“ฉันถูกเสมอ”
“อ๋อ....คุณน่านถูกเสมอ แล้วอะไรอีกคะ”
“เข้าได้ แต่ออกไม่ได้”
“อ้าว ทำไมจะออกไม่ได้ล่ะคะ ประตูก็อยู่ตรงนี้”
“เพราะวันนี้ฉันตั้งใจจะปิดตายมัน"
"คุณน่าน หมายถึงอะไรคะ"
สีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกของเขาทำให้เธอรู้สึกขนลุกเล็กๆ เขากำลังคิดจะทำอะไรบางอย่างที่น่ากลัวอย่างแน่นอน
"ฉันเองก็จะไม่ออกไปจากห้องนี้อีกแล้ว" เขาจัดการล็อคกุญแจห้องจากข้างในด้วยแม่กุญแจดอกใหญ่หนักอึ้ง เธอตกใจหน้าเสีย "ทุกอย่างมันจบแล้ว มันจบแล้วจริงๆ"
"คุณน่าน" เธอหัวใจเต้นรัว สาวเท้ากลับไปที่ประตู จับแม่กุญแจแล้วเขย่าดู "ล็อคประตูทำไมคะ ส่งลูกกุญแจมาเถอะค่ะ"
"เสียใจด้วย ลูกกุญแจไม่ได้อยู่ที่ฉัน"
"อ้าว แล้วอยู่ที่ไหนล่ะคะ"
"ไม่รู้สิ ฉันทิ้งลงถังขยะไปแล้ว"
"คุณน่าน! คุณคิดจะทำอะไร"
เขาให้คำตอบเธอ ด้วยการหยิบของบางอย่างออกมาจากในเสื้อโค้ทตัวใหญ่หนาที่สวมอยู่ ซึ่งเป็นถ่านหินแบบอัดแท่งจำนวนหนึ่งและไฟแช็คแท่งเล็ก เธอรู้ได้ทันทีเลยว่าเขาคิดจะทำอะไร
"ห้องนี้เหมาะมาก เพราะมันปิดทึบ แทบไม่มีที่ระบายอากาศ แถมยังมีหนังสือให้อ่านเล่นก่อน..."
"คุณตั้งใจจะ..."
เขาตั้งใจจะฆ่าตัวตาย...
"ความจริงฉันตั้งใจจะไปคนเดียว แต่ถ้ามีเธอเป็นเพื่อนร่วมทางด้วย ก็คงแจ่มดี!”
“ไม่ได้นะคะ คุณจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ฉันไม่ยอม ไม่ได้”
"จำกฏของฉันไม่ได้แล้วเหรอ"
"แต่...แต่" เธอหัวใจเต้นรัว กลืนน้ำลายแทบไม่ลง "แต่ฉันยังเวอร์จิ้นอยู่เลย! ยังไม่เคยมีจูบแรกด้วยซ้ำ แล้วฉันจะต้องมาตายไปแบบนี้เหรอ มันไม่เกินไปหน่อยหรือคุณน่าน!!!"
“เธออยากจะแส่เอง!”
เขายิ้มเลือดเย็นราวกับฆาตกรโรคจิตในหนังฝรั่ง ทำเอาเธอขนลุก หายใจไม่ทั่วท้อง ก็ใช่ที่เขาเตือนเธอแล้ว ซ้ำยังขู่ตั้งหลายหน แต่เธอก็ยังรนเข้ามา แล้วอย่างนี้จะโทษใครได้ นอกจากโทษความเผือกของตัวเอง
“อืม...เรื่องนี้ฉันไม่เถียง” ทิพย์อัปสรพยายามตั้งสติ ควบคุมตัวเองให้สงบเข้าไว้ เรียกขวัญให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวเสีย แล้วคิดใคร่หาทางออกที่ดีที่สุด เพื่อช่วยชีวิตตัวเองและผู้ชายตรงหน้าให้เลิกคิดฆ่าตัวตาย เรื่องอะไรที่เธอจะต้องมาตายตอนนี้ คนอย่างเธอต้องมีชีวิตอยู่จนถึงแก่เฒ่าชราโน่น ตายท่ามกลางลูกหลานร้องไห้ระงม ไม่ใช่ต้องมาตายแต่วัยเยาว์ในห้องลึกลับกับผู้ชายขาด้วนแบบนี้
“โอเค เรามาคุยกันอย่างสินตินะ ทำไมคุณถึงไม่อยากอยู่ คนที่เขาลำบากกว่าคุณยังมีอีกมากมายนัก”
“แต่เขาลำบากมาตั้งแต่เกิดไง! คนพวกนั้นก็ต้องชินกับสภาพตัวเองอยู่แล้ว แต่คนอย่างฉัน ที่มีชีวิตครบสมบูรณ์ทุกอย่าง แล้วต้องมากลายเป็นแบบนี้ มันไม่แฟร์เลย!!”
“แต่คุณก็ไม่แฟร์กับฉันเหมือนกัน ฉันไม่ได้อยากตายกับคุณซะหน่อย คุณมันเห็นแก่ตัวที่สุด”
เขาจ้องหน้าเธออย่างเย้ยหยัน “ฉันเตือนเธอ ห้ามเธอ แต่เธอก็ไม่ฟัง ถ้าเธอคิดจะโทษใคร สงสัยต้องโทษตัวเองแล้วล่ะมั้ง”
“ก็รู้แล้วไงว่าฉันมันโง่ ไม่ต้องย้ำหรอกน่า” เธอมองเขาตาขวาง สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อให้ความอึดอัดใจมันลุเทาผ่อนคลาย “แต่ถ้าฉันย้อนเวลากลับไปได้ ฉันก็ยังจะเลือกทำแบบเดิมอยู่ดี!!”
