เขาเงยหน้าขึ้น ขานตอบเบา ๆ และผูกเนกไทต่อ ราวกับว่าไม่ได้สนใจอะไรต้องบอกว่าผู้ชายคนนี้หล่อมากเกินไปจริง ๆ แม้จะเป็นตอนที่งัวเงียหลังจากเพิ่งตื่นนอนก็ตามเขาเม้มริมฝีปากแล้วหยิบเสื้อสูทที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา ฉู่เหมียนมองดูปลายนิ้วเรียวบางของเขาที่กำลังติดกระดุมเสื้อทีละอันชิลู่เจียวช่างโชคดีจริง ๆ“ไปก่อนนะ” เขากล่าวฉู่เหมียนยืนอยู่ตรงนั้น มองดูแผ่นหลังของเขาที่จากไป พลางถอนหายใจในใจเมื่อเดินไปถึงประตู จู ๆ เขาก็หยุดฝีเท้าและหันกลับมามองฉู่เหมียนฉู่เหมียนก็มองเขาเช่นกัน หื้ม?ทันใดนั้นเขาก็ยกมุมปากขึ้น เลิกคิ้ว แล้วพูดด้วยท่าทางสบาย ๆ “เอวของคุณฉู่นั้นนุ่มมากจริง ๆ”ฉู่เหมียน “...”ให้ตายเถอะ!เมื่อนึกถึงตัวเองที่เผลอหลับแล้วเข้าไปในอ้อมแขนของเขาเมื่อกลางดึก ฉู่เหมียนก็รู้สึกอาย เธอมันไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆแค่เสียงฟ้าร้อง ฝนตกเองไม่ใช่เหรอ จะกลัวอะไร?น่าอายที่สุด!แล้วเมื่อคืนนี้เขาพูดถึงคืนที่เขาเมา...มันเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาเมากัน? เธอลืมอะไรไปกันแน่?ทำไมกู้ว่างเชินถึงได้ดูกัดฟันเมื่อพูดถึงเรื่องในคืนนั้น?เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉู่เหมียนก็รู้สึกหงุดหงิดอ
“ผู้อำนวยการชู ให้ฉันออกจากโรงพยาบาลเถอะนะคะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ!”ชูหลานมาเยี่ยมฉู่เหมียน ฉู่เหมียนจับแขนของเธอและอ้อนวอนขอร้องให้ตัวเองออกจากโรงพยาบาลอย่างน่าสงสารชูหลานดูผลตรวจของฉู่เหมียนและพูดอย่างเกียจคร้าน “ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากให้เธอออกจากโรงพยาบาล แต่ผอ.หลินต่างหากที่ไม่ให้เธออก ฉันเองก็ทำอะไรไม่ได้!”“เฮ้อ!” ฉู่เหมียนนั่งลงบนเตียงด้วยความหงุดหงิด และมองชูหลานพลางเบ้ปาก “ฉันอยากกลับไปทำงานแล้ว ฉันรักงานของฉันมาก ผู้อำนวยการชู คุณเข้าใจฉันไหมคะ?”ชูหลานหัวเราะต้องตามเธอเข้าห้องผ่าตัดทุกวัน ยุ่งมากทั้งกลางวันและกลางคืน แถมยังถูกเธอวิพากษ์วิจารณ์อีก ฉู่เหมียนจะรักงานของเธอได้ยังไง?“เอาล่ะ ฉันจะไปคุยกับผอ.ให้” ชูหลานลูบหัวฉู่เหมียนเบา ๆฉู่เหมียนทำตัวเป็นเด็กดีทันที“ฉันขอไปเยี่ยมเฉินจือได้ไหมคะ?” ฉู่เหมียนถามชูหลานชูหลานพยักหน้า “ได้สิ”ฉู่เหมียนเปลี่ยนรองเท้าทันทีและเดินตามชูหลานไปเยี่ยมเฉินจือเฉินจือยังไม่พ้นขีดอันตราย และยังอยู่ในห้องไอซียูถึงแม้ว่าเมิ่งวั่งจะแทงเธอเข้าที่ท้อง แต่ก็แทงลึกมาก สิ่งสำคัญคือเขายังดึงมีดออกหลังจากแทงเข้าไปแล้ว!ฉู่เหมียนมองเฉิ
