บิล ร็อคกี้เฟลเลอร์ ไม่ทราบมาก่อนว่าทั้งอเล็กซ์และคุณนายบริตทานีจะอยู่ที่นี่ด้วยเขามาถึงในช่วงเวลาหกโมงเย็นเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อไม่กี่วันก่อนที่เขาดูอึมครึมอารมณ์เสียหลังจากได้รับการหยามเกียรติจากท่านเล็กซ์ กันเธอร์ บิลช่างดูแตกต่างจากวันนั้นไปอย่างสิ้นเชิง ในวันนี้นั้นเขาดูอารมณ์ดีและหัวเราะระหว่างเดินเข้าไปข้างในคฤหาสน์ “แกวิน! มันเกิดอะไรขึ้นกันนาย? ช่างเป็นโอกาสที่หายากเสียจริง ๆ ที่นายจะชวนฉันออกมาดื่ม ฮ่า ๆ !”จากนั้นเขาก็เห็นอเล็กซ์ยืนอยู่ข้าง ๆ แกวิน โคลรอยยิ้มบนใบหน้าของเขานั้นมันได้จางหายไปจากใบหน้าของเขาแทบจะทันที “คนทรยศ แกมาทำอะไรที่นี่?”บิลช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนและโยนความผิดให้อเล็กซ์ เพราะเห็นว่าเขาเป็นแค่เด็กที่ไร้ค่าอเล็กซ์มองตรงไปข้างหน้าและยังคงนิ่งเงียบบริตทานีกลับพูดขึ้นมาว่า “คุณพ่อคะ อเล็กซ์ยังคงเป็นหลานชายของคุณพ่ออยู่นะคะ คุณพ่อจะมาพูดกับเขาแบบนั้นได้อย่างไรคะ?”"อ๊ะ! บริตทานี… เธอยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ?”บิลตกใจมาก“แน่นอน แต่ทำไมคุณพ่อถึงดูไม่ค่อยพอใจกับเรื่องนี้เลยล่ะคะ?”เมื่อกลับมาตั้งสติได้ สีหน้าของบิลก็เคร่งขรึมขึ้น
อเล็กซ์ เคลื่อนไหวป้องกันตัวเองได้อย่างรวดเร็วและคว้ามือของบิลไว้กลางอากาศเขาจ้องมองและเย้ยหยัน “ตาแก่งี่เง่าเอ๋ย จงมีความสุขกับวันสุดท้ายของการลุกขึ้นยืน วันที่มีความสุขของแกกำลังจะหมดไป”ก่อนหน้านี้เขาสังเกตเห็น บิล ร็อคกี้เฟลเลอร์ มีภาวะหลอดเลือดแดงอุดตันในสมองของเขา และอีกไม่นานเขาจะกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงบิลนั้นโกรธมากจนแทบที่จะระเบิดออกมา เขาไม่พูดอะไรเลยและเดินออกจากคฤหาสน์ของโคลไปแกวิน โคล ถอนหายใจออกมา “ฉันไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าทำไมเขาถึงอารมณ์ร้ายได้ขนาดนี้ พวกคุณทุกคนก็เป็นครอบครัวเดียวกัน อย่ากังวลไปเลย บริตทานี ฉันจะคุยกับเขาให้เอง”บริตทานียังคงนิ่งเงียบบริตทานีและอเล็กซ์ ต้องการมาพบบิลเพื่อค้นหาความรู้สึกของเขา แต่การตอบสนองของบิลนั้นมันกลับแย่กว่าที่พวกเขาได้คาดคิดไว้เสียอีกบิลไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเสียชีวิตของวิลเลียม ร็อกกี้เฟลเลอร์ อย่างจริงจัง และทัศนคติของเขาที่มีต่อบริตทานีและอเล็กซ์นั้นมันแย่มาก ความจริงเรื่องการเสียชีวิตนั้นไม่สำคัญอะไรสำหรับบิลเลย ทั้งหมดที่เขาต้องการคือไล่บริตทานีและอเล็กซ์พออกจากตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์เหมือนขยะที่ถูกกวาดออกจากบ้านฝ
