ใบหน้าของแรมเซย์เปลี่ยนเป็นซีดและเหงื่อก็ไหลออกมา แต่เขาไม่กล้าบ่น เขาพยักหน้าและเดินจากไปด้วยความสิ้นหวัง เขาออกจากห้อง เบอร์นาร์ดถามว่า “นายท่านอเล็กซ์มีใครที่นี่ทำให้คุณขุ่นเคืองไหมครับ?” อเล็กซ์ใช้นิ้วปัดผมของเขาแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรร้ายแรง แต่ไอ้นี่มันดูถูกแฟนผมต่อหน้าผม ผมไม่แน่ใจว่าควรจัดการกับเขายังไง” เบอร์นาร์ดเดือด “ไอ้ขยะ นายเซ็นใบสำคัญแสดงสิทธิการตายของนายเอง การ์ด โยนมันลงแม่น้ำและทำให้มันจมน้ำตาย” ทุกคนตื่นตระหนก เอ็ดการ์รู้สึกตัวสั่นลงกระดูกสันหลัง เขารีบพูดว่า “เดี๋ยวก่อน! ผมเป็นซีอีโอของ เพกาซัส อินเตอร์ เนชั่นแนล ผมเอ็ดการ์ เชฟเฟิร์ด ผมมีความเกี่ยวข้องกับท่านเล็กซ์กันเธอร์ แห่งบริษัท เธาซันด์ ไมล์ คุณทำแบบนี้กับผมไม่ได้!” ขณที่เขาพูดจบ เบอร์นาร์ดก็ตบหน้าเขา เพียะ! “แกคิดว่าท่านเล็กซ์ กันเธอร์ จะรบกวนให้แกช่วยเหลืองั้นเหรอ? ทำให้มันจมน้ำตาย!” เบอร์นาร์ดกล่าว เอ็ดการ์ดตื่นตระหนกและเขาคุกเข่าทั้งสองข้างวิงวอนว่า “ไม่นะ! ได้โปรด! ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ ผมขอตอบแทนคุณ คุณเบอร์นาร์ด นายน้อย! นายท่านอเล็กซ์ ขอโอกาสผมด้วยเถอะ ผมเป็นหนี้บุญคุณท่านมากทีเดียว”
“ไม่! ฉันไม่ได้... ฉันไม่เคยสัญญากับเขา คุณเป็นสามีของฉัน” โดโรธีร้องไห้ อเล็กซ์กล่าวว่า “คุณคิดว่าผมตาบอดเหรอ? ผมเห็นแล้ว!” โดโรธีกล่าวว่า “ฉัน... ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น ฉันขอโทษ ที่รัก คุณอยู่ที่ไหนฉันอยากเจอคุณ ให้ฉันอธิบายและขอโทษคุณเถอะนะ ฉันขอโทษ ฉันไม่สมควรเชื่อสปาร์ค คุณจะลงโทษฉันหรือจะตีฉันก็ได้ ได้โปรดมาเจอกันเถอะนะ” เมื่ออเล็กซ์ได้ยินโดโรธีอ้อนวอนทางโทรศัพท์อย่างสิ้นหวัง ความโกรธของเขาก็สงบลง แต่เขาก็คิดอีกแง่หนึ่ง ‘โอ้ย ตอนที่ท่านเล็กซ์เปิดตัวที่แอสเส็กซ์ เขาพูดกับเรานายท่านอเล็กซ์ หมายความว่าตัวตนของเราถูกเปิดเผยใช่ไหม ตระกูลแอสเส็กซ์เป็นคนดูดเลือดดูดเนื้อแน่นอน พวกเขาต้องการให้เรากลับไป จากนั้นพวกเขาจะให้เราเซ็นสัญญาพันล้านดอลลาร์กับบริษัท เธาซันด์ ไมล์ อีกครั้ง ไอ้โง่ ไปลงนรกซะ!’ เขาคิดในใจ จากนั้นเขาก็ถามว่า “คุณมาขอโทษเพราะคุณท่านโจแอนน์บอกให้ทำใช่ไหม?” โดโรธีพูดทันทีว่า “ไม่! ฉันอยากจะขอโทษเอง ที่รักคุณลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นคนยังไง? ฉันรู้สึกไม่สบายใจเมื่อคุณไม่รับสายฉัน บอกฉันว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ได้หากเราได้พบกัน” อเล็กซ์ถอ
อย่างไรก็ตาม ก็สามารถพูดตรงกันข้ามได้ ใครก็ตามที่ได้รับผลประโยชน์จากบริษัท เธาซันด์ ไมล์ จะเจริญรุ่งเรือง เมื่ออเล็กซ์มาถึง คุณท่านโจแอนน์เป็นคนแรกที่ทักทายเขา ตรงกันข้ามกับพฤติกรรมก่อนหน้านี้คุณท่านโจแอนน์ยิ้มปาดจะถึงรูหู ราวกับว่าเธอเป็นคนละคน เธอจับมืออเล็กซ์และพูดว่า “อเล็กซ์ มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด ฉันผิดที่จะตัดสินนายเร็วเกินไป