เขาขมวดคิ้วมุ่น ไม่เข้าใจที่หญิงสาวตรงหน้าพูด หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอควรจะวิ่งหนีไปให้ไกลจากเขาต่างหากเล่า เขาจึงเอ่ยถามเธอ ด้วยเสียงแข็งกร้าว...
“ทำไม ทำไมเธอถึงยังจะเข้ามา!”
“เพราะฉันจะได้มายืนหัวโด่ ห้ามคุณไม่ให้ทำเรื่องบ้าๆนี่ไงล่ะ คุณน่าน!!!” เธอเท้าสะเอว ทำหน้าเหมือนนางยักษ์ ที่อยากจะจับเขาไปเคี้ยวในปาก “คุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าคุณแม่ของคุณจะรู้สึกยังไงถ้าคุณตายไปแบบนี้ ท่านจะเสียใจแค่ไหน ท่านจะทุกข์ใจเพียงใด แล้วยังคนที่รักคุณอีกล่ะ พี่ชายคุณ เพื่อนคุณ หรือแฟนคุณ!”
“ไม่มีอีกแล้ว คนที่รักฉัน!” สายตาเย็นชาของเขากลัดความตรมตรอมผิดหวัง “พอฉันพิการ! ผู้หญิงคนนั้นก็ทิ้งฉันไปคบกับคนอื่น! มันก็สมควรแล้วล่ะ เรื่องอะไรจะต้องมาคบกับคนขาดๆเกินๆแบบฉัน...ส่วนคุณแม่ ท่านน่าจะเข้าใจความรู้สึกของฉันดี ท่านอาจจะอำนวยอวยพรให้ฉันด้วยซ้ำ เพราะงั้น...”
“อ๋อ...ที่แท้เพราะถูกผู้หญิงทิ้งนี่เอง คุณถึงได้ใจเสาะคิดอยากตายขึ้นมา” เธอพูดเชิงดูถูก เพื่อกระตุ้นจุดอ่อนของเขา ซึ่งมันก็ได้ผล“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ!!” เขาโกรธจนควันออกหู ที่โดนเธอหยามเข้าอย่างจัง “ฉันไม่ได้อยากตายเพราะเรื่องผู้หญิงคนนั้น ฉันก็แค่...”“รับตัวเองไม่ได้ ที่ไม่มีขาข้างซ้าย”“ฉันรับไม่ได้ที่ฉันไม่สามารถทำความฝันของตัวเองได้อีกต่อไป เธอไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน” สีหน้ากลัดทุกข์และสายตาชุ่มน้ำของเขาทำให้ใจเธออ่อนยวบลง ก่อเกิดความรู้สึกเห็นใจเขาขึ้นมาก็ตอนนี้ “ฉันอยากเดินทางรอบโลก อยากไปผจญภัยในที่ต่างๆ อยากไปปีนเขาหิมาลัย อยากไปดูมาชูปิกชูให้เห็นกับตา อยากไปดูสัตว์ป่าที่แอฟริกา อยากไปล่องเรือในลำน้ำไนส์...แล้วเธอดูสภาพของฉันตอนนี้สิ ดูให้เต็มตาสิ แล้วฉันจะยังมีชีวิตอยู่ไปทำไม”เธอเห็นใจเขาก็จริง แต่เธอก็ไม่เห็นด้วยที่เขาคิดท้อถอยถึงขนาดนี้ เพราะชีวิตยังมีค่ามากกว่าที่เขาคิด“ใจคุณแค่ไม่สู้ต่างหากคุณน่าน คุณไม่ได้คิดจะลุกขึ้มาสู้เพื่อตัวคุณเองเลย ถึงคุณจะไม่มีขาซ้าย แต่คุณก็ยังเดินได้นี่นา ขาแพงๆของคุณทำไมไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์ ในเมื่อมันแพงขนาดนี้ ก็ให้มันพาคุณไปในที่ที
ชายหนุ่มจ้องหน้าเธอด้วยสายตาประหลาด แตกต่างจากทุกครั้งที่มอง เขากระดิกนิ้วเคาะเป็นจังหวะเหมือนคิดอะไรอยู่ ก่อนจะพูดบางประโยคออกมาที่ทำให้เธอต้องหันมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง“เซ๊กส์! เขาว่าช่วยได้นี่...เซ๊กส์บำบัด!”“คุณน่าน...”“ฉันเคยอ่านเจอ...อะดรีนาลีนเป็นยาดีที่ร่างกายสามารถผลิตได้เอง...เวลาที่ผู้ชายรู้สึกเครียดมากๆ ก็มักจะช่วยตัวเองหรือมีเซ็กส์เพื่อผ่อนคลายเหมือนกัน เธอจะลองดูมั้ยล่ะ”เธออึ้งไปเลย “ลอง?...ตอนนี้น่ะเหรอคะ”“ใช่ ลองกันมั้ย”“หมายถึงคุณกับฉัน?”“แล้วในนี้มีใครอีกมั้ย นอกจากเราสองคน”ให้ตายเหอะ! เขากำลังชวนเธอมีเซ็กส์อยู่หรือเนี่ย คุณชายคนที่สี่ของบ้านพิริยะวัฒน์ ผู้ชายที่คนธรรมดาอย่างเธอไม่มีวันเอื้อมถึงแน่ “คุณแค่อยากลองใช้เซ็กส์บำบัดความเครียดของคุณ? แต่ไม่ได้อยากมีเซ็กส์เพราะอารมณ์ความต้องการอย่างที่ผู้ชายทั่วไปเขา...”“เงี่ยน!”“อุ๊ย! พูดตรงไปปะคะ?”“อืม ตามนั้นแหละ แค่ช่วยกันบำบัดโรค”“งั้นถ้าฉันยอมใช้เซ็กส์บำบัดกับคุณ คุณจะเลิกคิดฆ่าตัวตายใช่มั้ยคะ” ขณะถาม หัวใจเธอเต้นรัวแทบคลั่งแล้ว เธอกำลังประสาทเสียหรือไม่ก็สมองเพี้ยนที่คิดยอมทำเรื่องอย่างว่า
