แชร์

บทที่ 132

ผู้แต่ง: เอเวอร์กรีน ฉิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
นิโคลัสเกาะขาของผู้หญิงคนนั้น “ชาริส เงินไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิตหรอกนะ! สิ่งที่สำคัญก็คือความรักที่ผมมีให้คุณต่างหาก! บนโลกใบนี้ไม่มีใครรักคุณมากกว่าผมแน่นอน!”

ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับทันที “ไร้สาระ! ฉันไม่สนใจความรักของคุณหรอกนะ มันกินไม่ได้!”

ทันใดนั้นก็มีรถ BMW 520 ขับมาหยุดอยู่ตรงหน้าของทั้งคู่ ชายหนุ่มโผล่หัวออกมาทางหน้าต่างรถ

ผู้หญิงคนนั้นยิ้มอย่างสดใส “อ้าว ที่รัก มาพอดีเลย! รอฉันสักครู่นะคะ”

จากนั้นเธอก็ทั้งเตะทั้งสะบัดนิโคลัสซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ปล่อยฉัน! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! แฟนฉันมารับแล้วไม่เห็นเหรอ? เขาคือผู้ชายที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของฉัน ใส่ทั้ง Armani แถมขับ BMW อีกด้วย! เขาไม่ขับรถโฟล์คสวาเก้นมือสองเก่า ๆ แบบแกหรอกนะ! ฉันไม่ต้องการขยะแบบนั้น!”

ชายในรถ BMW ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักนิโคลัสด้วยเช่นกัน เขาพูดเสริมและเยาะเย้ย “นิโคลัส ชาริสเป็นของฉันแล้ว ถ้าแกไม่รีบปล่อยเธอเดี๋ยวนี้ ฉันจะทำให้ชีวิตของแกเหมือนตกนรกทั้งเป็น ดูสารรูปตัวเองบ้าง แกไม่สมควรที่จะมีแฟนด้วยซ้ำ ทั้งโง่ทั้งจน”

ชาริสแสดงท่าทางอวดดี ก่อนที่เธอจะกระทืบส้นเท้าอย่างแรงเข้าไปที่ต้นขาของเขาด้วยท่าทีดูถูก

จู่ ๆ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 133

    “อืม…” อเล็กซ์ ตกตะลึง เขาไม่ได้คาดคิดว่าลาเวนเดอร์จะรู้จักกับผู้ชายที่ขับ BMW คนนี้ 'ซีดาร์? ฟังดูเหมือนทั้งสองจะเป็นพี่น้องกันนะ' ซีดาร์เริ่มตื่นตระหนก “พี่ เอ่อ คือว่าผม… รถผมเสีย ผมเลยเอารถของพี่มาใช้ก่อน” เขาพูดขณะที่พยายามขยิบตาส่งสัญญาณให้ลาเวนเดอร์ เขาเพิ่งจะได้คบกับชาริส เขาเพียงแค่อยากจะอวดเธอ! อย่างไรก็ตามลาเวนเดอร์ไม่ยอมรับสัญญาณใด ๆ และพูดว่า “มอเตอร์ไซค์ของแกเสียเหรอ? ก็เอาไปซ่อมสิ! ไม่รู้มารยาทขั้นพื้นฐานบ้างหรือไง ก่อนจะเอารถของคนอื่นมาใช้ แกควรที่จะขออนุญาตเจ้าของรถก่อน? อ่ออออ แล้วอีกอย่าง ขอโทษคุณร็อคกี้เฟลเลอร์ด้วย” การแสดงออกของชาริสเปลี่ยนไป BMW ที่ซีดาร์ขับมา มันไม่ใช่ของเขาเองหรอกหรือ เขามีแค่เพียงรถจักรยานยนต์เท่านั้นเองจริง ๆ หรือ? รถจักรยานยนต์นั้นเทียบอะไรไม่ได้กับโฟล์คสวาเกนมือสองของนิโคลัสเสียด้วยซ้ำ! ซีดาร์ชี้ไปที่อเล็กซ์แล้วถามว่า “ทำไมผมจะต้องขอโทษมันด้วย? มันไม่เห็นสมควรได้รับการขอโทษเลย! ก็เป็นแค่ขี้ข้าทาสรับใช้ผู้หญิงเท่านั้นเอง พี่ให้ผมไปขอโทษสุนัขหมา ผมยังเต็มใจที่จะทำมากกว่าอีก!” ทันใดนั้น ก็มีเสียงตบหน้าซีดาร์ดังลั่น ลาเวนเดอร์ต

