งขึ้นไปอีกแม้ว่าฝีหนองบนใบหน้าจะหายไปมากแล้ว แต่ก็ยังคงทิ้งรอยดำไว้ ถึงแม้จะมองไม่เห็นจากที่ไกล ๆ แต่หากมองในระยะใกล้ก็ยังสามารถเห็นรอยหลุมต่าง ๆ อยู่มากมายถูซินเยว่ก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน เธอรู้ดีว่าทุกคนต่างก็ชอบสิ่งสวยงามกันทั้งนั้น แม้ว่าซูจื่อหังจะไม่พูดออกมา แต่ในใจก็คงรู้สึกอึดอัดไม่น้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับใบหน้าเช่นนี้เธอไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้มาแต่ไหนแต่ไร ในเมื่อใบหน้ามีรอยสิว ถูซินเยว่ก็จะลุกขึ้นสู้ หาครีมและมาสก์มาบำรุงผิว"เจ้าก็แค่ใช้น้ำพุศักดิ์สิทธิ์สิ ทำไมต้องทำให้วุ่นวายด้วย?" เสียงของฉงเป่าดังลอยมาจากในมิติ ช่วงนี้ฉงเป่าเอาแต่นอนหลับอยู่ในมิติ ไม่ได้ส่งเสียงมาเป็นเวลานานแล้วตามที่ฉงเป่ากล่าวก็คือในขณะที่ถูซินเยว่ทำงานหนักในการดูแลพื้นที่ในมิติ ฉงเป่าเองก็ได้รับประโยชน์ไปด้วยพ

Latest chapter

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 381 ช่างคล้ายคลึงนัก

    ทั้งคู่เดินถึงหน้าประตู ปะเหมาะเวลานี้ จวนแม่ทัพหลิ่วก็มีคนเดินออกมาเช่นกัน"คนนี้ก็คือใต้เท้าซูที่เจ้าชอบอย่างงั้นหรือ" ฮูหยินหลิ่วเหลียวมองบุตรีซึ่งอยู่ข้างกาย สื่อเป็นนัยให้อีกฝ่ายอย่าได้วู่วามทุกวันนี้คราใดที่หลิ่วโหรวโหรวเห็นถูซินเยว่กับซูจื่อหังเดินมาด้วยกัน ด้วยท่าทีรักใคร่ปรองดอง นางจะรู้สึกเดือดดาลในใจ ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิดกระนั้นนางทำเสียงฮึดฮัด "ถูซินเยว่มีวันนี้ได้ ก็เพราะอาศัยบารมีซูจื่อหัง แต่คอยดูไปเถิด หญิงบ้านนอกเช่นนาง ใหม่ ๆ ยังพอทำให้ซูจื่อหังพอใจได้บ้าง แต่พอนานวันเข้า ได้เห็นสาวงามในเมืองหลวงมากมาย ความรักของพวกเขายังมั่นคงเหมือนแต่ก่อนได้อีก ก็แสดงว่าผิดมนุษย์แล้ว"ฮูหยินหลิ่วแสดงท่าทีนิ่งเฉยแต่บุตรีพูดก็มีเหตุผล ผู้ชายในโลกนี้น้อยนักที่จะไม่คิดได้ใหม่ลืมเก่า ยกตัวอย่างเช่นสามีของนาง ในอดีตก็เคยให้คำมั่นสัญญา ว่าแม้เป็นหรือตายก็จะขอรักอดีตคนรักเพียงผู้เดียว แต่พอบ้านเขาประสบภาวะเดือดร้อน สุดท้ายก็มาเลือกแต่งงานกับตน จนบัดนี้ลืมหน้านังคนแพศยานั่นไปถึงไหนต่อไหนแล้วแสดงว่าความจริงใจของผู้ชายคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ปกติเสแสร้งทำเป็นรักมั่นจริงใจ แต่พอเอ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 380 ลูกสาวจอมโง่เขลา

    หากซูจื่อหังไม่รังเกียจถูซินเยว่แล้วล่ะก็ งั้นต่อให้หลิ่วโหรวโหรววทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหนก็ตาม เกรงว่าก็คงไม่สามารถเข้าไปในจวนสกุลซูได้ดั่งใจปรารถนาหรอกแต่น่าขําที่ลูกสาวคนนี้ของนางกลับไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เลย รู้แต่ไปเหยียดหยามถูซินเยว่อย่างโง่เขลาเท่านั้นนี่ถ้าทําให้ถูซินเยว่อับอายต่อหน้าทุกคนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กลับยังโดนถูซินเย่วตอบโต้กลับมาจนขายหน้า นี่ไม่ใช่เป็นการตบหน้าตัวเองหรือไง?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินหลิ่วก็ไม่อยากเห็นหน้าลูกสาวคนนี้แม้แต่นิดนางขมวดคิ้ว จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ใช่แล้ว เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกพ่อเจ้า ถ้าพ่อเจ้ารู้ ดูสิว่าเขาจะสั่งสอนเจ้ายังไง เจ้าระวังตัวหน่อย"ภายใต้การเกลี้ยกล่อมและคําเตือนของฮูหยินหลิ่ว ในที่สุดหลิ่วโหรวโหรวก็หลับตาลง นางนั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ ทั้งหน้ามีแค่อารมณ์เดียวนั่นก็คือ นางไม่มีความสุขฮูหยินหลิ่วถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วเงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม ตําแหน่งของนาง มีเพิงดอกไม้อยู่ตรงกลางบดบังร่างของถูซินเยว่พอดี ดังนั้นนางจึงเห็นเพียงโครงร่างผ่านเถาวัลย์อย่างคลุมเครือเท่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 379 จางเยียนหรัน

    วันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงเชิญตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ก่อนมาซูจื่อหังเคยพูดกับนางว่า เขากับตระกูลจางเข้ากันได้ดีในราชสํานัก ดังนั้นวันนี้ ถูซินเยว่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาอะไรให้กับตระกูลจาง เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีมารยาทเห็นเหล่าฮูหยินกับหลิ่วโหรวโหรวเพิ่งเยาะเย้ยเธอเมื่อครู่ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถูซินเยว่ก็สบายใจไม่น้อย ก้มหน้าก้มตากินอาหารด้วยตัวเองไม่สนใจใครทั้งนั้นในขณะที่เธอกําลังกินอย่างมีความสุข จู่ ๆ ก็มีคนผลักแขนของเธอเบา ๆถูซินเยว่นิ่งงันไปพักหนึ่ง หันหน้ากลับไปอย่างสงสัยใคร่รู้ เห็นหญิงสาวในชุดสีเหลืองคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กําลังใช้ดวงตากลมโตจ้องมองเธออย่างอยากรู้อยากเห็นดวงตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไร้เดียงสา แต่กลับไม่มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อยถูซินเยว่เคยเห็นคนมามากมาย เรื่องเหล่านี้เธอยังพอสามารถมองออกได้ตั้งแต่แรกเห็นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย ท่าทีของเธอก็อ่อนโยนลงมาก"ไม่ทราบว่าแม่นางมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"ถ้าเธอจําไม่ผิด คนที่นั่งข้างเธอเมื่อกี้น่าจะเป็นผู้หญิงที่เยาะเย้ยเธ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 378 หน้าแตก

    ถูซินเยว่ชะงัก และรู้สึกตลก เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็รู้สึกประหลาดใจ ตอนที่ออกจากมาตอนเช้า เธอได้สวมใส่เครื่องประดับมาหลายชิ้นจริงๆแต่ระหว่างทาง ถูซินเยว่รู้สึกว่าต่างหูระเกะระกะเกินไป จึงแอบถอดมันออกและวางไว้บนรถม้าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าในงานเลี้ยงจะมีคนไม่กินไม่ดื่ม แต่หันมาจับจ้องที่เครื่องหัวของตนเองแทนถูซินเยว่ยื่นมือไปจับที่ผมของตนเองอัตโนมัติ จากนั้นก็พูดเสียงราบเรียบว่า "ในเมื่อวันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพ แขกสำคัญจึงเป็นตระกูลจาง แล้วเหตุใดข้าจักต้องแต่งตัวให้ดูดีขนาดนั้น""จนก็ยอมรับว่าจนเถอะ จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างมากมายไปทำไม ในที่นี้ใครไม่รู้บ้างว่าพวกเจ้ามาจากบ้านนอก ข้าเองก็แค่รู้สึกเสียดายแทนใตเท้าซูเท่านั้น ทั้งที่มีมีอนาคตอันดี หากแต่งงานกับบุตรสาวขุนนางสักคน ก็คงยิ่งช่วยส่งเสริมให้เจริญก้าวหน้า แต่กลับเลือกจะเฝ้าอยู่แค่หญิงชาวบ้านเฉกเช่นเจ้า..."ประโยคหลังแม้ว่าจะไม่ได้พูดต่อจนจบ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ถึงแม้บนใบหน้าของถูซินเยว่จะแสดงสีหน้าใดๆ แต่สาวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าย่ำแย่มากแล้วนางอาศัยอยู่ที่ตระกูลซูมานาน ก็พอจะรู้ว่าถูซินเยว่ไม่ได้ไม่มีเงิน และเงินส่วนใ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 377 ดูถูก

    ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านต้าเย่ เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเพราะผลประโยชน์อันน้อยนิด แม้เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ยังสามารถโกรธแค้นกันจนตัดญาติขาดมิตรไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นใด แค่ในตระกูลถู เพียงเพื่อสินสอดของตระกูลเหลียง ถูชิวหลานก็ดันทุรังจะสับเปลี่ยนตัวเธอกับลูกสาว ภายหลังยังไม่ยอมรับด้วย แถมยังผลักไสความผิดทุกอย่างไปที่เจ้าของร่างหากเธอไม่ได้ข้ามิติมาอยู่ในร่างของเจ้าของร่างซื่อบื้อคนนั้น นางจะใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลซูอย่างไร เกรงว่าคงเหลือแต่เสี้ยววิญญาณแล้วอย่างด้านซูเฟิ่งอี๋ในตระกูลซู ตอนนั้นพวกเขาเองก็หวงแหนเงินเล็กๆ น้อยๆ เห็นชีวิตนางหยูกำลังตกอยู่ในอันตรายก็ยังไม่ยอมรักษาให้นางเรื่องราวของญาติสนิทมิตรสหายที่ทำร้ายคนใกล้ตัวเพียงเพื่อผลประโยชน์และเงินทองมีมากมายเกินกว่าจะพูด ขนาดบ้านเธอยังเป็นเช่นนี้ แล้วต้าฉีที่มีบ้านสกุลมากมายขนาดนี้ล่ะชาวบ้านธรรมดาทั่วไป อาจทำไปเพื่อเงินทอง แต่องค์ชายสามกับองค์ชายใหญ่ กลับทำเพื่อแก่งแย่งแผ่นดิน ขนาดที่เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นความตาย และไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใคร ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้"ชีวิตคนเรามีหลายเรื่องที่มักไม่เป็นดังที่หวัง ข

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 376 อิจฉา

    "วันนี้เป็นงานเลี้ยงของตระกูลจาง ข้าก็นึกว่าเจ้าจะพูดคุยเรื่องอะไรกับข้า คาดไม่ถึงว่าจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ข้าในที่ๆ ไม่มีคนเช่นนี้?"ชายผู้นั้นหัวคิ้วกระตุก รีบก้มศรีษะลงแล้วพูดว่า "กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่กระหม่อมทราบว่าองค์ชายสามเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ไหนแต่ไรมา การที่บุตรสายตรงรับสืบราชบัลลลังก์ต่อก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แล้วไฉนองค์ชายสามจึงมิตั้งใจเป็นข้าราชบริพานบริสุทธิ์ คอยค้ำจุนเสด็จพี่ของพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ?"ฉีหวานหัวดราะเสียงดัง น้ำเสียงเย็นเยือกลงฉับพลัน เขาสะบัดแขนเสื้อ พร้อมสีหน้าเย็นชา "แม่ทัพหลิ่วพูดเช่นนี้ ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ตอนที่ข้าพบกับมือสังหารไล่เอาชีวิตตอนที่รีบเดินทางกลับมาจากเป่ยเจียงอันไกล แม้วันนี้ข้าไม่พูด เชื่อว่าท่านแม่ทัพเองก็คงทราบดีว่าเป็นฝีมือของใคร?"ถูซินเยว่ที่นั่งอยู่ในศาลาชะงักงัน ที่แท้คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับฉีหวานก็คือแม่ทัพหลิ่วนี่เอง หากนางจำไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้ที่หน้าประตูตระกูลจาง ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวก็คือแม่ทัพหลิ่วผู้นี้สินะ?เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ถูซินเยว่ก็รู้สึกเซ็งขึ้นมา ถ้ารู้แต่แรกว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 375 แอบฟัง

    หลิ่วโหรวโหรวก็มองเห็นพวกเขาเช่นกัน และเมื่อนึกถึงความสนิทสนมของถูซินเยว่และซููจื่อหังวันนั้นในจวนซู นางก็กำหมัดแน่นแม่ทัพหลิ่ว หลิ่วถิง เมื่อเห็นว่าบุตรสาวของตนเองอยู่ๆ ก็หน้าตาไม่สดใส ทั้งที่เมื่อสักครู่ยังดีอกดีใจ ก็ขมวดคิ้วถามว่า "เป็นอะไรไป? มีคนรู้จักรึ?""เจ้าค่ะ..." หลิ่วโหรวโหรวกำลังจะอ้าปากพูด ฮูหยินหลิ่วที่อยู่ข้างๆ ก็ผลักนาง และส่งสายตาให้กับอีกฝ่ายหลิ่วโหรวโหรวจึงได้แต่หุบปากเงียบอย่างไม่พอใจนักฮูหยินหลิ่วเดินไปข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวอย่างเงียบๆ กระตุกแขนเสื้อของบุตรสาวและพูดเตือนเสียงเบาว่า "เจ้าอย่าได้พูดถึงเรื่องของตระกูลซูอีก หากเจ้าพูดถึงอีกข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า! เมื่อกี้เจ้าไม่เห็นฮูหยินตระกูลซูหรือย่างไร? นางท้องโตขนาดนั้นแล้ว! เจ้าคิดจะไปเป็นภรรยาน้อยของคนอื่นหรือ? พูดออกไปรังแต่จะกลายเป็นเรื่องตลก!"หลิ่วโหรวโหรวสีหน้าย่ำแย่ทันทีแม้ว่าซูจื่อหังมีภรรยาหลวงอยู่แล้ว แต่ในใจนางนั่นก็เป็นเพียงหญิงบ้านนอกที่เทียบกับตนเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางซึ่งเป็นบุตรีสายตรงของจวนแม่ทัพ จะตกเป็นรองอยู่เป็นภรรยาน้อยของซูจื่อหังหรืออย่างไร?ลำพังแค่คิด นางก็ไม่ต้องการหลิ่วโหรวโหร

