ฉู่เหมียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และความคิดในใจก็ได้รับการยืนยันเขาตื่นตระหนกเพราะหาเธอไม่เจอเขาเริ่มมีความรู้สึกกับเธอแล้วใช่หรือเปล่า?“พรุ่งนี้ออกจากโรงพยาบาลใช่ไหม?” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นฉู่เหมียนปิดโทรศัพท์ และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้น กู้ว่างเชินก็ถือไดร์เป่าผมและกำลังเป่าผมอยู่ฉู่เหมียนพยักหน้า “ใช่”“ไม่จำเป็นต้องให้หานซือหลี่มารับ ฉันจะไปส่งเธอเอง” เขาพูดพลางเริ่มเป่าผมฉู่เหมียนม้วนผ้าห่มแล้วพึมพำ “ไม่ต้องรบกวนคุณกู้หรอกค่ะ”“เหอะ” เขาเยาะเย้ย เกาผมด้วยปลายนิ้ว แล้วดึงเครื่องเป่าผมออกจากนั้นก็โยนไดร์เป่าผมเข้าไปในตู้ แล้วเหลือบมองฉู่เหมียน “ถ้าไม่อยากรบกวนฉัน ก็เชื่อฟังฉัน”ฉู่เหมียน “...” ผู้ชายคนนี้เอาแต่ใจและไร้สาระจริง ๆ“บัตรประจำตัวของฉัน วันมะรืนนี้ก็เสร็จแล้ว” ฉู่เหมียนบอกกับเขา“รู้แล้ว” เขาตอบเสียงเบื่อหน่ายแล้วนอนลงบนโซฟาฉู่เหมียนมองเขาและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหลังจากแต่งงานกันมาสามปี ไม่เคยเห็นเขาทำดีต่อเธอขนาดนี้มาก่อนเลย ตอนนี้กำลังจะหย่ากันอยู่แล้ว มาสวมบทบาทเป็นสามีที่ดีทำไมกัน? ฉู่เหมียนก็นอนลงบนเตียงเช่นกันเวลาตีสอง ฉู่เหมียนประหลาดใจที่คืนนี้เธอ
“อย่ามาเรียกฉัน จะอ้วก!” ฉู่เหมียนกัดฟันและพ่นคำพูดเหล่านี้ออกมาหากบอกว่าวินาทีที่แล้วคือความอ่อนโยน ตอนนี้คงหลงเหลือแต่ความไร้ความปรานีกู้ว่างเชินคว้าเสื้อแล้วเยาะเย้ย จะอ้วกงั้นเหรอ?ร่างกายที่มีหนามแบบนี้สอดคล้องกับบุคลิกที่เย่อหยิ่งและครอบงำของฉู่เหมียนจริง ๆ!“ไปหาลู่เจียวของนายนู่น ไปแต่งงานกับลู่เจียวของนายซะ ฉันขอให้พวกนายโชคดี!” ฉู่เหมียนหยิบแอปเปิลขึ้นมาจากโต๊ะข้างเตียงแล้วขว้างใส่กู้ว่างเชิน “รีบไสหัวออกไป!”หากเขาอยู่ต่ออีกสักวินาทีเดียว เธอจะรู้สึกอับโชค!ชีวิตของลู่เจียวคือชีวิต แล้วชีวิตของเธอไม่ใช่ชีวิตงั้นเหรอ?แล้วยังมาบอกอีกว่าเธอกับลู่เจียวไม่เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นเธอก็แตกต่างจากลู่เจียวจริง ๆ นั่นแหละ เพราะเธอ ฉู่เหมียนมีเกียรติมากกว่าลู่เจียวหลายเท่า!กู้ว่างเชินอารมณ์เสียที่ถูกขว้างแอปเปิลใส่ เขาโกรธฉู่เหมียนและตะโกนขึ้นว่า “ไร้เหตุผล!”พูดจบเขาก็จากไปโดยไม่หันกลับมามองฉู่เหมียนคว้าผ้าห่มไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง และได้ยินเสียงประตูห้องพักผู้ป่วยที่ปิดลงทันใดนั้นก็มีบางอย่างเผาไหม้บนหลังมือของฉู่เหมียน…เช้าตรู่ฉู่เหมียนนอนไม่หลับทั้งคืนและออกไปวิ
