“รู้ได้สิ... พระท่านสอนว่า กรรมที่ส่งผลกับเราในขณะนี้ ไม่ได้มาจากกรรมในอดีตชาติแต่เพียงอย่างเดียว แม้กรรมในปัจจุบันที่เราเกิดมา ก็ส่งผลแก่เราได้ อย่างไอ้หัวขโมย 4 คนนั่น เป็นกรรมหนักหนาสาหัสตายแล้วดวงจิตของมันตกนรกอย่างเดียวเลย” ย่านวลอธิบายยาว“แม่เห็นมาแล้วนรก ช่างน่ากลัว ขวัญสรวง” เจ้าขวัญหล้าเกาะกุมมือลูกสาว“เจ้าแม่ไปเห็นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วไปอย่างไรคะ”อธิคมและเจ้าองค์อินทร์เข้ามายืนฟังการสนทนาภายในห้องรับแขกอย่างเงียบ ๆ แววตาชราของเจ้าขวัญหล้ากวาดมองคนในห้องไปทีละคนเจ้าองค์อินทร์เดินมาถึงตัวเจ้าย่าของเขา และคุกเข่าลงนั่งขัดสมาธิกับพื้น เขาเคยฟังเจ้าย่าพูดถึงเรื่องนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เจ้าขวัญหล้าพูดกับลูกสาว “หลวงพ่ออุดมบอกให้ลูกตักบาตร ลูกก็ต้องทำ อย่าบิดพลิ้วหรือเลื่อนเวลา เจ้ากรรมนายเวรของลูกและเลอสรวงเฝ้าดูอยู่ เทวทูตสองตนนั้นพาแม่ไปดูนรก แม่เห็นผู้คนถูกทรมานในกระทะทองแดงเดือดพล่าน ใครปีนป่ายออกมา ก็โดนหอกแหลมทิ่มแทงให้กลับลงไปใหม่ มีบางคนในนั้นตะโกนเรียกแม่ แต่ไม่ได้เรียกชื่อแม่ตอนนี้ เขาเรียกแม่ว่า แสนคำ” “แสนคำหรือคะ” เจ้าขวัญสรวงทวนคำพูดของมารดา “ใช่ หลังจากนั้น
“เก้าเป็นยังไงบ้าง มาหาพ่อมา” อธิคมดึงลูกสาวมากอด “ขวัญมานะลูกนะ” เด็กสาวตัวสั่น “เขาจะจับตัวเก้าไปทำไม ฮือ...เก้าไม่ได้ทำอะไรเขาสักหน่อย ฮือ”“ผมขอโทษแทนน้องชายด้วยครับ” เจ้าองค์อินทร์ออกรับแทน สงสารทั้งน้องชายและเด็กสาว “คงต้องประคองเลอสรวงขึ้นรถ ผมจะกลับไปเอารถมา อาจารย์อธิคมช่วยเฝ้าน้องชายผมเอาไว้ด้วย อาจารย์อุ้มกับน้องเก้ากลับไปที่บ้านย่านวลพร้อมผมนะครับ”“ได้ คุณรีบไปเถอะ ถ้าน้องชายคุณฟื้นมาเสียก่อน ผมจะเอาเขาไม่อยู่”“ครับ” เจ้าองค์อินทร์เดินนำหน้าไปก่อน ภาณินีและแก้วเก้าละล้าละลัง ห่วงหน้าพะวงหลังเป็นห่วงอธิคม “ไปเถอะอุ้ม ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ท่าทางจะสลบไปแล้ว”ÿทุกคนคล้อยหลังไปแล้ว อธิคมนั่งเฝ้าเลอสรวงอยู่คนเดียว เสียงเครื่องยนต์มาจากเรือในแม่น้ำน้อยเร่งเหมือนลากของหนัก คงเป็นเรือลากแพกลับมา เขาลุกขึ้นยืน มองเลอสรวงอีกที ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาง่าย ๆ กำนันธงชัยกระโดดลงจากเรือ เมื่อเรือเทียบท่าเรียบร้อย อธิคมเดินไปหาญาติผู้น้อง “เป็นไงบ้างเฉียบ ใครเป็นเจ้าของแพ”“ทิดเหงี่ยมเองพี่คม ผมให้ค่าเหล้ายาดองแกไป 200 จบแล้ว ไม่ต้องกังวล""ไหงมันตกลงกันง่ายจริง”“ท
