"อะไรนะ?" “ตัวนี้ฐานมันพังนะ! มันตั้งไม่ตรงด้วยซ้ำ จะไปมีประโยชน์อะไร?” วอลทซ์พูดขึ้นด้วยท่าทางสับสนงุนงง ดวงตาของอเล็กซ์เป็นประกายและตอบอย่างใจเย็นว่า “มันหนักที่สุด” วอลทซ์พูดอะไรไม่ออก “ฉันคิดว่าเรากำลังจะซื้อเศษโลหะอยู่ เฮ้ โทเบียส พี่ชายของฉันต้องการตัวที่โทรมที่สุด นายให้ราคาเท่าไร? เอาไปชั่งน้ำหนักและบอกราคามา” อเล็กซ์ได้แต่ยิ้ม ไม่พูดอะไร เขากำลังรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เตาเล่นแร่แปรธาตุที่โทรมที่สุดตัวนี้มันอาจจะไม่มีฐาน แต่มันดีที่สุดในทั้งสามเตาแล้ว เขารู้สึกได้ถึงพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ภายในเตานี้ นี่แสดงว่าเตาโทรม ๆ นี้อาจจะมีพลังลึกลับอยู่ โทเบียสยิ้ม "นายหญิงเฟลอร์ ถ้าท่านพี่ของคุณชอบก็รับไปเถอะ ผมไม่คิดเงินหรอก! เก็บไว้ก็รกร้านเปล่า ๆ น่ะ ผมเกือบจะโยนมันทิ้งไปแล้วด้วย ถ้ามันไม่พอที่จะมีประโยชน์อยู่บ้าง” “งั้นตกลง ฉันจะเอาอันนี้” เตาไม่ใหญ่มากแต่ว่ามันค่อนข้างหนัก อย่างไรก็ตาม น้ำหนักดังกล่าวไม่เป็นผลอะไรสำหรับอเล็กซ์เลย ขณะที่พวกเขากำลังจะออกจากร้าน ก็มีคนวิ่งเข้ามาและตะโกนเสียงดังอย่างตื่นเต้น “โทเบียส โทเบียส! หินสีเขียว! สีเขียว! หยกแก้วจักรพร
เธอสวมชุดราคาแพงของ Chanel จับคู่กับกระเป๋า LV ดูเหมือนกับผู้หญิงไฮโซทั่ว ๆ ไปที่กำลังควงแขนผู้ชายคนหนึ่ง แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ใช่คนที่อเล็กซ์เห็นเธอควงครั้งสุดท้ายก็ตาม คราวนี้เป็นชายแก่อ้วนอายุ 40 ปีอย่างนั้นเหรอ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับโคลอี้ เพียงแค่สะบัดเงินในมือเธอก็พร้อมจะย้ายก้นงาม ๆ ไปตรงนู้นทีตรงนี้ทีอย่างว่าง่าย ทันใดนั้น โคลอี้ก็สังเกตเห็นอเล็กซ์ ด้วยความตกใจ เธอจึงแสดงสีหน้าไม่พอใจทันทีและจ้องเขม็งอย่างโกรธเคือง เธอถูกตบหลายครั้งในร้าน แอล จี บัลโฟร์ เมื่อครั้งก่อน และโยนความผิดเรื่องทั้งหมดให้กับอเล็กซ์ ในเวลาต่อมาเธอได้ยินมาว่าอเล็กซ์สามารถซื้อเครื่องประดับได้เพียงเพราะกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ เพราะมาจากเพื่อนของพ่อเขา ในท้ายที่สุดเขาก็ยังคงเป็นไอ้ขีแพ้ที่เป็นขี้ข้าของบ้านแอสเส็กซ์อยู่ดี แล้วทำไมเธอถึงจะต้องกลัวเขาในตอนนี้ล่ะ? เธอพูดออกมาเสียงดังทันที “อเล็กซ์ แกมาที่นี่ทำไม? ไอ้ขี้แพ้ไร้ประโยชน์! แกกำลังพยายามหาประมูลแร่ราคาถูกให้ตัวเองอยู่หรือเปล่า? มีเงินพอเหรอ?” อเล็กซไม่มีอารมณ์ที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเธอ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ?” โคลอี
