งานประมูลประจำปีในเจียงเฉิงเป็นงานที่คุณพ่อมาที่นี่กับฉัน วันนี้ไม่ว่าจะเป็นสำหรับฉันหรือต่อคุณพ่อ ก็ถือเป็นวันสำคัญมากวันหนึ่ง เพราะสิ่งของที่แม่ฉันทิ้งเอาไว้ก็อยู่ในการประมูลครั้งนี้ เจ้าของงานประมูลเป็นคนรู้จักเก่าแก่ของคุณพ่อ พวกเขาเลยจัดให้เราได้นั่งแถวหน้า ผ่านไปไม่นานนัก ฉันก็เห็นสร้อยคอที่ทำจากอัญมณีสีแดงของแม่ถูกนำออกมา "ห้าล้าน!" ฉันเริ่มประมูลในราคาที่สูงทันที "ยี่สิบล้าน!" ผ่านไปไม่กี่วินาทีก็มีคนออกประมูลตามมา ราคาพุ่งขึ้นไปหลายเท่า เสียงนั้นฟังดูคุ้นหู ฉันหันไปมอง ก็พบว่าเป็นผู้ช่วยของลี่สุยอาน เขาก็มองเห็นฉันเช่นกัน เขาหลบสายตา ก่อนจะรีบเบือนหน้าหลบไป ผู้ช่วยจะมีเงินถึงยี่สิบห้าล้านได้อย่างไร ลี่สุยอานเป็นคนจ่ายให้เขาแน่นอน เมื่อเห็นท่าทางของเขา ฉันก็เข้าใจได้ทันทีว่าสร้อยคอผู้หญิงแบบนี้ถูกประมูลไปให้ใคร ผู้หญิงที่ชื่อซูจิ่นเยว่ ตอนนี้เป็นคนที่ลี่สุยอานรักอย่างสุดหัวใจ
“นั่นมันผู้ช่วยของลี่สุยอานเหรอ?” พ่อของฉันจำเขาได้ “เขากำลังช่วยลูกประมูลอยู่เหรอ? ลูกไม่ได้บอกเขามาก่อนเหรอว่าวันนี้ลูกก็มาที่นี่?” ฉันส่ายหัว ครั้งสุดท้ายที่ลี่สุยอานกลับมาบ้าน ก็ผ่านมาแล้วกว่าหนึ่งเดือน ฉันกับลี่สุยอานไม่ได้พูดคุยกันนานแล้ว และแม้ว่าฉันจะบอกเขา เขาก็คงไม่สนใจ เมื่อเห็นสีหน้าของฉัน พ่อก็รู้ในทันทีว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้น จากนั้นจึงยกป้ายขึ้น “สามสิบล้าน” “ห้าสิบล้าน” ทางนั้นก็ไม่ลังเลที่จะยกป้ายขึ้นอีกเช่นกัน “หกสิบห้าล้าน” “ร้อยสิบห้าล้าน!” พ่อของฉันมือสั่นนิดหน่อย เหมือนกำลังจะนึกอะไรออก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ยกป้ายขึ้น และวางลงมาบนเข่าของเขาตามเดิม บ้านเราเป็นเพียงแค่บริษัทเล็กๆ ไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น “ปัง ปัง ปัง” ในที่สุดก็สิ้นสุดการประมูล ฉันกับพ่อมองดูสิ่งของที่เป็นสมบัติของแม่ถูกเก็บกลับใส่กล่องแล้วนำลงไป สำหรับการประมูลที่เหลือ เราสองคนก็ไม่มีสมาธิอีกต่อไป เมื่อการประมูลสิ้นสุดลง ฉันก็รีบลุกขึ้นทันทีแล้วเดินไปหาผู้ช่วยของลี่สุยอาน “ผู้ช่วยเฉิน!” ฉันเรียกเขา ผู้ช่วยเฉินหยุดเดินแล้วหันมามองฉัน “ทำไมค
ชั้นบนคือห้องของ VIP ที่มีเฉพาะคนที่มีเงินและฐานะเพียงพอเท่านั้นถึงจะขึ้นไปได้ ฉันในฐานะคุณนายลี่กลับไม่มีสิทธิ์ แต่ซูจิ่นเยว่กลับทำได้ ซูจิ่นเยว่เดินเข้ามาหาฉัน แววตาของเธอเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาที่เสแสร้ง “พี่ลี่เขารู้ว่าฉันชอบสร้อยคอทับทิม แต่เขาติดงานอยู่ต่างเมืองกลับมาไม่ทัน เลยให้ผู้ช่วยเฉินมาช่วยฉันประมูลน่ะค่ะ” ซูจิ่นเยว่ยิ้มพลางขยับตาไปที่มุมหนึ่ง “แต่ไม่คิดว่าคุณหลินก็ชอบสร้อยคอเส้นนี้เหมือนกัน” ฉันมองซูจิ่นเยว่ด้วยสายตาที่เย็นชา "เธอควรจะเรียกฉันว่าคุณนายลี่สิ" ซูจิ่นเยว่แสร้งทำท่าปิดปากน่ารักๆ อย่างจงใจ แต่ใบหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน "แต่คุณนายลี่ก็กำลังจะหย่าอยู่แล้วหนิคะ รีบเรียกตอนนี้ไปก่อนก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้งคะ" เธอเป็นเพียงแค่พนักงานเล็กๆ ของกลุ่มบริษัทลี่ แต่กลับไม่เกรงกลัวฉันเลยสักนิด เพราะเธอรู้ดีว่าฉันที่เป็นคุณนายลี่ในตอนนี้มันก็แค่ภาพลวงตาเท่านั้น ตำแหน่งนี้ในไม่ช้าก็จะเป็นของเธอ "ผู้ช่วยเฉิน ทำไมยังไม่รีบไปเอาสร้อยคอมาอีก" ซูจิ่นเยว่หันไปสั่งผู้ช่วยเฉิน "พี่ลี่บอกฉันเมื่อกี้ว่าเพิ่งลงจากเครื่อง เดี๋ยวเขาก็จะมารับฉันแล้ว เขาต้องอยากเห็น
"พี่ลี่คะ ฉันลำบากยากเย็นกว่าจะประมูลสร้อยมาได้ แต่เธอกลับบอกว่าอยากได้สร้อยเส้นนี้เหมือนกัน แถมยังบอกให้ฉันเอาไปให้เธออีก" ซูจิ่นเยว่พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "พี่ลี่คะ จะทำไงดี" "นี่เป็นสร้อยของแม่ฉัน" ฉันจ้องไปที่ลี่สุยอาน เขาคบกับฉันมา 15 ปี เขารู้ดีว่าตอนที่แม่ฉันเสียชีวิต ฉันเจ็บปวดมากแค่ไหน แม่ไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้ฉันเลยนอกจากสร้อยเส้นนี้ที่ตกอยู่ในสถานที่เกิดอุบัติเหตุ แล้วมีคนเก็บมาได้ในภายหลัง นี่คือสิ่งที่ฉันและพ่อใช้แทนความทรงจำของแม่ ฉันเห็นแววตาของลี่สุยอานหดเล็กลง แต่ทันใดนั้น เขากลับโอบไหล่ของซูจิ่นเยว่เบาๆ แล้วกล่าวกับฉันอย่างเย็นชา “ถ้ามันสำคัญขนาดนั้น ทำไมเธอไม่ประมูลมันซะเองล่ะ?” ฉันมองไปที่มือของเขาที่วางอยู่บนไหล่ของซูจิ่นเยว่ รอยแหวนที่นิ้วนางยังคงอยู่ แต่ก็จางลงไปมากแล้ว “ฉันไม่มีเงินขนาดนั้น” “นั่นมันคือปัญหาของเธอเอง” ลี่สุยอานกล่าวพลางจ้องมาที่ฉัน “ถ้าเธอตกลงที่จะหย่ากับฉันให้เร็วกว่านี้ เงินชดเชยที่ฉันจะให้ก็คงพอซื้อสร้อยทับทิมเส้นนี้ได้แล้ว” คำพูดของเขาราวกับมีดแหลมคมเล่มหนึ่งที่ปักลึกลงกลางใจฉันอย่างแรง “งั้นที่คุณช่วยซูจิ่นเยว่ประมูลสร้อยเ
ในวันนั้น ฉันก็ยังไม่ได้สร้อยคอคืนจากซูจิ่นเยว่ เมื่อกลับถึงบ้าน ความคิดในหัวของฉันก็ยังคงวนเวียนอยู่กับคำถามสุดท้ายที่ลี่สุยอานถาม ฉันนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเหม่อลอย มองดูโต๊ะกาแฟและภาพที่แขวนอยู่ในห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันและลี่สุยอานตกแต่งมันเองด้วยกัน เราเคยมีความฝันถึงอนาคตที่สดใสด้วยกัน แล้วทำไมเขาถึงได้ไปรักกับคนอื่นได้เร็วขนาดนี้? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ถึงแม้ว่าลี่สุยอานจะพาซูจิ่นเยว่ไปเดินเฉิดฉายต่อหน้าคนที่รู้จักเราทุกคน และทุกคนก็รู้ว่าเขามีคนรักใหม่แล้ว แต่ฉันก็ยังไม่ยอมหย่ากับเขา ฉันไม่อยากยอมรับมันเลย! ฉันมองไปที่โต๊ะซึ่งมีรูปถ่ายของเราวางอยู่ ภาพนั้นทำให้ฉันนึกถึงช่วงเวลาที่เราเพิ่งเริ่มคบกันใหม่ๆ ฉันกับเขาเจอกันตอนเรียนมัธยมปลาย ตอนนั้นฉันเป็นคนเรียนเก่งและมีระเบียบ แต่เขากลับเป็นเด็กซนที่นั่งอยู่หลังห้อง ที่เอาแต่คอยดึงเปียของฉันอยู่ตลอด พอฉันหันไปมองเขาด้วยความโมโห เขาก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ฉัน “หลินชวง ฉันชอบเธอ เธออยากลองคบกับฉันดูไหม?” ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ตื่นแต่เช้าแล้วมารอที่หน้าบ้านของฉัน เพื่อไปโรงเรียนด้วยกันทุกวัน ไม่นานนัก พ่อแม่ของฉ
ตอนปีสุดท้ายของมัธยมปลาย แม่ของฉันเกิดประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และเสียชีวิตอย่างกระทันหัน รถเกิดระเบิด ทำให้ไม่มีซากศพที่สมบูรณ์หลงเหลืออยู่เลย พ่อของฉันเปลี่ยนไปในทันที เขาดูแก่ลงในชั่วข้ามคืน และธุรกิจของครอบครัวเราก็ซบเซาลงอย่างรวดเร็ว ฉันร้องไห้จนไม่สามารถไปโรงเรียนได้ สุดท้ายฉันก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า ในช่วงเวลานั้น ลี่สุยอานก็ลาเรียนเพื่อมาอยู่เคียงข้างฉัน “หลินชวง อย่าเสียใจไปเลยนะ เธอยังมีพ่ออยู่ แล้วก็ยังมีฉันอยู่ด้วย” เขาลูบหัวฉันเบาๆ แล้วโอบกอดฉันอย่างอ่อนโยน เพราะการมีเขาคอยอยู่เคียงข้าง ทำให้ฉันค่อยๆ ดีขึ้น และสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สำเร็จ แต่ผลกระทบจากเหตุการณ์นั้นทำให้ฉันไม่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่หวังไว้ ลี่สุยอานยอมสละโอกาสที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ดีกว่า เพราะต้องการอยู่ใกล้ฉัน แล้วเลือกเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยอื่นที่อยู่ในเมืองเดียวกันกับฉัน ฉันบอกเขาว่านี่มันไม่ฉลาดเลย แต่เขากลับยิ้มและจับมือฉันไว้ “ถ้าเราสองคนอยู่ไกลกัน แล้วถ้าเกิดมีหนุ่มคนอื่นในมหาวิทยาลัยมาชอบเธอเข้า ฉันจะทำยังไงล่ะ?” นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาพูดคำที่มีนัยแอบ
หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ฉันและลี่สุยอานก็ได้แต่งงานกัน ในปีแรกหลังจากแต่งงาน เราก็ต้องเผชิญกับการระบาดของไวรัสครั้งใหญ่ เขาออกไปทำงานต่างเมือง ฉันเลยต้องอยู่ที่บ้านคนเดียว และไม่สามารถหายาเองได้ ดูรายงานในมือถือก็บอกว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวมาก แต่แล้วในคืนหนึ่ง ฉันก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ทำให้ฉันรู้สึกประหม่า จึงมองผ่านลูกบิดประตู แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นลี่สุยอาน