“ฮึ้ย!” ย่านวลขนลุก “ฉันจะพูดกับตาคมยังไงล่ะ รายนั้นหวงลูกสาวอย่างกับไข่ในหิน ถ้าได้รู้แป๊กการาวอย่างนี้ มันคงอาละวาดบ้านแตก หาว่าพวกคุณแหกตา หลอกมัดมือชกหมั้นลูกสาว” เจ้าขวัญสรวงส่งสายตาวิงวอนอีกคน “ช่วยหน่อยนะคะ คุณนวล เมื่อกี๊คุณนวลเก่งมากเลย ที่ไล่ผีออกจากร่างเลอสรวงได้ เราเชื่อว่าคุณนวลต้องทำเรื่องนี้ได้สำเร็จแน่ ๆ เลยค่ะ นะ ขนาดผี ยังปราบได้เลย”ย่านวลถูกเยินยอเข้าหน่อย เริ่มใจอ่อน “ก็จะลองดูให้แล้วกัน แต่ถ้าตาคมมันไม่ยอมยกให้ล่ะ พวกคุณจะทำยังไง...”“องค์อินทร์กับแก้วเก้าจะแก้ปัญหานั้นด้วยตนเองค่ะ สร้อยมณีแก้วเก้าเป็นของพวกเขา”“เอ๊...แล้วตอนนี้สร้อยนั่นอยู่ที่ไหน” ย่านวลสงสัยครามครัน“ให้อาจารย์อุ้มเก็บรักษาไว้ให้หลานแก้วเก้าค่ะ” เจ้าขวัญหล้าตอบ“แม่อุ้มไม่รู้ใช่มั้ย ว่าสร้อยนั่นมีความหมายยังไง”เจ้าขวัญหล้าส่ายหน้านิดหนึ่ง “ไม่แน่ใจค่ะ อาจารย์อุ้มเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมวิทยา มานุษยวิทยา อาจทราบอะไรโดยที่เราไม่รู้ก็ได้” สบตากับย่านวล ฝากความหวังไว้อย่างเต็มเปี่ยม“เอาเถอะค่ะ คุณเจ้าขวัญหล้าถ้าหายดีแล้ว ก็ออกไปกินข้าว ดึกมืดป่านนี้ไม่หิวแย่เหรอ”“หิวแล้วค่ะ” เจ้าขวัญหล้ายิ้ม
“นี่แม่อุ้มจะว่า เจ้าขวัญหล้าไม่ได้ไปนรกมาจริง ๆ ใช่มั้ย” “มันก็มีหลายอย่างค่ะที่ทำให้เชื่อถือว่าท่านได้ไปมาจริง ๆ”ย่านวลขมวดคิ้ว ชันหัวเข่าขึ้นข้างหนึ่ง ชอบเผลอนั่งท่านี้เวลานึกสงสัยอะไรขึ้นมา ภาณินีถอนหายใจยาว ส่ายหน้า “อุ้มไม่ทราบค่ะ คุณแม่ แค่เจ้าน้อยกับเจ้าขวัญฟ้าปรากฏตัวตนออกมาในโลกดิจิตอลยุคนี้ อุ้มก็ปวดศีรษะแล้ว” ว่าแล้วก็หยิบกล่องโลหะสีดำ ใต้ฐานหิ้งพระ ออกมาวางไว้ต่อหน้าแม่ของสามี“เจ้าขวัญหล้าให้หลานชายเอามามอบให้ยายเก้า อุ้มสังหรณ์ใจว่าจะไม่ใช่การฝากไว้ธรรมดา ๆ คุณแม่คะ มีเชื้อวงศ์เจ้าแคว้นทางเหนือ ซึ่งสืบทอดธรรมเนียมปฏิบัติ เพื่อให้ทุกคนยอมรับสิทธิอันชอบธรรมของหญิงที่จะเป็นพระชายาของเจ้าแคว้น