เขาค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ สีหน้าหวาดหวั่นเล็กน้อย ดวงตาคู่คมลุ้นระทึกเล็ก ๆยามทอดตัวขึ้นสู่อากาศ เพื่อนำร่างกายขึ้นยืนบนขาเทียม ขาใหม่ที่เขาได้มานานหลายเดือนแล้ว แต่แกล้งทำเป็นลืมไม่สนใจ ด้วยความที่ต่อต้านและรับตัวเองไม่ได้ เขาเลยเลือกที่จะทำชีวิตตัวเองให้แย่ลง ด้วยการนั่งบนรถเข็นมันอย่างนี้เธอมองเขาด้วยอาการลุ้นจัด เอาใจช่วยอย่างเต็มที่ กระทั่งเขายืนได้ด้วยตัวเองอีกครั้ง เธอดีใจตื่นเต้นจนหน้าบาน ต่อเมื่อเขาก้าวเท้าแรกแล้วล้มคะมำลงไปนอนกับพื้นเย็นเฉียบตรงหน้า“ว๊าย!” เธอตกใจแทบช็อค รีบวิ่งไปหาเขาอย่างไม่ลังเล นั่งลงต่อหน้าร่างใหญ่ แล้วช่วยประคองให้เขาลุกขึ้นนั่ง ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอย่างจริงจังจริงใจ“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนรึเปล่า”สีหน้าเจ็บปวดของเขาฉายชัด “เห็นมั้ย! แค่นี้ฉันยังทำไม่ได้เลย!!!”“ไม่ นี่การเริ่มต้นที่ดี คุณทำได้” เธอพูดจบก็ยื่นริมฝีปากประกบปากเขาจนแนบแน่นเพื่อเป็นรางวัลแก่ชายหนุ่ม เขาตกใจเล็กน้อยที่โดนจู่โจม แต่ความนุ่มนวลอ่อนหวานจากกลีบปากอิ่มสวยที่ถ่ายทอดออกมาอย่างน่ารัก ก็ทำให้เขาโอนอ่อนผ่อนตามได้โดยง่าย“อืม...” เธอครางแผ่วเบาให้ลำคอ ก่อนจะผละปากออกมาอย
“อืม...โอว...ทิพย์...ทิพย์จ๋า...” ริมฝีปากสวยจูบเลียหัวเอ็นของเขาเพื่อทักทาย ก่อนจะอ้าปากงับหัวดุ้นของเขาแล้วดูดเลียอย่างสำรวจตรวจตรา...“อูววว...ทิพย์...อืมมมม” เขาครางกระสันในลำคออย่างซ่านสยิว ยามลิ้นอุ่นไล้เลียตวัดวนจนหัวเอ็นของเขาเสียวแน่นหนักหน่วงไปทั้งบ้อง ลิ้นปากของเธอทำของเขาราวกับมันเป็นไอติมแท่งโตพยาบาลสาวสวยใช้ลิ้นและปากปรนเปรอแท่งสวาทของเขาอยู่พักหนึ่ง ในที่สุด...“อ่าห์...ใกล้แล้ว...ใกล้แล้ว...โอย...ผมเสียว..เสียวหัวจังเลยทิพย์...ซี๊ดส์...อ๊า!” ในที่สุด...เขาก็ทนลิ้นทนปากเธอไม่ไหว กายแกร่งเสียดแน่น เกร็งกระตุกไปทั้งตัว ก่อนจะปล่อยลาวาขขาวขุ่นร้อนฉ่าออกมาจนเต็มปากเต็มลิ้นของเธอ“อื้ม...ซี๊ดส์” เขาครางกระสันอย่างสุขสม ลูบไล้ศีรษะของหญิงสาวอย่างเอ็นดูรักใคร่ ยามเธอใช้ลิ้นกวาดเลียน้ำรักของเขาจนแทบหมดไม่มีเหลือ“โอวว...ทิพย์จ๋า...ผมจะตายแล้ว”“อย่าเพิ่งตายสิคะ นี่แค่เริ่มต้นเอง”“ก็ได้...เดี๋ยวผมทำให้คุณบ้าง คุณจะได้รู้ว่า เสียวเกือบตายมันเป็นไง”“อือ...คะ...คุณน่าน...”หญิงสาวเม้มริมฝีปากอย่างเย้ายั่ว ท่วงท่ามารยาที่เผยตัวตนด้านในออกมาทำให้เธอแปลกใจและเริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้
