ฉู่เหมียนยิ้มเล็กน้อยและยกแตงโมในมือขึ้น เสมือนเป็นการทักทายกู้ว่างเชินกู้ว่างเชินก่นบ่นในใจ ก่อนจะเดินไปพูดคุยกับแขกคนอื่น ๆ อย่างสุภาพฉู่เหมียนยิ้มวางเปลือกแตงโมลง ขณะที่เธอกำลังเช็ดปลายนิ้วตัวเองอยู่ ก็มีใครบางคนเดินเข้ามาใกล้เธอเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าคนที่เดินมาไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นลู่อี้พี่ชายของลู่เจียวแม้จะบอกว่านี่เป็นงานเลี้ยงของวงการบันเทิง แต่ดูเหมือนจะเป็นงานเลี้ยงของเหล่าผู้ทรงอิทธิพลในเมืองอวิ๋นเสียมากกว่าลู่อี้มองฉู่เหมียนแวบหนึ่ง ก่อนจะหยิบแก้วน้ำข้าง ๆ ขึ้นดื่มฉู่เหมียนกำลังลังเลอยู่ว่าจะทักลู่อี้ดีหรือไม่ เพราะระหว่างเธอกับลู่อี้…แต่ในระหว่างที่เธอยังตัดสินใจไม่ได้นั้น ลู่อี้ก็เปิดประเด็นพูดขึ้นก่อน“ได้ยินมาว่าคุณกับกู้ว่างเชินหย่ากันแล้ว?”ฉู่เหมียนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเขา ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปาก สูทสีดำทำให้เขาดูสง่างาม มือข้างหนึ่งของเขาล้วงกระเป๋า ส่วนอีกมือถือแก้วน้ำไว้อย่างผ่อนคลายลู่อี้จัดว่าเป็นคนที่ดูสุขุมและมีระดับคนหนึ่ง แต่คำถามของเขากลับซ่อนความยินดีที่ปิดไม่มิดฉู่เหมียนถอนหายใจเล็กน้อย เธอพอเข้าใจได้ว่าที่ลู่อี้ดีใจ คงเป็นเพราะดีใจแทนน้องสาวของเข
ยัยเสิ่นเหรา จะพูดตามน้ำให้ฉันหน่อยไม่ได้เลยหรือไงกันทั้งสองคนมองกันและกันด้วยสายตาที่มีท่าทางเหมือนพร้อมที่จะปะทะกัน“รบกวนคุณทั้งสองมองมาทางนี้หน่อยครับ!” ทันใดนั้นช่างภาพคนหนึ่งก็เอ่ยเรียกทั้งสองขึ้นเสิ่นเหราและสวี่เม่ยหันไปทางช่างภาพพร้อมกัน จับมือกันยิ้มอย่างสดใสเหมือนดอกไม้บาน “…” ฉู่เหมียนคิดในใจ นี่คงเป็นความมืออาชีพของนักแสดงสินะแต่ถึงอย่างไร สวี่เม่ยก็ยังห่างชั้นจากเสิ่นเหราอยู่มากกระโปรงพู่ระย้าของเสิ่นเหราเปล่งประกายสะดุดตา ขณะที่สวี่เม่ยถึงแม้จะใส่ชุดที่เผยผิวมากกว่า แต่กลับไม่โดดเด่นเท่า ดังนั้น เมื่อยืนคู่ด้วยกัน สวี่เม่ยก็ดูด้อยกว่าทันทีฉู่เหมียนคิดในใจ หากเธอเป็นสวี่เม่ย เธอคงไม่พาตัวเองไปอยู่ใกล้เสิ่นเหราให้เปรียบเทียบชัดขนาดนี้เพราะออร่าและเสน่ห์ของเสิ่นเหรานั้นเจิดจ้าเกินไป“นี่อาเหรา เธอได้ยินข่าวนี้หรือยัง? เรื่องที่ประธานต้วนกำลังมองหาพรีเซนเตอร์คนใหม่น่ะ” สวี่เม่ยพูดกับเสิ่นเหรา“เหรอ ไม่เห็นรู้เลย” เสิ่นเหราส่ายหัว แสร้งทำเป็นไม่รู้“นี่เธอไม่รู้จริง ๆ เหรอ?” สวี่เม่ยทำหน้าประหลาดใจ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “แต่จะรู้หรือไม่รู้ก็คงไม่สำคัญ เพราะงานนี้ ฉันเ