อุ้มศึกษาเรื่องนี้มานาน แต่เพิ่งจะกระจ่างเอาเมื่อมาเจอหนังสือของคุณพ่ออุ้ม สิ่งที่อุ้มคิด ยังพูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำว่าจะใช่หรือไม่ แต่อุ้มขอฝากคุณแม่เก็บไว้ที่นี่ อย่าให้ใครกล้ำกรายเข้ามาหยิบมันไปได้”“อ้า...” ย่านวลอึกอัก ไป ๆ มา ๆ ของสำคัญก็มาอยู่ในบ้านนี้"สร้อยมณีแก้วเก้าขัติยนารีศรีเวียงเชียงรุ้ง เป็นของเจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ที่ส่งมอบสืบทอดให้แก่หญิงพรหมจรรย์ที่มีความดีงาม
ฝ่ายเชียงม่อนสดับข่าวจากชายแดนว่า ทัพเวียงไชยกับทัพเวียงเชียงรุ้ง สมคบกันเข้าตี ด้วยเหตุที่เจ้าขวัญฟ้าราชบุตรผู้เก่งกาจ คิดอ่านเรื่องบ้านเมืองขัดแย้งกับเจ้าพ่ออยู่เนือง ๆ และทระนงตนยิ่งนัก อุปนิสัยไม่เป็นที่รักของพระบิดาและพี่น้องได้พาราชธิดาองค์น้อย เจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์อันเกิดแต่เจ้าศรีภูมิกับพระชายาคำดวงหนีข้ามน้ำกาหลง มาอาศัยใบบุญเชียงม่อน แถบน้ำลาว อยู่กินเป็นผัวเมีย แหวกจารีตประเพณี อันเป็นการฉีกหน้าเจ้าหลวงเชียงรุ้งให้ได้อับอายเจ้าเวียงทุกแว่นแคว้น ถึงกับสาบส่งทั้งสองคนให้ประสบความฉิบหายเจ้าหลวงเชียงม่อนประชุมขุนนางอำมาตย์ เตรียมการรับศึก สั่งการให้ขุดเพลาะหลุมพรางไว้กลางป่า ทัพช้างย่ำเหยียบลงมามีอันต้องถอยหนี ส่วนไพร่พลกว่าจะข้ามเขตป่าฮวกเข้าเชียงม่อนมาได้ ต้องล้มตายไปอีกนับร้อย กำลังที่เหลือก็อ่อนเพลียไร้กำลังต่อสู้ “เจ้าลอ จงนำกำลังพลม้าสิบสอง ไปรับเจ้าขวัญฟ้าและเจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์เข้ามาอยู่ในหอแก้วหอคำ เราจะต้อนรับเลี้ยงดูให้สมพระเกียรติและจะดูน้ำหน้าเจ้าหลวงเชียงรุ้ง จะมีปัญญามาเอาตัวลูกชายและหลานสาวกลับไปได้หรือไม่”เจ้าลอราชบุตรเชียงม่อน ทูลคัดค้าน “เจ้าพ่อ ทำเช่นนั
เลอสรวงดื่มน้ำหมดแก้ว “หึ หึ น้องชาย พี่จะได้อ่านหนังสือต่อมั้ย เกิดเจ้าย่าหรือเจ้าป้ามาเห็น จะไม่ได้รู้เรื่องกันเลย”“ครับพี่ชาย”เจ้าองค์อินทร์โคลงศีรษะ “พี่ชายตกลงเรื่องนั้นจบยังไง” เลอสรวงปิดปากหาว เริ่มง่วงนอนอีกครั้ง“ไหนว่าไม่ง่วงไงล่ะ พี่อ่านอีก 4-5 หน้าก็จะจบแล้ว”“อ่านเร็วดีแฮะ นี่อ่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”“ราว 3 ทุ่มมั้ง หยุดถามพี่เสียที”“ครับ” เลอสรวงนอนหงายมองพัดลมบนเพดาน ได้ยินเสียงคนเดิน และเสียงก๊องแก๊ง เขาลุกขึ้นจากที่นอน เปิดประตูออกไป...