จอห์น ร็อคกี้เฟลเลอร์ ใจเต้นไม่เป็นส่ำหลังจากได้ยินข่าวนั้นแต่ไม่นานนัก เขาก็ใจเย็นลง “ฟื้นขึ้นมาแล้ว มันจะทำไมกันเล่า? ตอนนี้หล่อนก็เป็นได้เพียงหญิงน่าไม่อาย ไร้สกุล ไม่มีอะไรคู่ควรกับเราเลยสักนิด”บิล ร็อคกี้เฟลเลอร์พลันลดเสียงลง “จอห์น บริตทานีบอกว่าหล่อนมีหลักฐานการทุจริตของลูกและธุรกิจที่ร่วมกับคนญี่ปุ่น คิดว่าจากนี้มันจะราบรื่นใช่ไหม?”จอห์นหัวเราะเยาะ “พ่อครับ เรื่องนี้มันผ่านไปครึ่งปีแล้วนะ แม้ว่ามันอาจจะมีเรื่องที่เคลือบแคลงใจอยู่บ้าง แต่ร่องรอยหลักฐานทั้งหมดคงหายไปหมดแล้วล่ะครับ”บิลถอนหายใจอย่างโล่งอก “ขอบคุณพระเจ้า แต่อย่างไรก็ตาม ร็อคกี้เฟลเลอร์ กรุ๊ปจะไม่มีวันตกไปเป็นของไอ้สารเลวอย่างอเล็กซ์แน่”บิลประกาศกร้าวว่าจะขัดขวางอเล็กซ์ให้ถึงที่สุด“ไม่ต้องห่วงครับ ไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน กระทั่งถึงวันที่มันตาย วิลเลียมไม่แม้แต่จะระแคะระคายถึงตัวจริงของมันด้วยซ้ำ ไอ้โง่นั่น! มันคงไม่เคยคิดเลยว่าความพยายามทั้งชีวิตของมันจะตกไปของคนอื่นเสีย”เที่ยงของวันถัดไป ณ คฤหาสน์ของแอสเส็กซ์โดโรธี แอสเส็กซ์เดินทางถึงบ้านอย่างเหนื่อยล้าพร้อมสัมภาระที่พะรุงพะรังในขณะที่เข้า
บริตทานี ร็อคกี้เฟลเลอร์ หมดสติและนอนอยู่บนเตียงนานกว่าครึ่งปี ในระหว่างนั้นมีเพียงแค่สายน้ำเกลือเท่านั้นที่พยุงชีวิตของเธอให้ผ่านไปได้ในแต่วันแม้ว่าจะฟื้นคืนสติ แต่เธอก็ใช้เวลาไม่น้อยในการพักฟื้นเพื่อในร่างกายกลับมาสมบูรณ์ดังเดิมด้วยเหตุนี้ อเล็กซ์ ร็อคกี้เฟลเลอร์ ออกใบสั่งยาเพื่อช่วยเร่งกระบวนการการฟื้นฟูของเธออย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์ เขาจึงไม่สามารถที่จะซื้อยาที่จำเป็นต่อการรักษา จากร้านขายยาและโรงพยาบาลได้ มีเพียงคุณหมอเชอริล โคนีย์ เท่านั้นที่จะช่วยได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจโทรหาเธอเชอริลอยู่ที่โรงพยาบาลตอนที่พวกเราพูดคุยและตกลงกัน ยิ่งไปกว่านั้น เธอทึ้งกับการรักษาของอเล็กซ์เป็นอย่างมากเขาขับรถ M8 มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลด้วยความเร็วสูง จึงถึงจุดหมายในไม่ช้าเชอริลกำลังคุยกับครอบครัวของผู้ป่วยภายในห้องทำงาน อเล็กซ์รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงอันอ่อนโยนและท่าทางที่สง่างามของเธอแต่ในทางกลับกัน โดโรธี แอสเส็กซ์เป็นเวลานานแล้วที่อเล็กซ์ไม่ได้รับความอบอุ่นจากเธอ การละเลยและความเฉยชาเกิดขึ้นในทุก ๆ วัน และด้วยเบียทริซและแคลร์ แอสเล็กซ์เก