เขาหายใจแรงเมื่อยืนอยู่ที่ประตู เหมือนกับว่ามาในเวลาที่เหมาะเจาะพอดี “ทำไมกลับมาแล้วล่ะ?” ฉันจำได้ว่าเมื่อช่วงบ่าย เขายังอยู่ไกลกว่าหลายร้อยกิโลเมตร “ผมขับรถกลับมา” เขายังหายใจแรงอยู่แม้จะมีหน้ากากหนาๆ “คุณอย่าเพิ่งออกมา” เขาหยิบกล่องยาจากอกเสื้อแล้ววางไว้ที่หน้าประตู “รอให้ผมไปก่อน แล้วอย่าลืมออกมารับยานะ” “แล้วคุณจะไปไหน?” ฉันรู้สึกงงงวย กลับมาแล้ว แล้วทำไมไม่อยู่ที่นี่ล่ะ? “ผมยังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ” เขาพูดกับฉันแล้วรีบออกไป ต่อมา ฉันถึงรู้ว่าวันนั้นเขาเป็นไข้สูง แต่กลับขับรถติดต่อกันถึงห้าชั่วโมงเพื่อนำยามาให้ฉัน แม้ว่าเขาจะสามารถให้คนอื่นส่งยามาให้ฉันได้ แต่เข
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันรู้ว่าเขาเริ่มแชร์เรื่องราวในชีวิตประจำวันกับซูจิ่นเยว่ ฉันก็รู้สึกระแวงขึ้นมาทันที ผู้ชายที่เริ่มแชร์เรื่องราวในชีวิตประจำวันกับผู้หญิงคนหนึ่ง มักจะแสดงว่าเขาสนใจผู้หญิงคนนั้น แต่ตอนนั้น ฉันก็เพียงแค่เตือนเขาเบาๆ เท่านั้น เขาบอกฉันว่าระหว่างเขากับเธอไม่ได้มีอะไร แต่เมื่อฉันกลับไปดูประวัติการสนทนาของเขา ฉันเห็นว่าพวกเขาแชร์ว่ากินอาหารเช้า อาหารกลางวัน และอาหารเย็นอะไรบ้าง พวกเขายังแชร์ภาพดอกไม้ นก ปลา และแมลงที่เห็นในวันนี้ รวมทั้งเพลงเพราะๆ ที่ได้ฟัง แต่ในขณะนั้น ข้อความล่าสุดในแชทที่ฉันปักหมุดไว้กลับเป็นเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว จนกระทั่งวันเกิดของฉัน เขาได้รับข้อความจากซูจิ่นเยว่ว่า “คุณลี่ค่ะ ผู้จัดการให้ฉันไปรับคุณโจวและไปดื่มกับเขา ฉันกลัว...” เพียงข้อความสั้นๆ เท่านั้น เขาก็ทิ้งฉันที่เพิ่งจุดเทียนวันเกิดไว้แล้วรีบไปที่โรงแรมทันที คืนวันนั้น จนกระทั่งเทียนดับลงและน้ำตาเทียนไหลท่วมเค้กจนหมด เขาก็ยังไม่กลับมา เขากลับมาในวันถัดมา เสื้อเชิ้ตของเขาก็เต็มไปด้วยรอยลิปสติก และรอยขีดข่วนที่คอ เขาคุกเข่าต่อหน้าฉันและพูดคำว่าขอโทษ “เธอถูกผู้ชายเลวๆ คน
วันนั้นฉันชวนเขาไปทานข้าว และได้รู้จักชื่อของเขาคือ เจียงซือเหวิน เราแลกเบอร์โทรศัพท์กันและสนิทสนมกันมากขึ้น ฉันรู้สึกว่าเราเข้ากันได้ดี ความคิดและความสนใจก็คล้ายๆกัน และที่น่าประหลาดใจคือ ในอีกหนึ่งเดือนต่อมาเพื่อนข้างบ้านก็มาหาพ่อของฉันเพื่อแนะนำคนให้ฉันไปออกเดตด้วย ซึ่งก็คือเขานั่นเอง หกเดือนต่อมา เราก็แต่งงานกัน ในวันแต่งงาน เจียงซือเหวินกลัวว่าฉันจะรู้สึกเหนื่อยจากการใส่ส้นสูง จึงให้ฉันนั่งพักในห้องแต่งตัว ขณะที่เขาออกไปต้อนรับแขก ทันใดนั้น ลี่สุยอานก็พุ่งเข้ามา เขามีเคราที่รกรุงรัง ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง และดูโทรมกว่าแต่ก่อนมาก เมื่อเห็นฉันในชุดเจ้าสาว