มันเป็นความผิดพลาดของฉัน ทั้งหมดนี้เกิดจาก นายน้อยสปาร์ค และท่านบิล เราทุกคนถูกหลอกโดยคำพูดของพวกเขา!” ที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ คือเบนนีย์ แอสเส็กซ์, แอนเดอร์สัน แอสเส็กซ์ และสมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลแอสเส็กซ์ต่างก็ยิ้มอย่างขอโทษ อเล็กซ์พูดด้วยน้ำเสียงแบบไม่ใส่ใจว่า “เนื่องจากมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผมจะไปนอนเพราะผมเหนื่อย” คุณท่านโจแอนน์รีบพูด "ได้โปรดเถอะ! ตอนนี้ท่านเล็กซ์ฉีกสัญญาพันล้านดอลลาร์ที่สัญญาไว้กับเรา ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับท่านเล็กซ์เป็นอย่างไรบ้าง นายช่วยโทรหาท่านและขอให้ท่านเซ็นสัญญาใหม่อีกครั้งได้ไหม?” แอนเดอร์สัน แอสเส็กซ์ กล่าวว่า “ใช่ ดูเหมือนว่า ท่านเล็กซ์ จะให้ความสำคัญกับนายอย่างมาก ทำไมนายไม่อธิบา
ดวงตาของเบียทริซเบิกกว้างทันที “นายซื้อสร้อยคอราคาสามสิบล้านเหรียญจริง ๆ เหรอ? นายได้รับเงินจาก ท่านเล็กซ์เท่าไหร่?” คุณนายแคลร์ก็สงสัยเช่นกัน อเล็กซ์ยักไหล่ “ผมมีเงินไม่มาก สร้อยคอเป็นของขวัญจากท่านเล็กซ์ และแหวนแต่งงานที่ผมได้มาก็ไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย” คุณนายแคลร์ตบต้นขาของตัวเองเสียงดัง “โอ้พระเจ้า! นายทิ้งสร้อยคอมูลค่าสามสิบล้านเหรียญไปได้ยังไง? นายนี่มันคนโง่เขลาจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย?” อเล็กซ์ตอบว่า “คุณต่างหากเป็นคนโยนมันทิ้ง” คุณนายแคลร์จำได้ว่าเธอเป็นคนที่โยนสร้อยคอลงพื้นและเสียใจอย่างมาก! เบียทริซกล่าวว่า "ฉันจำได้ว่าผู้หญิงที่รับสร้อยคอนั้นเป็นคนที่นายรู้จัก เธอคือ... คุณหมอเชอริลใช่ไหม? นายขอสร้อยคอคืนมาได้ไหม?" ดวงตาของคุณนายแคลร์สว่างขึ้น “โอ้ใช่ เราต้องไปเอาคืน” อเล็กซ์ส่ายหัว เขาอายเกินกว่าจะขอคืน! เขาเพิ่งแกล้งทำเป็นแฟนของคุณหมอเชอริล เขายิ่งเขินอายกับเหตุการณ์ในลิฟต์ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจบอกเรื่องโกหก “ผมไปถามแล้ว แต่เธอคิดว่ามันเป็นแค่เศษแก้วที่ทำเลียนแบบและเธอก็ ให้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไปแล้ว” "ฮะ?" กรามของโดโรธีกระแทกพื้น คุณนายแคลร์รู้สึกสิ้นหวัง “พร
‘เธอจะไม่มีทางพูดแบบนี้ ถ้าเธอรู้ว่าฉันเป็นผู้บริหารกลุ่มบริษัทในเครือเธาซันด์ ไมล์’ อเล็กซ์คิดอย่างไรก็ตามตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผยเรื่องนี้โดโรธี กล่าวเสริม “ฉันหวังว่าคุณจะเอาเวลาไปคิดว่าคุณต้องการจะทำอะไรในอนาคตข้างหน้าดีกว่านะ อายุคุณก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วนะ และคุณยังไม่คิดจะทำอะไรสักอย่างกับชีวิตของคุณเลย! ฉันรู้ว่าคุณจะพูดอะไร คุณก็ต้องดูแลแม่ของคุณ แต่คุณก็สามาถจ้างคนมาดูแลได้ไม่ใช่เหรอ? คุณแค่ไปหางานทำเถอะ หรือคุณจะมาทำงานในบริษัทของฉันก็ได้”อเล็กซ์รู้สึกลำบากใจ เขาไม่ต้องการที่จะปล่อยแม่ของเขาไว้ให้คนอื่นดูแลอย่างไรก็ตาม เขาพยักหน้า