ความสนใจของกู้ว่างเชินกลับมาอยู่ที่ฉู่เทียนหยางดังนั้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาฉู่เหมียนติดต่ออยู่แต่กับฉู่เทียนหยางไม่ใช่หานซือหลี่ชายที่อยู่โรงแรมที่เซิ่งตูและเรียกเธอว่า “เด็กน้อย” อย่างสนิทสนมคือฉู่เทียนหยางอย่างนั้นเหรอ?ทุกคนล้วนทราบดีว่าคุณปู่ฉู่ซานมีลูกชายสองคน ลูกชายคนโตคือฉู่เทียนเหอ เขาฉลาดและมีไหวพริบ ประสบความสำเร็จในด้านการทำธุรกิจ แต่ลูกชายคนรองฉู่เทียนหยางกลับมีนิสัยที่ซุกซนขี้เล่นและเอาแต่ใจ ทุกคนมักพูดว่าเขาจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ แต่เมื่อเขาโตขึ้น กลับสร้างอาณาจักรธุรกิจในวงการบันเทิงของเขาขึ้นมาได้ในบริษัทของเขามีนักแสดงที่เป็นที่นิยมอยู่หลายคน รวมถึงนักร้องและนักแสดงชื่อดังมากมายเนื่องจากฉู่เทียนหยางเป็นลูกชายคนสุดท้องของครอบครัวตระกูลฉู่ จึงถูกตามใจเป็นพิเศษ นิสัยของเขาสดใสและกล้าหาญ การอยู่กับฉู่เหมียนจึงเหมือนกับเพื่อนสนิทฉู่เทียนหยางมักจะชวนฉู่เหมียนเข้าไปในวงการบันเทิง แต่ฉู่เหมียนกลับไม่สนใจ เธออยากรักษาชีวิตที่เรียบง่ายเพื่อกู้ว่างเชินเมื่อได้ยินข่าวฉู่เหมียนจะหย่ากับกู้ว่างเชิน เขาเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจ คิดว่าฉู่เหมียนนั้นแค่พูดเล่นเพราะฉู่
“อ้อ ได้ยินมาว่าล่าสุดคุณกำลังแย่งที่ดินใกล้สนามบินอยู่งั้นเหรอ?” ทันใดนั้นฉู่เทียนหยางก็จิบเหล้าแล้วถามกู้ว่างเชินกู้ว่างเชินพยักหน้าแล้วเอ่ยตอบ “ใช่ครับ”“แล้วมีแผนจะทำอะไรล่ะ?” ฉู่เทียนหยางถามด้วยความความสงสัยกู้ว่างเชินเอ่ยตอบเสียงเรียบ “ผมมีแผนจะสร้างคฤหาสน์น่ะครับ”ฉู่เหมียนเงยหน้ามองกู้ว่างเชินทันที ดวงตากลมโตของเธอหม่นหมองลง เธอหันไปดื่มน้ำแน่นอนว่าข่าวลือทั้งหมดเป็นความจริง กู้ว่างเชินทุ่มเงินอย่างมหาศาลเพื่อสร้างคฤหาสน์ให้กับลู่เจียวฉู่เหมียนไม่สามารถกลั้นความคิดที่จะพูดออกมาได้ กู้ว่างเชินเขารักลู่เจียวมากบนโลกใบนี้ กู้ว่างเชินรักเพียงแค่สองคนเท่านั้น นั่นคือตัวเขาและลู่เจียว“ทำไมคุณถึงคิดจะสร้างคฤหาสน์ใกล้สนามบินล่ะ?” ฉู่เทียนหยางค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจกู้ว่างเชินไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้มองฉู่เหมียนได้ฉู่เหมียนเห็นเขากำลังจะพูดแต่กลับหยุดลง รู้ว่าเขาไม่อยากทำให้เธอเจ็บปวด ฉู่เหมียนก็ไม่อยากได้ยินเขาพูดเองว่าเขาสร้างคฤหาสน์เพื่อลู่เจียวเช่นกัน“ลุงรอง อย่าไปถามเขาเลยค่ะ” ฉู่เหมียนวางแก้วลง จากนั้นมองนาฬิกาแล้วเรียก “กู้ว่างเชิน ออกมานี่หน่อย”พูดจบ ฉู่เห