ฉู่เหมียนเพิ่งจะพูดคุยกับเสิ่นเหราไปสองประโยค ต้วนจิ่นเหนียนก็เดินเข้ามา“สองสาวคุยกันแค่สองคนมันจะเหงาเกินไปหรือเปล่า เพิ่มผมอีกสักคนดีไหมครับ?” ต้วนจิ่นเหนียนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แฝงความขี้เล่นเล็กน้อยฉู่เหมียนกอดอก ก่อนจะพยักพเยิดคางไปทางสวี่เม่ย “ฉันว่าคุณคุยกับสวี่เม่ยก็สนุกดีอยู่แล้วนี่คะ”สวี่เม่ยอย่างนั้นเหรอ?ต้วนจิ่นเหนียนเหลือบมองไปทางสวี่เม่ย ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “ผมไม่รู้จักเธอเลยนะครับ”“ในวงการนี้ ผมก็รู้จักแค่คนนี้เท่านั้น” เขาชี้ไปที่เสิ่นเหรา ทำเอาเสิ่นเหราที่กำลังกินอาหารอยู่ถึงกับชะงัก“คุณต้วนอุตส่าห์จำฉันได้ นับเป็นเกียรติของฉันจริง ๆ” เสิ่นเหราแกล้งยิ้มให้ต้วนจิ่นเหนียนอย่างสุภาพต้วนจิ่นเหนียนจิ๊ปากเบา ๆ แล้วเอนตัวพิงเคาน์เตอร์บาร์ พลางจ้องมองเสิ่นเหราด้วยสายตาเต็มไปด้วยความสนใจ “ยิ้มได้ดูปลอมจังเลยนะครับ”“ยังมีปลอมกว่านี้อีกนะคะ คุณอยากดูไหมล่ะ?” เสิ่นเหราเหลือบตามองต้วนจิ่นเหนียน น้ำเสียงเรียกได้ว่าไม่เป็นมิตรเลยสักนิดทั้งชีวิตต้วนจิ่นเหนียนพบเจอผู้คนมามากมาย เธอปฏิบัติต่อเขาด้วยความเป็นศัตรูหรือความเคารพ เขาสามารถมองออกได้ในทันทีเขาขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อน
ต้วนจิ่นเหนียนจิ๊ปาก รู้สึกเหมือนโดนเสิ่นเหราเล่นงานเข้าให้แล้ว!“ไม่แน่ใจครับ” เขามองไปทางลู่เจียวคืนนี้ลู่เจียวแต่งตัวสวยเหมือนหงส์ตัวน้อย ๆ ด้วยอาการป่วยของเธอในวันนี้ ทำให้ดูน่ารักและมีเสน่ห์ และมีความรู้สึกเปราะบางเล็กน้อยเมื่อลู่เจียวเข้ามาถึงงาน เธอก็ปรี่ตรงเข้าหากู้ว่างเชินทันที ผู้คนรอบ ๆ กู้ว่างเชินต่างหลีกทางให้กับเธอลู่เจียวยืนอยู่ตรงหน้ากู้ว่างเชิน มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย เธอเอ่ยเรียกเขา “อาเชิน”“คุณมาทำอะไรที่นี่?” กู้ว่างเชินถามด้วยความแปลกใจ ทำไมเธอไม่พักผ่อนอยู่ที่โรงพยาบาล มาที่นี่ทำไมกัน?ลู่เจียวยิ้มเล็กน้อย “ฉันก็ต้องมาออกงานกับคุณสิคะ”“แต่คุณยังไม่หายดี” กู้ว่างเชินลดเสียงลงลู่เจียวรีบส่ายหน้าส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอก”ตอนนี้กู้ว่างเชินหย่ากับฉู่เหมียนแล้ว เธอก็สามารถปรากฏตัวคู่กับเขาในที่สาธารณะได้อย่างเปิดเผย ทุกงานที่ทำให้คนรู้จักเธอ เธอก็จะไม่พลาดแม้แต่ครั้งเดียว!“ประธานกู้ ผู้หญิงคนนี้คือใครเหรอคะ?” หลินเม่ยจงใจถามเขากู้ว่างเชินหันมองไปที่หลินเม่ยด้วยสายตาเย็นชา ลู่เจียวเป็นใครยังต้องให้เขาแนะนำอีกอย่างนั้นเหรอ?ข่าวว่าเขานอกใจฉู่เหมียนไปหาลู