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 134

    ชาริสเย้ยหยัน “ล้อเล่นกันใช่มั้ย? เขาเนี่ยนะ? คนแปลกหน้าที่เดินผ่านไปมาบนท้องถนน เลือกแบบสุ่ม ๆ มาสักคนยังจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเขาเสียอีก!” จากนั้น เธอก็เตะไปที่โฟล์คสวาเก้นซึ่งจอดอยู่ข้าง ๆ ซึ่งเป็นรถของนิโคลัสนั่นเอง “ดูนี่สิ ใครกันที่ยังคงขับรถเก่า ๆ แบบนี้อยู่อีก? มีแต่คนจนที่น่าสมเพชอย่างเขาเท่านั้นแหละ!” อเล็กซ์พยักหน้า “เธอพูดถูก นิโคลัสสมควรได้ขับรถที่ดีกว่านี้ มันดูไม่ค่อยเหมาะสมกับเขาเท่าไร นั่นเป็นสาเหตุที่ BMW M8 ใหม่เอี่ยมที่กำลังจะมาส่งในตอนนี้ นั่นคือสิ่งที่นิโคลัสสมควรที่จะได้รับมันอย่างแท้จริง” “เขาสมควรได้รับ BMW M8 หรือ? ตลกชะมัด!” สิบห้านาทีต่อมา โคลอี้ขับรถมาที่ตำแหน่งที่อเล็กซ์ได้ส่งข้อมูลให้กับเธอ ชาริสเบิกตากว้างเมื่อเห็น BMW M8 อเล็กซ์มอบกุญแจรถให้กับนิโคลัสและพูดว่า "รถคันนี้เป็นของนายแล้ว" ในขณะนั้น นิโคลัสกำลังสับสนงุนงง จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อย่างไรก็ตาม เขาตกใจมากเมื่อได้รับกุญแจรถนั้น “อเล็กซ์ นายพูดเล่นใช่ไหม? ให้ฉันเหรอ? ทำไมคนอย่างฉันถึงคู่ควรกับรถหรูแบบนี้?” “นายคู่ควรกับมันเหมือนกับที่ฉันพูดแหละ รับไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะทุบ

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 135

    “มีเหตุผลอะไรที่ผมจะไม่อยากให้เธอมาที่นี่ละครับ? ผมยินดีต้อนรับเธอเสมอ!” อเล็กซ์ยิ้ม บริตทานีกลอกตา “ให้มันได้อย่างนี้สิ” จากนั้นเธอก็ทักทายนิโคลัสและโคลอี้ที่เดินตามหลังอเล็กซ์เข้ามา “อ้าว นิโคลัส ลูกก็มาด้วยเหรอ โอ้สาวสวยคนนั้น แฟนเหรอ?” นิโคลัสส่ายหัวและปฏิเสธ “เปล่า ไม่ใช่ครับ คุณนายร็อคกี้เฟลเลอร์ เธอเป็นเพื่อนของอเล็กซ์ครับ” อเล็กซ์จึงพูดขึ้นว่า “คุณแม่ครับ งั้นขอแนะนำให้รู้จักกับเธอ นี่คือโคลอี้ ซี ผมจ้างเธอมาเป็นพนักงานบริษัทของคุณแม่ เธอเป็นพนักงานการตลาดที่น่าทึ่งและขยันทำงานด้วย ที่สำคัญที่สุด เธอเป็นคนดีมาก ๆ ” บริตทานียิ้มอย่างสดใสขณะที่เธอพาโคลอี้ไปที่โต๊ะและเชิญให้เธอนั่งลง มาญายิ้มทักทายด้วยเช่นกัน ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “คุณแม่คะ ของหวานใกล้จะเสร็จแล้ว หนูจะรีบไปนำมาเสิร์ฟให้เดี๋ยวนี้ค่ะ!” อเล็กซ์สำลักชาที่เพิ่งเริ่มดื่ม “เธอเรียกแม่ฉันว่าอะไรนะ?” มาญา เงยหน้าขึ้นมองเขา “จากนี้ไป แม่ของนายก็คือแม่ของฉัน” จากนั้นเธอก็สวมรองเท้าใส่ในบ้าน และรีบเดินเข้าไปในครัว อเล็กซ์ยังคงอึ้งอยู่ แต่บริตทานีกลับยิ้มและยังคงไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติมอีกด้วย เขารีบเดินตามมาญา