เป็นธรรมดาสำหรับคนอย่างโคลอี้ที่จะจำวอลทซ์ไม่ได้แม้กระทั่งไรอันที่อ้างตัวว่าเป็นผู้จัดการของ กลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ ก็จำเธอไม่ได้เช่นเดียวกัน แม้ว่าวอลทซ์ซึ่งเป็นลูกบุญธรรมของท่านเล็กซ์ก็ตาม นายหญิงเฟลอร์แห่งกลุ่มบริษัทเธอซันด์ ไมล์ ดังนั้นมีเพียงแค่สมาชิกภายในเซนท์วิลล์เท่านั้นที่สามารถพบกับวอลทซ์ได้ในทางกลับกัน ไรอันเป็นเพียงหนึ่งในผู้จัดการที่ไม่ได้มีความสำคัญภายในกลุ่มบริษัท เธอซันด์ ไมล์ของหลาย ๆ แห่งโทเบียสกำลังกังวลเกี่ยวกับตัวตนของวอลทซ์แต่เขาก็ไม่อยากที่จะเอ่ยปากพูดขึ้นมา เพราะไม่มีใครเลือกที่ฟังชายอ้วนฉุอย่างเขาอยู่แล้ว ดังนั้นยืนอยู่เงียบ ๆ ท่ามกลางผู้คนคงเป็นเลือกที่ดี และมองดูโคลอี้ที่อยู่ดีไม่ว่าดีแกว่งเท้าหาเสี้ยน เขายิ้มออกมาอย่างรู้เชิงเพราะรู้ว่ากำลังจะมีโชว์ดี ๆ เกิดขึ้ันแน่นอน‘ตื่นเต้นดีจริง ๆ!’วอลทซ์ก้าวมาข้างหน้าห้าก้าวพร้อมอารมณ์โกรธแต่ถึงอย่างนั้นผู้คนที่ต่างมามุงดูก็หลงลืมตัวตนของวอลทซ์เช่นเดียวกัน และด้วยอิทธิพลของโคลอี้ พวกเขาก็เริ่มดูถูกวอลทซ์อย่างโง่เขลา...“ฉันไม่คิดเลยว่าผู้หญิงสวยแบบนี้จะรับงานอย่างว่าด้วย”“อยากจะรู้จริง ๆ ว่าเธอทำงาน
หัวหน้าของกลุ่มเดินเข้าหาและจ้องมองไปที่ไรอันในอีกด้านหนึ่งของไรอัน ซึ่งได้เตรียมบัตรประจำตัวพนักงานเพื่อยืนยันตัวเองไว้เรียบร้อย หัวหน้าของกลุ่มตะโกน ใครหน้าไหนที่มันกล้ามาหักขาผู้จัดการของเรา? ออกมาหน่อยสิและฉันจะแค่หักขาของแกคืน แต่ถ้าไม่ เตรียมรับผลที่จะตามมา”โคลอี้ซึ่งไม่ได้ควบคุมอารมณ์โกรธของเธออีกต่อไป เธอชี้ไปที่วอลทซ์ “นังนั่นเป็นคนทำ นังผู้หญิงชั้นต่ำนั้น! มันหักขาสามีฉันและยังทำฟันฉันหลุดออกมาอีก! จัดการมันซะตอนนี้เลย! จับมันเข้ากรงซะ! ทำให้เธออับอายขายขี้หน้ากลางสาธารณะชนซะ! ทำอะไรสักอย่างเถอะ!”กลุ่มคนต่างตกตะลึงเมื่อหันไปยังวอลทซ์“คุณ...”“ฉันเองแหละ” วอลทซ์พูดอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่แม้แต่จะละสายตาหัวหน้ากลุ่มตกใจกลัวจนเหงือไหลอย่างเห็นได้ชัดถึงแม้ว่าไรอันจะไม่รู้จักวอลทซ์ แต่หัวหน้ากลุ่มเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมใต้ดิน เขาจะจำเธอไม่ได้ได้ยังไง?‘ทั้งหมดเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของไรอันที่จำวอลทซ์ไม่ได้...ไม่จริง ภรรยาของเขาเรียกนายหญิงเฟลอร์ว่าผู้หญิงชั้นต่ำ คงจบไม่สวยแน่งานนี้!’โคลอี้ตะโกน, “มัวรออะไรอยู่? รีบจัดการเข้าสิ!”ผู้ชายคนนั้นฟาดไปที่หน้าของโคลอี้เ
วอลทซ์ไม่ได้ชอบเป็นจุดสนใจด้วยเหตุการณ์แบบนี้ เธอดึงอเล็กซ์ไปด้านข้าง “ไปกันเถอะพี่! ฉันได้ยินมาว่าการพนันหินหยกมีความเสี่ยงสูง และพูดตามจริงนะ พี่ไม่ต้องการเงินไปมากกว่านี้แล้วละ มีอะไรดีไปมากกว่านี้อีกไหม? ไปจัดการเรื่องยาให้เสร็จเถอะ!”‘ยา?’จากสิ่งนี้ ทำให้หลายคนเข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูดทุกคนต่างพากันจ้องมองพวกเขาทั้งคู่อย่างสงสัย นายหญิงเฟลอร์จากกลุ่มบริษัทเธาซันด์ ไมล์ จะเป็นคนอย่างว่าจริง ๆ เหรอ?แต่ไม่มีใครกล้าจะเอ่ยปากพูดถึงเธอแม้แต่คนเดียวอเล็กซ์ส่ายหัว “ผมชอบซื้อก็เพราะว่ามันสนุกไง”วอลทซ์โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ก็ได้ งั้นขอให้สนุกแล้วกัน พี่อยากได้อันไหนละ? เดี๋ยวไปเอามาให้”‘จุ๊ จุ๊ ดูเธอสิ คนอะไรเหมาะที่จะเอามาเป็นภรรยาขนาดนี้?’