“อ่า...” เขาชโลมเลียร่องโหนกชุ่มน้ำของเธออย่างหิวกระหาย น้ำหวานของสาวสวยไหลหล่อลื่นทางรักจนเต็มร่อง เขาตวัดลิ้นดูดดุนจนหนำใจ ก่อนจะรวบดูดเม็ดกระสันเสียวของสาวเจ้าแล้วละเลงลิ้นเคล้นคลึงอย่างเมามันส์“อ๊า...ฮือ...อ๋อยคุณน่าน...ไม่ไหวแล้ว” เธอกรีดเสียงร้องออกมาอย่างซ่านเสียว พร้อมกับแอ่นร่องโหนกขึ้นป้อนปากลิ้นเขาอย่างมันส์ในอารมณ์ “อ๊า...โอ๊ะ!”หญิงสาวอุทานลั่น กายกดเกร็ง ขนลุกซู่ รูก้นและรูสาวขมิบไม่หยุดยามปล่อยน้ำคาวสวาทออกมาจนเต็มร่อง น้ำแห่งความสุขสมอารมณ์หมายไหลทะลักราวกับเขื่อนแตก“อ่า...” เธอตาปรือ อ้าปากหวอ หายใจแรงจนอกกระเพื่อมไหว ขณะปากลิ้นของเขายังดูดเลียร่องโหนกและเม็ดกระสันเสียวของเธอไม่ยอมปล่อย“อือ...เลียเก่งจังคุณน่าน ทำทิพย์เกือบหัวใจวาย”เธอชมเขาพลางลูบไล้เส้นผมนุ่มมือของเขาราวกับให้กำลังใจ ขณะศีรษะของเขายังมุดอยู่ในหว่างขาของเธอไม่ไปไหน ดูเหมือนเขายังไม่เต็มอิ่มกับการใช้ลิ้นบำเรอสุขให้เธอสินะ “อ๊า...ซี๊ดส์”เขาคงตายอดตายอยากมานาน เลยจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบขนาดนี้ แค่ลิ้นก็ทรมานเธอแทบตาย หากเป็นแท่งโตของเขาล่ะ เธอไม่ตายคาห้องนี้เหรอ ดูจากลักษณะของมันแล้ว ก็น่าจะระดับกระทิงต
“ช่วยลากรถเข็นมาให้หน่อย เร็วซี”“ค่ะ จะรีบทำให้เดี๋ยวนี้แล้ว ใจร้อนเสียจริง” เธอลุกพรึบจนกระโปรงเปิด ไล่ลมตีหน้าชายหนุ่มเลยล่ะ แล้วก็จงใจเดินเฉียดหัวไหล่เขาเล็กน้อย เพื่อส่งสัญญาณให้เขารู้ว่าเธอไม่พอใจในสิ่งที่เขาทำนะ‘ชิ!’ เธอคว้ารถเข็นแล้วเลื่อนมาจนถึงเจ้าตัว จากนั้นก็ช่วยพยุงตัวเขาให้ลุกขึ้นยืน...วินาทีนั้น ทั้งคู่สบตากันเล็กน้อย ก่อนฝ่ายชายจะหลบสายตาไป พร้อมหยิบลูกกุญแจจากในกระเป๋าด้านในของเสื้อโค้ทออกมาแล้วยื่นให้เธอ“ฉันนึกแล้วเชียว”“ขอบคุณนะ” เขาขอบคุณที่เธอเข้ามาขวางการตายของเขาไว้ หรือขอบคุณที่ช่วยสำเร็จความใคร่ให้แบบฟรีๆล่ะ เธอไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ ว่ามันอาจเป็นข้อหลัง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ต่อไปคุณก็อย่าคิดทำอะไรแบบนี้อีกก็แล้วกัน เพราะครั้งต่อไปคุณอาจไม่โชคดีเจอนางฟ้าอย่างฉัน”“ใช่...โชคดีอะไรอย่างนี้” เขานั่งลงบนรถเข็นเรียบร้อย แหงนเงยหน้ามองเธอด้วยสายตาแฝงเล่ห์ อย่างเย้ายั่วนิดๆ เขากำลังหว่านเสน่ห์เพื่อวางกับดักเธอ ทำให้เธอหลงและเชื่อฟังเขาเหมือนทาสสวาทเชื่องๆ แล้วร้องขอให้เธอมาปรนเปรอเขาอีกเมื่อเขากระสันอยาก แต่เธอไม่หลงระเริงกับไฟกองนี้ให้เสียเวลาอีกแล้ว แค่ครั้งเดียวก็
“โอเค..ทางโล่ง...เฮ่อ ทำไมรู้สึกเหมือนเป็นแมวขโมยยังไงก็ไม่รู้...ไม่เห็นต้องทำตัวมีพิรุธขนาดนี้เลย...ว่ากันตามจริง มันก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นนี่นา...เวอร์จิ้นยังอยู่กับเราเหมือนเดิม ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”พยาบาลสาวรีบกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองที่ห้องนอนของคุณหญิงบัวระวงค์ โดยพยายามทำตัวเป็นปกติทุกอย่าง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ทั้งที่ในใจกำลังเศร้าเธอรอจนกระทั่งคุณหญิงหลับในช่วงสองทุ่ม ซึ่งเป็นเวลานอนปกติของท่าน เธอก็ออกจากห้องนั้นมา ด้วยสีหน้าเหมือนคนมีความหนักอกหนักใจเสียเต็มประดา “อะ...” ในที่สุด เธอก็ได้พบกับคนที่ทำให้เธอเซ็งทั้งวันจนได้ เขาจอดรถเข็นรออยู่หน้าห้องนอนมารดา สีหน้าเข้มขรึมเย็นชา จ้องมองจ้องเธอด้วยสายตารู้สึกผิด“เธอกลับมาขอคืนดีกับผม”“อ้อ...” ทำไมเธอใจแป้ว แต่ก็ต้องฝืนยิ้มอย่างยินดีให้แก่เขา “ดีใจด้วยนะคะ สงสัยฉันคงไม่ต้อง...”“ขอโทษด้วย แต่คุณช่วยลืมทุกอย่างวันนี้ไปได้มั้ย”เธออึ้งไปเลย ไม่คิดว่าจะโดนเทรวดเร็วขนาดนี้“อะ...อืม...ค่ะ...คุณ...”เขาพูดแค่นั้น ก่อนจะหันหลังให้เธอ แล้วรถเข็นก็พาเขาห่างจากเธอไปจนสุดทาง เขากลับเข้าห้องนอนใหญ่ทางปีกซ้ายของคฤหาสน์ ส่