สายตาของเขาก็ตกตะลึงและแสดงความเจ็บปวด “ชวงชวง” เขาค่อยๆ เดินเข้ามาหาฉัน เสียงของเขาหยาบกระด้าง “ช่วงนี้ฉันมักจะฝันว่าเราแต่งงานกัน แต่ฉันกลับทรยศเธอ ไปชอบซูจิ่นเยว่ และทำร้ายเธอ แล้วเรายัง... สูญเสียลูกไปหนึ่งคนด้วย” สีหน้าของเขาซีดเผือด ริมฝีปากขาวซีด พร้อมกับจ้องมาที่ฉัน “ทั้งหมดนี้เป็นแค่ความฝันใช่ไหม?” ฉันมองเขา ฉันคิดว่าการพูดถึงอดีตครั้งนี้จะทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดและน่าอาย แต่ไม่คิดเลยว่าตอนนี้ฉ
“พี่ลี่คะ!” ซูจิ่นเยว่ตามติดลี่สุยอานอย่างไม่ยอมปล่อย เหมือนกับสติ๊กเกอร์ที่เหนียวติดแน่น ลี่สุยอานเผยสีหน้ารำคาญออกมาอย่างชัดเจน "ช่วยถอยห่างจากฉันหน่อยได้ไหม? ฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันไม่ได้ชอบเธอ!" เขาพูดไปพลาง สายตาก็เหลือบมาเห็นฉันและรีบวิ่งเข้ามาหาทันที "หลินซวง ฉันกลับมาแล้วนะ ฉันตั้งใจจะเปิดบริษัทของตัวเอง เธอสนใจมาช่วยฉันไหม?" ฉันยิ้มออกมาอย่างขบขัน "บริษัทของพ่อฉันกำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว ฉันจะทิ้งพ่อไปช่วยนายทำไม?" ลี่สุยอานชะงักไปเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็รีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว "ถ้าเธอไม่มาช่วยฉันก็ไม่เป็นไร แต่พวกเรา...” “ไม่ พวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว” ฉันขัดจังหวะเขาทันที พร้อมมองไปยังซูจิ่นเยว่ที่ยืนมองด้วยสายตาคาดหวังอะไรบางอย่างอยู่ด้านหลังเขา "นายไม่ใช่มีคนใหม่ไปแล้วหรอกเหรอ?" “ไม่ใช่นะ ฉันกับเธอไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย!” ลี่สุยอานรีบอธิบายออกมาเสียงดัง ฉันเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของซูจิ่นเยว่ ทำให้ฉันนึกถึงตัวเองในอดีตขึ้นมาในทันที ที่แท้ผู้ชายก็มักจะเป็นแบบนี้ เมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการกลับยิ่งให้ความสำคัญมากขึ้น ฉันหันหลังก
“หลินชวง ฉันลืมเธอไม่ได้จริงๆ!” ลี่สุยอานมีแต่เคราที่รกรุงรังและดวงตาที่หม่นหมอง มองฉันด้วยสายตาที่แดงก่ำและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ขอร้องล่ะ ให้โอกาสฉันอีกสักครั้งได้ไหม?” “ลี่สุยอาน ปล่อยฉันนะ!” ฉันทั้งตกใจและหวาดกลัว พยายามดิ้นหนีสุดแรง แต่เขากลับเหมือนคนบ้า กอดรัดฉันแน่นขึ้น พยายามกดฉันติดกับกำแพงและจูบฉันอย่างแรง! ทันใดนั้น มืออันแข็งแรงข้างหนึ่งก็คว้าเข้าที่แขนของลี่สุยอานอย่างรวดเร็ว แล้วกระชากเขาออกจากตัวฉันอย่างแรง! “รังแกผู้หญิงแบบนี้ ไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายเลยนะ” จากนั้น