ÿเลอสรวงออกจากห้องรับแขกกลางบ้านของย่านวล เดินตามทางเดิน ไปด้านซ้าย ด้านขวา เสียงพื้นไม้กระดานลั่นดังเอี๊ยดอ๊าดเบา ๆ เพราะน้ำหนักตัวของเขา และความไม่คุ้นเคยกับการเดินบนบ้านไม้มีบันไดขึ้นชั้นบน ข้างฝาประดับประดาภาพถ่ายเก่า ๆ สีดำแดง แบบที่เรียกว่า สีซีเปีย ภาพสี่สีซีด ๆ เป็นภาพของเด็กผู้ชาย 2 คน พี่น้อง ภาพครอบครัวสามีและภรรยาคู่หนึ่ง ทั้งหมดคงเป็นคนในบ้านนี้ ภาพสี่สียังดูใหม่เหมือนจะเพิ่งเอามาแขวนที่ข้างฝาต่อจากภาพสองสามีภรรยานั่น เด็กสาวเกล้ามวยสูงติดช่อมงกุฎ เล็ก ๆ แต่งกายในชุดไทยล้านนา ผ้าไหมพันอกสีเปลือกไม้ หลังฉากเป
แก้วเก้าหายใจยาว โล่งอก นึกว่าเขาจะพูดอะไร ที่ทำให้เธอฟุ้งซ่านมากขึ้นไปอีก“ขอบคุณนะคะ ที่ขอให้เก้าสอบได้ เก้ายังไม่ได้ขอให้ตัวเองเลย”“งั้นก็ขอเลยสิ ตอนนี้”แก้วเก้ากะพริบตาสองที พนมมือขึ้นระหว่างอก ผู้คนเดินคลานผ่านหน้าไปมาก็ไม่ได้สนใจ แหงนขึ้นมององค์พระพุทธรูปพระประธานในโบสถ์สีทองอร่าม ทำปากขมุบขมิบ ไม่มีเสียงลอดออกมาเจ้าองค์อินทร์มองไปทางพระสงฆ์ชราที่ป้าแป๊วเรียกว่า หลวงตาปลด เขาพบท่านแล้วเมื่อคืนนี้เจ้าขวัญหล้า เจ้าขวัญสรวง และเลอสรวง กำลังประเคนถาดอาหารให้หลวงตารูปนั้นภาณินี อธิคม และย่านวล ลุกขึ้นประเคนถาดอาหาร ให้พระสงฆ์รูปต่อไป ป้าแป๊ว กำนันธงชัย และคนอื่น ๆ ที่เขาไม่รู้จักทยอยประเคนอาหารและน้ำดื่ม พระสงฆ์มีอยู่ราว 19 รูป เณรมีอยู่ 5 รูป นั่งเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ÿภาณินีมองหาลูกสาว เห็นว่าอยู่กับเจ้าองค์อินทร์ก็กวักมือเรียก“อธิษฐานเสร็จหรือยัง คุณแม่เรียกไปทางนั้นแล้ว”“เสร็จแล้วค่ะ” แก้วเก้าก้มกราบพระพุทธรูป 3 ครั้ง แล้วคลานไปหาแม่กับพ่อภาณินีแตะข้อศอกลูกสาวกับบอกเจ้าองค์อินทร์“เจ้า...เชิญค่ะ พวกเราถวายกันหมดแล้ว เหลือเจ้ากับยายเก้าเท่านั้น ถวายอาหารพระร