ภายใต้สายตาของโดโรธี “โอเค ไว้ผมจะเก็บเรื่องนี้ไปคิด”เช้าวันรุ่งขึ้น อเล็กซ์ขับรถของคุณหนูโดโรธีเพื่อไปส่งเธอที่สนามบินเธอพบกับเพื่อนร่วมงานของเธอที่นั่นเพื่อที่จะเข้าร่วมนิทรรศการในเมือง บล็อคจากนั้นอเล็กซ์ก็ขับรถกลับบ้านระหว่างทางกลับบ้านเขาได้รับสายจากคุณหมอเชอริล “อเล็กซ์ คุณต้องมาที่โรงพยาบาลด่วนเลย เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่ของคุณ”“เกิดอะไรขึ้นกับแม่?” อเล็กซ์พูดด้วยความตกใจ“เราจะคุยกันตอนคุณมาถึง” เชอริลตอบด้วยน้ำเสียงจ
ตบนั้นทำให้เชอริลตกใจ แก้มของเธอแดงอย่างร้อนผ่าวสิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือคำพูดของคุณนายแคลร์ เชอริลรู้ว่าตัวเองบริสุทธิ์ เธอเป็นแค่หมอเท่านั้นเอง ทำไมเธอจะต้องทนกับการกระทำแบบนี้?เสียงตะโกนของคุณนายแคลร์ดังไปทั่วทั้งพื้นที่ทำให้สร้างความสนใจให้เหล่าพยาบาลและผู้คนแถวนั้นมากมาย “ระวังคำพูดด้วยค่ะ คุณนาย กรุณาอย่าพูดจาไร้สาระค่ะ” เชอริลหงุดหงิดคุณนายแคลร์เป็นคนอารมณ์ร้อนมาก เป็นคนที่เก็บอารมณ์ความเสียใจไว้และพร้อมที่จะแก้แค้นเสมอเธอเหวี่ยงมือของเธออีกครั้ง เชอริลซึ่งไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้โดนตบเข้าที่หน้าเต็ม ๆ คุณนายแคลร์ตะโกน “ไร้สาระ! ระวังคำพูดงั้นเหรอ? ใคร ๆ ก็รู้ว่าเธอควรจะเป็นคนที่จะต้องระวังคำพูดมากกว่านะ! ยั่วยวนสามีของคนอื่นเหมือนที่เธอกำลังทำอยู่ไงล่ะ แม้กระทั่งกอดกันในที่สาธารณะแบบนี้! ทำไมไม่ยอมรับว่าเธอมันน่าไม่อาย!? ฉันเห็นหมดแล้ว! บนเสื้อผ้าของเธอมีแม้กระทั่งน้ำลาย! เหลือแค่พวกเธอยังไม่แก้ผ้าเท่านั้นหล่ะ…”ทุกคนในที่นั้นกำลังจ้องมองพวกเขาและกระซิบนินทาเชอริลเหมือนจุดถูกชนวนความโกรธ เธอรู้สึกได้ถึงความโกรธที่พร้อมจะประทุออกมาอเล็กซ์ซึ่งตกอยู่ในสภาวะงงงวยก็ดึงสต
แม่เจ้าโว้ย!อเล็กซ์คิดอย่างถี่ถ้วน ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับคัมภีร์ มันกำลังเสนอตัวเอง หน้ากระดาษแต่ละหน้ากำลังพลิกหน้าสลับไปมาเองและเหมือนกับว่ากำลังจะถูกจัดเรียงใหม่ ทุกอย่างเข้าหาเข้าเพียงแค่พริบตาเดียว การแพทย์ดั้งเดิม, ไสยศาสตร์, เวทมนตร์,ยาเสน่ห์ และแม้กระทั่งวิทธายุทธบำบัด เหมือนทุกอย่างเข้าปกคลุมไปในความคิดของเขาในขณะที่พลังอันอบอุ่นไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของเขาทำให้อเล็กซ์รู้สึกผ่อนคลาย“อเล็กซ์ อเล็กซ์?” เสียงของเชอริลดังเข้าไปในหูของเขา ดึงเขาให้กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงเขากระพริบตา “ฮะ? ผมอยู่ที่ไหน แล้วแม่อยู่ไหน? คุณหมอโคนีย์”“อยู่ ๆ คุณก็เป็นลมไปอเล็กซ์” เชอริลตอบในขณะนั้น มีพยาบาลเร่งรีบเข้ามา “คุณหมอโคนีย์ คุณบริตทานี ร็อคกี้เฟลเลอร์ คนไข้ได้หยุดหายใจแล้ว….”หมอและพยาบาลจำนวนมากพุ่งตรงเข้าไปในห้องของบริตทานีอเล็กซ์มองเห็นแม่ของเขานอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอซีดขาวดุจผ้าสีขาวและสัญญาณชีพจรที่แสดงเป็นเส้นตรง หมอคนหนึ่งเดินเข้าหาพวกเขา พร้อมกับค่อย ๆ ส่ายหน้า“แม่! แม่…” อเล็กซ์พุ่งไปข้างเตียงของบริตทานีพร้อมกับร้องไห้ออกมาสุดเสียงในขณะนั้น ความรู้บ
เชอริลไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเธอเข้าไปใกล้ข้างเตียงของบริตทานีและสังเกตุเห็นเปลือกตาของเธอสั่นและค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเชอริลคิดว่าเธอกำลังเห็นภาพหลอนจากนั้นเธอก็ดึงสติตัวเองกลับมา เธอร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น “อเล็กซ์ อเล็กซ์! แม่ของคุณฟื้นแล้ว! เธอฟื้นแล้ว!”อเล็กซ์ลืมตาขึ้นทันที อย่างตื้นตันใจ“แม่! แม่! แม่ฟื้นแล้ว!” อเล็กซ์อุทานออกมา เขาจับมือของบริตทานีไว้ ตาของเขาค่อย ๆ พลันเป็นสีแดงในขณะเดียวกันกับที่น้ำตาของเขาค่อย ๆ รินไหลออกมามันเป็นเรื่องจริง คัมภีร์เป็นเรื่องจริงแม้กระทั่งบรรพบุรุษของเขาก็มีจริงทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณบรรพบุรุษของเขาเชอริลรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากและเริ่มที่จะร้องไห้เหมือนกัน เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบริตทานีจะฟื้นขึ้นมาจริง ๆ พวกเขาเพิ่งจะแจ้งการตายของเธอเมื่อไม่นานมานี้ จากนั้นเธอก็ฟื้นขึ้นมาทันทีนี่มันเป็นปาฏิหาริย์แห่งวงการแพทย์!“หรือว่ามันจะเป็นเพราะจากการที่เขาพยายามช่วยชีวิตของเธอ?” เชอริลบ่นพึมพำกับตัวเอง จ้องมองไปที่อเล็กซ์ด้วยสายตาที่ชวนสงสัยบริตทานีฟื้นขึ้นมาและหันไปหาอเล็กซ์ “อเล็กซ์ ที่นี่ที่ไหนกัน?”คุณหมอเชอริลวิ่งออกจากห้องคนไข้เพ
“คุณคิดว่าผมอยากรอจริง ๆ เหรอ? ค่าผ่าตัดอย่างน้อยก็ต้องหมดเกือบครึ่งล้าน อีกทั้ง ความเสี่ยงต่อการผ่าตัดก็สูงไม่น้อยเลยด้วย โอกาสรอดคือห้าสิบห้าต่อห้าสิบ ผมอาจจะตายระหว่างผ่าตัดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ? อีกอย่าง คุณเองก็รู้ว่าสภาพครอบครัวของผมเป็นยังไง ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม ทั้งแม่แล้วก็น้องสาวผมจะอยู่กันยังไง? แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมมีพัสดุอีกเยอะต้องส่งตอนเที่ยงด้วย” เจ้าของร้านพลันถอนหายใจ พร้อมกับดวงตาเต็มซึ่งไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่ง “เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซ์พูดขึ้น "นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ?" ชายหนุ่มพลันนิ่งไปเกือบสามวินาที ทันใดนั้น เขาก็พลันเผยยิ้มและพยักหน้า "ฉันเชื่อ ในฐานะเพื่อนของคุณโยเวล คุณคงไม่มีเวลาว่างมาหลอกลวงคนต่ำต้อยอย่างผมหรอก” อเล็กซ์ยืนขึ้น “งั้นก็เชื่อใจฉัน แล้วฉันจะช่วยนายเอง” อเล็กซ์เดินเข้าไปและกางนิ้ว พร้อมกับวางนิ้วหนึ่งไว้เหนือขมับของชายหนุ่ม ตรงนั้นคือตำแหน่งของเนื้องอกซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศีรษะของลุค ทันใดนั้น นิ้วของอเล็กซ์ก็ส่องประกายราวกับสีของหยก รา
ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มที่สำลักบะหมี่ก่อนหน้าก็หันกลับลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง "คุณหนูโยเวล... นักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย? จริงเหรอ?” ทันใดนั้นเอง ใครสักคนก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาชื่อของนักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย ทว่า ทั้งรูปภาพและผลลัพธ์มากมายต่างก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริง มิเชลล์มักจะทำตัวเป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน และไม่ได้พวกใจพวกปาปารัสซี่เท่าไหร่นัก อีกทั้ง คนในตระกูลโนเวลเองก็ไม่ได้สนใจในตัวมิเชลล์ด้วยเช่นกัน เธออยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป ด้วยเหตุนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายไม่น้อยเลยที่จะมองหาคนอย่างเธอ ไม่นานนัก ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมา... "มันเป็นความจริง! ทั้งหมดคือเรื่องจริง! เธอคนนี้คือคุณหนูโยเวลตัวจริงเสียงจริง คุณมิเชลล์ โยเวลยังไงล่ะ!” “ใช่แล้ว! ยังไงก็เถอะ คุณหนูโยเวลอุตส่าห์มากินสตูว์ถึงที่ร้านทั้งที ฉัน... ฉันชักอยากจะขอเธอถ่ายรูปหน่อยแล้วสิ” “นายตาบอดหรือยังไงกัน? ดูเธอสิ เธอกำลังโกรธอยู่นะ ทำไมถึงอยากเข้าไปขอเธอถ่ายรูปตอนนี้กันล่ะ?” หลังจากที่ชายคนนั้นตบตัวเองไปมากกว่าสิบครั้ง แจ็คก็พูดขึ้น "รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ?" ชายคนนั้นพยักหน้า แจ็คถามขึ้นอีก
อันที่จริง อเล็กซ์ต้องการที่จะรักษาแจ็คก็เพราะเขาช่วยตนในเรื่องเอกสาร ทันใดนั้น อเล็กซ์เผยยิ้มและกล่าวคำพูดออกมา “คุณเทรนต์ครับ การช่วยชีวิตใครสักคนอาจต้องใช้โชคชะตา แต่ถ้ามีกำลังสงสัยอะไรอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสามารถไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลาเลย แต่ยังไงเสีย คุณคงต้องรีบหน่อยแล้วแหละ เพราะนิ่วในไตของคุณตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่แย่มาก คุณอาจะติดเชื้อได้เลยล่ะ" ทว่า ทุกคนก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง 'นายไม่ได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์หรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้ง ชีพจรก็ไม่ได้ตรวจ นายจะรู้ได้ยังไงกันว่านิ่วในไตนั้นอยู่ในตำแหน่งดีหรือร้าย? นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือยังไงกัน?' สำหรับคราวนี้ มิเชลล์เองก็พลันเบิกตากว้างเช่นกัน เธอเอาแขนพาดหน้าอกด้วยความสงสัย “อเล็กซ์ นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์ด้วยงั้นเหรอ?” อเล็กซ์ไม่สนใจเธอเลย ทว่า ไม่นานนัก แจ็คก็พูดขึ้น "คุณร็อคกี้เฟลเลอร์ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ยังไงเสีย อเล็กซ์เองก็ไม่ได้จะใช้มีดผ่าตัดอยู่แล้ว ดังนั้น แจ็คจึงรู้สึกว่ามันก็คุ้มที่จะลอง อเล็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก เขาก็วางมือเอาไว้บนแผล พร้อมกับสอดพลังฉีเข้าไปในร่างกายของ