ฉู่เหมียนหันศีรษะ เมื่อเห็นคนที่มาก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยืนขึ้น “หานซือหลี่”หานซือหลี่สวมชุดสูทสีดำและแว่นตาขอบทอง ทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยความสง่างามเกินจะบรรยายเขาเดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกลิลลี่และอาหารในมือ พร้อมกับพูดติดตลกว่า “ผมมาเยี่ยมฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่น่ะ”ฉู่เหมียนเม้มริมฝีปาก “ฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่อะไรกันคะ สุดท้ายก็ให้คนอื่นมาบังมีดให้”“ทำไม คุณผิดหวังที่ไม่ได้รับมีดไว้เองเหรอ” เขาวางอาหารในมือลงแล้วยื่นดอกไม้ให้ฉู่เหมียน “ลิลลี่สด ๆ ครับ”ฉู่เหมียนมองช่อดอกไม้ในอ้อมแขนของเธอ และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหลายปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยได้รับดอกไม้จากกู้ว่างเชินเลยสักช่อเดียว “ขอบคุณนะคะ” ฉู่เหมียนยิ้ม “ฉันชอบมาก”“ผมซื้อของกินมาให้ด้วย ไม่รู้ว่าจะถูกปากคุณหรือเปล่า” เขาชี้ไปที่สิ่งของที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทีสบาย ๆ“ของที่คุณหานซื้อมาต้องถูกปากฉันแน่นอนอยู่แล้ว” ฉู่เหมียนเลิกคิ้ว น้ำเสียงของเธอฟังดูผ่อนคลาย และมีความสุข“คุณหนูฉู่ปากหวานจริง ๆ” เขาขบขัน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุขฉู่เหมียนจ้องหานซือหลี่ และสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของเขาอย่างละเอียดห
หลังจากที่หานซือหลี่พูดแบบนั้น เขาก็มองไปที่กู้ว่างเชินอย่างมีความหมาย กู้ว่างเชินจ้องเขาอย่างไร้อารมณ์ หากดวงตาของเขาสามารถฆ่าคนได้ หานซือหลี่คิดว่าตอนนี้เขาคงตายไปแล้ว หานซือหลี่เม้มริมฝีปากแล้วจากไปอย่างพึงพอใจทันทีที่เห็นประตูห้องพักผู้ป่วยปิดลง หมัดของกู้ว่างเชินก็กำแน่นขึ้นอย่างช้า ๆ“นายไม่กลับเหรอ?” คำถามของฉู่เหมียนดังก้องอยู่ในหูของเขากู้ว่างเชินเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างรวดเร็วและอดไม่ได้ที่จะกระตุกยิ้ม“ฉู่เหมียน ฉันเอาอาหารเย็นมาให้ และยังมาไม่ถึงห้านาทีเลยด้วยซ้ำ จะไล่ฉันแล้วเหรอ?”กลับกัน ตอนที่หานซือหลี่จะกลับ เธอยังอาลัยอาวรณ์และจะไปส่งเขา!ยัยผู้หญิงใจร้ายคนนี้เปลี่ยนใจเร็วเกินไปหรือเปล่า!ฉู่เหมียนเหลือบมองเวลาในโทรศัพท์แล้วพึมพำ “เกินห้านาทีแล้ว…”กู้ว่างเชิน “...”เขาจ้องฉู่เหมียนอย่างดุร้ายฉู่เหมียนมุ่ยปากแล้วพูดว่า “ก็ได้” เธอชี้ไปที่เก้าอี้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้น “คุณกู้ เชิญนั่งค่ะ”กู้ว่างเชินโกรธจนแทบบ้า“แม่บอกให้ฉันดูเธอกินข้าวให้หมดแล้วค่อยกลับ!” เขาเดินไปที่โต๊ะข้างเตียงแล้วเปิดกล่องอาหารดวงตาของเขาจ้องไปที่ของที่หานซือหลี่ซื้