“พ่อคม!” ย่านวลตกใจ ลูกชายโผล่มาแอบฟังอยู่ด้วย แต่ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องพูดให้รู้เรื่อง “แม่อุ้ม สร้อยเส้นนั้นมันมีความหมายอะไรรู้มั้ย... ไม่ใช่ที่แม่อุ้มบอกแม่หรอกนะ” ย่านวลเล่าเรื่องที่ได้รับฟังมาจากเจ้าขวัญหล้า “เอ๊ะ!” ย่านวลมองลูกสะใภ้กับลูกชาย ไม่มีท่าทีตกใจ โกรธ ไม่พอใจ หรืออารมณ์อื่น ๆ นอกจากรับฟังอย่างสงบ “ตอนรับสร้อยมาจากเจ้าองค์อินทร์ อุ้มก็เห็นกับตาชัด ๆ ยายเก้าสวมใส่เล่นละครจนจบก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น รู้ว่าสร้อยนั่น เป็นของมีค่า ราคาของมันมากกว่า เครื่องประดับที่ใช้ในการแสดงละคร เคยคิดไปถึงว่ามันอาจจะเป็นของสำคัญประจำตระกูล แต่ก็ตัดความคิดนั้นออกไป เพราะคิดว่า ใครจะมาให้ของแบบนั้นกับคนอื่นที่ไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อน ให้กันมาง่าย ๆ ขนาดนั้น ที่รับไว้ครั้งที่สอง เจ้าองค์อินทร์ตามเอาให้ที่รถ บอกว่าเจ้าย่าสั่งนักสั่งหนา ให้เอามาให้อุ้มกับมือ เป็นของน้องเก้า อุ้มก็คิดว่า ท่านคงเอ็นดูลูกเรามาก ซึ่งท่านก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ท่านรักยายเก้าเหมือนลูกเหมือนหลาน เรื่องอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ ที่คุณแม่พูดถึง อุ้มไม่เคยมีความ
“ครับ” เจ้าองค์อินทร์ชักจะเริ่มเกร็งขึ้น แข็งใจถามกลับไปว่า “เอ้อ เพราะเจ้าย่าให้สร้อยนั่นกับน้องเก้า แล้วทำให้ผมกับเธอกลายเป็นคู่หมั้นกันหรือเปล่าครับ”ภาณินีพยักหน้า “ใช่ค่ะ ... เราเห็นว่าการหมั้นครั้งนั้นเจ้าย่าของเจ้าทึกทักเอาฝ่ายเดียว เราไม่รู้ไม่เห็นด้วย รวมทั้งตัวเจ้าก็ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ อย่างนี้เรายิ่งยอมรับไม่ได้”เจ้าองค์อินทร์ใจแป้วลงไปเป็นกอง ถึงจะเพิ่งรู้เรื่องการหมั้นและรู้จักความหมายของสร้อยมณีแก้วเก้า แต่เขาก็ยินดีที่จะรับเงื่อนไขตามนั้นโดยไม่มีข้อแม้เลย เสียงภาณินียังคงเจื้อยแจ้วต่อไป“เรารู้จักกับเจ้ามาตั้งหลายเดือนแล้วนะคะ ถึงวันนี้พี่ว่า ครอบครัวของเราก็สนิทสนมคุ้นเคยกันมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่พี่กับพี่คมยังไม่ทราบเลยว่า เจ้ามีคนรักหรือยัง เรายังไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงเพื่อนผู้หญิง นอกจากคุณปูเป้ที่เคยเห็นตัวคนนั้น คุณปูเป้เป็นคนรักของเจ้าหรือของเจ้าเทพนรินทร์กันแน่คะ”เจ้าองค์อินทร์รู้สึกขัน เมื่อเจอคำถามนี้ “อาจารย์ … ” เขาเรียกภาณินี หัวเราะในลำคอ หึ หึ “ผมน่