ผู้ชายแถวนั้นต่างเหลือบมองไปที่อเล็กซ์ด้วยความอิจฉาอย่างสุดหัวใจนอกจากสถานะของวอลทซ์ รูปลักษณ์ของเธอดูบอบบางเมื่อเทียบกับผู้หญิงส่วนใหญ่ ในฐานะของผู้ชายที่ขโมยหัวใจของวอลทซ์ไปได้ พวกเขาคงรู้แล้วว่าอเล็กซ์ต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดาที่ได้รับความเคารพอย่างสูงสุดจากกลุ่มบริษัทเธาซันด์ ไมลส์ย้อนกลับไปในสมัยก่อน คู่สมรสของเจ้าหญิงจะไม่ห่างไกลจากราชว
วอลทซ์เริ่มโกรธมากขึ้น แม้แต่ฝูงชนก็รวบรวมความกล้าเพื่อเริ่มนินทาเกี่ยวกับการปรากฏตัวของดิกคินสัน...“คุณวิลเก็บแร่ไว้ที่นี้มามากกว่าหนึ่งปีแล้วแต่ไม่มีใครอยากที่จะได้มันไป”“ดูสิ มันกร่อยขนาดนี้ แล้วจะกลายเป็นหยกไปได้ยังไง? ไม่ว่าใครที่มีประสบการณ์การพนันต่างรู้ดีว่าหินนั่นมันแค่หินไร้ค่า มีแค่คนไม่มีประสบการณ์เท่านั่นแหละที่จะเห็นต่าง”“ในฐานะที่เป็นพี่ชายของนายหญิงเฟลอร์ เธอคิดว่าเขารู้ดีกว่าเหรอ ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่?”วอลทซ์เหลือบไปที่อเล็กซ์หลังจากจบประโยคถากถางนั่น เธอแสดงท่าทีหงุดหงิดและรำคาญอย่างเห็นได้ชัดอเล็กซ์หันไปทางดิกคินสันและค่อย ๆ พูดอย่างใจเย็น “ถ้าด้านในของหินก้อนนี้เป็นหยกขึ้นมา นายจะทำยังไง?”คิกคินสันหัวเราะ “ถ้าหินส้วมซึมอันนี้มีหยกขึ้นมาจริง ๆ ฉันจะกินมันเข้าไปเอง”“โอเคงั้น คุณพูดแล้วนะ”ทันใดนั้น อเล็กซ์จำได้ว่าก่อนหน้านี้ชารีสก็พูดบางอย่างคล้ายคลึงกัน เขาไม่ได้แค้นเคืองใจและปล่อยเธอไปอย่างง่ายดาย...แต่ผู้ชายคนนี้กลับเป็นอีกกรณีหนึ่ง“ขอโทษนะครับ ช่วยตัดมันให้ผมหน่อยได้ไหม ระวังนิดหนึ่งนะครับ” อเล็กซ์พูดกับช่างตัดหินวอลทซ์ดึงมุมเสื้อของเขา “กลับ
ดิกคินสันไม่ใช่คนเดียวที่ตกใจฝูงชนต่างตาโตและอ้าปากค้าง พวกเขาต่างพากันดันกันไปมา พยายามที่จะมองไปทีหินให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ บางคนถึงขั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อถ่ายรูป พวกเขาต้องการที่จะอัพเดทลงบนโลกโซเชียลเพื่อเป็นบุญตาครั้งหนึ่งในชีวิตส่วนคุณวิล เจ้าของร้านตัวเขาเริ่มกลายเป็นสีเขียวเช่นกันหลังจากที่เห็นมรกตในแร่ก้อนนั้น แม้เพียงผิวเผินเล็กน้อย เขาก็เห็นแสงเรือนรองและสีสันสดใส นี่เป็นชิ้นที่หายากที่สุด ตามมูลค่าในตลาดมันสามารถขายได้มากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญพวกเขากำลังพูดถึงเงินพันล้านเหรียญอยู่นะ!เขาเก็บแร่ชิ้นนี้ไว้เป็นปี ๆ แต่ก็ไม่เคยเห็นค่าของมันเลย เขาเสียใจกับการตัดสินใจอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น การพนันขึ้นอยู่กับโชคเพียงสิ่งเดียวในฐานะที่อยู่ในอุตสาหกรรมเหมืองมาช่วงเวลาหนึ่ง แต่นี้กลับเป็นครั้งแรกที่คุณวิลเคยเห็นอัญมณีที่มีค่าขนาดนี้ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมา “คุณจะขายมรกตหรือเปล่า? ผมจะซื้อในราคา 800 ล้านเหรียญ!”อเล็กว์มองจ้องไปที่มรกตต่อ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงแก่นของพลังฉีที่ถูกกักเก็บอยู่ในอัญมณี เขาพอใจและเพิกเฉยต่อข้อเสนอของชายวันกลางคนโดยสิ้นเชิง
