ดวงตาของฉู่เหมียนมืดลง รีบวิ่งไปข้างหน้าก่อนจะจับเฉินจือไว้พร้อมกับชายคนนั้นร่างของเฉินจือห้อยอยู่ข้างกำแพง“ปล่อยฉัน!” เธอร้องไห้ฟูมฟายฉู่เหมียนคว้าแขนซ้ายของเฉินจือ ส่วนชายคนนั้นก็คว้าแขนขวาของเฉินจือไว้ เฉินจือถูแขนซ้ายไม่หยุดจนข้อมือของฉู่เหมียนแทบถลอกและเลือดออกฉู่เหมียนเหมือนจะชาไปแล้ว เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใด ๆ เลยเธอมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น เฉินจือจะตายไม่ได้ชายคนนั้นใช้มืออีกข้างปกป้องข้อมือของฉู่เหมียนฉู่เหมียนอดไม่ได้ที่จะหันศีรษะไปมอง ก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนั้นอย่างชัดเจน“อย่ามัวแต่ยืนอึ้ง รีบเข้ามาช่วยสิ!” เขาคำรามกลับไปที่ด้านหลัง ริมฝีปากของฉู่เหมียนขยับ กู้ว่างเชิน…คนที่อยู่ข้างหลังรีบวิ่งเข้ามา เขาปกป้องมือของฉู่เหมียนไว้โดยไม่สนว่าหลังมือของตัวเองจะขูดกับกำแพงจนถลอกเป็นแผล ทุกคนช่วยกันดึงเฉินจือขึ้นมาได้ในที่สุดเฉินจือร้องไห้น้ำตานองหน้าและกรีดร้อง “ช่วยฉันไว้ทำไม? ชีวิตของฉันมันไร้ค่า ให้ฉันตายไปยังจะดีซะกว่า!”“ให้ฉันตาย ปล่อยให้ฉันตาย!” เธอร้องพร้อมกับพุ่งตัวจะชนกำแพงอีกครั้งกู้ว่างเชินขมวดคิ้วและก้าวไปข้างหน้
ฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้น และมองไปที่หลังมือของกู้ว่างเชินที่มีเลือดออกฉู่เหมียนอดไม่ได้ที่จะจ้องเขา “นายเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”“แต่ทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน” จู่ ๆ กู้ว่างเชินก็ไปยืนอยู่ตรงที่เฉินจือยืนอยู่ก่อนหน้านี้หัวใจของฉู่เหมียนสั่นไหวทันใดนั้นเขาก็หันศีรษะไปถามฉู่เหมียน “ฉู่เหมียน เธอจำได้หรือเปล่าว่าเธอก็เคยบอกว่าอยากจะกระโดดตึก”ฉู่เหมียน “...”“เธอคงจะจำไม่ได้แล้ว ให้ฉันทบทวนความจำให้เอาไหม?” กู้ว่างเชินเลิกคิ้ว และนั่งยอง ๆ ลงเขายกมุมปากขึ้นแล้วพูดต่อ “ปีที่แล้ว คืนหนึ่งเธอส่งข้อความมาหาฉัน บอกว่าเธอป่วย ถ้าฉันไม่กลับไป เธอจะกระโดดตึก และให้ฉันมาเก็บศพเธอ”ใบหน้าของฉู่เหมียนมืดลงเธอเคยพูดแบบนั้นจริง ๆ ตอนนั้นสมองของเธอมันคงกระทบกระเทือน!ถึงได้พูดอะไรบ้า ๆ แบบนั้นออกไปเพราะกู้ว่างเชินแต่โชคดีที่เธอยังคงรักชีวิตตัวเองอยู่ และไม่ได้เอาชีวิตไปเสี่ยงจริง ๆ ไม่อย่างนั้นตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป คงอยากจะตบตัวเองสักสองครั้งเมื่อเห็นฉู่เหมียนมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก กู้ว่างเชินก็ยิ้มและพูดต่อว่า “แล้วก็สามเดือนก่อน เธอก็บอกว่าอยากจะกระโดดตึก เพราะไม่ได้เจอหน้าฉันมานานกว่า