โดโรธีตบหน้า แอสเส็กซ์ อเล็กซ์ ร็อคกี้เฟลเลอร์ อย่างเต็มแรง ชายหนุ่มมองเธอด้วยความประหลาดใจในขณะที่เชอริล โคนีย์อุทานออกมา “คุณตบเขาทำไม!”โดโรธีจ้องเขม็งไปยังหมอหญิงที่สวมใส่ชุดกราวน์และเอ่ยออกไป “มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ? ห๊ะ? เรายังคงเป็นสามีภรรยากันอยู่ หมายความว่าเธอก็ไม่ใช่ใครนอกจาก ชู้!”ตอนนี้มีพยาบาลรอที่จะพบคุณหมอเชอริลอยู่ เธอสีหน้างุนงงทันทีหลังจากเห็นเหตุการณ์สิ่งที่เธอคิดได้มีแค่คุณหมอเชอริล โคนีย์ หลานสาวของหมอที่เก่งที่สุดในรัฐแคริฟอร์เนียและคนดังของโรงพยาบาลเราเล่นชู้กันอยู่อเล็กซ์ขมวดคิ้วและมองไปยังพยาบาลคนนั้น เขารีบดึงโดโรธีออกมาและอธิบาย “หยุดไร้สาระเสียที ไม่มีเรื่องอะไรระหว่างผมกับคุณหมอโคนีย์ทั้งนั้น!”โดโรธีสะบัดมือของเธอ “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน! เมื่อกี้คุณกำลังจะทำอะไรกันแน่ ห๊ะ? ฉันเห็นหมดทุกอย่าง!”พวกเขากลายเป็นจุดสนใจของพยาบาลสองสามคนที่อยู่ตรงนั้นอเล็กซ์เข้าใจถึงผลที่จะตามมา หากปล่อยทุกอย่างทิ้งไว้แบบนี้ อเล็กซ์และโดโรธีที่เดินตามอยู่ด้านหลังเดินมุ่งหน้าออกไปพร้อมตะโกน “ขอโทษด้วยครับ คุณหมอโคนีย์! ผมหวังพึ่งคุณเรื่องแม่ผมอยู่! ภรรยาของผมคงจะเชื่อเรื่อ
อเล็กซ์ ร็อคกี้เฟลเลอร์อยากออกไปรับสาย แต่มันคงจะทำให้เขาดูมีความผิดเขาอธิบาย “คุณหมอโคนีย์โทรมาน่ะ ผมต้องการที่จะให้เธอช่วยเตรียมใบสั่งยา”เขาไม่ควรอธิบายอะไรเพิ่มอีก ทันใดนั้นโดโรธี แอสเส็กซ์พูดแทรกขึ้น “คุณจะเปิดลำโพงหรือเปล่า?”“เปิดสิ” อเล็กซ์ตอบ“สวัสดีครับคุณหมอโคนีย์!” เขาทักทายหลังจากที่รับสายและเปิดลำโพงสนทนาแต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เชอริลตอบเขาด้วยน้ำเสียงจิกกัดเล็กน้อย “ทำไมถึงเรียกฉันว่า คุณหมอโคนีย์ ล่ะ? เรียกแค่เชอริลก็พอ ไหน ๆ เราก็ไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว”อเล็กซ์สะดุ้งเขาสังเกตรังสีอำมหิตจากโดโรธี“อืม คุณมีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ?”“ฉันก็แค่อยากจะรู้….ว่าคุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”อเล็กซ์ตอบ “แน่นอน! ไม่ต้องห่วง”เชอริลยิ้ม “ภรรยาเก่าของคุณนี่เล่นใหญ่ไม่เบาเลย ว่าไหม? ฉันก็ตกใจกลัวนิดหน่อย แล้วเธอเป็นยังไงกันบ้าง? ฉันคิดว่าพวกเธอหย่ากันแล้วเสียอีก แล้วทำไมถึงยังเข้ามายุ่งเรื่องของคุณอยู่อีก?”นั่นเป็นเชือกฟางเส้นสุดท้ายก่อนที่โดโรธีจะระเบิดออกมาเธอแย่งโทรศัพท์จากมือเขาและตะโกน “ฟังนะ ฉันไม่ใช่ภรรยาเก่าของเขา! เราไม่ได้หย่ากันและไม่มีวัน! ยอมแพ้ซะเถอะ!