ชายคนนั้นก็ปล่อยหมัดหนักๆไปที่หน้าของลี่สุยอานทันที! ลี่สุยอานถอยหลังออกไปหลายก้าวพร้อมเลือดที่ไหลซึมออกมาจากมุมปาก เขาจ้องมองชายที่ต่อยเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ “ไม่ใช่เรื่องของแก! ถอยไปซะ!” “ฉันเป็นนักศึกษาที่นี่ มีคนมารังแกเพื่อนในมอฉัน มันก็ต้องเกี่ยวกับฉันสิ” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด เขายืนขวางอยู่ระหว่างฉันกับลี่สุยอาน “ถ้านายไม่ไปตอนนี้ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน ฉันจะเรียกรปภ.มาซะ!” ลี่สุยอานจ้องกลับมาอย่างโกรธแค้น แต่เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รักษาค
เขารีบสารภาพความรู้สึกกับฉันอย่างไม่รีรอ "หลินชวง ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเจอเธอ ฉันก็ชอบเธอแล้ว ตอนที่แม่เธอเสียแล้วฉันเห็นเธอร้องไห้ ฉันสาบานกับตัวเองว่าจะทำหน้าที่แทนครอบครัวของเธอ คอยปกป้องและดูแลเธอตลอดไปเอง" สายตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจ "หลินชวง เธอจะให้โอกาสฉันได้ไหม?" ฉันมองเขาด้วยความเย็นชา ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ในชาติก่อน เขาเองก็เคยพูดแบบนี้กับฉัน แล้วผลลัพธ์ล่ะ? คนที่ทำร้ายฉันที่สุดก็คือเขาเอง ในชาตินี้ ฉันปฏิเสธเขาโดยไม่ลังเลเลยว่า “ไม่จำเป็นหรอก ฉันคิดว่าเราสองคนเข้ากันไม่ได้” "ทำไมล่ะ?" ลี่สุยอานดูเหมือนถูกกระทบกระเทือนใจอย่างมาก เขามองฉันด้วยความไม่อยากจะเชื่อ "ก็เธอเองก็มีใจให้ฉัน แล้วเธอก็เคยบอกว่า พอเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว..." "ฉันก็แค่บอกว่า เรื่องของมหาวิทยาลัยค่อยว่ากันทีหลัง" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย "ฉันไม่เคยบอกว่าจะคบกับนาย"ลี่สุยอานตัวสั่นเล็กน้อย มือทั้งสองข้างของเขากำหมัดแน่น เขาคงมั่นใจว่า ฉันจะต้องคบกับเขาแน่นอน เขาไม่เคยทำอะไรที่เขาไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะเลยสักครั้ง ทั้งในอดีตและอนาคต เขากล้าที่จะคบกับซูจิ่นเยว่ต่อหน้าฉันได้อย่างเปิดเผย ก
วันถัดมา ฉันไปโรงเรียน แต่พอเดินถึงชั้นสองของอาคารเรียนก็เจอเข้ากับนักเรียนหญิงคนหนึ่งหน้าตาน่ารัก กำลังสารภาพรักกับลี่สุยอาน “ลี่สุยอาน ฉันชอบนาย!” เธอสารภาพออกมาอย่างกล้าหาญและร้อนแรง ฉันมองดูเธอที่มัดผมสองข้าง ดวงตาของเธอใสซื่อและอ่อนหวาน เมื่อเธอยิ้มก็เผยให้เห็นรอยบุ๋มที่แก้มทั้งสองข้าง น่ารักและอ่อนหวาน คล้ายกับซูจิ่นเยว่ ทันใดนั้น ฉันก็นึกถึงสมัยเรียนตอนที่ลี่สุยอานเป็นที่นิยมมาก มีแต่สาวน่ารักไม่ขาดสายมาสารภาพรักกับเขา แต่ตอนนั้นเขากลับบอกฉันว่า ฉันไม่เหมือนกับพวกเธอ เขาไม่ชอบสาวน่ารัก แล้วทำไมถึงเปลี่ยนไปเมื่อพบกับซูจิ่นเยว่ล่ะ? หรือว่าเขาไม่ได้ชอบแบบไหนเลย