“อ้อ เฉินจือจะกระโดดตึก เขาเข้าไปช่วยเธอเอาไว้น่ะค่ะ” ฉู่เหมียนพูดพลางก้มลงมองแผลตรงข้อมือของตัวเอง มันไม่ได้ร้ายแรงอะไร เพียงแค่ถลอกนิดหน่อยฉู่เหมียนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหลังมือของกู้ว่างเชิน เขาได้รับบาดเจ็บหนัก“ผมหมายถึงเมื่อกี้กู้ว่างเชินเห็นคุณขึ้นรถผมมาน่ะ” หานซือหลี่กล่าวเสริมฉู่เหมียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง งั้นเหรอ?“แล้วยังไงคะ?” ฉู่เหมียนมองหานซือหลี่ด้วยรอยยิ้มหานซือหลี่อดไม่ได้ที่จะสงสัย “ไม่รักแล้วจริงเหรอ?”“จะรักหรือไม่รักมันก็ไม่สำคัญแล่วล่ะค่ะ” ฉู่เหมียนวางข้อมือลงพลางมองออกไปนอกหน้าต่างรถรักก็ครอบครองไม่ได้ ไม่รักก็ครอบครองไม่ได้ รักหรือไม่รัก มันสำคัญตรงไหนกัน? “หานซือหลี่” ฉู่เหมียนชี้ไปที่หน้าต่างรถลานน้ำพุเล็ก ๆ เต็มไปด้วยผู้คนมากมายหานซือหลี่เข้าใจทันทีว่าฉู่เหมียนหมายถึงอะไรฉู่เหมียนลงจากรถและกำลังจะหันไปบอกหานซือหลี่ว่าให้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย แต่ก็เห็นเขาตามลงมาจากรถเช่นกัน“ฉันจะไปเล่นคนเดียวสักพัก แล้วค่อยเรียกแท็กซี่กลับบ้าน” ฉู่เหมียนพูด“ผมจะไปกับคุณ” เสียงของเขาอ่อนโยนและไพเราะฉู่เหมียนส่ายหัว “ลุงหานยังอยู่ในโรงพยาบาล”“พ่อ
วันรุ่งขึ้นภายนอกหน้าต่างมีเมฆหมอกหนาแน่น ฉู่เหมียนถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ฉู่เหมียนพลิกตัว ก่อนจะเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือโม่อี้ เธอจึงกดตัดสายทันที หมอนี่ไม่เคยมีเรื่องสำคัญอะไร แต่ไม่นานโม่อี้ก็โทรเข้ามาอีกครั้ง ราวกับว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นฉู่เหมียนหลับตาแล้วกดปุ่มรับสาย ก่อนจะพูดขึ้นอย่างไม่ใยดี “ว่า”โม่อี้พูดราวกับว่าเขากำลังดูเรื่องตลกอยู่ “ยังไม่ตื่นอีกเหรอ? ลูกพี่ เธอดังเป็นพลุแตกแล้วนะ”ฉู่เหมียนสับสนและถามกลับไปว่า “อะไร?”“รีบเปิดดูฟีดข่าวในเวยป๋อสิ” พูดจบ โม่อี้ก็กดวางสายไปราวกับว่าเขากลัวจะทำให้ฉู่เหมียนเสียเวลาในการอ่านฟีดข่าว ฉู่เหมียนลืมตาขึ้นและอดไม่ได้ที่จะหาว เธอเปิดเวยป๋อ และหลังจากที่โทรศัพท์ของเธอเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ข้อความก็ถูกส่งเข้ามารัว ๆ ฉู่เหมียนเห็นชื่อของตัวเองในพาดหัวข่าว“กลางดึก ฉู่เหมียนและหานซือหลี่เล่นกันที่สวนน้ำพุดนตรี! โรแมนติกหวานฉ่ำ เข้ากันได้อย่างลงตัว!”“ข้อสงสัยเกี่ยวกับการหย่าของฉู่เหมียน! ฉู่เหมียนและหานซือหลี่ทานอาหารเย็นและไปเยี่ยมคุณหานเฉิงด้วยกัน หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล ทั้งสองก็เล่นด้วยกันที่น้ำพุดนตรี”ฉู่เหมี