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ณ คฤหาสน์แอสเส็กซ์โดโรธีกลับมาด้วยสีหน้าอมทุกข์หลังจากได้เห็นสีหน้าของลูกสาว แคลร์ แอสเส็กซ์ แสดงท่าทีพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งและพูดเชิงเย้ยหยัน “เป็นอย่างที่บอกใช่ไหม? ศาลเปิดพรุ่งนี้ตอนเช้าโมงเช้า เราจะไปเขียนคำร้องฟ้องหย่ากันทันที”“จะไม่มีการหย่าเกิดขึ้นทั้งนั้นค่ะ” โดโรธีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาแคลร์ลุกยืนขึ้นทันที “โดโรธี ทำไมถึงหลงมันได้ขนาดนี้? มันมีดีอะไร? ทั้ง ๆ ที่มันทำกับลูกขนาดนี้? ดูนี่ แม่รู้ว่า สปาร์ค ร็อคกี้เฟลเลอร์ชอบลูก พรุ่งนี้แม่จะคุยกับเขาให้”“คุณแม่ นี่เป็นอะไรไปคะ? ลืมไปแล้วเหรอคะว่าไอ้เลวนั้นทำอะไรกับหนูไว้?”“อย่างน้อยเขาก็ดีกว่าอเล็กซ์! มันนอกจากใจลูก!” แคลร์ตอบโดโรธีขึ้นบันไดไปอย่างเกรี้ยวกราดโดยไม่ตอบอะไรแม้แต่นิดเดียว และเธอก็ไม่มีอารมณ์จะรับประทานมื้อค่ำด้วยตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มตรงเมื่อโดโรธีได้รับสายจากเชอร์แมน ฟอร์ด “คุณหนูแอสเส็กซ์สำนักงานใหญ่โทรมาเพื่อนัดประชุมสำคัญในวันพรุ่งนี้เวลาเก้าโมงเช้าที่บริษัทของเรา คณะกรรมการจะส่งตัวแทนของเขามาทั้งหมดสามคน และผู้บริหารสูงสุดของบริษัทต้องเข้าร่วมด้วย การประชุมจะจัดขึ้นที่ห้อง
เชอร์แมน ฟอร์ดหักหลังเธอโดโรธี แอสเส็กซ์รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอช่วยเหลือเชอร์แมนมาจนทำให้เธอมาถึงจุด ๆ นี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นโอกาสที่เธอได้เข้ามาจัดการงานต่าง ๆ ในบริษัททันทีที่เรียนจบ หรือเรื่องหนี้สินก็ตาม นั่นก็เป็นความช่วยเหลือของโดโรธีมาโดยตลอดแต่ท้ายที่สุด เชอร์แมนก็ตัดสินใจเลือกเอ็มม่า แอสเส็กซ์ และเล่นสกปรกกับโดโรธีแบบนี้ เธออับอายเหลือเกินในการประชุมที่สำคัญอย่างนี้คนทรยศเอ็มม่า ลูกสาวของแอนเดอร์สันและยังเป็นบุคคลที่ลือกันว่าจะมาทำหน้าที่ผู้จัดการคนใหม่แทนโดโรธี เธอมองไปยังลูกพี่ลูกน้องเธอพร้อมยิ้มเย้ย “คุณหนูโดโรธี ฉันเชื่อว่าเลขาของคุณบอกข้อมูลที่ถูกต้องนะคะ ฉันเดาว่าคุณคงนอนเพลินไปหน่อย โธ่ ลูกชายที่ถูกทอดทิ้งของร็อคกี้เฟลเลอร์หอบสัญญาก้อนใหญ่มาวางไว้ตรงหน้าเรา แต่เธอกลับพังมันลงไปไม่เหลือชิ้นดี ฉันรู้ว่าเธอคงจะเสียใจไม่ใช่น้อย ก็เลยเลือกที่จะปลอบใจตัวเองด้วยการนอนซมอยู่บนเตียง แต่ยังไง ก็อย่าเอาแต่จมปลักอยู่กับมันสิ เธอมีบริษัทที่ต้องดูแลนะ”สีหน้าของโดโรธีเยือกเย็นราวกับสายลมฤดูหนาว “เอ็มม่า แอสเส็กซ์ เลิกพูดจาไร้สาระเสียที! คุณไม่ได้อยู่ในคณะผู
“คุณคิดว่าผมอยากรอจริง ๆ เหรอ? ค่าผ่าตัดอย่างน้อยก็ต้องหมดเกือบครึ่งล้าน อีกทั้ง ความเสี่ยงต่อการผ่าตัดก็สูงไม่น้อยเลยด้วย โอกาสรอดคือห้าสิบห้าต่อห้าสิบ ผมอาจจะตายระหว่างผ่าตัดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ? อีกอย่าง คุณเองก็รู้ว่าสภาพครอบครัวของผมเป็นยังไง ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม ทั้งแม่แล้วก็น้องสาวผมจะอยู่กันยังไง? แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมมีพัสดุอีกเยอะต้องส่งตอนเที่ยงด้วย” เจ้าของร้านพลันถอนหายใจ พร้อมกับดวงตาเต็มซึ่งไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่ง “เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซ์พูดขึ้น "นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ?" ชายหนุ่มพลันนิ่งไปเกือบสามวินาที ทันใดนั้น เขาก็พลันเผยยิ้มและพยักหน้า "ฉันเชื่อ ในฐานะเพื่อนของคุณโยเวล คุณคงไม่มีเวลาว่างมาหลอกลวงคนต่ำต้อยอย่างผมหรอก” อเล็กซ์ยืนขึ้น “งั้นก็เชื่อใจฉัน แล้วฉันจะช่วยนายเอง” อเล็กซ์เดินเข้าไปและกางนิ้ว พร้อมกับวางนิ้วหนึ่งไว้เหนือขมับของชายหนุ่ม ตรงนั้นคือตำแหน่งของเนื้องอกซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศีรษะของลุค ทันใดนั้น นิ้วของอเล็กซ์ก็ส่องประกายราวกับสีของหยก รา
ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มที่สำลักบะหมี่ก่อนหน้าก็หันกลับลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง "คุณหนูโยเวล... นักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย? จริงเหรอ?” ทันใดนั้นเอง ใครสักคนก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาชื่อของนักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย ทว่า ทั้งรูปภาพและผลลัพธ์มากมายต่างก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริง มิเชลล์มักจะทำตัวเป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน และไม่ได้พวกใจพวกปาปารัสซี่เท่าไหร่นัก อีกทั้ง คนในตระกูลโนเวลเองก็ไม่ได้สนใจในตัวมิเชลล์ด้วยเช่นกัน เธออยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป ด้วยเหตุนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายไม่น้อยเลยที่จะมองหาคนอย่างเธอ ไม่นานนัก ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมา... "มันเป็นความจริง! ทั้งหมดคือเรื่องจริง! เธอคนนี้คือคุณหนูโยเวลตัวจริงเสียงจริง คุณมิเชลล์ โยเวลยังไงล่ะ!” “ใช่แล้ว! ยังไงก็เถอะ คุณหนูโยเวลอุตส่าห์มากินสตูว์ถึงที่ร้านทั้งที ฉัน... ฉันชักอยากจะขอเธอถ่ายรูปหน่อยแล้วสิ” “นายตาบอดหรือยังไงกัน? ดูเธอสิ เธอกำลังโกรธอยู่นะ ทำไมถึงอยากเข้าไปขอเธอถ่ายรูปตอนนี้กันล่ะ?” หลังจากที่ชายคนนั้นตบตัวเองไปมากกว่าสิบครั้ง แจ็คก็พูดขึ้น "รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ?" ชายคนนั้นพยักหน้า แจ็คถามขึ้นอีก
อันที่จริง อเล็กซ์ต้องการที่จะรักษาแจ็คก็เพราะเขาช่วยตนในเรื่องเอกสาร ทันใดนั้น อเล็กซ์เผยยิ้มและกล่าวคำพูดออกมา “คุณเทรนต์ครับ การช่วยชีวิตใครสักคนอาจต้องใช้โชคชะตา แต่ถ้ามีกำลังสงสัยอะไรอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสามารถไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลาเลย แต่ยังไงเสีย คุณคงต้องรีบหน่อยแล้วแหละ เพราะนิ่วในไตของคุณตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่แย่มาก คุณอาจะติดเชื้อได้เลยล่ะ" ทว่า ทุกคนก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง 'นายไม่ได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์หรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้ง ชีพจรก็ไม่ได้ตรวจ นายจะรู้ได้ยังไงกันว่านิ่วในไตนั้นอยู่ในตำแหน่งดีหรือร้าย? นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือยังไงกัน?' สำหรับคราวนี้ มิเชลล์เองก็พลันเบิกตากว้างเช่นกัน เธอเอาแขนพาดหน้าอกด้วยความสงสัย “อเล็กซ์ นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์ด้วยงั้นเหรอ?” อเล็กซ์ไม่สนใจเธอเลย ทว่า ไม่นานนัก แจ็คก็พูดขึ้น "คุณร็อคกี้เฟลเลอร์ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ยังไงเสีย อเล็กซ์เองก็ไม่ได้จะใช้มีดผ่าตัดอยู่แล้ว ดังนั้น แจ็คจึงรู้สึกว่ามันก็คุ้มที่จะลอง อเล็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก เขาก็วางมือเอาไว้บนแผล พร้อมกับสอดพลังฉีเข้าไปในร่างกายของ
ผู้หญิงที่พูดขึ้นนั้นนั่งอยู่ข้างหลังอเล็กซ์ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุราวสามสิบปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาตั้งแต่เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นนั่งฟังพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มิเชลล์บอกว่าเธอจะจับพริสซิลล่ามาอยู่บนเตียงของอเล็กซ์ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดูถูกเหยียดหยามทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันที่จริง เธออยากจะเรียกตำรวจมาจับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอก็รู้สึกโล่งใจที่อเล็กซ์ปฏิเสธข้อเสนอไป ต่อมา เธอก็ได้ยินทั้งสองพูดถึงบริษัทเธาซันด์ลีฟ เธอได้ยินมิเชลล์พูดว่าตัวเองนั้นสามารถขอใบอนุญาตได้เลยเพียงแค่เอ่ยวาจา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะพ่นสตูว์เนื้อรสเผ็ดออกมาทางปาก อันที่จริง เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเธาซันด์ลีฟ สามีของเธอขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่ทำงานภายใต้แฟรนไชส์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของบริษัทเธาซันด์ลีฟก็คือตระกูลโยเวล ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง บริษัทยังได้รับการโฆษณาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทว่า สามีของเธอก็ได้แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างอยู่ตั้งหลายร
อันที่จริง เบียทริซเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในมหาวิทยาลัยได้หากจะต้องเปิดโปงพวกเขาทั้งสอง ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ อเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่ามิเชลล์นั้นซื้อรถสปอร์ตสุดหรูแอสตันมาร์ตินสีแดงให้กับตน โครงสร้างสุดเท่ของรถสปอร์ตคนนี้ค่อนข้างทันสมัย แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน “โทษทีนะ พอดีฉันหารุ่น M8 ที่นายต้องการไม่ได้เลยน่ะ ตอนนี้ไม่มีรุ่นนั้นเหลืออยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยด้วย ยังไงก็เถอะ นายก็ใช้คันนี้พลาง ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าของเข้าแล้ว ฉันจะไปซื้อรุ่น M8 มาคืนให้” 'ดูเธอสิ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน' เธอสามารถซื้อรถหรูราคาหลายแสนได้ราวกับว่าซื้อลูกโป่ง “ก็ได้!” อเล็กซ์ไม่เรื่องมากกับเรื่องรถยนต์อยู่แล้ว