นี่เป็นปัญหาที่เขาเองก็ตอบไม่ได้“นายไม่อยากหย่างั้นเหรอ?” ฉู่เหมียนถามขึ้นอีกครั้งกู้ว่างเชินเงียบอยู่นานขนตาของฉู่เหมียนสั่นไหว จากเรื่องตลกค่อย ๆ กลายเป็นเรื่องจริงจังในห้องที่เงียบสงัด เสียงหายใจอันร้อนแรงของทั้งสองชัดเจนเป็นพิเศษ ฉู่เหมียนเฝ้ามองกู้ว่างเชิน หายใจเร็วขึ้น และในที่สุดเขาก็ผลักเธอออก“หยุดเพ้อฝันได้แล้ว” เขาไม่มีวันตกหลุมรักฉู่เหมียนอย่างแน่นอนคำตอบที่เยือกเย็นและไม่แยแสทำให้ฉู่เหมียนรู้สึกมึนงงเล็กน้อย“หยุดเพ้อฝันได้แล้ว” เธอพึมพำคำตอบของกู้ว่างเชินเขาพูดแบบนี้กับเธอมานับครั้งไม่ถ้วนกู้ว่างเชินยืดตัวตรงพลางจัดคอเสื้อของตัวเอง ลูกกระเดือดของเขากลิ้งขึ้นลง และได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่าง เพราะไม่กล้ามองหน้าฉู่เหมียนฉู่เหมียนมองแผ่นหลังของเขาสักพัก ในที่สุดก็ยกยิ้ม “ฉันก็แค่ล้อเล่น นายดูร้อนรนนะ”“อย่าล้อเล่นแบบนี้ มันไม่ตลก” เขาขมวดคิ้วและหันกลับมา น้ำเสียงฟังดูวิตกกังวลเล็กน้อยฉู่เหมียนมุ่ยปากและถอนหายใจ “ดุจังเลยนะคะ คุณกู้”น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความออดอ้อนอย่างอธิบายไม่ถูก กู้ว่างเชินอดไม่ได้ที่จะมองเธออีกครั้ง เป็นเรื่องยากที่จะเห็นฉู่เหมียน
จนกระทั่งฝีเท้าหยุดลงเมื่อฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอก็เห็นชายที่คุ้นเคยฉู่เหมียนค่อย ๆ วางของในมือลงแล้วยืนขึ้น จากนั้นก็มองชายคนนั้นขึ้นลง“กู้... กู้ว่างเชิน นายเป็นอะไรไป?” ฉู่เหมียนรู้สึกงุนงงเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้นซางหานก็หันไปมอง และเห็นว่าปลายผมของกู้ว่างเชินเปียกโชกเพราะสายฝน เขาขมวดคิ้วมองฉู่เหมียน เห็นได้ชัดว่าเขาดูตื่นตระหนกและวิตกกังวล ด้านหลังกู้ว่างเชินตามมาด้วยอี้เซินและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนจากโรงพยาบาล“ทำไมไม่รับโทรศัพท์” เมื่อเขาเปิดปาก น้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความตำหนิ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธฉู่เหมียนแตะกระเป๋า โทรศัพท์?อ้อ ตอนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพักผู้ป่วยเธอลืมหยิบมันออกมา “อยู่...ในห้องพักผู้ป่วย” ฉู่เหมียนชี้ไปที่ชั้นล่างอย่างมึนงงกู้ว่างเชินก้าวไปข้างหน้า เขามองไปที่ฉู่เหมียน เห็นได้ชัดว่าเขามีหลายสิ่งที่อยากจะพูด แต่สุดท้ายก็เงียบอยู่ในห้องพักผู้ป่วย...ผู้หญิงโง่คนนี้รู้เปล่าว่าที่เธอไม่รับสายเขากลางดึก และไม่ได้อยู่ในห้องพักผู้ป่วยมันทำให้คนเขาเป็นห่วงมากแค่ไหน?กู้ว่างเชินเอียงศีรษะและอดไม่ได้ที่จะถอนห