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 136

    “ก็นายมันโง่จริง ๆ! ถ้างั้นนายก็ยกไปเองเลย ผิวของนายหยาบกระด้าง ดังนั้นนายก็คงจะไม่รู้สึกร้อนหรอก” “ใช่ ๆ ฉันมันก็แค่วัวตัวหนึ่ง รอนแค่นี้ไม่เห็นสะทกสะท้อนเลย พอใจยัง?” อเล็กซ์หยิบจานและเดินออกจากครัวไป เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ของมาญาจากข้างหลัง แต่ไม่ได้ยินเธอพึมพำกับตัวเองในภายหลังว่า “นี่มันจะกลายเป็นเรื่องปกติสินะ ฉันดีใจจังที่จะได้เจอหน้านายทุก ๆ วันแบบนี้” หลังจากรับประทานของหวานสร็จ บริตทานี มาญา โคลอี้ และนิโคลัส ก็เริ่มพูดคุยกันเรื่องบริษัทใหม่ อเล็กซ์สามารถบอกได้เลยว่ามาญาไม่เพียงลาออกเพื่อมาดูแลบริตทานีอย่างเดียว เธอต้องการช่วยบริษัทใหม่ด้วย มีความเป็นไปได้ที่บริตทานีจะเป็นคนที่เชิญมาญามาเอง อเล็กซ์ไม่ได้สนใจด้านธุรกิจ ดังนั้นเขาจึงหาข้ออ้างที่จะทำวิจัยเกี่ยวกับพลังฉีของตระกูลโยเวล มันยังคงมีข้อบกพร่องอยู่มากมาย หลังจากครึ่งชั่วโมงของการค้นคว้า อเล็กซ์กำผ้าชิ้นหนึ่งไว้ในมือและเปิดใช้พลังฉีของเขา เมื่อเขาปล่อยมือออก ผ้าก็ได้กลายไปเป็นขี้เถ้าแล้ว “นี่คือ พลังฉีหยาง” เขาพึมพำกับตัวเองพลางส่ายหัวเบา ๆ เมื่อพูดถึงการควบคุม พลังฉีหยางของตระกูลโยเวลมันถือว่าเป็

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 137

    "อะไรนะ? เสียชีวิตแล้ว? “เขาเสียชีวิตได้ยังไง?” อเล็กซ์ตกใจมากจนเกือบที่จะกระโดดออกจากเก้าอี้ คนขับรถบรรทุกที่ชื่อแอนโธนี่ แพตทินสันเป็นคนที่สำคัญที่สุดที่รู้ความจริงเกี่ยวกับอุบัติเหตุนั้น ถ้าหากเขาเสียชีวิตไป แสดงว่าพวกเราได้สูญเสียหลักฐานสำคัญไปด้วยเช่นกัน “ฉันไปที่นั่นเพื่อตรวจดูให้มั่นใจ คนที่นั่นบอกว่าเขาพยายามที่จะหลบหนีจากเรือนจำและจบลงด้วยการถูกไฟฟ้าช็อตจนเสียชีวิต ร่างกายของเขาไหม้เกรียม ฉันยังมีรูปถ่ายศพของเขาด้วยนะ นายอยากจะเห็นไหม?" อเล็กซ์พยักหน้า จากนั้น วอลทซ์ก็ได้เลื่อนดูโทรศัพท์เพื่อค้นหารูปภาพ ศพนั้นเป็นสีดำไหม้เกรียมจริง ๆ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจำเขาได้ “ไม่ใช่” อเล็กซ์ส่ายหัว "ไม่ใช่?" วอลทซ์หันไปหาอเล็กซ์ “นี่ไม่ใช่แอนโธนี่ แพตทินสันได้ไง?” “ไม่ เป็นเขาจริง ๆแต่สาเหตุการตายไม่ใช่ไฟฟ้าช็อต” คนอื่น ๆ อาจจะไม่สามารถสังเกตได้ว่าแอนโธนีถูกไฟฟ้าซ็อตหรือถูกสังหาร แต่ทว่าอเล็กซ์นั้น เขาไม่เหมือนคนทั่ว ๆ ไป เขามีความรู้ด้านการแพทย์ขั้นสูงสุด แค่ดูภาพก็รู้แล้วว่าชายคนนี้ถูกฆ่าแล้วถูกนำไปสร้างสถานการณ์ว่าถูกไฟช็อต เพื่อที่จะทำลายหลักฐาน “นายกำลังจะบอกว่า