เธอเหลือบตามองเขา ในดวงตาและคิ้วของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยายกู้ว่างเชินมองเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อย่าพูดประชดแบบนี้อีก คิดว่าฉันจะฟังเธอหรือไง?”“คุณจะฟังหรือไม่ฟังก็ช่าง เพราะทั้งหมดนี้ฉันพูดจริง” ฉู่เหมียนถอนหายใจ เธอเอ่ยเสียงเบา ๆ “ลุงสองของฉันเป็นคนที่คุ้นเคยกับทุกคน ถ้าเขาเรียกนายไปทำอะไร นายก็ไม่ต้องสนใจ ท่านไม่โกรธคุณหรอก เดี๋ยวฉันจะบอกท่านเรื่องความสัมพันธ์ของเราอีกที”กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ฟังฉู่เหมียนพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทำให้เขารู้สึกอึดอัดในใจเธอไม่ได้ทำตัววุ่นวายฉู่เหมียนเปลี่ยนไปจริง ๆ ตอนนี้ เธอไม่ใช่ของเขาอีกต่อไปเหมือนที่เขาเคยพูดไว้ว่าอย่ามาวุ่นวายกับเขา แล้วตอนนี้เธอได้ทำตามที่เขาขอแล้วฉู่เหมียนมองเวลาแล้วมองไปที่กู้ว่างเชิน “นี่มันก็ดึกแล้ว นายรีบกลับเถอะ”“ฉู่เหมียน…” กู้ว่างเชินเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่เบาฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ขอให้นายไม่สนใจชีวิตฉันเหมือนที่ฉันไม่สนใจชีวิตนายกับลู่เจียว”ฉู่เหมียนกัดที่ริมฝีปาก เธอรู้สึกถึงการสั่นสะเทือนของขนตา เธอเอ่ยน้ำเสียงจริงจังว่า “กู้ว่างเชิน เรามาเลิกเป็นส
“ฉู่เหมียน เธอพูดแบบนี้ซ้ำ ๆ เพื่อหลอกตัวเอง ไม่รู้สึกว่ามันดูเสแสร้งบ้างหรือไง?” กู้ว่างเชินใช้มือหนึ่งข้างจับไปที่แขนของฉู่เหมียน ดวงตาของเขาค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเขายังไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่เคยเดินตามเขา มีแต่เขาในสายตา ตอนนี้กลับไปชอบชายคนอื่นไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกอับอาย หรือเพราะแอลกอฮอล์ที่ทำให้เขารู้สึกใจเต้นแรง ไม่สามารถสงบใจได้เมื่อเปรียบเทียบกับเขา ฉู่เหมียนกลับดูสงบ เธอยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนและเรียกชื่ออย่างนุ่มนวล “กู้ว่างเชิน นายจะทำอะไรกันแน่?”กู้ว่างเชินออกแรงจับแขนเธอมากขึ้น ฉู่เหมียนยิ้มถามเขา “ปล่อยฉัน นี่ไม่ใช่สิ่งที่นายต้องการมาตลอดหรือไง?”ลำคอกู้ว่างเชินกลืนน้ำลายขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่มองเธอนั้นยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ ใช่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการหรอกเหรอ?แต่เมื่อฉู่เหมียนไม่สนใจเขาเข้าจริง ๆ ทำไมเขาถึงรู้สึกกระวนกระวายใจและหงุดหงิดขนาดนี้?“หรือว่านายกลัวว่าฉันจะตามราวีเหมือนเมื่อก่อน?” ฉู่เหมียนมองตาเขา ทำให้หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดกู้ว่างเชินนิ่งเงียบ ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน เขามองเธอแต่ไม่สามารถตอบได้ความเงียบของเขาช่า