ทั้งสองเดินทางไปยังร้านอาหารสตูว์รสจัดจ้าน มิเชลล์นึกประหลาดใจ “นายอยากทำกับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” อเล็กซ์ตอบกลับ “ตอนแรกฉันจะรักษาพริสซิลล่า แต่เธอดันกลับบ้านไปก่อน ยังไงเสีย ตอนนี้เรามาสั่งอะไรง่ายๆ กินกันดีกว่า” “นี่นายกำลังพยายามตามจีบพริสซิลล่าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? อันที่จริง ฉันช่วยนายได้นะรู้ไหม? ฉันทำให้เธ
“ดาวมหาลัยชนชั้นกลาง... เบียทริซ แอสเส็กซ์งั้นเหรอ?” “เธอคือ...” ทั้งแอนนาลิสและพริสซิลล่าต่างก็จ้องไปที่เบียทริซอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลังจากนั้น พวกเขาก็หันไปหาอเล็กซ์ จากท่าทีของทั้งสอง พวกเขาต่างก็รับรู้มาว่าอเล็กซ์เป็นแฟนของมิเชลล์ ไม่อย่างนั้น ทั้งสองจะรู้จักและจูบกันได้ยังไงล่ะ? ในตอนนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่ามิเชลล์คงจะต้องตะคอกและทุบตีอเล็กซ์อย่างแน่นอน แม้แต่เบียทริซเองก็คิดเช่นนั้น เบียทริซเรียกอเล็กซ์ว่าพี่เขยก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของเขาเอง อีกทั้ง เบียทริซเองก็ต้องการบอกกล่าวให้มิเชลล์รับรู้ว่าว่าอเล็กซ์เป็นชายที่แต่งงานแล้ว และแน่นอน เบียทริซในตอนนี้กำลังเล่นกับความรู้สึกของมิเชลล์อยู่ จากที่เบียทริซรู้เรื่องราวของมิเชลล์มา มิเชลล์จะต้องโมโหและทำร้ายอเล็กซ์อย่างแน่นอน แต่ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มิเชลล์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานนัก เธอก็กล่าวคำพูดขึ้น “เบียทริซ แอสเซ็กซ์ เธอเป็นน้องสะใภ้ของอเล็กซ์หรือยังไงกัน? เธอน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะ! ยังไงก็เถอะ ถ้ามีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ ก็เอ่ยชื่อของฉันออกไปได้เลย แล้วฉันจะมาปกป้องเธอเอง!” "อะไรก
สตีเวนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับคำรามออกมา เขาปลุกพละกำลังภายในที่น่ากลัวและชั่วร้ายออกมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับแสงสีแดงที่กะพริบระยิบระยับในดวงตา ระหว่างที่มิเชลล์กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปที่สตีเวน เขาก็พลันตอบโต้การโจมตีด้วยฝ่ามือของตัวเองเช่นกัน ตู้ม! เสียงระเบิดดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถง สตีเวนเองก็ได้เก็บซ่อนพลังพิเศษไว้ที่ในฝ่ามือของตัวเอง พลังนั้นพุ่งทะลุผ่านฝ่ามือของมิเชลล์ไป มันเป็นทักษะอันทรงพลังในฐานะจ้าวแห่งเงามรณะเลยก็ว่าได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าทักษะแห่งการล่อลวง เพราะเหตุนั้น สตีเวนจึงไม่สนใจการโจมตีมิเชลล์มากนัก เพราะเขารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตนจะต้องชนะอย่างแน่นอน ในตอนนั้นเอง เขาพลันดีดนิ้วและกล่าวคำพูดขึ้นมา “หยุด!” ทว่า ทักษะแห่งชัยชนะทั้งหมดของสตีเวนกลับไม่มีผลอะไรเลยในวันนี้ มิเชลล์พุ่งเข้าใส่สตีเวนด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและเฉียบแหลม เธอยกขาขึ้นแล้วกระแทกไปยังศีรษะของสตีเวนอย่างแรง "อะไรกัน?" อึก! สตีเวนล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพลันกลอกตาไปมาและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ทันทีที่สติเริ่มจางหาย ความคิดสุดท้ายของสตีเวนก็พลันปรากฏขึ้นมาในหัว “มันจะเป็นไปได้ยังไง
