ในศาลาเล็ก ๆในสวนของแผนกผู้ป่วยใน กู้ว่างเชินเอ่ยถามลู่เจียว “คุณเห็นข่าวพวกนั้นแล้วใช่ไหม?”ลู่เจียวที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ฉันเห็นแล้วล่ะ”“มีหลายความคิดเห็นไม่ดี คุณไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ มันไม่สำคัญ เข้าใจไหม?” กู้ว่างเชินขมวดคิ้วปลอบลู่เจียว เขากลัวว่าความคิดเห็นแย่ ๆ พวกนั้นจะทำให้เธอคิดมากอีกเพราะตอนนี้เรื่องราวก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว“เข้าใจแล้ว อาเชิน” เธอพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “แล้ว อาเชิน… คุณพอจะรู้ไหมว่าใคร… ปล่อยข่าวนั้นออกมา?”กู้ว่างเชินมองเธอแวบหนึ่ง รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุอี้เซินยังคงสืบหาข้อมูลอยู่“อาเชิน คือฉัน…” ลู่เจียวขยับปาก คล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่างกู้ว่างเชินดึงปกเสื้อขึ้น เงยหน้ามองเธอ “มีอะไรจะพูดงั้นเหรอ?”น้ำเสียงของเขาดูทุ้มต่ำลงเล็กน้อย ทำให้ลู่เจียวรู้สึกลังเลว่าจะพูดดีหรือไม่กู้ว่างเชินที่อารมณ์เสียอยู่แล้วเห็นเธออึก ๆ อัก ๆ ก็ยิ่งไม่พอใจ “มีอะไรก็ว่ามา!”ลู่เจียวเม้มริมฝีปากก่อนยืนขึ้นมานั่งข้าง ๆ กู้ว่างเชิน เธอเอื้อมมือจับไปที่แขนของเขากู้ว่างเชินมองเธอ ตั้งแต่มือของเธอจนถึงใบหน้าลู่เจียวทำ
กู้ว่างเชินเอ่ยเสียงเบา “ปล่อยมือเถอะ”“ไม่ปล่อย” ลู่เจียวส่ายหัวด้วยตาแดงก่ำ แสดงท่าทีที่น่าสงสารฉู่เหมียนเห็นมือของลู่เจียวที่โอบกอดกู้ว่างเชินแน่นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่พยายามทำเป็นไม่ใส่ใจและพูดขึ้นว่า “ฉันไปเยี่ยมคุณย่ามาแล้ว ท่านไม่เป็นอะไรมากแล้ว จะมาบอกแค่นี้ งั้นฉันกลับไปทำงานต่อนะ”เมื่อพูดจบ ฉู่เหมียนก็หันหลังกลับ“ฉู่เหมียน” กู้ว่างเชินเรียกเธอโดยไม่รู้ตัวฉู่เหมียนหันมามองเขาเล็กน้อย สายตาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่ลู่เจียว ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ แล้วเอ่ยตอบเสียงเรียบ “พูดมาสิ”กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ทั้งสองสบตากันเขานิ่งไปสองสามวินาที ก่อนจะพูดว่า “เลิกงานแล้วเรามาคุยกัน”ฉู่เหมียนมองตากู้ว่างเชินที่มีเสน่ห์อย่างลึกซึ้ง ในดวงตาของเขาเหมือนมีคำพูดมากมาย แต่คำพูดเหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยความสงสัยและความน้อยใจฉู่เหมียนเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง เธอเบือนสายตากลับไป ก่อนพยักหน้าเงียบ ๆ “โอเค”แน่นอนว่าเธอคงจะต้องเป็นแพะรับบาปอีกครั้งฉู่เหมียนหัวเราะขมขื่น ก่อนจะถอนหายใจเงียบ ๆ กู้ว่างเชินมองตามฉู่เหมียนที่จากไป ก่อนหันไปมองลู่เจียว “ปล่อยมือได้แล้ว”เขายังไม่รู้หรือว่าล
กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว เขากดโทรหาอี้เซินทันที ก่อนจะนำโทรศัพท์แนบหูเขายื่นมือไปหยิบบุหรี่ในรถออกมาแต่อี้เซินกลับไม่รับสายเขากู้ว่างเชินขมวดคิ้วแล้ววางสาย เขาส่งข้อความกลับไป:“?”กู้ว่างเชินเพิ่งจุดบุหรี่ขึ้น ก็เห็นฉู่เหมียนเดินออกมาจากโรงพยาบาลพร้อมเพื่อน ๆ สองสามคนเมื่อฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้น เธอก็สบตากับกู้ว่างเชินพอดีกู้ว่างเชินสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วโยนบุหรี่ลงถังขยะข้าง ๆ อย่างไม่รีบร้อนเขาปัดเสื้อเบา ๆ ราวกับจะพยายามปัดกลิ่นบุหรี่ออกไปฉู่เหมียนยืนอยู่ตรงหน้าเขา เมื่อเห็นเขาเดินไปหยิบน้ำจากในรถขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก ก่อนจะพูดเสียงเย็นชา “ขึ้นรถสิ”“มีอะไรเหรอ? ถ้าไม่มีเราก็คุยที่นี่เลย ฉันจะไปเยี่ยมคุณย่า” ฉู่เหมียนไม่คิดที่จะขึ้นรถกู้ว่างเชินมองไปรอบ ๆ บริเวณนั้นมีคนจำนวนมาก ช่วงเวลาเลิกงานมีผู้คนพลุกพล่านพวกเขาคือข่าวฮอตในขณะนี้ คุยที่นี่จะเหมาะสมไหม?เมื่อเห็นกู้ว่างเชินลังเล ฉู่เหมียนจึงพูดก่อน “นายอยากถามฉันใช่ไหมว่าเรื่องหย่ามันคือฝีมือฉันที่บอกหรือเปล่า?”กู้ว่างเชินถึงกับเงียบฉู่เหมียนรู้ดีว่าเรื่องราวเกิดขึ้นแบบนี้ เขาจะต้องสงสัยเธอเป็นคนแรกกู้ว่างเชินรู้สึก
ร้านกาแฟฉู่เหมียนขยี้ข้อมือของตัวเอง ขณะที่มองหาภาพของพระจันทร์ในท้องฟ้าที่มืดครึ้มในขณะนั้น ลู่เจียวยืนมองฉู่เหมียนอย่างเงียบ ๆ ดวงตาของเธอปราศจากอารมณ์ฉู่เหมียนมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าภายในร้านกาแฟนั้นไม่มีใคร“ฉันเหมาทั้งร้านไว้แล้ว” ลู่เจียวพูดเสียงเรียบฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้นมอง เหมาทั้งร้านอย่างนั้นเหรอ?พวกเธอสองคนคุยกันแบบสบาย ๆ ก็พอ ทำไมต้องยุ่งยากขนาดนั้น? เงินไม่ได้หามาได้ง่าย ๆ สักหน่อย “ก็เพราะตอนนี้เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ถูกจับตามอง การเจอกันระหว่างเมียน้อยกับเมียหลวง ถ้าโดนถ่ายก็จะถูกพูดถึงกันน่ะสิ” ลู่เจียวดื่มกาแฟฉู่เหมียนเริ่มมองลู่เจียวอย่างละเอียดคนตระกูลลู่ โดดเด่นที่สุดก็คือจมูก ผู้หญิงจะมีจมูกที่สวยงามและเล็กเรียว ส่วนผู้ชายจะมีจมูกโด่งคมเข้มแต่จมูกของลู่เจียวกลับไม่เหมือนกับคนในตระกูลลู่เลยสักนิดถ้าจะพูดให้ถูก ลู่เจียวดูไม่เหมือนกับคนในตระกูลลู่ด้วยซ้ำเวลาผ่านไปทีละนาที ฉู่เหมียนยกกาแฟที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยถามเธอ “เธออยากคุยอะไรกับฉัน?”ทันทีที่พูดจบ โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นโม่อี้: ‘ลูกพี่ ข่าวที่เธอกับกู้ว่างเชินมีปัญหาชี
“ลู่เจียว ที่ฉันมาคุยกับเธอ ไม่ใช่มาคุยเรื่องกู้ว่างเชิน” ฉู่เหมียนวางถ้วยกาแฟลง แล้วมองไปที่ลู่เจียว “แต่เป็นเรื่องของคุณย่า”“ยายแก่นั่น มีอะไรต้องคุยดีอีก?” ลู่เจียวเกลียดเธอจนแทบอยากจะฆ่า!“ตำแหน่งของตระกูลกู้ในเมืองอวิ๋นคงไม่ต้องพูดถึงหรอกนะ? เธอก่อเรื่องนี้ขึ้น รู้ไหมว่ามันทำให้ตระกูลกู้ประสบปัญหามากแค่ไหน?”ลู่เจียวไม่ได้แยแสเรื่องนี้สักนิด ขอแค่ให้เธอได้แต่งงานกับกู้ว่างเชิน ได้ครอบครองเขา เธอทำได้ทุกอย่าง“ถ้าเธออยากแต่งงานกับกู้ว่างเชิน อยากเข้าไปในตระกูลกู้ ฉันขอเตือนเธอไว้ก่อนเลยนะ ควรเคารพคุณย่าให้มากกว่านี้” ฉู่เหมียนเอ่ยเตือนลู่เจียวลู่เจียวหัวเราะเยาะ เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เหมียน ก็อดนึกถึงสิ่งที่ฉู่เหมียนทำกับตระกูลกู้ในหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้เธอจึงเอ่ยอย่างประชด “นี่ฉู่เหมียน เธอคิดว่าฉันจะเหมือนเธอหรือไง? ที่จะทำตัวเป็นหมาเลียเท้าให้ครอบครัวกู้ แค่เพื่อจะได้แต่งกับกู้ว่างเชิน?” “…” ช่วงเวลานั้นฉู่เหมียนไม่ได้ตอบอะไรเธอกลับไปการที่เธอทำดีต่อครอบครัวของเขาด้วยความจริงใจ กลับกลายเป็นการทำตัวเป็นหมาเลียเท้าเสียอย่างนั้นเมื่อฉู่เหมียนกำลังจะต่อว่าเธอกลับ ทันใด
รถจอดอย่างกระทันหัน ลู่เจียวหายใจแรงใบหน้าซีดเซียว“ลงรถ” กู้ว่างเชินมองลู่เจียวด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงดุดันลู่เจียวกัดริมฝีปาก “อาเชิน…ฉันผิดไปแล้ว”“ผมบอกให้ลงจากรถ!” เขามองลู่เจียวด้วยสายตาเย็นชา คำพูดสั้น ๆ แต่ทำให้ลู่เจียวไม่อาจขัดคำสั่งได้“นี่มันทางด่วนวงแหวนนะ คุณจะทิ้งฉันไว้ที่นี่จริง ๆ เหรอ?” ลู่เจียวเอ่ยพร้อมน้ำตาคลอ“คุณหนูลู่มีความสามารถนักไม่ใช่เหรอ? ทางแค่นี้คงไม่ทำให้คุณลำบากหรอก” กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว“ลู่เจียว จำไว้นะ คุณสามารถใช้ประโยชน์จากผมได้ ทำให้ตระกูลกู้ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากได้ แต่ถ้าคุณย่าเป็นอะไรขึ้นมา ผมจะไม่ให้อภัยคุณ ต่อให้คุณจะเคยช่วยชีวิตผมก็ตาม” เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขนาดนี้ลู่เจียวรู้สึกเหมือนถูกตีหัว “คุณย่าสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?”“ทำไมคุณถึงถามแบบนั้น?” กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว “ลู่เจียว ถ้าคุณไม่เคารพคุณย่า คุณก็อย่าหวังว่าจะได้เข้าไปในตระกูลกู้!”“ฉันก็ให้ความเคารพท่านแล้ว แต่ท่านกลับทำให้ฉันอับอายต่อหน้าสื่อ! ให้ฉันลงจากเวที และบอกให้ฉันเป็นน้องสาวของคุณ! อาเชิน คุณจะให้ฉันทำยังไง?” ลู่เจียวรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมากก
เสียงฝนตกกระทบกระจกดัง “ติ๊ง ๆ” ชวนให้ผู้ฟังรู้สึกอึดอัด“ผมออกไปข้างนอกสักครู่นะครับ” กู้ว่างเชินลุกขึ้น พร้อมหยิบเสื้อคลุมข้างตัวแล้วเดินออกไป“นั่งแค่ไม่กี่นาทีก็ไปซะแล้ว” กู้จวิ้นอันเอ่ยตำหนิกู้ว่างเชินหน้าห้องแผนกผู้ป่วยฉู่เหมียนมองฝนที่ตกหนัก ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง รีบเร่งแค่ไหน ฝนก็ตกหนักจนได้“ทำไมช่วงนี้เมืองอวิ๋นถึงฝนตกตลอดเลยนะ?”“ฝนตกก็ว่าไปอย่าง นี่ยังมีฟ้าร้องฟ้าแลบตลอด น่ากลัวจริง ๆ” พยาบาลคนหนึ่งพูดขึ้นฉู่เหมียนเงยหน้ามองท้องฟ้า พลางนวดไหล่และกระดูกสะบักของตนเบา ๆ สายฟ้าสว่างวาบขึ้นมา ทำให้ฉู่เหมียนหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว ไม่นานนัก เสียงฟ้าร้องก็ดังตามมาฉู่เหมียนอยากจะพยายามเอาชนะความกลัว แต่ก็ถอยหลังไปสองก้าว ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยฉู่เหมียนสูดหายใจเข้าลึก เธอลืมตาขึ้น ยกมือทั้งสองข้างบังเหนือศีรษะแล้วพุ่งตัวออกไปกลางสายฝนทันทีสายฝนที่ตกหนักทำให้เธอเปียกโชกอย่างรวดเร็ว เสียงลมหวีดหวิวดังอยู่ข้างหูหยดฝนกระทบใบหน้า ความรู้สึกหมดหนทางและอึดอัดนี้ทำให้ฉู่เหมียนหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เธอถูกโยนลงไปในทะเลทั้งอึดอัด เหน็บหนาว และหายใจไม่ออกฉู่เหมียนค่อย ๆ หยุดฝ
ตลอดสามปีที่ผ่านมา เขาทิ้งฉู่เหมียนและไปหาลู่เจียวนับครั้งไม่ถ้วนจากที่ตอนแรกเธอมักจะพูดว่า “ฉันเป็นภรรยาของคุณ ฉันต่างหากที่เป็นคนที่คุณควรใส่ใจ” แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็น “ลู่เจียวกำลังตามหาคุณ”เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จู่ ๆ กู้ว่างเชินก็หักพวงมาลัยฉู่เหมียนมองเขา “จะไปไหน?”“กลับวิลล่า” เสียงของเขาฟังดูหงุดหงิดและดื้อรั้นอย่างบอกไม่ถูก “กู้ว่างเชิน ไปส่งฉันที่บ้าน” ฉู่เหมียนสั่งเขาอย่างเคร่งขรึม“คืนนี้พักที่บ้านฉัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“จะให้ฉันกระโดดลงไป หรือจะไปส่งฉันฉันบ้าน” ฉู่เหมียนมองกู้ว่างเชินด้วยสายตาที่เยือกเย็น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความข่มขู่กู้ว่างเชินหันศีรษะไปมองเธอดวงตาของฉู่เหมียนเต็มไปด้วยความจริงจัง ราวกับว่าเธอจะกระโดดลงจากรถในวินาทีถัดไปจริง ๆข้อตกลงเสร็จสิ้นแล้ว และพวกเขาไม่ควรพัวพันกันต่อไปแบบนี้ การอยู่ห่างจากเขาเป็นหนึ่งในแผนขั้นต่อไปของฉู่เหมียน รถค่อย ๆ ชะลอความเร็วลงและในที่สุดก็จอดลงที่ข้างถนนเสียงฝนตกกระทบหลังคารถเป็นจังหวะ ทำให้รู้สึกหน่วงในใจฉู่เหมียนมองกู้ว่างเชินอย่างเฉยเมย ไม่มีร่องรอยความอ่อนโยนในดวงตาของเธอ มีแต่ความโล่งใจและคว
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