เจ้าขวัญหล้าทั้งยิ้ม และขำไปด้วย “ย่านวลนี่ก็ ... พูดจาเสียจนฉันใจหายหมดเลย”ขณะพูดแก้วเก้าเห็นเจ้าองค์อินทร์แต่งตัวหล่อเฟี้ยวเข้ามาในห้อง พร้อม ๆ กับเจ้าขวัญสรวง แก้วเก้ายกคางเกยตักย่านวล มองเขาตาแป๋ว... คิดในใจว่า คุณเจ้าหล่อจัง พอเห็นสายตาของเขาตวัดมองมา แก้วเก้ากลับเขิน หลบสายตาของเขา เอาหน้าซบกับตักย่านวล มือสองข้างกอดหน้าแข้งย่า ทำมือขยุกขยิกย่านวลเขย่าขา ก้มลงมองว่าหลานสาวทำอะไรกับขาของแก“เก้า...เงยหน้าขึ้นมาสิลูก”“อะไรคะย่า เก้าหิวข้าวแล้วไปกันเถอะ ตกลงกันเสียทีสิคะว่าย่านวลกับเจ้าย่าใครจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวมือนี้”“อะไรกัน มาถึงบ้านย่า ย่าก็ต้องเลี้ยงน่ะสิ นี่เราสองบ้านมารวมญาติกันนะ จริงมั้ย อาจารย์อุ้ม อาจารย์อลงกต”“ครับเจ้า” อลงกตทราบเรื่องทั้งหมดจากน้องสาวแล้ว “ผมกราบขอโทษ ที่จำเรื่องตอนเด็ก ๆ ไม่ค่อยได้เพราะไปเรียนอยู่ต่างประเทศตั้งแต่จบ ม.ปลาย”“ท่านนายพลฯ กับคุณหญิงมีลูกน่ารักทั้งคู่ ดูสิโตจนป่านนี้ ก
“ผมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับคุณแม่ กริชอันนั้น แรงจริง ๆ ผมงี้ตัวสั่น รู้สึกถึงพลังที่มารวมอยู่กับจิตของผมแล้วพุ่งออกไปเมื่อผมสั่งด้วยจิตของผมเองให้หมามันหยุดเห่า เออ มันหยุดจริง ๆ แถมกลัวจนหางจุกตูดเลย”“เหรอครับ ... ” อธิคมเหลียวไปข้างหลัง คุยกับแม่ “เอาอย่างไรดีครับ แม่เป็นห่วงกรณ์จะกลับไปดูมั้ย หรือว่าจะเดินหน้าไปกรุงเทพกับผมต่อ”ย่านวลเอนหลัง มองออกไปข้างนอกรถ อลงกตผ่อนความเร็วลง รอว่าย่านวลจะตัดสินใจอย่างไร “แม่ไปดูหลานที่กรุงเทพก่อน ไอ้กรณ์มันทำตัวมันเอง อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ เข้าสี่สิบแล้ว เดี๋ยวลูกเมียมันก็ดูแลกันเอง” “เอางั้นนะ เฉียบกับชาวบ้านช่วยกันจับตัวเอาไว้ได้แล้ว เอาไปให้หลวงลุงปลดดูอาการอยู่ คงทำน้ำมนต์รดให้นั่นแหละ เอะอะอะไรก็หาหลวงลุงรดน้ำมนต์กันท่าเดียว” “ก็ชาวบ้านเขาเชื่อถือศรัทธา ถ้าไม่มีน้ำมนต์ดี ชาวบ้านก็ไม่เข้าวัดหรอก สิ้นหลวงพี่ปลดแล้วจะหาใครมาดึงคนเข้าวัดล่ะ พระเณรแต่ละคน พ่อแม่พามาบวชอาศัยข้าวสุกวัดกันเสียส่วนใหญ่ ดูแต่ไอ้จ้อยหลานยายแป๊วสิ นี่ก็ถูกบังคับให้บวชเรียนเป็นเณรแล้ว เมื่อห้าวันเจ็ดวันมานี่เอง”“เหรอครับ จ้อยบวชเป็นเณรก็ดี พระเกจิอาจารย์หลายท่านก