ตุ๊บ! ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของฝูงชน มิเชลล์ก็กระโดดข้ามราวขึ้นไปบนเวทีประลอง ระหว่างที่มิเชลล์ขึ้นไปยืนบนเวทีประลอง หน้าอกขนาดมหึมาของเธอก็พลันกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทุกคนต่างตกตะลึงและเบิกตากว้าง โดยเฉพาะเหล่านักเรียนชาย พวกเขาต่างก็ยิ่งอิจฉาอเล็กซ์มากกว่าเดิมทันทีที่เห็นเช่นนั้น มิเชลล์รีบคว้าตัวพริสซิลล่าและลากเธอมาหลบอยู่ด้านหลัง มิเชลล์จ้องไปยังชายวัยกลางคนจอมหยิ่งผยองและกล่าวคำพูดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายเอง!” พริสซิลล่าในตอนนี้ไม่กล้าที่จะอยู่บนเวทีอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากลานประลอง พร้อมกับกุมมือตัวเองด้วยความหวาดกลัว อเล็กซ์ตบไหล่ของพริสซิลล่าและเผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “เธอทำดีมาก ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชนะ” “ฉัน... ฉันชนะการประลองจริง ๆ เหรอ?” “...” หลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มจ้องมองไปที่พริสซิลล่าและกลอกตา แอนนาลิสเองก็ขมวดคิ้วและจ้องไปยังพริสซิลล่าเช่นกัน เธอไม่เข้าใจความสามารถที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของพริสซิลล่าเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น เธอก็คิดเองเออเองว่าเทรเวอร์น่าจะใช้พลังของตัวเองมากเกินไป แอนนาลิสคิดหาวิธีอื่
“พูดบ้าอะไรของเธอกัน?!” ระหว่างกำลังคิดว่านี่คงเป็นแผนของชมรมซาตานที่ต้องการส่งใครสักคนขึ้นมาบนเวทีประลอง เทรเวอร์ก็รู้สึกโกรธไม่น้อย ทันใดนั้น เทรเวอร์ก็พุ่งเข้าไปหาพริสซิลล่าและฟาดฝ่ามือใส่เธอ เทรเวอร์ต้องการสยบพริสซิลล่าด้วยฝ่ามือ นั่นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความยิ่งใหญ่ในฐานะประธานชมรมมังกรหยก "อ๊าย!" พริสซิลล่าพลันกรีดร้องและยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณ ทันใดนั้น กระแสพลังฉีพลันพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอ ตุบ! เทรเวอร์พลันฟาดลงไปยังข้อมือพริสซิลล่า ทว่า เขากลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังจำนวนมหาศาลพุ่งตรงเข้ามา ฟิ้ว! ทันใดนั้น ร่างกายของเทรเวอร์ก็ลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศเหนือเวทีประลองและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับผมที่ตั้งชูอยู่เหนือศีรษะ ร่างกายของเทรเวอร์สั่นเทา เขาอ้าปากค้างราวกับมีหมอกพิษทมิฬลอยออกมาจากปาก ทุกคนในห้องโถงต่างก็เงียบไปด้วยความตกใจ พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ มิเชลล์เองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เธอจ้องมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของแอนนาลิสพลันเบิกกว้าง เธออ้าปากค้างทันใด เธอแทบจะไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ท