“ฉู่เหมียน เธอมันน่ารังเกียจจริง ๆ! เรื่องบัวหิมะมันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว? ทำไมถึงขุดมันขึ้นมาอีก! หรือเป็นเพราะกู้ว่างเชินจะหย่ากับเธอ เธอก็เลยจะแก้แค้นตระกูลลู่อย่างนั้นเหรอ?”ฉู่เหมียนมองไปที่ลู่เจียวและเข้าใจว่าทำไมลู่เจียวถึงโกรธมากแบบนี้ ที่แท้ลู่เจียวก็คิดว่านี่เป็นฝีมือของเธอฉู่เหมียนลุกขึ้นยืน แต่ลู่เจียวก็ผลักเธออีกครั้ง ฉู่เหมียนผลักมือของลู่เจียวออก ทำให้ลู่เจียวถลาถอยหลังไปสองก้าวเธอขมวดคิ้วและจ้องไปที่ฉู่เหมียนฉู่เหมียนจัดเสื้อผ้าตัวเองอย่างสง่าและลูบผมให้เรียบร้อย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองลู่เจียว “ไม่ใช่ฉัน”“หยุดเสแสร้งได้แล้ว! ฉู่เหมียน เธอทำเหมือนว่าดูถูกทุกสิ่ง แต่แท้จริงแล้วเธอมันน่ารังเกียจและไร้ยางอายที่สุด!” ลู่เจียวชี้นิ้วไปที่ฉู่เหมียน ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีที่เรื่องบัวหิมะถูกเผยแพร่ออกไป ตระกูลลู่ก็ตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์ทันทีภาพลักษณ์ของตระกูลลู่เสียหายไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักคือหุ้นของตระกูลลู่ปั่นป่วนเพราะเหตุการณ์นี้!“ฉันบอกว่าไม่ใช่ฉัน ลู่เจียว อย่ามาอาละวาดที่นี่!” ฉู่เหมียนค่อย ๆ หมดความอดทน “ไสหัวออกไปจากห้องพักผู้ป
แผนกศัลยกรรมหัวใจทันทีที่ฉู่เหมียนเปิดประตูสำนักงาน เธอก็ได้ยินสวีฮุ่ยกำลังพูดแขวะ “คราวนี้ตระกูลลู่ได้อับอายแน่ ๆ เที่ยวป่าวประกาศกับสื่อว่าจะให้บัวหิมะเป็นของขวัญ แต่สุดท้ายดันเป็นของปลอม!”หมออีกคนพยักหน้า “นั่นน่ะสิ นี่ไม่ใช่การยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตัวเองหรอกเหรอ?”“โอ้ว หมอฉู่!” สวีฮุ่ยโบกมือให้ฉู่เหมียน “หายดีแล้วเหรอคะ? นี่คุณจะออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอ?”ฉู่เหมียนพยักหน้าสวีฮุ่ยเดินเข้ามาและถามด้วยดวงตาเบิกกว้าง “หมอฉู่ คุณหาบัวหิมะมาได้ยังไงคะ?”ฉู่เหมียนอ้าปาก เธอควรตอบอย่างไรดีล่ะ?จะบอกว่าเธอคือเทพ M ของฐาน M และเธอสามารถหาได้ทุกอย่างที่เธอต้องการอย่างนั้นเหรอ?ขณะที่ฉู่เหมียนไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร หมออีกคนก็หัวเราะและผลักหมอสวีเบา ๆ“คุณลืมไปแล้วเหรอ? ตระกูลฉู่เป็นตระกูลทางการแพทย์ มียาอะไรบ้างที่จะหาไม่ได้? มันก็แค่บัวหิมะเท่านั้นเอง!”ฉู่เหมียนชะงักก่อนจะพยักหน้า “ใช่ มันเป็นของคุณย่าของฉันน่ะค่ะ ฉันไม่มีความสามารถในการหาบัวหิมะมาได้หรอก”“อ้อ ที่แท้ก็เป็นของศาสตราจารย์เชียนนี่เอง!” หมอสวีหัวเราะแล้วพูดขึ้นอีกว่า “เพราะมันเป็นถึงวันเกิดของคุณหญิงกู้ คุณใน