ผู้หญิงที่พูดขึ้นนั้นนั่งอยู่ข้างหลังอเล็กซ์ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุราวสามสิบปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาตั้งแต่เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นนั่งฟังพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มิเชลล์บอกว่าเธอจะจับพริสซิลล่ามาอยู่บนเตียงของอเล็กซ์ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดูถูกเหยียดหยามทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันที่จริง เธออยากจะเรียกตำรวจมาจับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอก็รู้สึกโล่งใจที่อเล็กซ์ปฏิเสธข้อเสนอไป ต่อมา เธอก็ได้ยินทั้งสองพูดถึงบริษัทเธาซันด์ลีฟ เธอได้ยินมิเชลล์พูดว่าตัวเองนั้นสามารถขอใบอนุญาตได้เลยเพียงแค่เอ่ยวาจา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะพ่นสตูว์เนื้อรสเผ็ดออกมาทางปาก อันที่จริง เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเธาซันด์ลีฟ สามีของเธอขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่ทำงานภายใต้แฟรนไชส์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของบริษัทเธาซันด์ลีฟก็คือตระกูลโยเวล ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง บริษัทยังได้รับการโฆษณาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทว่า สามีของเธอก็ได้แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างอยู่ตั้งหลายร
อันที่จริง เบียทริซเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในมหาวิทยาลัยได้หากจะต้องเปิดโปงพวกเขาทั้งสอง ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ อเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่ามิเชลล์นั้นซื้อรถสปอร์ตสุดหรูแอสตันมาร์ตินสีแดงให้กับตน โครงสร้างสุดเท่ของรถสปอร์ตคนนี้ค่อนข้างทันสมัย แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน “โทษทีนะ พอดีฉันหารุ่น M8 ที่นายต้องการไม่ได้เลยน่ะ ตอนนี้ไม่มีรุ่นนั้นเหลืออยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยด้วย ยังไงก็เถอะ นายก็ใช้คันนี้พลาง ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าของเข้าแล้ว ฉันจะไปซื้อรุ่น M8 มาคืนให้” 'ดูเธอสิ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน' เธอสามารถซื้อรถหรูราคาหลายแสนได้ราวกับว่าซื้อลูกโป่ง “ก็ได้!” อเล็กซ์ไม่เรื่องมากกับเรื่องรถยนต์อยู่แล้ว ทั้งสองเดินทางไปยังร้านอาหารสตูว์รสจัดจ้าน มิเชลล์นึกประหลาดใจ “นายอยากทำกับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” อเล็กซ์ตอบกลับ “ตอนแรกฉันจะรักษาพริสซิลล่า แต่เธอดันกลับบ้านไปก่อน ยังไงเสีย ตอนนี้เรามาสั่งอะไรง่ายๆ กินกันดีกว่า” “นี่นายกำลังพยายามตามจีบพริสซิลล่าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? อันที่จริง ฉันช่วยนายได้นะรู้ไหม? ฉันทำให้เธ