เธอโค้งอย่างนอบน้อมให้เจ้านายทั้งคู่ ก่อนจะหันหลัง เตรียมเปิดประตู แล้วเผ่น...“คนนี้เหรอครับพยาบาลคนใหม่ของคุณแม่”เขาเอ่ยถามมารดาเสียงนุ่มหู ขณะหยิบถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม สีหน้าเข้มขรึมเรียบเฉยดูไว้ตัวของเขาทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้ชอบกล ลูกชายคนโตเหมือนแม่ก็ตรงที่เจ้าระเบียบ เนี๊ยบระดับพระกาฬ เขาเป็นประเภทเน้นตรรกะ แต่ไม่เน้นความรู้สึก นิยมเหตุผล มากกว่าอารมณ์หรือเซ้นต์ ชีวิตของเขาจึงเต็มไปด้วยเหตุผลจนน่าเบื่อ“ใช่ ยัยนี่แหละ ทำแม่ปวดหัวทุกวัน ดูอย่างวันนี้สิ ขนดอกไม้มาเต็มห้อง ทำอย่างกับห้องแม่เป็นร้านขายดอกไม้”ก็สวยดี...เขาแอบยิ้ม...สวยทั้งดอกไม้ และก็คนนั้นล่ะ สวยสะดุดตา สะดุดอารมณ์ องค์ประกอบบนใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราแทบหาจุดติไม่ได้ หวานล้ำลึกซึ้งทรงเสน่ห์อย่างสาวไทยหรือนางในวรรณคดีก็ไม่ผิด โดยเฉพาะเมื่อเจ้าหล่อนถลึงตาโตเท่าไข่ห่าน แล้วหันกลับมามองคุณหญิงเจ้าขาของบ่าวด้วยสีหน้างอนง้ำเหมือนม้าหมากรุก“ท่าทางกะโหลกกะลายังกะลิง” คุณหญิงด่าทอยังไม่พอ แถมด้วยการเปรียบเปรยที่ทำให้เธอดูน่ารังเกียจเข้าไปอีก “แต่งหน้าทำผม ใส่ชุดเหมือนคนบ้า ไม่เห็นจะเหมือนพยาบาลเลยสักนิดเดียว อย่างกับแก้วหน้าม
เมื่อเช้านี่เอง ที่คุณธารเทพเข้าพิธีวิวาห์กับเจ้าสาวลูกผู้ดีจากตระกูลใหญ่ โดยได้เธอช่วยขัดเนื้อถูตัวและสวมชุดเจ้าบ่าวให้จนหล่อเหลาไร้ที่ติ“ยังไงคุณก็คือเมียสุดที่รักของผมนะ คนเดียวเท่านั้น”เขาให้คำสัญญาต่อเธอ...“ไม่ต้องห่วงทิพย์หรอกน่า ทิพย์ชอบอยู่ในที่ของทิพย์แบบนี้...สนุกดีจะตาย”“งั้นก่อนออกไปที่โบสถ์...จัดชุดใหญ่หน่อยดีมั้ย”“ก็ได้ค่ะ แต่คราวนี้ ทิพย์ขอเป็นนายหญิงนะคะ”“โอว...พักหลังนี่ เป็นนายหญิงบ่อยไปแล้วนะ”“ก็ทิพย์ชอบหวดคุณนี่ เวลาคุณร้องลั่น เร้าใจสุดๆ”ทุกวันนี้....เธอรู้สึกมีความสุขดี ในฐานะเมียเก็บของคุณชายใหญ่ และคุณชายเล็กของบ้าน !!!ใช่แล้วล่ะ เธอเป็นเมียของทั้งคู่ ทั้งคุณปิงและคุณน่านนั่นล่ะ ส่วนคุณวังกับคุณยมนั้นเลิกเด็ดขาดไปตั้งแต่ก่อนเข้าห้องคุณปิง แม้ทั้งคู่จะเทียวไล้เทียวขื่ออยู่บ่อย แต่เธอก็ไม่ยอมใจอ่อน เพราะเกรงใจผัวทั้งสองคน‘หญิงสองผัว แต่ไม่มั่วนะคะ!’แรกทีเดียวคุณชายใหญ่ไม่ยินยอมให้เธอดูแลคุณชายเล็กด้วย เพราะอารมณ์หึงหวงห่วงก้าง แต่พอเธอยื่นคำขาดว่าจะไปจากบ้านหลังนี้ เขาก็ยินดีแบ่งเธอให้น้องชายอย่างมีระบบระเบียบ กลางวันเป็นของคุณน่าน ส่วนกลางคืนเป็นของเข