ลู่เจียวชะงักไปเล็กน้อย รีบคว้าแขนกู้ว่างเชินโดยไม่รู้ตัว แต่ก็คว้าไม่ทัน ฉู่เหมียนมองการกระทำของกู้ว่างเชินอย่างเงียบ ๆ เขาสะบัดเสื้อผ้าเล็กน้อย แล้วเหลือบมองฉู่เหมียน“ลู่อี้” กู้ว่างเชินหันไปมองลู่อี้ที่เดินเข้ามาลู่อี้พยักหน้า “อืม” เสียงเดียว แล้วเดินมาหาลู่เจียว“ลู่เจียวยังป่วยอยู่ พาเธอกลับโรงพยาบาลเถอะ ที่นี่คนเยอะแยะวุ่นวาย ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาคงไม่ดี” กู้ว่างเชินพูดเสียงทุ้ม สั่งการอย่างชัดเจนลู่เจียวเหลือบมองกู้ว่างเชิน ก่อนจะมองไปทางฉู่เหมียนที่กำลังคุยกับเสิ่นเหราอยู่ลู่เจียวกัดริมฝีปาก เธอไม่พอใจชี้ไปที่ฉู่เหมียนที่อยู่ไม่ไกล แล้วถามกู้ว่างเชินว่า “ให้ฉันไปเพราะเธออยู่ที่นี่ใช่ไหม?”“ไม่ใช่” กู้ว่างเชินตอบเสียงเย็นชาลู่เจียวหัวเราะ เธอถามกู้ว่างเชินด้วยน้ำตาคลอเบ้า “อาเชิน คุณพูดประโยคนี้ด้วยใจจริงหรือเปล่า?”กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว พูดอย่างจริงจัง “ลู่เจียว เชื่อฟังหน่อย”ลู่เจียวหัวเราะ เธอมองกู้ว่างเชิน น้ำตาไหลลงมา ถามด้วยความรู้สึกเหมือนจะพังทลาย “แต่คุณไม่คิดเหรอว่าฉันเชื่อฟังเกินไป เลยถูกคุณรังแกแบบนี้?”กู้ว่างเชินไม่สนใจ แต่เหลือบมองลู่อี้ เป็นการบอกให้
“แสงจันทร์แล้วยังไง เขาอยู่กับเธอมาตั้งสามปี เหมียนเหมียนของเราน่ารักและสวยขนาดนี้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าสามปีนี้เขาจะไม่หวั่นไหวเลยสักนิด!” เสิ่นเหราทำหน้าจริงจัง เหมือนเป็นที่ปรึกษา “อย่าลืมนะ ตอนมัธยมปลายเขาสนิทกับเธอมากกว่า!”ฉู่เหมียนพยักหน้าเสิ่นเหราพูดถูกต้องฉู่เหมียนมองเสิ่นเหรา ดวงตากลมโตน่ารักกะพริบปริบ เธอถามว่า “แล้วทำไมเขาถึงไม่รักฉัน?”เสิ่นเหราชะงัก “…”ใช่แล้วทำไมกู้ว่างเชินถึงไม่รักฉู่เหมียนกันนะ?ฉู่เหมียนด้อยกว่าแม่เจ้าเล่ห์นั่นตรงไหน?ฉู่เหมียนมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นกู้ว่างเชินพาลู่เจียวไปนั่งฉู่เหมียนดื่มแชมเปญในมือหมดแก้ว แล้วกำแก้วไว้แน่น“คุณต้วน ยังมีธุระอะไรอีกไหมคะ?” เสิ่นเหราถามต้วนจิ่นเหนียนที่อยู่ข้าง ๆต้วนจิ่นเหนียนพยักหน้า เขามีธุระจริง ๆแต่…ดูจากท่าทางของลู่เจียวเมื่อกี้ ดูเหมือนไม่เหมาะสมที่เขาจะพูดเรื่องของตัวเองตอนนี้“คุณเสิ่นอยู่ที่เมืองอวิ๋นตลอดเลยเหรอครับ?” ต้วนจิ่นเหนียนถามเสิ่นเหรา“ฉันต้องกลับไปทำงานที่กองถ่ายพรุ่งนี้” เสิ่นเหราตอบอย่างเรียบ ๆ พลางมองต้วนจิ่นเหนียนอย่างพิจารณา เขาต้องการอะไร?ต้วนจิ่นเหนียนแสดงสีหน้าเสียใจ เส