เนื่องจากความสามารถและพัฒนาการในการต่อสู้ของวอลทซ์ทำให้เธออยากจะที่สั่งสอนบทเรียนให้กับคนน่ารังเกียจอย่างนี้ ดังนั้นเธอจึงตบเขาอย่างไม่ลังเล“นี่เฟลอร์ ก่อนหน้านี้เธอเคยแพ้ฉันไปแล้วนะ จำไม่ได้เหรอ? แขนหายแล้วเหรอ?”ก่อนหน้านี้ แขนของเฟลอร์ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของเขาเมื่อได้ยินบทพูดแบบนั้น ฝูงชนก็ต่างพากันแยกย้ายไปทันทีแต่การต่อสู้ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างที่ทุกคนคิดดิกคินสันเหวี่ยงขาไปทางวอทลซ์ แต่เธอก็สามารถคว้าข้อเท้ามาแล้วเหวี่ยงเขาลงไปกับพื้น แขนของดิกคินสันกระแทกและหัก เพราะกระแทกเข้ากับแร่ก้อนหนึ่ง “ให้ตายสิ! ดูเหมือนจะเก่งขึ้นมาหน่อยหนึ่งแล้วสิ!”ใบหน้าของวอทลซ์เผยรอยยิ้มที่เกิดจากความภาคภูมิใจ “เฮ้ดิกกี้ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกจำไว้ เออแล้วอีกอย่าง กินเข้าไปสะ ไอ้ขี้แพ้”เธอหยิบก้อนหินขนาดเล็กและยัดเข้าปากของดิกคินสัน ด้วยความคมของหินที่ให้มันบาดปากจากด้านใน และมีเลือดไหลออกมาหน้าเคย์เดนเริ่มซีดและกรามเริ่มสั่นเล็กน้อยเขาจดจำผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ อเล็กซ์ได้แล้วว่าเธอคือ นายหญิงเฟลอร์ แห่งกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ ก่อนหน้านี้ที่คิดจะปล้นพวกเขาให้หมดตัว กลับกลายเป็
“คุณคิดว่าผมอยากรอจริง ๆ เหรอ? ค่าผ่าตัดอย่างน้อยก็ต้องหมดเกือบครึ่งล้าน อีกทั้ง ความเสี่ยงต่อการผ่าตัดก็สูงไม่น้อยเลยด้วย โอกาสรอดคือห้าสิบห้าต่อห้าสิบ ผมอาจจะตายระหว่างผ่าตัดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ? อีกอย่าง คุณเองก็รู้ว่าสภาพครอบครัวของผมเป็นยังไง ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม ทั้งแม่แล้วก็น้องสาวผมจะอยู่กันยังไง? แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมมีพัสดุอีกเยอะต้องส่งตอนเที่ยงด้วย” เจ้าของร้านพลันถอนหายใจ พร้อมกับดวงตาเต็มซึ่งไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่ง “เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซ์พูดขึ้น "นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ?" ชายหนุ่มพลันนิ่งไปเกือบสามวินาที ทันใดนั้น เขาก็พลันเผยยิ้มและพยักหน้า "ฉันเชื่อ ในฐานะเพื่อนของคุณโยเวล คุณคงไม่มีเวลาว่างมาหลอกลวงคนต่ำต้อยอย่างผมหรอก” อเล็กซ์ยืนขึ้น “งั้นก็เชื่อใจฉัน แล้วฉันจะช่วยนายเอง” อเล็กซ์เดินเข้าไปและกางนิ้ว พร้อมกับวางนิ้วหนึ่งไว้เหนือขมับของชายหนุ่ม ตรงนั้นคือตำแหน่งของเนื้องอกซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศีรษะของลุค ทันใดนั้น นิ้วของอเล็กซ์ก็ส่องประกายราวกับสีของหยก รา
ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มที่สำลักบะหมี่ก่อนหน้าก็หันกลับลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง "คุณหนูโยเวล... นักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย? จริงเหรอ?” ทันใดนั้นเอง ใครสักคนก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาชื่อของนักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย ทว่า ทั้งรูปภาพและผลลัพธ์มากมายต่างก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริง มิเชลล์มักจะทำตัวเป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน และไม่ได้พวกใจพวกปาปารัสซี่เท่าไหร่นัก อีกทั้ง คนในตระกูลโนเวลเองก็ไม่ได้สนใจในตัวมิเชลล์ด้วยเช่นกัน เธออยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป ด้วยเหตุนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายไม่น้อยเลยที่จะมองหาคนอย่างเธอ ไม่นานนัก ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมา... "มันเป็นความจริง! ทั้งหมดคือเรื่องจริง! เธอคนนี้คือคุณหนูโยเวลตัวจริงเสียงจริง คุณมิเชลล์ โยเวลยังไงล่ะ!” “ใช่แล้ว! ยังไงก็เถอะ คุณหนูโยเวลอุตส่าห์มากินสตูว์ถึงที่ร้านทั้งที ฉัน... ฉันชักอยากจะขอเธอถ่ายรูปหน่อยแล้วสิ” “นายตาบอดหรือยังไงกัน? ดูเธอสิ เธอกำลังโกรธอยู่นะ ทำไมถึงอยากเข้าไปขอเธอถ่ายรูปตอนนี้กันล่ะ?” หลังจากที่ชายคนนั้นตบตัวเองไปมากกว่าสิบครั้ง แจ็คก็พูดขึ้น "รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ?" ชายคนนั้นพยักหน้า แจ็คถามขึ้นอีก
อันที่จริง อเล็กซ์ต้องการที่จะรักษาแจ็คก็เพราะเขาช่วยตนในเรื่องเอกสาร ทันใดนั้น อเล็กซ์เผยยิ้มและกล่าวคำพูดออกมา “คุณเทรนต์ครับ การช่วยชีวิตใครสักคนอาจต้องใช้โชคชะตา แต่ถ้ามีกำลังสงสัยอะไรอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสามารถไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลาเลย แต่ยังไงเสีย คุณคงต้องรีบหน่อยแล้วแหละ เพราะนิ่วในไตของคุณตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่แย่มาก คุณอาจะติดเชื้อได้เลยล่ะ" ทว่า ทุกคนก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง 'นายไม่ได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์หรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้ง ชีพจรก็ไม่ได้ตรวจ นายจะรู้ได้ยังไงกันว่านิ่วในไตนั้นอยู่ในตำแหน่งดีหรือร้าย? นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือยังไงกัน?' สำหรับคราวนี้ มิเชลล์เองก็พลันเบิกตากว้างเช่นกัน เธอเอาแขนพาดหน้าอกด้วยความสงสัย “อเล็กซ์ นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์ด้วยงั้นเหรอ?” อเล็กซ์ไม่สนใจเธอเลย ทว่า ไม่นานนัก แจ็คก็พูดขึ้น "คุณร็อคกี้เฟลเลอร์ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ยังไงเสีย อเล็กซ์เองก็ไม่ได้จะใช้มีดผ่าตัดอยู่แล้ว ดังนั้น แจ็คจึงรู้สึกว่ามันก็คุ้มที่จะลอง อเล็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก เขาก็วางมือเอาไว้บนแผล พร้อมกับสอดพลังฉีเข้าไปในร่างกายของ