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 138

    อเล็กซ์ส่งสัญญาณบอกใบ้ไปที่ชั้นล่าง และวอลทซ์ก็เข้าใจข้อความนั้นทันที ตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะส่งพวกนักฆ่ามาอีกครั้งเมื่อไหร่ อเล็กซ์ต้องการให้แน่ใจว่าบริตทานีจะปลอดภัย เนื่องจากเหตุการณ์ของคุณนายแคลร์ อเล็กซ์ต้องรีบออกไปตอนเช้านี้เลยเหมือนกัน แต่ก็ต้องทิ้งบริตทานีให้อยู่คนเดียว สิ่งนี้ทำให้เขาค่อนข้างไม่สบายใจ และยิ่งเมื่อแอนโธนีมาเสียชีวิตอีก เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ได้เลย “ฉันขอคุยโทรศัพท์สักครู่นะ” วอลทซ์ยิ้ม คราวนี้ วอลทซ์โทรหาอาเซอร์ “นี่ อาเซอร์จะมาที่นี่ในอีกสักครู่ เขาจะพาคนของเราสองสามคนมาเพื่อคุ้มกันที่นี่ด้วย” อเล็กซ์ขมวดคิ้ว “อย่าทำให้มันประเจิดประเจ้อจนมากเกินไป แม่ของฉันอาจไม่ชอบที่ฉันติดต่อกับผู้คนจากกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์” วอลทซ์หันกลับมามองเขา “กลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ แล้วจะทำไม? นายกำลังดูถูกพวกเราอยู่เหรอ?” อเล็กซ์ตัดสินใจที่จะเงียบ จากนั้นวอลทซ์ก็ทำให้เขามั่นใจ “ไม่ต้องกังวล พวกเขาเข้าใจดี พวกเขาจะแอบปกป้องเธออย่างลับ ๆ ” อเล็กซ์พยักหน้าอย่างพอใจ ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว…

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 139

    "อะไรนะ?" “ตัวนี้ฐานมันพังนะ! มันตั้งไม่ตรงด้วยซ้ำ จะไปมีประโยชน์อะไร?” วอลทซ์พูดขึ้นด้วยท่าทางสับสนงุนงง ดวงตาของอเล็กซ์เป็นประกายและตอบอย่างใจเย็นว่า “มันหนักที่สุด” วอลทซ์พูดอะไรไม่ออก “ฉันคิดว่าเรากำลังจะซื้อเศษโลหะอยู่ เฮ้ โทเบียส พี่ชายของฉันต้องการตัวที่โทรมที่สุด นายให้ราคาเท่าไร? เอาไปชั่งน้ำหนักและบอกราคามา” อเล็กซ์ได้แต่ยิ้ม ไม่พูดอะไร เขากำลังรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เตาเล่นแร่แปรธาตุที่โทรมที่สุดตัวนี้มันอาจจะไม่มีฐาน แต่มันดีที่สุดในทั้งสามเตาแล้ว เขารู้สึกได้ถึงพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ภายในเตานี้ นี่แสดงว่าเตาโทรม ๆ นี้อาจจะมีพลังลึกลับอยู่ โทเบียสยิ้ม "นายหญิงเฟลอร์ ถ้าท่านพี่ของคุณชอบก็รับไปเถอะ ผมไม่คิดเงินหรอก! เก็บไว้ก็รกร้านเปล่า ๆ น่ะ ผมเกือบจะโยนมันทิ้งไปแล้วด้วย ถ้ามันไม่พอที่จะมีประโยชน์อยู่บ้าง” “งั้นตกลง ฉันจะเอาอันนี้” เตาไม่ใหญ่มากแต่ว่ามันค่อนข้างหนัก อย่างไรก็ตาม น้ำหนักดังกล่าวไม่เป็นผลอะไรสำหรับอเล็กซ์เลย ขณะที่พวกเขากำลังจะออกจากร้าน ก็มีคนวิ่งเข้ามาและตะโกนเสียงดังอย่างตื่นเต้น “โทเบียส โทเบียส! หินสีเขียว! สีเขียว! หยกแก้วจักรพร