ฉู่เหมียนจริงใจมากเมื่อได้ยินแบบนั้นหลินไห่เม่ยก็รู้สึกเจ็บปวดใจ“เหมียนเหมียน งั้นบอกย่ามาหน่อยว่าเธอรักหานซือหลี่หรือเปล่า?”หากฉู่เหมียนบอกว่าเธอรักหานซือหลี่ ตระกูลกู้ก็จะไม่เหนี่ยวรั้งเธออีกต่อไปฉู่เหมียนจับโทรศัพท์แน่น กัดริมฝีปากล่างก่อนจะใจแข็งพูดตอบไปว่า “ใช่ค่ะ คุณย่า หานซือหลี่เป็นคนดีจริง ๆ เขาเป็นสุภาพบุรุษและอ่อนโยน และหนูก็มีความสุขมากที่ได้อยู่กับเขาค่ะ”หลินไห่เม่ยเงียบอีกครั้งฉู่เหมียนได้ยินเสียงถอนหายใจอันเงียบงันของเธอหลินไห่เม่ยทำหลายเพื่อแต่งงานของฉู่เหมียนกับกู้ว่างเชิน แต่สุดท้ายมันก็มาถึงจุดนี้…“เหมียนเหมียน ย่าทำใจปล่อยเธอไปไม่ได้จริง ๆ” หลินไห่เม่ยสะอึกสะอื้นฉู่เหมียนยิ้ม “แม้ว่าหนูกับกู้ว่างเชินจะเป็นสามีภรรยากันไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของหนูกับคุณย่าก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ หนูจะไปเยี่ยมคุณย่าบ่อย ๆ เหมือนเดิม ตกลงไหมคะ?”หลินไห่เม่ยไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ “เหมียนเหมียน ลองคิดดูอีกครั้งเถอะนะ นะ?”“คุณย่า หนูชอบหานซือหลี่แล้วจริง ๆ ค่ะ” คำพูดของฉู่เหมียนทำให้หลินไห่เม่ยยอมแพ้อย่างสิ้นเชิงหลินไห่เม่ยไม่มีเหตุผลที่จะรบเร้าเธออีกต่อไปฉู่เหมียนก
“ฉู่เหมียน วันนี้เธอไปแผนกผู้ป่วยนอกนะ” ชูหลานเรียกฉู่เหมียนลู่เจียวเข้ามาแล้วถามว่า “ผู้อำนวยการชู วันนี้พาฉันไปที่แผนกผู้ป่วยนอกด้วยได้หรือเปล่าคะ?”ชูหลานมองไปที่ลู่เจียวด้วยความประหลาดใจ เธอจะไปด้วย? ปกติเธอไม่ไปไม่ใช่เหรอ?“ได้ งั้นพวกเธอสองคนก็ไปด้วยกัน” ชูหลานไม่มีปัญหา จะเพิ่มหนึ่งคนหรือลดหนึ่งคนก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรฉู่เหมียนสถบด่าลู่เจียวเบา ๆ “อย่างกับแมลงหวี่แมลงวัน สลัดยังไงก็ไม่หลุด”“คนที่สลัดไม่หลุดคือเธอมากกว่าหรือเปล่า? ฉันเป็นคนที่มาแผนกศัลยกรรมหัวใจก่อนนะ!” ลู่เจียวพูดประชด“ลู่เจียว ฉันแนะนำให้เธอถ่อมตัวหน่อย อย่าลืมว่าเธอได้เข้าโรงเรียนแพทย์ในโควต้าของใคร!” ฉู่เหมียนขู่ลู่เจียวลู่เจียวตกตะลึงฉู่เหมียนหรี่ตาลง “ถ้าพี่สาวคนไม่พอใจขึ้นมา อาจตัดวุฒิการศึกษาของเธอทิ้งก็ได้”“ฉู่เหมียน!” เธอกัดฟันและก่นด่า “นี่เธอขู่ฉันเหรอ?”“เข้าใจแล้วเหรอ? ฉันก็คิดว่าเธอโง่ซะอีก และไม่เข้าใจว่าฉันกำลังข่มขู่เธออยู่” ฉู่เหมียนยิ้มลู่เจียวโกรธจนหน้าแดง และเส้นเลือดขึ้นคอ “ฉู่เหมียน นี่เธอ!”ชูหลานจ้องมองทั้งสองคน “เถียงอะไรกัน? ตกลงจะไปไหม?”ฉู่เหมียนและลู่เจียวเงียบไปคร