ผู้หญิงที่พูดขึ้นนั้นนั่งอยู่ข้างหลังอเล็กซ์ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุราวสามสิบปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาตั้งแต่เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นนั่งฟังพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มิเชลล์บอกว่าเธอจะจับพริสซิลล่ามาอยู่บนเตียงของอเล็กซ์ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดูถูกเหยียดหยามทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันที่จริง เธออยากจะเรียกตำรวจมาจับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอก็รู้สึกโล่งใจที่อเล็กซ์ปฏิเสธข้อเสนอไป ต่อมา เธอก็ได้ยินทั้งสองพูดถึงบริษัทเธาซันด์ลีฟ เธอได้ยินมิเชลล์พูดว่าตัวเองนั้นสามารถขอใบอนุญาตได้เลยเพียงแค่เอ่ยวาจา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะพ่นสตูว์เนื้อรสเผ็ดออกมาทางปาก อันที่จริง เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเธาซันด์ลีฟ สามีของเธอขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่ทำงานภายใต้แฟรนไชส์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของบริษัทเธาซันด์ลีฟก็คือตระกูลโยเวล ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง บริษัทยังได้รับการโฆษณาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทว่า สามีของเธอก็ได้แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างอยู่ตั้งหลายร
อันที่จริง เบียทริซเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในมหาวิทยาลัยได้หากจะต้องเปิดโปงพวกเขาทั้งสอง ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ อเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่ามิเชลล์นั้นซื้อรถสปอร์ตสุดหรูแอสตันมาร์ตินสีแดงให้กับตน โครงสร้างสุดเท่ของรถสปอร์ตคนนี้ค่อนข้างทันสมัย แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน “โทษทีนะ พอดีฉันหารุ่น M8 ที่นายต้องการไม่ได้เลยน่ะ ตอนนี้ไม่มีรุ่นนั้นเหลืออยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยด้วย ยังไงก็เถอะ นายก็ใช้คันนี้พลาง ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าของเข้าแล้ว ฉันจะไปซื้อรุ่น M8 มาคืนให้” 'ดูเธอสิ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน' เธอสามารถซื้อรถหรูราคาหลายแสนได้ราวกับว่าซื้อลูกโป่ง “ก็ได้!” อเล็กซ์ไม่เรื่องมากกับเรื่องรถยนต์อยู่แล้ว ทั้งสองเดินทางไปยังร้านอาหารสตูว์รสจัดจ้าน มิเชลล์นึกประหลาดใจ “นายอยากทำกับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” อเล็กซ์ตอบกลับ “ตอนแรกฉันจะรักษาพริสซิลล่า แต่เธอดันกลับบ้านไปก่อน ยังไงเสีย ตอนนี้เรามาสั่งอะไรง่ายๆ กินกันดีกว่า” “นี่นายกำลังพยายามตามจีบพริสซิลล่าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? อันที่จริง ฉันช่วยนายได้นะรู้ไหม? ฉันทำให้เธ