“แม่ก็ไม่เป็นไรหรอก เป็นห่วงลูกมากกว่า ลูกมัวแต่ถามถึงพ่อกับแม่ ตัวลูกเองล่ะที่เป็นหนัก ดีนะที่ได้เจ้าองค์อินทร์มาช่วย” แม่พยายามบอกให้รู้ ว่าเจ้าองค์อินทร์นั่งอยู่ด้วย“เจ้าองค์อินทร์!” แก้วเก้าหันกลับมามองคนที่คิดว่าเป็นพ่ออย่างเต็มตา พลางยกมือขยี้ตา“เดี๋ยวก็หน้าย่นหรอกแก้วเก้า ขยี้ตาแรง ๆ อย่างนั้น” เจ้าองค์อินทร์หยอกล้อ ยิ้มปนหัวเราะแก้วเก้าได้ยินเสียงชัด ๆ “มะ มะไม่ใช่พ่อหรอกเหรอคะ” รู้สึกตัวว่าทำเรื่องขายหน้า “คุณเจ้าอ่ะ”เจ้าองค์อินทร์ส่ายหน้า ทำหน้าล้อเลียน ความสุขแล่นฉิวไปทั่วทั้งร่างแก้วเก้ารู้สึกอื้ออึงไปทั้งศีรษะ เมื่อกี๊ที่เธอกอดไม่ใช่พ่อ แต่เป็นเขา คนที่เธอนั่งรอ อยู่ในความฝันเนิ่นนาน แสนทรมาน ภาณินีปล่อยให้ทั้งคู่ใช้เวลาด้วยกันอีกครั้ง“แม่ลงไปโทรศัพท์บอกพ่อของลูกก่อนนะ เก้า...คุยกับเจ้าองค์อินทร์ดี ๆ ล่ะ”แก้วเก้าได้ยินเสียงแม่ แต่จับใจความอะไรไมได้ เพราะจิตใจของเธอ จดจ่ออยู่กับชายหนุ่มตรงหน้าÿอลงกตขั
เจ้าองค์อินทร์นั่งซึมเหม่อนึกถึงแก้วเก้าที่เคลื่อนไหวอย่างร่าเริง ช่างพูด ช่างคุย และต่อว่าเขาเสมอ ๆ พอได้เห็นเธอนอนนิ่งและเงียบไปอย่างนี้ ความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียเธอไป ทำให้เขารู้สึกหนาวสะท้านเข้าไปในทรวงอก “บางทีเจ้าองค์อินทร์อาจจะช่วยเก้าได้” ภาณินีบอก“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่กรุณาไว้ใจผม” อธิคมสบสายตากับภรรยา แล้วก้าวออกไปÿเจ้าองค์อินทร์นั่งบนขอบเตียง จับมือของเธอมากุม คลึงนิ้วเรียวยาวเบา ๆ “แก้วเก้าหนีไปเที่ยวอยู่ที่ไหนคนเดียว มารับผมไปด้วยสิ ... เที่ยวคนเดียวสนุกเหรอ…” วางมือของแก้วเก้าลงข้าง ๆ ลำตัว ก้มลงจุมพิตที่หน้าผาก “น้องเก้า” น้ำตาของชายหนุ่ม หยดลงบนพวงแก้มขาวซีด “เพราะผม...ผมเองที่พาเลอสรวงมาทำร้ายน้องเก้า ครั้งแล้ว ครั้งเล่า น้องเก้า ผมขอโทษ”“ตื่นขึ้นมาสิครับ ผมรอให้น้องเก้าต่อว่า หรือทำโทษยังไงก็ได้ แต่ขอให้น้องเก้ากลับมาเป็นสาวน้อยที่น่ารักและสนุกสนานคนเดิม” เขาลูบไล้เช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มนั้น ยั้งมือนิดหนึ่ง น้ำตาของแก้วเก้าหรือน้ำตาของเขากันแน่นะ ทำไมเหมือนกับซึมออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเธอ ÿ ตั้งแต่ถูกพลังจิตของเจ้าขวัญฟ้าดึงออกมา แล้วถูกปล่อยก