“อ่า...นายทาสขา...อูววว” เนื้อกายอ่อนนุ่มร้อนผ่าวไปหมดยามโดนลูบไล้ด้วยบางสิ่งที่แสนอ่อนนุ่ม เธอไม่แน่ใจนักว่าเป็นอะไรกันแน่ อาจเป็นขนนกหรือแส้หางม้า สุดแต่จะคาดเดาได้“อูย...อือ...นายทาส...ซี๊ดส์” หน้าอกทั้งสองข้างของเธอถูกปรนเปรอจนเธอเสียวสยิวตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกขนลุกขนชันจนกายสั่นสะท้านหวิว “โอ๊วววว....”เธอทั้งตื่นเต้นทั้งลุ้นจนแทบอยู่ไม่ติด ด้วยไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเขาจะทำอะไรต่อ“เรียกฉันอีกซี”“นายทาส...อะ...อู๊วส์...ซี๊ดส์” เขายัดบางอย่างที่สั่นได้เข้ามาในรูสาวของเธอ แล้วปล่อยให้มันเล่นงานเธอไปตามใจชอบของมัน ซึ่งมันทำให้เธอเสียวรูสาวจนแทบคลั่ง “โอ๊ย...นายทาสขา...ข้า...ข้าเสียว”“ดีมาก ร้องให้สุดเสียงนะ”“โอ๊ย!” เธอร้องลั่นด้วยความเจ็บ กรีดร้องสุดเสียงอย่างที่เขาต้องการ พลางแอ่นอกดิ้นส่ายท่อนล่างระริก ยามโดนน้ำตาเทียนสาดลงมาตามเนื้อตัวไม่ขาดสาย “โอ๊ย! โอ๊ย! โอ๊ย! โอ๊ย! นายทาสขา...”“ร้องดัง ๆ ซี ร้องดัง ๆ” ใบหน้าคร้ามแสนหล่อจ้องมองทาสสาวของเขาด้วยสายตากระหายอยาก เรือนกายงดงามที่กำลังดิ้นส่ายตรงหน้าทำให้ความต้องการของเขาแทบทะลักทะลาย สัณชาติญาณดิบพลุ่งพล่านเดือดดาลไปในทุ
“ไม่ โดนครั้งเดียวก็เผ่นแนบกันทั้งนั้น เลขาฉันต้องเอาเงินตามอุดปากพวกนั้น ไม่งั้นฉันคงกลายเป็นไอ้โรคจิตลงหน้าหนึ่ง เสียชื่อวงศ์ตระกูลแย่ ช่วงหลังมานี้ ฉันก็เลยเพลาๆลง กระทั่งเจอเธอนี่ไง” เขาพูดจบก็จูบไซ้ซอกคอเธออย่างกระหาย มือไม้ป่ายปีนขึ้นจับทรวงอกแล้วบีบขยำอย่างรุนแรงเร่าร้อน ลมหายใจสะท้านดังลั่นไปทั้งห้อง“แล้วมีใครรู้เรื่องนี้อีกบ้างคะ นอกจากเลขาของคุณ”“ไม่มีแล้ว ก็มีแต่เธอนี่แหละ”“อืม...”“เรามาลองกันมั้ย”“แต่มันจะเจ็บมั้ยคะ”“ครั้งแรกฉันจะอ่อนหวานกับเธอแล้วกัน พอเธอเก่งขึ้นแล้ว เราก็ค่อยเพิ่มระดับความแรงขึ้น ดีมั้ย” ชายหนุ่มมองเธอออกตั้งแต่แรกเลยหรือ...มันคงเหมือนการมองเห็นตัวเองสินะ เพราะตัวเขาเองก็นิยมความรุนแรงเหมือนกันเธอยังไม่รู้จักตัวเองมากถึงขั้นบอกว่าได้เธอชอบมันในระดับไหน เพราะยังไม่เคยลองเลยสักครั้ง เธอก็เพียงทำกับตัวเองด้วยเทียนไขเท่านั้นความร้อนจากน้ำตาเทียนทำให้เธอรู้สึกมีความสุข ทุกครั้งที่มันหยดลงบนเนื้อกายของเธอ ทุกครั้งที่มันไหลตกกระทบบนเนินอกหรือโหนกอูม ความเจ็บปวดเป็นของหวานสำหรับเธอเสมอมา“คุณปิง...”เขาพลิกร่างเธอให้กลับมาเผชิญหน้ากับเขา ช้อนปลายคางละ
“คุณวังน่ะเหรอคะ” เธอแสร้งทำเป็นคิด “เธอใช้นิ้วเก่งค่ะ เธอทำให้ทิพย์เสร็จตั้งหลายรอบ”ธารเทพขยับกายออกห่างเธอไปสามสี่ก้าว สายตาของเขาบ่งบอกว่าขยะแขยงเธอชะมัด“หมายความว่าฉันต้องรับเศษเดนจากไอ้พวกนั้นใช่มั้ย”ใช่...นี่คือสิ่งที่เธออยากจะบอกเขา หลังจากนอนคิด นั่งคิด ยืนคิดและตัดสินใจอยู่นาน เธอก็ได้คำตอบสำหรับชีวิตที่สวยงามในแบบของเธอ ก่อนจะเดินขึ้นมาที่ชั้นสามแล้วเคาะประตูห้องของเขาตามคำสั่งของผู้เป็นนาย“ทิพย์ก็แค่อยากบอกให้คุณรู้ว่า...ทิพย์ไม่ได้มีค่าพอสำหรับในฐานะเมียของคุณ ไม่ว่าจะเมียเก็บ หรือเมียบ่าว อย่างดีทิพย์ก็คงเป็นได้แค่นางบำเรอ”หญิงสาวเปลี่ยนจากท่าทางยั่วยวนเป็นท่าทางปกติธรรมดา ซึ่งอย่างไรเสียก็ยังไม่ปกติอยู่ดี เพราะชุดที่ล่อแหลมไร้กำลังความสามารถจะปกป้องของสงวนเธอได้ มันนำสายตาเขาไปทุกวินาทีเลยล่ะ “อีกอย่าง คุณเป็นถึงผู้ปกครองบ้านนี้ ทิพย์ไม่อยากให้คุณโดนใครหยามหยันหรือหัวเราะเยาะเพราะเรื่องนี้ อย่างน้อยก็น้องๆของคุณ”เขานิ่งฟัง อย่างใช้ความคิด “แล้วไงต่อ”“ทิพย์จะขอให้คุณชายใหญ่ปฏิเสธรับทิพย์เป็นเมีย ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่เถอะค่ะ ถ้าคุณชายใหญ่ปฏิเสธเสียเอง คุณหญิงจะไ