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 374 งานเลี้ยงตระกูลจาง

    ขณะที่ถูซินเยว่กำลังยุ่งอยู่กับการเปิดร้านขายเครื่องประดับ และนางหยูกำลังกังวลเรื่องลูกค้าอยู่นั้น เทียบเชิญฉบับหนึ่งก็ได้ส่งมาถึงที่บ้าน"เป็นงานฉลองวันเกิดของมารดาเฒ่าตระกูลจางจากเสนาบีดีกระทรวงการคลัง"ถูซินเยว่ถือเทียบเชิญไว้ในมือและยิ้มอย่างประหลาดใจ "ในเมืองหลวงแห่งนี้ข้านั้นไม่ได้รู้จักใครเลยสักคนหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าตระกูลจางจะส่งเทียบเชิญมาให้ข้า"สามีของตนเองก็เป็นข้าราชการขั้นเจ็ดเล็กๆ คนหนึ่ง แม้ว่าตระกูลจากจะไม่ใช่ข้าราชการชั้นสูง แต่ก็เป็นข้าราชการขั้นห้า และบรรพบุรุษก็ล้วนเป็นข้าราชการทั้งนั้น ซึ่งก็นับว่าเป็นตระกูลที่มีคุณธรรมสูงส่งการที่ส่งเทียบเชิญมาให้พวกเขาในงานเลี้ยงวันเกิดเช่นนี้ ก็เรียกได้ว่าไม่ได้ดูถูกพวกเขาเพียงแต่ คนในยุคโบราณส่วนมากจะดูแคลนคนทำธุรกิจ หากตนเองไปร่วมงานละก็ จะทำให้พวกเขารู้ว่าภรรยาของซูจื่อหังเป็นหญิงทำมาค้าขาย ก็ยากที่จะไม่ดูแคลนเดิมทีถูซินเยว่ไม่อยากไป แต่คาดไม่ถึงว่าซูจื่อหังจะหันมากุมมือเธอไว้ ยิ้มแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจนักว่า "บุตรชายของใต้เท้าจางสนิทกับข้า ภรรยาของข้าเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์มากที่สุดในใต้หล้า ไม่ว่าทำอะไรก็ดีทั้งนั้น แล

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 373 ฮ่องเต้หมดสติ

    สำหรับถูซินเยว่แล้ว จะเป็นลูกผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญคือ การที่ลูกน้อยสามารถคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัยเพราะในยุคโบราณการที่ผู้หญิงคลอดลูกนั้นเปรียบเสมือนการเดินไปขอบประตูนรก ดังนั้นการที่สามารถให้กำเนิดลูกได้อย่างปลอดภัยถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เธอจึงไม่คาดหวังอย่างอื่นอีกแต่ว่าช่วงนี้เธอมักจะถูกนางหยูล้างสมองอยู่บ่อยๆ จนถูซินเยว่เองก็คิดว่าท้องนี้อาจจะเป็นลูกผู้ชายก็ได้เป็นผู้ชายก็ดี เพราะความคิดปิดกั้นในยุคโบราณนั้นสร้างความลำบากให้กับหญิงสาวอย่างมาก หากเป็นเด็กผู้ชาย ก็สามารถลดความลำบากหลายๆ อย่างให้เธอได้ไม่น้อยเดิมทีถูซินเยว่อยากจะถามฉงเป่าว่าในท้องตนเองนั้นเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงกันแน่ ซึ่งตามปกติแล้วขอเพียงเอาของกินมาล่อนิดล่อหน่อย ฉงเป่าก็ยอมพูดทุกอย่าง มีเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ไม้ว่าถูซินเยว่ถามอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่ยอมบอก"อย่างไรเสียลูกก็อยู่ในท้องของข้า เจ้าจะบอกหน่อยมิได้หรือว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? ถึงเจ้าพูดมา ด้วยเงื่อนไขการรักษาแบบนี้ข้าก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้มิใช่หรือไง?"อีกอย่าง ถูซินเยว่เองก็ไม่มีความคิดการให้ความสำคัญชายมากกว่าหญิงด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status