เมื่อเดินออกมาจากอาคารใหญ่ สายฝนโปรยปรายบาง ๆ สัมผัสแก้มของฉู่เหมียน เธอเหยียดมือออกรับละอองฝนที่จริงแล้ว ฉู่เหมียนค่อนข้างชอบวันฝนตก หากไม่มีเสียงฟ้าร้องอย่างเช่นตอนนี้ทุกคนต่างเดินอย่างไม่เร่งรีบ ช่วงเวลาแบบนี้ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเมื่อฉู่เหมียนเดินออกจากประตู ฝนหยดแรกก็ตกลงบนไหล่ของเธอทันที เย็นฉ่ำ ให้ความรู้สึกบอกไม่ถูกฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้น ปล่อยให้ละอองฝนละเอียดอ่อนตกลงบนใบหน้าและลำคอบริเวณหน้าประตูมีแอ่งน้ำขังอยู่ ฉู่เหมียนถอดรองเท้าส้นสูงออก แล้วก้าวเข้าไปย่ำในน้ำอย่างมีความสุข คล้ายกับเด็กสาวที่ได้กลับมาเล่นสนุกในวัยเยาว์ตั้งแต่เด็ก ๆ เธอชอบน้ำมาก เริ่มเรียนว่ายน้ำตั้งแต่อายุสี่ห้าขวบแต่ไม่คิดว่าสุดท้ายแล้ว เธอจะเป็นคนที่กลัวน้ำที่สุดท้องฟ้ามืดครึ้ม เมืองอวิ๋นเงียบสงบลงเล็กน้อยเพราะฝนตก สื่อมวลชนที่ดักรออยู่ด้านนอกเห็นฉู่เหมียนออกมา คิดว่าเธอน่าจะกลับไปแล้ว แต่กลับพบว่าเธอกำลังยืนตากฝน ทุกคนต่างพากันสงสัยหรือว่าเพราะการมาของลู่เจียวจะกระทบจิตใจคุณหนูฉู่?ฉู่เหมียนไม่ได้สังเกตเห็นสื่อมวลชนที่กำลังจับกลุ่มอยู่ไกล ๆ เธอจมอยู่กับโลกของตัวเองฉู่เหมียนนั่งลง ใช้
แล้วฉู่เหมียนก็ได้ยินเสียงเรียก “คุณหนูลู่”กู้ว่างเชินเอียงตัวเล็กน้อย เหลือบมองไปที่ประตู บังเอิญเห็นลู่เจียวอยู่ใต้ชายคาลู่เจียวจ้องมองทั้งสองคนอยู่ครู่หนึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่กู้ว่างเชินจะขอปลีกตัวออกมา ที่แท้ก็มาตากฝนกับฉู่เหมียนนี่เองลู่เจียวเดินฝ่าสายฝนเเข้ามาทันทีกู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ถือร่มแน่นขึ้น ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีฉู่เหมียนเห็นเขาลังเล จึงผลักร่มของเขาออกผู้ชายคนหนึ่งไม่สามารถถือร่มให้ผู้หญิงสองคนได้พร้อมกันถึงจะทำได้ ก็ต้องมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องลำบากลู่เจียวยืนอยู่ไม่ไกล เธอกับฉู่เหมียนต่างก็ตากฝนอยู่เธอแค่อยากรู้ว่าในใจของกู้ว่างเชินใครสำคัญกว่ากัน ฉู่เหมียน หรือเธอสีหน้าของกู้ว่างเชินซับซ้อนมาก“อาเชิน คุณต้องเลือกสักคนแล้วล่ะ” ลู่เจียวพูดเบา ๆฉู่เหมียนได้ยินดังนั้นจึงมองกู้ว่างเชิน เห็นความสงบของเขา จึงพูดเบา ๆ ว่า “ฉันถูกเลือกมาหลายครั้งแล้ว ฉันเป็นคน ไม่ใช่สินค้า อย่าเอาฉันมาเป็นตัวเลือกอีก”ลู่เจียวไม่รำคาญ แต่ฉู่เหมียนรำคาญแล้ว“ฉู่เหมียน เธอกลัวสินะ!” ลู่เจียวลดเสียงลงแล้วถามฉู่เหมียนฉู่เหมียนหัวเราะ “ฉันต้องกลัวอะไร? กลัวเขาไม่เลือกฉั
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