เพียงแต่เขาแค่ไม่รู้สึกตื่นเต้นกับฉันอีกต่อไป แม้ว่าในตอนนั้นจะไม่ใช่ซูจิ่นเยว่ ก็อาจจะเป็นหลี่จิ่นเยว่ หรือหวังจิ่นเยว่ก็ได้ “หลินชวง!” เมื่อลี่สุยอานเห็นฉัน เขาก็ดีใจเหมือนว่าเขาได้เจอทางออกแล้ว แต่ฉันกลับเดินผ่านเขาไปโดยไม่มองเลย สายตาฉันเหลือบไปเห็นสีหน้าที่แข็งทื่อของเขา หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฉันก็ยังไม่สนใจลี่สุยอาน คงเป็นเพราะความเย็นชาของฉันทำให้เขาทนไม่ไหว วันหนึ่งหลังเลิกเรียน ขณะที่เดินกลับบ
หลังจากนั้นอีกเดือน ประจำเดือนฉันก็ยังไม่มา ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่า เป็นเพราะความเครียดจากท่าทีของเขาที่ทำให้ฉันใกล้จะเป็นบ้า มันเลยส่งผลต่อสภาพร่างกายของฉัน แต่ในช่วงที่ตกลงมาจากบันได และมีเลือดไหลออกมา ฉันก็รู้ว่าตัวเองน่าจะมีลูกอยู่ในท้อง แค่เขาเข้ามาในชีวิตของฉันแป๊บเดียว แล้วก็หายไป ความรักที่ฉันมีให้ลี่สุยอาน ก็ไหลออกไปพร้อมกับลูกเช่นกัน จริง ๆ แล้วการไม่มีลูกนั้นคงดีกว่า เพราะถ้าเขามาเกิดในช่วงเวลาที่มีแม่ที่แทบจะบ้า และพ่อที่มีแต่ความคิดจะหย่าก็คงไม่มีความสุขหรอก ฉันหันไปมองที่โต๊ะเครื่องแป้ง และมองตัวเองในกระจก กระจกสะท้อนภาพของฉันที่เต็มไปด้วยคอลลาเจน และวัยที่สดใส ไม่เหมือนกับฉันในอีกสิบปีข้างหน้า ที่หน้าตาอ่อนล้าจนเต็มไปด้วยความเครียดและอิจฉา ตอนนี้ ฉันรู้สึกดีมาก ใจของฉันรู้สึกโล่งอกแบบนี้เป็นครั้งแรก ครั้งนี้ ฉันต้องห่างจากลี่สุยอานให้ไกลที่สุด เขาจะรักหรือชอบใครก็ช่างเถอะ
"หลินชวง" เสียงของลี่สุยอานดึงฉันให้กลับมามีสติอีกครั้ง เขามองฉันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเป็นห่วง "เธอคิดถึงคุณแม่อีกแล้วใช่ไหม?" พูดพลางเขาก็ยื่นมือมาหาฉัน "ฉันรู้ว่าเธอเสียใจมาก แต่คุณแม่ของเธอคงไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้หรอกนะ" แต่ก่อนที่เขาจะจับมือฉันได้ ฉันกลับยกมือขึ้นกะทันหัน มือของเขาจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศอย่างงุนงง พอดีกับเสียงกริ่งเริ่มคาบเรียนที่ดังขึ้น ฉันรีบเลื่อนเก้าอี้ออกไปเล็กน้อยเพื่อรักษาระยะห่างจากเขา "เริ่มคาบเรียนแล้ว" พูดจบ ฉันก็หันกลับไป ไม่มองเขาอีก แม้จะรู้สึกถึงสายตาของเขาที่จับจ้องมาที่ฉันอยู่ตลอด แต่ฉันก็ไม่หันกลับไปมอง จนกระทั่งคุณครูเข้ามาในห้องเรียน เขาถึงได้ยอมละสายตาไป พอหมดคาบสุดท้ายของช่วงบ่าย ฉันก็รีบเก็บกระเป๋าหนีออกจากห้องทันที "หลินชวง!" พอออกจากโรงเรียน ลี่สุยอานก็ตามฉันมาอย่างรวดเร็ว “ทำไมเธอรีบออกไปขนาดนี้ ไม่รอฉันหน่อยเหรอ!” เขาขวางอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันเลยถอยหลังไป “ฉันมีเรื่องนิดหน่อย” “เรื่องอะไร? สำคัญไหม?” ลี่สุยอานขมวดคิ้ว “ให้ฉันไปส่งไหม?” “ไม่เป็นไร” ฉันตอบโดยที่ไม่มองเขา เร่งฝีเท้าออกไปทันที และทิ