“ดาวมหาลัยชนชั้นกลาง... เบียทริซ แอสเส็กซ์งั้นเหรอ?” “เธอคือ...” ทั้งแอนนาลิสและพริสซิลล่าต่างก็จ้องไปที่เบียทริซอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลังจากนั้น พวกเขาก็หันไปหาอเล็กซ์ จากท่าทีของทั้งสอง พวกเขาต่างก็รับรู้มาว่าอเล็กซ์เป็นแฟนของมิเชลล์ ไม่อย่างนั้น ทั้งสองจะรู้จักและจูบกันได้ยังไงล่ะ? ในตอนนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่ามิเชลล์คงจะต้องตะคอกและทุบตีอเล็กซ์อย่างแน่นอน แม้แต่เบียทริซเองก็คิดเช่นนั้น เบียทริซเรียกอเล็กซ์ว่าพี่เขยก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของเขาเอง อีกทั้ง เบียทริซเองก็ต้องการบอกกล่าวให้มิเชลล์รับรู้ว่าว่าอเล็กซ์เป็นชายที่แต่งงานแล้ว และแน่นอน เบียทริซในตอนนี้กำลังเล่นกับความรู้สึกของมิเชลล์อยู่ จากที่เบียทริซรู้เรื่องราวของมิเชลล์มา มิเชลล์จะต้องโมโหและทำร้ายอเล็กซ์อย่างแน่นอน แต่ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มิเชลล์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานนัก เธอก็กล่าวคำพูดขึ้น “เบียทริซ แอสเซ็กซ์ เธอเป็นน้องสะใภ้ของอเล็กซ์หรือยังไงกัน? เธอน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะ! ยังไงก็เถอะ ถ้ามีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ ก็เอ่ยชื่อของฉันออกไปได้เลย แล้วฉันจะมาปกป้องเธอเอง!” "อะไรก
สตีเวนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับคำรามออกมา เขาปลุกพละกำลังภายในที่น่ากลัวและชั่วร้ายออกมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับแสงสีแดงที่กะพริบระยิบระยับในดวงตา ระหว่างที่มิเชลล์กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปที่สตีเวน เขาก็พลันตอบโต้การโจมตีด้วยฝ่ามือของตัวเองเช่นกัน ตู้ม! เสียงระเบิดดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถง สตีเวนเองก็ได้เก็บซ่อนพลังพิเศษไว้ที่ในฝ่ามือของตัวเอง พลังนั้นพุ่งทะลุผ่านฝ่ามือของมิเชลล์ไป มันเป็นทักษะอันทรงพลังในฐานะจ้าวแห่งเงามรณะเลยก็ว่าได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าทักษะแห่งการล่อลวง เพราะเหตุนั้น สตีเวนจึงไม่สนใจการโจมตีมิเชลล์มากนัก เพราะเขารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตนจะต้องชนะอย่างแน่นอน ในตอนนั้นเอง เขาพลันดีดนิ้วและกล่าวคำพูดขึ้นมา “หยุด!” ทว่า ทักษะแห่งชัยชนะทั้งหมดของสตีเวนกลับไม่มีผลอะไรเลยในวันนี้ มิเชลล์พุ่งเข้าใส่สตีเวนด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและเฉียบแหลม เธอยกขาขึ้นแล้วกระแทกไปยังศีรษะของสตีเวนอย่างแรง "อะไรกัน?" อึก! สตีเวนล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพลันกลอกตาไปมาและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ทันทีที่สติเริ่มจางหาย ความคิดสุดท้ายของสตีเวนก็พลันปรากฏขึ้นมาในหัว “มันจะเป็นไปได้ยังไง