“ดาวมหาลัยชนชั้นกลาง... เบียทริซ แอสเส็กซ์งั้นเหรอ?” “เธอคือ...” ทั้งแอนนาลิสและพริสซิลล่าต่างก็จ้องไปที่เบียทริซอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลังจากนั้น พวกเขาก็หันไปหาอเล็กซ์ จากท่าทีของทั้งสอง พวกเขาต่างก็รับรู้มาว่าอเล็กซ์เป็นแฟนของมิเชลล์ ไม่อย่างนั้น ทั้งสองจะรู้จักและจูบกันได้ยังไงล่ะ? ในตอนนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่ามิเชลล์คงจะต้องตะคอกและทุบตีอเล็กซ์อย่างแน่นอน แม้แต่เบียทริซเองก็คิดเช่นนั้น เบียทริซเรียกอเล็กซ์ว่าพี่เขยก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของเขาเอง อีกทั้ง เบียทริซเองก็ต้องการบอกกล่าวให้มิเชลล์รับรู้ว่าว่าอเล็กซ์เป็นชายที่แต่งงานแล้ว และแน่นอน เบียทริซในตอนนี้กำลังเล่นกับความรู้สึกของมิเชลล์อยู่ จากที่เบียทริซรู้เรื่องราวของมิเชลล์มา มิเชลล์จะต้องโมโหและทำร้ายอเล็กซ์อย่างแน่นอน แต่ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มิเชลล์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานนัก เธอก็กล่าวคำพูดขึ้น “เบียทริซ แอสเซ็กซ์ เธอเป็นน้องสะใภ้ของอเล็กซ์หรือยังไงกัน? เธอน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะ! ยังไงก็เถอะ ถ้ามีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ ก็เอ่ยชื่อของฉันออกไปได้เลย แล้วฉันจะมาปกป้องเธอเอง!” "อะไรก
สตีเวนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับคำรามออกมา เขาปลุกพละกำลังภายในที่น่ากลัวและชั่วร้ายออกมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับแสงสีแดงที่กะพริบระยิบระยับในดวงตา ระหว่างที่มิเชลล์กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปที่สตีเวน เขาก็พลันตอบโต้การโจมตีด้วยฝ่ามือของตัวเองเช่นกัน ตู้ม! เสียงระเบิดดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถง สตีเวนเองก็ได้เก็บซ่อนพลังพิเศษไว้ที่ในฝ่ามือของตัวเอง พลังนั้นพุ่งทะลุผ่านฝ่ามือของมิเชลล์ไป มันเป็นทักษะอันทรงพลังในฐานะจ้าวแห่งเงามรณะเลยก็ว่าได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าทักษะแห่งการล่อลวง เพราะเหตุนั้น สตีเวนจึงไม่สนใจการโจมตีมิเชลล์มากนัก เพราะเขารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตนจะต้องชนะอย่างแน่นอน ในตอนนั้นเอง เขาพลันดีดนิ้วและกล่าวคำพูดขึ้นมา “หยุด!” ทว่า ทักษะแห่งชัยชนะทั้งหมดของสตีเวนกลับไม่มีผลอะไรเลยในวันนี้ มิเชลล์พุ่งเข้าใส่สตีเวนด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและเฉียบแหลม เธอยกขาขึ้นแล้วกระแทกไปยังศีรษะของสตีเวนอย่างแรง "อะไรกัน?" อึก! สตีเวนล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพลันกลอกตาไปมาและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ทันทีที่สติเริ่มจางหาย ความคิดสุดท้ายของสตีเวนก็พลันปรากฏขึ้นมาในหัว “มันจะเป็นไปได้ยังไง