ฉู่เหมียนเดินตามเข้าไปและเห็นผู้คุมหลายคนบอกกับทีมหมอว่า “นี่เป็นนักโทษคนสำคัญ ต้องช่วยเขาให้ได้”หลังจากพูดอย่างนั้น ผู้คุมก็โทรออกแล้วพูดขึ้นว่า “ใช่ 2823 ผู้ร้ายหลักในคดีลักพาตัวกู้ว่างเชิน”ฉู่เหมียนมองไปที่ผู้คุมและเดินไปที่ห้องฉุกเฉินเห็นชายคนหนึ่งหน้าซีด มีน้ำลายฟูมปาก นัยน์ตาเหลือก นี่เขา...ถูกวางยาพิษงั้นเหรอ?อยู่ในคุกยังถูกวางยาพิษได้ด้วยเหรอ?ฉู่เหมียนเลิกคิ้วแล้วหันกลับ ก่อนจะคิดขึ้นในใจว่า : คงไม่ใช่ฝีมือของกู้ว่างเชินหรอกใช่ไหม?ฉู่เหมียนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงฉากที่ชายคนนั้นผูกก้อนหินไว้บนตัวเธอ และรอที่ถ่วงเธอลงทะเลเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ฉู่เหมียนก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั้งตัว และลูบแผ่นหลังตัวเองเบา ๆ บาดแผลบนร่างกายของเธอเจ็บปวดขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก ราวกับว่ามีมดนับไม่ถ้วนกำลังทิ่มแทงเธอ ซึ่งทำให้ฉู่เหมียนรู้สึกไม่สบายเอามาก ๆเมื่อฉู่เหมียนออกมาจากห้องฉุกเฉินก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เมฆครึ้มแล้ว ดูเหมือนว่าฝนกำลังจะตกฉู่เหมียนลูบไหล่ตัวเอง ขณะที่กำลังจะไปที่แผนกผู้ป่วยใน เธอก็เห็นร่างหนึ่งที่ดูรีบร้อนออกไปจากไม่ไกลลู่เจียว?…กลางคืนฉู่เหมีย
กู้ว่างเชินหัวเราะเบา ๆ และมองหานซือหลี่ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร “เหมาะสมงั้นเหรอ? ผมไม่คิดงั้น”เมื่อได้ยินกู้ว่างเชินพูดแบบนั้น ฉู่เหมียนก็คิ้วกระตุก เธอจงใจกอดแขนของหานซือหลี่แล้วพูดว่า “คุณกู้ลองมองดูดี ๆ สิคะ”กู้ว่างเชินหรี่ตาฉู่เหมียนหมายความว่ายังไง? เธอกำลังท้าทายขีดจำกัดของเขาอยู่งั้นเหรอ?“ไม่เหมาะสมกันตรงไหน?” ฉู่เหมียนโน้มตัวไปด้านข้างของหานซือหลี่อย่างสนิทสนม คิ้วของกู้ว่างเชินค่อย ๆ กดต่ำลง ลู่เจียวรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของกู้ว่างเชินอย่างชัดเจนเธอจับมือกู้ว่างเชินอย่างอ่อนโยนดวงตาของกู้ว่างเชินจับจ้องไปที่ฉู่เหมียนราวกับว่าเขาต้องการกลืนกินเธอ และเขาก็ดูน่ากลัวเป็นพิเศษฉู่เหมียนไม่สนใจ สีหน้าของเธอเรียบเฉยมากขึ้นเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นถึงความยั่วยุที่ดูรุนแรงขึ้น กู้ว่างเชินเลิกคิ้วขึ้นทันที เขายิ้มอย่างสงบและพูดด้วยน้ำเสียงต่ำสบาย ๆ “ขอแค่คุณฉู่ชอบก็พอแล้ว ไม่สำคัญว่าคนนอกจะมองว่าเหมาะสมหรือไม่”ฉู่เหมียนพยักหน้า “คุณกู้พูดถูกค่ะ”ฉู่เหมียนหันมาและมองหานซือหลี่ด้วยดวงตาที่สดใส “ซือหลี่ ฉันรู้จักร้านอาหารส่วนตัวที่อร่อยมาก เราไปกินข้าวกันเถอะค่ะ”ท่าทางออ
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