เอวของเธอนั้นเพรียวบางมาก ขณะที่เดินเธอขยับสะโพกเบา ๆ ทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาจากเธอได้“นี่ใช่คุณหนูฉู่หรือเปล่า?”“ความงามของคุณหนูฉู่ไม่แพ้ดาราชั้นหนึ่งเลยจริง ๆ เลยนะ!”“นี่เทียนหยาง ผ่านมาหลายปี ฉันจะสามารถรอให้คุณหลอกคุณหนูฉู่เข้ามาในวงการบันเทิงได้หรือเปล่า?”ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มทุกคนต่างเอ่ยแซวฉู่เทียนหยางและฉู่เหมียนฉู่เทียนหยางมองพวกเขาด้วยสายตาเขม็ง เดินเข้าไปจับมือฉู่เหมียนแล้วบอกทุกคนว่า “คงไม่ต้องให้ผมแนะนำใช่ไหมครับ?”ทุกคนเอ่ยตอบพร้อมกัน “ใครจะไม่รู้จักคุณหนูฉู่กันล่ะ!”ฉู่เหมียนยิ้มอย่างอ่อนหวานและเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “สวัสดีผู้อาวุโสทุกท่าน วันนี้ดิฉันมาโดยไม่ได้นัดหมาย ขอโทษด้วยนะคะ”“ไม่เป็นไร ๆ เราเข้าไปนั่งกันเถอะ!” หนึ่งในกลุ่มชี้ไปที่โต๊ะเพื่อเชิญฉู่เหมียนนั่งฉู่เหมียนพยักหน้า จากนั้นก็เข้าไปนั่งกับฉู่เทียนหยางคืนนี้พวกเขากำลังคุยกันเกี่ยวกับการเตรียมการสำหรับละครพีเรียดที่ฉู่เทียนหยางเป็นเจ้าของบริษัท กำลังวางแผนที่จะให้ดาราหญิงในบริษัทได้รับบทนางเอกแขกที่มาที่โต๊ะวันนี้ล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพล
ก่อนที่ฉู่เหมียนจะพูดจบ ประธานอันก็หยิบแก้วขึ้นมาและดื่มมันในอึกเดียวเขามองไปที่ฉู่เหมียนด้วยรอยยิ้มและถามว่า “นี่นับเป็นความจริงใจของผมได้หรือเปล่า?”ฉู่เหมียนเลิกคิ้วและยิ้มอบ่างมีเสน่ห์ “นับค่ะ ขอบคุณประธานอันที่ให้เกียรติ ฉันขอดื่มให้คุณด้วยเช่นกัน!” ฉู่เหมียนหยิบแก้วขึ้นมาขณะที่พูด ก่อนจะดื่มไวน์อย่างสง่างามฉู่เหมียนรู้จักวัฒนธรรมบนโต๊ะจีนเป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ยังเป็นงานเลี้ยงของลุงรองของเธอด้วย ดังนั้นเธอจะไม่ทำให้เขาอับอาย เธอ ฉู่เหมียน ใช่ว่าจะเป็นคนที่เล่นไม่เป็น การดื่มเพียงเล็กน้อย ไม่สามารถฆ่าคนตายได้ ดังนั้นจึงไม่ความจำเป็นต้องเสแสร้งจนทำให้ทุกคนไม่มีความสุข“ประธานอัน พวกเรายังมีเรื่องที่ต้องคุยกัน อย่าดื่มมากเกินไปล่ะครับ” ฉู่เทียนหยางเตือนประธานอันด้วยรอยยิ้มประธานอันโบกมือ “ผมรู้ว่าต้องทำอย่างไร”ฉู่เหมียนส่งสายตาให้ฉู่เทียนหยางวางใจ ไม่เพียงแค่ประธานอันเท่านั้นที่รู้ลิมิตตัวเอง เธอเองก็รู้เช่นกัน “ครับ” ฉู่เทียนหยางพยักหน้าและมองไปที่ฉู่เหมียนอย่างเป็นกังวล“ประธานอัน คุณรับผิดชอบตำแหน่งอะไรในโครงการนี้เหรอคะ?” ฉู่เหมียนทักทายเขาอย่างเอาใจใส่