ทิพย์อัปสรยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ด้วยชุดนอนฉลุลายลูกไม้แบบซีทรู ที่ปิดคลุมกายสวยตั้งแต่หน้าอกจนถึงตาตุ่ม หากแต่มองเห็นสรีระภายในและของสงวนทั้งช่วงบนและช่วงล่างได้ชัดเต็มสองตา“คุณหญิงให้ทิพย์มาดูแลคุณชายใหญ่ค่ะ”เขานิ่งอึ้งกับความงามตรงหน้าไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักรับความ พร้อมหลีกทางให้สาวเจ้าเข้ามาด้านใน สาวเนื้อหอมละมุนใจเดินผ่านหน้าเขาไปอย่างเนิบช้า ย่ำเหยียบบนพื้นกระเบื้องราคาแพงเย็นเฉียบอย่างสำรวจ “เธอนี่เชื่องเหลือเกินนะทิพย์อัปสร คุณแม่ให้ทำอะไรก็ทำหมดเลยเหรอ”เขาแสร้งว่ากล่าวดูถูก เพื่อให้เธอเจ็บใจเล่น หรือเพื่อเรียกร้องความสนใจก็ไม่รู้ อย่าคิดว่าเธอมองไม่ออกนะ ว่าเขาคิดอะไรอยู่ บางสิ่งในกายเขามันฟ้อง กำลังขู่ฝ่าเป็นงูจงอางเลยล่ะเธอไม่จำเป็นต้องก้มมองต่ำให้เสียเวลา เพราะดูเหมือนเขาจะแข็งโป๊กเป็นท่อนไม้ก่อนเธอจะมาถึงเสียอีก! “คุณชายใหญ่ก็เหมือนกัน คุณท่านให้ทำอะไร คุณชายใหญ่ก็ไม่เคยขัดเลยสักครั้ง”เธอตั้งใจพูดจี้ใจดำเขา“งั้นเราก็เหมือนกันสิ”“ไม่เหมือนหรอกค่ะ ไม่เหมือนสักนิดเดียว”“ไม่เหมือนตรงไหน”เขาเดินตามหลังเธอมาจนถึงปลายเตียงนอนขนาดคิงไซส์กลางห้อง เธอหยุดเดิน เขาจึงหยุ
“อะ...ทิพย์” พอเขาเห็นเธอเดินมาถึง เขาก็ส่งสัญญานบอกให้เธอเดินตามเขาไปที่ระเบียงด้านหลังของตึก ซึ่งค่อนข้างลับตาคน“ฟังผมนะทิพย์ ฟังให้ดี ผมจะไม่บอกคุณหรอกนะทิพย์ ว่าคุณควรทำหรือไม่ควรทำอะไร แต่ผมอยากให้คุณเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง”เธอยิ้มให้เขาอย่างเคารพรัก คว้ามืออบอุ่นมาจับแน่น ส่งความรู้สึกขอบคุณถึงเขาคนนี้ “คุณวังน่ารักเหลือเกินค่ะ หากเป็นไปได้ ทิพย์อยากอยู่กับคุณวังที่สุด อยากดูแลคุณวังในฐานะอะไรก็ได้ แต่คุณวังคงไม่อยากทรยศคนที่คุณวังรัก”“ไม่หรอก เพราะถึงยังไงผมก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่คุณแม่เลือกไว้อยู่ดี” เขาว่าพลางมองเธอตาหวานซึ้ง “แต่ผมก็อยากให้คุณได้แต่งงานกับผู้ชายสักคนที่พร้อมจะรักและดูแลคุณนะ ไม่ใช่ต้องมาเป็นเมียเก็บเขาแบบนี้ คุณน่ารักมากพอจะมีใครสักคนดูแลในฐานะเมียแต่ง ทิพย์! คิดให้ดีคิดให้หนัก อย่าไปทำตามใจคุณแม่มากนัก คุณแม่แค่อยากให้ทิพย์อยู่กับท่านที่นี่ ไม่มีวันจากไปไหนอีกแล้ว ท่านก็เลยรั้งทิพย์ไว้ด้วยวิธีนี้”“คุณวังขา...ไม่ใช่ว่าทิพย์ไม่รู้นะคะ ทิพย์รู้ดีว่าคุณหญิงท่านคิดอะไรอยู่ แต่ที่ทิพย์ไม่ขัด ก็เพราะว่าทิพย์เองก็อยากอยู่บ้านหลังนี้ ทิพย์อยากอยู
แต่ดูเหมือนธารสุรีย์จะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องสมุดไปแล้ว แถมยังแสดงท่าทีรังเกียจเธอจนออกนอกหน้า ดังนั้น ไม่มีเหตุผลใดที่เธอต้องห่วงหาอาทรเขาอีก เธอควรจะตัดใจจากเขาเสียที แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะเมียบ่าวของคุณชายใหญ่แห่งบ้านพิริยะวัฒน์“ใช่แล้วค่ะ ในที่สุด ความฝันของทิพย์ก็เป็นจริง ทิพย์สัญญาค่ะว่าจะทำหน้าที่เมียบ่าวของคุณธารเทพไม่ให้ขาดตกบกพร่อง จะทำให้คุณธารเทพอยู่ติดบ้านจนแทบไม่อยากออกไปไหนเลย!”