ฉู่เหมียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และความคิดในใจก็ได้รับการยืนยันเขาตื่นตระหนกเพราะหาเธอไม่เจอเขาเริ่มมีความรู้สึกกับเธอแล้วใช่หรือเปล่า?“พรุ่งนี้ออกจากโรงพยาบาลใช่ไหม?” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นฉู่เหมียนปิดโทรศัพท์ และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้น กู้ว่างเชินก็ถือไดร์เป่าผมและกำลังเป่าผมอยู่ฉู่เหมียนพยักหน้า “ใช่”“ไม่จำเป็นต้องให้หานซือหลี่มารับ ฉันจะไปส่งเธอเอง” เขาพูดพลางเริ่มเป่าผมฉู่เหมียนม้วนผ้าห่มแล้วพึมพำ “ไม่ต้องรบกวนคุณกู้หรอกค่ะ”“เหอะ” เขาเยาะเย้ย เกาผมด้วยปลายนิ้ว แล้วดึงเครื่องเป่าผมออกจากนั้นก็โยนไดร์เป่าผมเข้าไปในตู้ แล้วเหลือบมองฉู่เหมียน “ถ้าไม่อยากรบกวนฉัน ก็เชื่อฟังฉัน”ฉู่เหมียน “...” ผู้ชายคนนี้เอาแต่ใจและไร้สาระจริง ๆ“บัตรประจำตัวของฉัน วันมะรืนนี้ก็เสร็จแล้ว” ฉู่เหมียนบอกกับเขา“รู้แล้ว” เขาตอบเสียงเบื่อหน่ายแล้วนอนลงบนโซฟาฉู่เหมียนมองเขาและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหลังจากแต่งงานกันมาสามปี ไม่เคยเห็นเขาทำดีต่อเธอขนาดนี้มาก่อนเลย ตอนนี้กำลังจะหย่ากันอยู่แล้ว มาสวมบทบาทเป็นสามีที่ดีทำไมกัน? ฉู่เหมียนก็นอนลงบนเตียงเช่นกันเวลาตีสอง ฉู่เหมียนประหลาดใจที่คืนนี้เธอ
“อย่ามาเรียกฉัน จะอ้วก!” ฉู่เหมียนกัดฟันและพ่นคำพูดเหล่านี้ออกมาหากบอกว่าวินาทีที่แล้วคือความอ่อนโยน ตอนนี้คงหลงเหลือแต่ความไร้ความปรานีกู้ว่างเชินคว้าเสื้อแล้วเยาะเย้ย จะอ้วกงั้นเหรอ?ร่างกายที่มีหนามแบบนี้สอดคล้องกับบุคลิกที่เย่อหยิ่งและครอบงำของฉู่เหมียนจริง ๆ!“ไปหาลู่เจียวของนายนู่น ไปแต่งงานกับลู่เจียวของนายซะ ฉันขอให้พวกนายโชคดี!” ฉู่เหมียนหยิบแอปเปิลขึ้นมาจากโต๊ะข้างเตียงแล้วขว้างใส่กู้ว่างเชิน “รีบไสหัวออกไป!”หากเขาอยู่ต่ออีกสักวินาทีเดียว เธอจะรู้สึกอับโชค!ชีวิตของลู่เจียวคือชีวิต แล้วชีวิตของเธอไม่ใช่ชีวิตงั้นเหรอ?แล้วยังมาบอกอีกว่าเธอกับลู่เจียวไม่เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นเธอก็แตกต่างจากลู่เจียวจริง ๆ นั่นแหละ เพราะเธอ ฉู่เหมียนมีเกียรติมากกว่าลู่เจียวหลายเท่า!กู้ว่างเชินอารมณ์เสียที่ถูกขว้างแอปเปิลใส่ เขาโกรธฉู่เหมียนและตะโกนขึ้นว่า “ไร้เหตุผล!”พูดจบเขาก็จากไปโดยไม่หันกลับมามองฉู่เหมียนคว้าผ้าห่มไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง และได้ยินเสียงประตูห้องพักผู้ป่วยที่ปิดลงทันใดนั้นก็มีบางอย่างเผาไหม้บนหลังมือของฉู่เหมียน…เช้าตรู่ฉู่เหมียนนอนไม่หลับทั้งคืนและออกไปวิ
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