ตุ๊บ! ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของฝูงชน มิเชลล์ก็กระโดดข้ามราวขึ้นไปบนเวทีประลอง ระหว่างที่มิเชลล์ขึ้นไปยืนบนเวทีประลอง หน้าอกขนาดมหึมาของเธอก็พลันกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทุกคนต่างตกตะลึงและเบิกตากว้าง โดยเฉพาะเหล่านักเรียนชาย พวกเขาต่างก็ยิ่งอิจฉาอเล็กซ์มากกว่าเดิมทันทีที่เห็นเช่นนั้น มิเชลล์รีบคว้าตัวพริสซิลล่าและลากเธอมาหลบอยู่ด้านหลัง มิเชลล์จ้องไปยังชายวัยกลางคนจอมหยิ่งผยองและกล่าวคำพูดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายเอง!” พริสซิลล่าในตอนนี้ไม่กล้าที่จะอยู่บนเวทีอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากลานประลอง พร้อมกับกุมมือตัวเองด้วยความหวาดกลัว อเล็กซ์ตบไหล่ของพริสซิลล่าและเผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “เธอทำดีมาก ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชนะ” “ฉัน... ฉันชนะการประลองจริง ๆ เหรอ?” “...” หลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มจ้องมองไปที่พริสซิลล่าและกลอกตา แอนนาลิสเองก็ขมวดคิ้วและจ้องไปยังพริสซิลล่าเช่นกัน เธอไม่เข้าใจความสามารถที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของพริสซิลล่าเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น เธอก็คิดเองเออเองว่าเทรเวอร์น่าจะใช้พลังของตัวเองมากเกินไป แอนนาลิสคิดหาวิธีอื่
“พูดบ้าอะไรของเธอกัน?!” ระหว่างกำลังคิดว่านี่คงเป็นแผนของชมรมซาตานที่ต้องการส่งใครสักคนขึ้นมาบนเวทีประลอง เทรเวอร์ก็รู้สึกโกรธไม่น้อย ทันใดนั้น เทรเวอร์ก็พุ่งเข้าไปหาพริสซิลล่าและฟาดฝ่ามือใส่เธอ เทรเวอร์ต้องการสยบพริสซิลล่าด้วยฝ่ามือ นั่นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความยิ่งใหญ่ในฐานะประธานชมรมมังกรหยก "อ๊าย!" พริสซิลล่าพลันกรีดร้องและยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณ ทันใดนั้น กระแสพลังฉีพลันพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอ ตุบ! เทรเวอร์พลันฟาดลงไปยังข้อมือพริสซิลล่า ทว่า เขากลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังจำนวนมหาศาลพุ่งตรงเข้ามา ฟิ้ว! ทันใดนั้น ร่างกายของเทรเวอร์ก็ลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศเหนือเวทีประลองและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับผมที่ตั้งชูอยู่เหนือศีรษะ ร่างกายของเทรเวอร์สั่นเทา เขาอ้าปากค้างราวกับมีหมอกพิษทมิฬลอยออกมาจากปาก ทุกคนในห้องโถงต่างก็เงียบไปด้วยความตกใจ พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ มิเชลล์เองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เธอจ้องมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของแอนนาลิสพลันเบิกกว้าง เธออ้าปากค้างทันใด เธอแทบจะไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ท