“นังสารเลว นังคนน่ารังเกียจ!” เธอเอาแต่ขีดข่วนร่างกายของฉู่เหมียนฉู่เหมียนพลิกข้อมือจับแขนของลู่เจียวไว้ แล้วผลักลู่เจียวกลับฉู่เหมียนขมวดคิ้วและตะโกนด้วยสีหน้าเคร่งขรึมบนใบหน้าที่สวยงามของเธอ “พอได้หรือยัง?”ทันใดนั้นทั้งแผนกก็เงียบลงลู่เจียวล้มลงกับพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง กระดุมเสื้อของเธอหลุดออกสองเม็ดเธอเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นหน้าฉู่เหมียนน้ำตาของเธอก็ไหลลงมาในทันที “ฉู่เหมียน เธอกล้าตีฉันงั้นเหรอ?”“ตีเธอแล้วจะทำไม ไม่ควรตีงั้นเหรอ? อย่างกับมนุษย์ป้าใจหยาบด่ากราดเค้าไปทั่ว!” ฉู่เหมียนเอ่ยเสียงกดต่ำและเย็นชาลู่เจียวชี้ไปที่ฉู่เหมียน เธอหอบหายใจด้วยความโกรธและร้องไห้หนักเธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหากู้ว่างเชินทันทีพลางร้องห่มร้องไห้ “อาเชิน ฉันถูกฉู่เหมียนทุบตี คุณรีบมาเร็วเข้า!”“เธอ...” สวีฮุ่ยชี้ไปที่ลู่เจียวแล้วตะโกนขึ้นว่า “เราสองคนทะเลาะกัน เธอลากหมอฉู่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทำไม?”ลู่เจียวคุกเข่าอยู่กับพื้น มือข้างหนึ่งจับใบแก้มของตัวเองไว้ มองฉู่เหมียนด้วยสายตาขุ่นเคืองที่จริงแล้วเธอไม่ได้จริงจังกับสวีฮุ่ย ฉู่เหมียนต่างหากที่คือหนา
ดวงตาของกู้ว่างเชินจ้องไปที่ฉู่เหมียน เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธเมื่อคืนเขาบอกฉู่เหมียนว่ายังไง? หยุดมุ่งเป้าไปที่ลู่เจียวได้แล้ว เขาคิดว่าเขาและฉู่เหมียนจะสามารถจบกันด้วยดี และฉู่เหมียนก็หยุดมุ่งเป้าไปที่ลู่เจียวเขาผิดเองที่มองว่าฉู่เหมียนเป็นผู้มีคุณธรรม!ฉู่เหมียนเพิกเฉยต่อสายตาของกู้ว่างเชิน และจ้องไปที่ลู่เจียว ในใจของเธอมีเสียงหนึ่งที่กำลังปรบมือให้ให้กับลู่เจียว ดี ดี แสดงดีจริง ๆ!“ฉันทำอะไร?” ฉู่เหมียนต้องการถามความจริงเป็นเพราะลู่เจียวทะเลาะวิวาทจนเธอต้องมาเจ็บตัวไปด้วยไม่ใช่เหรอ?อาจเป็นเพราะน้ำเสียงของฉู่เหมียนค่อนข้างดุร้าย ไหล่ของลู่เจียวสั่นเทา และเธอก็ดันตัวเข้าไปในอ้อมแขนของกู้ว่างเชิน ทำให้ดูน่าสงสารมากยิ่งขึ้นกู้ว่างเชินขมวดคิ้วและลูบหลังของลู่เจียว แล้วพูดว่า “ฉู่เหมียน ไม่ใช่ความผิดของลู่เจียวที่ให้บัวหิมะปลอม เธอเองก็ถูกหลอก ฉันรู้ว่าบัวหิมะที่เธอให้เป็นของจริง ไม่จำเป็นต้องบีบบังคับกันขนาดนี้”“ฉันบีบบังคับอะไร?” ฉู่เหมียนมองกู้ว่างเชินด้วยความไม่เข้าใจ“ตอนนี้เธอกำลังบีบบังคับคนอื่น!” เขาตอบอย่างรุนแรงดูท่าทางของฉู่เหมียนตอนนี้สิ ดูเหมือนว่าเธอจะไม