“เธอทำได้อยู่แล้ว อย่าว่าแต่พี่ชายใหญ่เลย พี่วัง พี่ยม! สองคนนั้นจะเป็นบ้าเพราะเธออยู่แล้ว!!”“เหลือแค่คุณคนเดียวที่ไม่...”ธารสุรีย์ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ใช่!”เธอรู้สึกเสียใจ แต่ไม่เสียดายอีกแล้ว...“โอเคค่ะ งั้นลานะคะ” เธอหันหลัง...“เดี๋ยว!”ในที่สุด เขาก็รั้งเธอไว้“ไอ้พี่ยมใช่มั้ย ที่ได้เวอร์จิ้นเธอไป”เธอไม่อยากจะเชื่อ เขายังห่วงเรื่องนี้อยู่เหรอ“เปล่าค่ะ”“งั้นพี่วัง”“เปล่า ยังไม่มีใครได้ไปทั้งนั้นล่ะค่ะ”“ว่าไงนะ เป็นไปไม่ได้”“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้คะ ในเมื่อกับคุณก็ยังไม่ได้เลย ฉันเคยคิดจะเก็บไว้ให้คุณนะ แต่ดูเหมือนคุณจะไม่สนใจเลย เพราะงั้น ฉันจะยกมันให้กับคนที่คู่ควร ฉันจ
คุณหญิงบัวระวงค์ไม่ใช่คนโง่เขลา ทำไมจึงดูไม่ออกว่าเหล่าลูกชายคิดอย่างไรกับพยาบาลส่วนตัวของเธอ แต่การที่เธอหมายยกหญิงสาวให้ลูกชายคนโต นั่นเป็นเพราะเขาเป็นผู้ปกครองบ้านนี้คนต่อไป“เอ่อ...คุณธารเทพเธอรู้เรื่องที่คุณหญิงคิดอุตริรึยังคะ”“นี่หล่อน! ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นหล่อนนะ”“ขอโทษค่ะ”“ฉันเกริ่นไปแล้วเมื่อเย็นวาน”“หา? แล้วคุณธารเทพเธอว่าไงคะ”“ยังไม่พูดอะไร แต่ฉันมองออกว่าน่าจะตกลง เธอเตรียมตัวไว้แล้วกัน เมื่อไหร่ที่ลูกชายฉันเรียกตัวไป เธอจะได้พร้อมรับใช้เขา”นี่เธอฝันไปรึเปล่าเนี่ย...เธอต้องฝันไปแน่ๆเลย...ตื่นได้แล้วทิพย์อัปปสร...ตื่นเดี๋ยวนี้ !!!ที่ห้องรับประทานอาหารสุดหรูหราบนชั้นสองของคฤหาสน์...วันนี้ สี่พี่น้องนั่งรับประทานอาหารเย็นร่วมกันเป็นครั้งแรกในรอบเดือน ด้วยบรรยากาศอึมครึมเล็กๆ อย่างรู้สึกได้ทุกคนกินอาหาร คุยเรื่องงาน เล่าเรื่องสัพเพเหระทั่วไป แต่เลี่ยงที่จะพูดเรื่องผู้หญิง โดยเฉพาะเรื่องพยาบาลส่วนตัวของมารดา‘ทิพย์อัปสร’ หญิงสาวที่มารดาไว้วางใจให้เป็นคนดูแลพี่ชายใหญ่ของบ้านในฐานะเมียบ่าว ซึ่งนำความไม่พอใจมายังชายหนุ่มอีกสามอย่างทั่วถึงกัน แต่ทั้งสามเก็บงำซ่อนความไม่พอ
“ต่อไปถ้าแต่งงานกันไปหมด ก็คงลืมฉันกันหมดสิ้น คงไม่มาให้เห็นหน้าหรอก คงเหลือแต่เจ้าน่านกระมัง เพราะตัวมันก็คงจะไปไหนได้ไม่ไกลนัก แต่ได้ข่าวจากพ่อปิงว่าผู้หญิงกลับมาง้อขอคืนดี หากผู้หญิงคนนั้นมาจากสกุลดีสักหน่อย ฉันก็อยากให้ตบแต่งกันไปซะ เจ้าน่านจะได้มีคนดูแล”ความคิดของคุณหญิงทำให้เธอชะงัก...“แล้วถ้าเธอไม่ได้มาจากสกุลดีล่ะคะ”“หากไม่ใช่สกุลดี แต่เป็นพวกพ่อค้านักธุรกิจ มีความมั่นคงทางการเงิน ฉันก็อาจจะอนุโลมให้ เพราะอย่างไรเสีย เจ้าน่านก็ไม่ได้ครบองค์สมประกอบเหมือนพี่ ๆ สามคน”ได้ยินความคิดอ่านของคุณหญิงแล้วก็ทำให้เธอยิ่งเห็นความเป็นไปได้ยากระหว่างเธอกับเหล่าลูกชายของท่าน ไม่ว่าจะเป็นคนไหน เธอก็ไม่มีสิทธิ์ทั้งนั้น แม้แต่คุณน่านที่พิการไร้ขาข้างซ้าย“คุณหญิงเจ้าขาคงมีสะใภ้ไว้ในใจแล้วสินะคะ สำหรับคุณๆทั้งสาม”“ใช่...พ่อปิงนั้นมีคู่หมายที่สมราคาแล้ว อีกไม่นาน ฉันจะจัดการเรื่องตบแต่งให้เสร็จสิ้นเรียบร้อย ส่วนเจ้าวังกับเจ้ายม ฉันเล็งลูกสาวของเพื่อนผู้ดีของฉันไว้ สองสาวเป็นพี่น้องคลานตามกันมา สวยงามและสมกุลสตรีทั้งคู่ การศึกษาก็ดีเยี่ยม จบจากเมืองนอกเมืองนา”แต่คุณธารวรามีคนรักอยู่แล้วนี่นา