ตุ๊บ! ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของฝูงชน มิเชลล์ก็กระโดดข้ามราวขึ้นไปบนเวทีประลอง ระหว่างที่มิเชลล์ขึ้นไปยืนบนเวทีประลอง หน้าอกขนาดมหึมาของเธอก็พลันกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทุกคนต่างตกตะลึงและเบิกตากว้าง โดยเฉพาะเหล่านักเรียนชาย พวกเขาต่างก็ยิ่งอิจฉาอเล็กซ์มากกว่าเดิมทันทีที่เห็นเช่นนั้น มิเชลล์รีบคว้าตัวพริสซิลล่าและลากเธอมาหลบอยู่ด้านหลัง มิเชลล์จ้องไปยังชายวัยกลางคนจอมหยิ่งผยองและกล่าวคำพูดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายเอง!” พริสซิลล่าในตอนนี้ไม่กล้าที่จะอยู่บนเวทีอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากลานประลอง พร้อมกับกุมมือตัวเองด้วยความหวาดกลัว อเล็กซ์ตบไหล่ของพริสซิลล่าและเผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “เธอทำดีมาก ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชนะ” “ฉัน... ฉันชนะการประลองจริง ๆ เหรอ?” “...” หลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มจ้องมองไปที่พริสซิลล่าและกลอกตา แอนนาลิสเองก็ขมวดคิ้วและจ้องไปยังพริสซิลล่าเช่นกัน เธอไม่เข้าใจความสามารถที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของพริสซิลล่าเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น เธอก็คิดเองเออเองว่าเทรเวอร์น่าจะใช้พลังของตัวเองมากเกินไป แอนนาลิสคิดหาวิธีอื่
“พูดบ้าอะไรของเธอกัน?!” ระหว่างกำลังคิดว่านี่คงเป็นแผนของชมรมซาตานที่ต้องการส่งใครสักคนขึ้นมาบนเวทีประลอง เทรเวอร์ก็รู้สึกโกรธไม่น้อย ทันใดนั้น เทรเวอร์ก็พุ่งเข้าไปหาพริสซิลล่าและฟาดฝ่ามือใส่เธอ เทรเวอร์ต้องการสยบพริสซิลล่าด้วยฝ่ามือ นั่นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความยิ่งใหญ่ในฐานะประธานชมรมมังกรหยก "อ๊าย!" พริสซิลล่าพลันกรีดร้องและยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณ ทันใดนั้น กระแสพลังฉีพลันพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอ ตุบ! เทรเวอร์พลันฟาดลงไปยังข้อมือพริสซิลล่า ทว่า เขากลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังจำนวนมหาศาลพุ่งตรงเข้ามา ฟิ้ว! ทันใดนั้น ร่างกายของเทรเวอร์ก็ลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศเหนือเวทีประลองและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับผมที่ตั้งชูอยู่เหนือศีรษะ ร่างกายของเทรเวอร์สั่นเทา เขาอ้าปากค้างราวกับมีหมอกพิษทมิฬลอยออกมาจากปาก ทุกคนในห้องโถงต่างก็เงียบไปด้วยความตกใจ พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ มิเชลล์เองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เธอจ้องมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของแอนนาลิสพลันเบิกกว้าง เธออ้าปากค้างทันใด เธอแทบจะไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ท