ทำไมวันนี้พอมันเกี่ยวข้องกับลู่เจียวก็ทะเลาะกับหมอฉู่แล้วล่ะ? ไม่ถามแม้กระทั่งว่าเกิดอะไรขึ้น และกล่าวโทษหมอฉู่แบบนี้ฉู่เหมียนก้มศีรษะลง เธอล้มลงบนเก้าอี้แล้วถอนหายใจ“หมอฉู่…” ซางหานเรียกฉู่เหมียนฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้น หืม?“คุณโอเคหรือเปล่าคะ?” ซางหานเป็นห่วงฉู่เหมียนฉู่เหมียนมุ่ยปาก เธอจะเป็นอะไรได้?นี่ไม่ใช่แค่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองที่เธอถูกเข้าใจผิดแบบนี้ เธอมีภูมิคุ้มกันมานานแล้วสวีฮุ่ยมาถึงช้า เธอร้องเรียก “หมอฉู่…”ฉู่เหมียนหลือบมองเธอ และสวีฮุ่ยก็ถามขึ้นว่า “พวกเขาไปแล้วเหรอคะ?”“ค่ะ คุณเป็นยังไงบ้าง” ฉู่เหมียนสำรวจสวีฮุ่ยสวีฮุ่ยอยู่ในสภาพที่แย่มาก บนใบหน้าของเธอมีบาดแผลสองแห่ง และข้อมือของเธอก็ช้ำเป็นสีม่วง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเส้นผมที่เหมือนถูกระเบิดฉู่เหมียนควรเรียกกู้ว่างเชินกลับมาจริง ๆ ให้เขาได้เห็นว่าดอกไม้สีขาวเล็ก ๆ ที่เขาบอกว่าอ่อนแอและสู้คนไม่เป็น สามารถเอาชนะใครซักคนได้อย่างไร้ความปรานีมากขนาดไหน“ฉันขอโทษนะคะ หมอฉู่” สวีฮุ่ยรู้สึกเสียใจมาก“เรื่องเล็กน้อยค่ะ” ฉู่เหมียนโบกมืออย่างไม่สนใจฉู่เหมียนออกมาจากโต๊ะพยาบาล เธอถอนหายใจ ระงับความหดหู่ในใจและ
จู่ ๆ ลู่เจียวก็คว้ามือของกู้ว่างเชิน เธอเหลือบมองหน้าเขาโดยหวังว่าเขาจะตอบนักข่าวว่า ใช่ เขาจะหย่ากับฉู่เหมียนนักข่าวจับการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของลู่เจียวได้ และเคลื่อนกล้องไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วฉู่เหมียนคิดว่าเมื่อเห็นพวกเขาทำแบบนี้ จิตใจของเธอคงไม่สั่นไหวอีกต่อไปแล้วแต่ในขณะนี้เธอยังคงรู้สึกโกรธเล็กน้อย และสิ่งที่ทำให้เธอโกรธก็คือทั้งสองไม่หลบซ่อนกันแล้วเหรอ? ตอนนี้เป็นงานแถลงข่าวที่ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศถ้าพ่อแม่ปู่ย่าของของเธอเห็น พวกท่านจะต้องโกรธแน่ ๆ“ผมกับฉู่เหมียน กำลัง…” กู้ว่างเชินยังพูดไม่ทันจบเกิดความโกลาหลนอกงานแถลงข่าว ทุกคนต่างก็ถามขึ้นว่า “ใครน่ะ?”“ใครมา?”ทุกคนต่างก็มองออกไปข้างนอก และเห็นหลินไห่เม่ยตามมาด้วยบอดี้การ์ดสองแถวเดินเข้ามาด้วยออร่าที่แข็งแกร่งหลินไห่เม่ยสวมชุดสูทกำมะหยี่สีดำดูเคร่งขรึม เธอหยุดและยืนมองกู้ว่างเชินอยู่ด้านล่างเวทีกู้ว่างเชินชะงักไปครู่หนึ่ง ทำไมคุณย่าถึงมาอยู่ที่นี่?วินาทีต่อมาดวงตาของหลินไห่เม่ยก็เลื่อนไปที่ลู่เจียวลู่เจียวกลืนน้ำลายและซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของกู้ว่างเชินโดยไม่รู้ตัว จริง ๆ แล้วเธอยังคงกลัวหลินไห่เม่ยอยู่
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