ยังมีคนที่ไม่รู้เรื่องนี้อีกงั้นเหรอจินตนาการไม่ออกเลยว่าปกติแล้วกู้ว่างเชินแนะนำตัวเองข้างนอกอย่างไรหรือว่าเขาบอกตัวเองเป็นชนชั้นสูงที่ยังโสดอยู่อย่างนั้นเหรอ?“ประธานอัน คุณคิดว่า หากฉันอยากจะเข้าวงการบันเทิง สามีของฉันจะดันฉันได้ไหมคะ?”ประธานอันยิ้มเจื่อน กู้ว่างเชินสามารถดันเธอได้อย่างแน่นอนอยู่แล้วเพียงแต่… “ภรรยาของกู้ว่างเชินไม่ใช่ลู่เจียว คุณหนูคนโตของตระกูลลู่หรอกเหรอ?” ประธานอันถามอย่างไม่มั่นใจหัวใจของฉู่เหมียนเต้นรัว และรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็หายไปฉู่เหมียนเลิกคิ้ว ดื่มไวน์จนหมดแก้วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ฉันขอแนะนำให้ประธานอันดูข่าวให้เยอะ ๆ และลดการอ่านข่าวซุบซิบจะดีกว่านะคะ”หลังจากที่ประธานอันมองฉู่เหมียนอย่างมีความหมาย เขาก็ยิ้มแหยแล้วหันหลังกลับไปเมื่อฉู่เทียนหยางหันมาอีกที ก็เห็นฉู่เหมียนกำลังดื่มอยู่เพียงลำพัง“ทำอะไรน่ะ? จะดื่มจนเมาเลยหรือไง?” ฉู่เทียนหยางแย่งแก้วไวน์ที่ฉู่เหมียนกำลังยกขึ้นดื่มฉู่เหมียนถอนหายใจแล้วคว้ามันกลับมา “ไม่ต้องมายุ่งกับหนู”“ทำตัวเป็นคุณหนูเอาแต่ใจอีกแล้วนะ!” ฉู่เทียนหยางบ่นเธอฉู่เหมียนขมวดคิ้วและรู้สึกโกรธอย่
ชายอีกคนออกมาจากห้องน้ำ เมื่อชายคนนั้นเห็นฉู่เหมียน เขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง และถึงกับสงสัยว่าตัวเองเข้าห้องน้ำผิดหรือเปล่าฉู่เหมียนกลืนน้ำลายและหันหลังเพื่อกลับออกไปข้างนอกกู้ว่างเชินจับแขนของฉู่เหมียนและจ้องเธออย่างลึกซึ้งและเย็นชาฉู่เหมียนขมวดคิ้วส่งสายบอกให้กู้ว่างเชินปล่อยเธอ!กู้ว่างเชินไม่ได้สนใจ และไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยเธอไปจนกระทั่งชายคนหนึ่งวัยยี่สิบกว่าเข้ามา เขาเดินโซเซและชนไหล่ของฉู่เหมียน จนทำให้เธอชนเข้ากับกู้ว่างเชินกู้ว่างเชินดึงเธอไว้เบา ๆ และฉู่เหมียนก็เซเข้ามาอยู่อ้อมแขนของเขาเขาโอบแขนรอบตัวเธอ ก่อนจะได้ยินเสียงใครบางคนสถบด่ามาจากด้านหลังว่า “ทำไมผู้หญิงถึงมาอยู่ในห้องน้ำผู้ชายวะ!”ขณะที่พูด ชายคนนั้นก็เดินโซเซเข้ามาหาฉู่เหมียน ก่อนจะยกมือขึ้นจับไหล่ของเธอแล้วดึงเธอออกมาสีหน้าเรียบนิ่งของกู้ว่างเชินกระตุกเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วและดึงฉู่เหมียนกลับมา พร้อมทั้งดึงมือของชายคนนั้นลอยขึ้นไปในอากาศ“เธอเข้าห้องน้ำผิด ขอโทษด้วย” น้ำเสียงของกู้ว่างเชินค่อนข้างสงบฉู่เหมียนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองกู้ว่างเชินเขาหลุบตาลงพอดี ทำให้ทั้งสองสบตากัน และฉู่เหมียนรู้สึ
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