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 140

    เธอสวมชุดราคาแพงของ Chanel จับคู่กับกระเป๋า LV ดูเหมือนกับผู้หญิงไฮโซทั่ว ๆ ไปที่กำลังควงแขนผู้ชายคนหนึ่ง แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ใช่คนที่อเล็กซ์เห็นเธอควงครั้งสุดท้ายก็ตาม คราวนี้เป็นชายแก่อ้วนอายุ 40 ปีอย่างนั้นเหรอ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับโคลอี้ เพียงแค่สะบัดเงินในมือเธอก็พร้อมจะย้ายก้นงาม ๆ ไปตรงนู้นทีตรงนี้ทีอย่างว่าง่าย ทันใดนั้น โคลอี้ก็สังเกตเห็นอเล็กซ์ ด้วยความตกใจ เธอจึงแสดงสีหน้าไม่พอใจทันทีและจ้องเขม็งอย่างโกรธเคือง เธอถูกตบหลายครั้งในร้าน แอล จี บัลโฟร์ เมื่อครั้งก่อน และโยนความผิดเรื่องทั้งหมดให้กับอเล็กซ์ ในเวลาต่อมาเธอได้ยินมาว่าอเล็กซ์สามารถซื้อเครื่องประดับได้เพียงเพราะกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ เพราะมาจากเพื่อนของพ่อเขา ในท้ายที่สุดเขาก็ยังคงเป็นไอ้ขีแพ้ที่เป็นขี้ข้าของบ้านแอสเส็กซ์อยู่ดี แล้วทำไมเธอถึงจะต้องกลัวเขาในตอนนี้ล่ะ? เธอพูดออกมาเสียงดังทันที “อเล็กซ์ แกมาที่นี่ทำไม? ไอ้ขี้แพ้ไร้ประโยชน์! แกกำลังพยายามหาประมูลแร่ราคาถูกให้ตัวเองอยู่หรือเปล่า? มีเงินพอเหรอ?” อเล็กซไม่มีอารมณ์ที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเธอ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ?” โคลอี

บทล่าสุด

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 200

    “คุณคิดว่าผมอยากรอจริง ๆ เหรอ? ค่าผ่าตัดอย่างน้อยก็ต้องหมดเกือบครึ่งล้าน อีกทั้ง ความเสี่ยงต่อการผ่าตัดก็สูงไม่น้อยเลยด้วย โอกาสรอดคือห้าสิบห้าต่อห้าสิบ ผมอาจจะตายระหว่างผ่าตัดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ? อีกอย่าง คุณเองก็รู้ว่าสภาพครอบครัวของผมเป็นยังไง ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม ทั้งแม่แล้วก็น้องสาวผมจะอยู่กันยังไง? แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมมีพัสดุอีกเยอะต้องส่งตอนเที่ยงด้วย” เจ้าของร้านพลันถอนหายใจ พร้อมกับดวงตาเต็มซึ่งไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่ง “เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซ์พูดขึ้น "นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ?" ชายหนุ่มพลันนิ่งไปเกือบสามวินาที ทันใดนั้น เขาก็พลันเผยยิ้มและพยักหน้า "ฉันเชื่อ ในฐานะเพื่อนของคุณโยเวล คุณคงไม่มีเวลาว่างมาหลอกลวงคนต่ำต้อยอย่างผมหรอก” อเล็กซ์ยืนขึ้น “งั้นก็เชื่อใจฉัน แล้วฉันจะช่วยนายเอง” อเล็กซ์เดินเข้าไปและกางนิ้ว พร้อมกับวางนิ้วหนึ่งไว้เหนือขมับของชายหนุ่ม ตรงนั้นคือตำแหน่งของเนื้องอกซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศีรษะของลุค ทันใดนั้น นิ้วของอเล็กซ์ก็ส่องประกายราวกับสีของหยก รา

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 199

    ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มที่สำลักบะหมี่ก่อนหน้าก็หันกลับลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง "คุณหนูโยเวล... นักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย? จริงเหรอ?” ทันใดนั้นเอง ใครสักคนก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาชื่อของนักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย ทว่า ทั้งรูปภาพและผลลัพธ์มากมายต่างก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริง มิเชลล์มักจะทำตัวเป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน และไม่ได้พวกใจพวกปาปารัสซี่เท่าไหร่นัก อีกทั้ง คนในตระกูลโนเวลเองก็ไม่ได้สนใจในตัวมิเชลล์ด้วยเช่นกัน เธออยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป ด้วยเหตุนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายไม่น้อยเลยที่จะมองหาคนอย่างเธอ ไม่นานนัก ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมา... "มันเป็นความจริง! ทั้งหมดคือเรื่องจริง! เธอคนนี้คือคุณหนูโยเวลตัวจริงเสียงจริง คุณมิเชลล์ โยเวลยังไงล่ะ!” “ใช่แล้ว! ยังไงก็เถอะ คุณหนูโยเวลอุตส่าห์มากินสตูว์ถึงที่ร้านทั้งที ฉัน... ฉันชักอยากจะขอเธอถ่ายรูปหน่อยแล้วสิ” “นายตาบอดหรือยังไงกัน? ดูเธอสิ เธอกำลังโกรธอยู่นะ ทำไมถึงอยากเข้าไปขอเธอถ่ายรูปตอนนี้กันล่ะ?” หลังจากที่ชายคนนั้นตบตัวเองไปมากกว่าสิบครั้ง แจ็คก็พูดขึ้น "รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ?" ชายคนนั้นพยักหน้า แจ็คถามขึ้นอีก

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 198

    อันที่จริง อเล็กซ์ต้องการที่จะรักษาแจ็คก็เพราะเขาช่วยตนในเรื่องเอกสาร ทันใดนั้น อเล็กซ์เผยยิ้มและกล่าวคำพูดออกมา “คุณเทรนต์ครับ การช่วยชีวิตใครสักคนอาจต้องใช้โชคชะตา แต่ถ้ามีกำลังสงสัยอะไรอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสามารถไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลาเลย แต่ยังไงเสีย คุณคงต้องรีบหน่อยแล้วแหละ เพราะนิ่วในไตของคุณตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่แย่มาก คุณอาจะติดเชื้อได้เลยล่ะ" ทว่า ทุกคนก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง 'นายไม่ได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์หรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้ง ชีพจรก็ไม่ได้ตรวจ นายจะรู้ได้ยังไงกันว่านิ่วในไตนั้นอยู่ในตำแหน่งดีหรือร้าย? นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือยังไงกัน?' สำหรับคราวนี้ มิเชลล์เองก็พลันเบิกตากว้างเช่นกัน เธอเอาแขนพาดหน้าอกด้วยความสงสัย “อเล็กซ์ นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์ด้วยงั้นเหรอ?” อเล็กซ์ไม่สนใจเธอเลย ทว่า ไม่นานนัก แจ็คก็พูดขึ้น "คุณร็อคกี้เฟลเลอร์ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ยังไงเสีย อเล็กซ์เองก็ไม่ได้จะใช้มีดผ่าตัดอยู่แล้ว ดังนั้น แจ็คจึงรู้สึกว่ามันก็คุ้มที่จะลอง อเล็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก เขาก็วางมือเอาไว้บนแผล พร้อมกับสอดพลังฉีเข้าไปในร่างกายของ

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 197

    ผู้หญิงที่พูดขึ้นนั้นนั่งอยู่ข้างหลังอเล็กซ์ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุราวสามสิบปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาตั้งแต่เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นนั่งฟังพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มิเชลล์บอกว่าเธอจะจับพริสซิลล่ามาอยู่บนเตียงของอเล็กซ์ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดูถูกเหยียดหยามทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันที่จริง เธออยากจะเรียกตำรวจมาจับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอก็รู้สึกโล่งใจที่อเล็กซ์ปฏิเสธข้อเสนอไป ต่อมา เธอก็ได้ยินทั้งสองพูดถึงบริษัทเธาซันด์ลีฟ เธอได้ยินมิเชลล์พูดว่าตัวเองนั้นสามารถขอใบอนุญาตได้เลยเพียงแค่เอ่ยวาจา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะพ่นสตูว์เนื้อรสเผ็ดออกมาทางปาก อันที่จริง เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเธาซันด์ลีฟ สามีของเธอขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่ทำงานภายใต้แฟรนไชส์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของบริษัทเธาซันด์ลีฟก็คือตระกูลโยเวล ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง บริษัทยังได้รับการโฆษณาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทว่า สามีของเธอก็ได้แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างอยู่ตั้งหลายร