“หลินชวง เธอทำข้อนี้ได้ไหม?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ข้างหู ทำให้ฉันลืมตาขึ้นทันที ตรงหน้าคือเพื่อนๆในชุดนักเรียนที่กำลังหัวเราะหยอกล้อกัน และบนกระดานดำก็เต็มไปด้วยโจทย์คณิตศาสตร์ นี่มันเป็นฉากที่ฉันฝันถึงหลายครั้งในช่วงที่ลี่สุยอานขอหย่ากับฉัน ฉันมักจะอยากย้อนกลับไปในสมัยมัธยม กลับไปยังตอนที่ลี่สุยอานรักฉันมากที่สุด แล้วตอนนี้ฉันกำลังฝันอยู่งั้นเหรอ? "หลินชวง ฉันถามเธออยู่นะ ทำไมถึงเหม่อล่ะ?" มือเรียวยาวสวยโบกไปมาตรงหน้าฉัน ฉันหันไปมอง และสบตาเข้ากับรอยยิ้มที่มุมปากของลี่สุยอาน ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นอย่างสวยงาม ดวงตาสีดำที่อ่อนโยน จับจ้องมาที่ฉันอย่างไม่วางตา ฉันถึงกับนิ่งอึ้งไป ฉันไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้จากเขามานานแค่ไหนแล้วนะ หนึ่งปี สองปี หรืออาจจะนานกว่านั้น ฉันจำไม่ได้เลยจริง ๆ สิ่งแรกที่ฉันรู้สึกคือความฝันนี้มันสมจริงมาก แต่ก็มีบางอย่างที่ดูแปลกไป เพราะแม้แต่ในความฝันก่อนหน้านี้ ฉันก็ไม่เคยได้เห็นรอยยิ้มที่สดใสแบบนี้จากเขาเลย และใบหน้าของเขาตอนนี้ก็ยังดูเด็กมาก เวลาผ่านไปนานจนภาพลักษณ์ของเขาในใจฉันแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมแล้ว "ตอนนี้ปีไหนเหรอ?
หลังจากนั้น ฉันกับลี่สุยอานก็เริ่มเย็นชาต่อกัน เขาเริ่มพาซูจิ่นเยว่ไปออกงานต่างๆ อย่างเปิดเผย เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าตำแหน่งภรรยาลี่เร็วๆ นี้จะมีการเปลี่ยนแปลงพ่อแม่ของลี่สุยอานโกรธมากถึงขนาดจะไล่เขาออกจากบ้าน แต่เขาก็ไม่แคร์เลยแม้แต่น้อย เขาเป็นคนที่ชีวิตราบรื่นมาตั้งแต่เด็ก เลยไม่เคยรู้สึกถึงการที่ต้องต่อสู้กับทั้งโลกเพื่อคนหนึ่งคน ต่อหน้าซูจิ่นเยว่ เขาดูสูงใหญ่และกล้าหาญ เขาถึงกับเริ่มสนุกกับความรู้สึกนี้ เขาออกจากบ้านไปอย่างเด็ดขาด และย้ายไปอยู่กับซูจิ่นเยว่ นอกจากใบหย่าที่ส่งมาที่บ้านเป็นประจำทุกเดือน ฉันก็แทบติดต่อเขาไม่ได้เลย ข่าวสารเกี่ยวกับเขาที่ฉันได้มา ก็มาจากโซเชียลของซูจิ่นเยว่ ที่เริ่มแชร์เรื่องราวความเป็นอยู่ของพวกเขาทั้งคู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการไปช็อปปิ้งด้วยกัน การท่องเที่ยว หรือเซอร์ไพรส์ต่างๆ ที่ลี่สุยอานเตรียมให้เธอ เซอร์ไพรส์เหล่านี้ ถ้าเป็นในช่วงวัยเรียนคือสิ่งที่ฟุ่มเฟือย แต่พอออกมาทำงานจริงๆ และลี่สุยอานต้องเริ่มธุรกิจ เราก็ไม่มีเวลาสำหรับความโรแมนติกแบบนั้นอีก ฉันเคยคิดว่าเขาคงไม่ทำแบบนี้แล้ว แต่ที่จริงแล้ว เขาทำได้ทุกอย่าง เพียงแต่เขาไม่เคยท