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 196

    อันที่จริง เบียทริซเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในมหาวิทยาลัยได้หากจะต้องเปิดโปงพวกเขาทั้งสอง ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ อเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่ามิเชลล์นั้นซื้อรถสปอร์ตสุดหรูแอสตันมาร์ตินสีแดงให้กับตน โครงสร้างสุดเท่ของรถสปอร์ตคนนี้ค่อนข้างทันสมัย ​​แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน “โทษทีนะ พอดีฉันหารุ่น M8 ที่นายต้องการไม่ได้เลยน่ะ ตอนนี้ไม่มีรุ่นนั้นเหลืออยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยด้วย ยังไงก็เถอะ นายก็ใช้คันนี้พลาง ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าของเข้าแล้ว ฉันจะไปซื้อรุ่น M8 มาคืนให้” 'ดูเธอสิ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน' เธอสามารถซื้อรถหรูราคาหลายแสนได้ราวกับว่าซื้อลูกโป่ง “ก็ได้!” อเล็กซ์ไม่เรื่องมากกับเรื่องรถยนต์อยู่แล้ว ทั้งสองเดินทางไปยังร้านอาหารสตูว์รสจัดจ้าน มิเชลล์นึกประหลาดใจ “นายอยากทำกับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” อเล็กซ์ตอบกลับ “ตอนแรกฉันจะรักษาพริสซิลล่า แต่เธอดันกลับบ้านไปก่อน ยังไงเสีย ตอนนี้เรามาสั่งอะไรง่ายๆ กินกันดีกว่า” “นี่นายกำลังพยายามตามจีบพริสซิลล่าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? อันที่จริง ฉันช่วยนายได้นะรู้ไหม? ฉันทำให้เธ

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 195

    “ดาวมหาลัยชนชั้นกลาง... เบียทริซ แอสเส็กซ์งั้นเหรอ?” “เธอคือ...” ทั้งแอนนาลิสและพริสซิลล่าต่างก็จ้องไปที่เบียทริซอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลังจากนั้น พวกเขาก็หันไปหาอเล็กซ์ จากท่าทีของทั้งสอง พวกเขาต่างก็รับรู้มาว่าอเล็กซ์เป็นแฟนของมิเชลล์ ไม่อย่างนั้น ทั้งสองจะรู้จักและจูบกันได้ยังไงล่ะ? ในตอนนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่ามิเชลล์คงจะต้องตะคอกและทุบตีอเล็กซ์อย่างแน่นอน แม้แต่เบียทริซเองก็คิดเช่นนั้น เบียทริซเรียกอเล็กซ์ว่าพี่เขยก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของเขาเอง อีกทั้ง เบียทริซเองก็ต้องการบอกกล่าวให้มิเชลล์รับรู้ว่าว่าอเล็กซ์เป็นชายที่แต่งงานแล้ว และแน่นอน เบียทริซในตอนนี้กำลังเล่นกับความรู้สึกของมิเชลล์อยู่ จากที่เบียทริซรู้เรื่องราวของมิเชลล์มา มิเชลล์จะต้องโมโหและทำร้ายอเล็กซ์อย่างแน่นอน แต่ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มิเชลล์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานนัก เธอก็กล่าวคำพูดขึ้น “เบียทริซ แอสเซ็กซ์ เธอเป็นน้องสะใภ้ของอเล็กซ์หรือยังไงกัน? เธอน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะ! ยังไงก็เถอะ ถ้ามีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ ก็เอ่ยชื่อของฉันออกไปได้เลย แล้วฉันจะมาปกป้องเธอเอง!” "อะไรก

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 194

    สตีเวนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับคำรามออกมา เขาปลุกพละกำลังภายในที่น่ากลัวและชั่วร้ายออกมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับแสงสีแดงที่กะพริบระยิบระยับในดวงตา ระหว่างที่มิเชลล์กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปที่สตีเวน เขาก็พลันตอบโต้การโจมตีด้วยฝ่ามือของตัวเองเช่นกัน ตู้ม! เสียงระเบิดดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถง สตีเวนเองก็ได้เก็บซ่อนพลังพิเศษไว้ที่ในฝ่ามือของตัวเอง พลังนั้นพุ่งทะลุผ่านฝ่ามือของมิเชลล์ไป มันเป็นทักษะอันทรงพลังในฐานะจ้าวแห่งเงามรณะเลยก็ว่าได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าทักษะแห่งการล่อลวง เพราะเหตุนั้น สตีเวนจึงไม่สนใจการโจมตีมิเชลล์มากนัก เพราะเขารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตนจะต้องชนะอย่างแน่นอน ในตอนนั้นเอง เขาพลันดีดนิ้วและกล่าวคำพูดขึ้นมา “หยุด!” ทว่า ทักษะแห่งชัยชนะทั้งหมดของสตีเวนกลับไม่มีผลอะไรเลยในวันนี้ มิเชลล์พุ่งเข้าใส่สตีเวนด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและเฉียบแหลม เธอยกขาขึ้นแล้วกระแทกไปยังศีรษะของสตีเวนอย่างแรง "อะไรกัน?" อึก! สตีเวนล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพลันกลอกตาไปมาและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ทันทีที่สติเริ่มจางหาย ความคิดสุดท้ายของสตีเวนก็พลันปรากฏขึ้นมาในหัว “มันจะเป็นไปได้ยังไง

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 193

    ตุ๊บ! ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของฝูงชน มิเชลล์ก็กระโดดข้ามราวขึ้นไปบนเวทีประลอง ระหว่างที่มิเชลล์ขึ้นไปยืนบนเวทีประลอง หน้าอกขนาดมหึมาของเธอก็พลันกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทุกคนต่างตกตะลึงและเบิกตากว้าง โดยเฉพาะเหล่านักเรียนชาย พวกเขาต่างก็ยิ่งอิจฉาอเล็กซ์มากกว่าเดิมทันทีที่เห็นเช่นนั้น มิเชลล์รีบคว้าตัวพริสซิลล่าและลากเธอมาหลบอยู่ด้านหลัง มิเชลล์จ้องไปยังชายวัยกลางคนจอมหยิ่งผยองและกล่าวคำพูดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายเอง!” พริสซิลล่าในตอนนี้ไม่กล้าที่จะอยู่บนเวทีอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากลานประลอง พร้อมกับกุมมือตัวเองด้วยความหวาดกลัว อเล็กซ์ตบไหล่ของพริสซิลล่าและเผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “เธอทำดีมาก ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชนะ” “ฉัน... ฉันชนะการประลองจริง ๆ เหรอ?” “...” หลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มจ้องมองไปที่พริสซิลล่าและกลอกตา แอนนาลิสเองก็ขมวดคิ้วและจ้องไปยังพริสซิลล่าเช่นกัน เธอไม่เข้าใจความสามารถที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของพริสซิลล่าเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น เธอก็คิดเองเออเองว่าเทรเวอร์น่าจะใช้พลังของตัวเองมากเกินไป แอนนาลิสคิดหาวิธีอื่

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 192

    “พูดบ้าอะไรของเธอกัน?!” ระหว่างกำลังคิดว่านี่คงเป็นแผนของชมรมซาตานที่ต้องการส่งใครสักคนขึ้นมาบนเวทีประลอง เทรเวอร์ก็รู้สึกโกรธไม่น้อย ทันใดนั้น เทรเวอร์ก็พุ่งเข้าไปหาพริสซิลล่าและฟาดฝ่ามือใส่เธอ เทรเวอร์ต้องการสยบพริสซิลล่าด้วยฝ่ามือ นั่นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความยิ่งใหญ่ในฐานะประธานชมรมมังกรหยก "อ๊าย!" พริสซิลล่าพลันกรีดร้องและยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณ ทันใดนั้น กระแสพลังฉีพลันพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอ ตุบ! เทรเวอร์พลันฟาดลงไปยังข้อมือพริสซิลล่า ทว่า เขากลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังจำนวนมหาศาลพุ่งตรงเข้ามา ฟิ้ว! ทันใดนั้น ร่างกายของเทรเวอร์ก็ลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศเหนือเวทีประลองและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับผมที่ตั้งชูอยู่เหนือศีรษะ ร่างกายของเทรเวอร์สั่นเทา เขาอ้าปากค้างราวกับมีหมอกพิษทมิฬลอยออกมาจากปาก ทุกคนในห้องโถงต่างก็เงียบไปด้วยความตกใจ พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ มิเชลล์เองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เธอจ้องมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของแอนนาลิสพลันเบิกกว้าง เธออ้าปากค้างทันใด เธอแทบจะไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ท

DMCA.com Protection Status