แก้วเก้าเดินลงไปจนถึงชายตลิ่ง เพื่อนสองคนของเธอไม่มีใครสนใจมองเธอเลย ไม่ว่าจะส่งเสียงเรียกดังขนาดไหน “ใหญ่ ใหญ่ ฮือ ฮือ ช่วยฉันด้วย ฉันอยากกลับบ้าน”เธอกลับขึ้นมายืนบนฝั่งอีกครั้ง แล้วเดินไปเรื่อย ๆ มองเหลียวหลังกลับไปดูเพื่อนเป็นระยะไม่มีใครสนใจว่าเธออยู่ตรงนั้น“ฉันทำไม่ดีกับแกใช่มั้ยใหญ่... แกก็เลยเอาคืน... ฉันรักแกนะ... แต่ไม่รู้สิ... เวลาแกมองฉัน ฉันมักจะนึกถึงใครอีกคนทุกที ฉันนึกถึงเขาเสมอเลย แต่พอเห็นว่าเป็นสายตาของแก ฉันก็รู้สึกไม่ชอบ ฉันอยากให้แกมองฉันอย่างเดิม มองธรรมดา ๆ ยิ้มธรรมดา ๆ ไม่ต้องทำแบบคุณเจ้าได้มั้ย ให้เขามองฉันอย่างนั้น คนเดียวก็พอ... คุณเจ้า! เจ้าองค์อินทร์อยู่ไหน.... มาช่วยเก้าที... เก้าอยากกลับบ้าน... ฮือ... ฮือ... ฮือ...” แก้วเก้าสะอึกสะอื้น เริ่มสิ้นหวังที่จะกลับถึงบ้านขึ้นเรื่อย ๆ แต่แล้วสายน้ำตาปี ก็เปลี่ยนไป...เธอกลับมานั่งอยู่ริมคลองในสวนร่มรื่น มีเรือแจวมาขายก๋วยเตี๋ยว ดอกลีลาวดีทัดหูอยู่ทั้งสองข้าง ส่งกลิ่นหอม “เก้าชอบที่นี่ เก้าอยากมีบ้านอยู่ที่นี่ แต่ย่านวลบอกว่า มันเป็นวัด เก้าจะไปอยากอยู่วัดได้ยังไง นั่นสิเนอะ.... แล้วทำไมเก้าจะอ
อธิคมยกมือปิดปากหาว ปิดไฟ แสงไฟดับวูบลง เขาเอนตัวลงบนที่นอนของลูกสาว นึกในใจว่าวันนี้ ตั้งแต่เลอสรวงตกน้ำ เพิ่งจะได้พักผ่อน ... ตอนนี้ความกังวลเรื่องชายคนนั้น ผ่อนคลายลงแล้ว โมบายดินเผาข้างนอก ส่งเสียงดังกรุ๋งกริ๋งยามต้องลม อธิคมฟังเพลิน ๆ เริ่มเคลิ้ม เขาดึงผ้าห่มที่ปลายเท้าขึ้นคลุมตัว ขณะที่ข้างนอกนั้นหมอกควันลอยล่องขึ้นจากท้องน้ำ ม้วนตัวขึ้นเป็นลำแสงยาว ๆ พุ่งขึ้นมาบนระเบียงบ้าน “แก้วเก้าเนาวรัตน์ขัติยนารีศรีเวียงเชียงรุ้ง” เสียงทุ้มนุ่ม ดังก้องขึ้น แต่ไม่อาจผ่านเข้าไปถึงข้างใน ลมพัด วี้ด วื้อ เหมือนจะมีลมฝน แต่เสียงกรุ๋งกริ๋งกลับเงียบหาย... อธิคมลืมตาขึ้นในความมืด ดึงผ้าห่มที่คลุมหน้าออก พลิกตัวตะแคงข้าง ยอดไม้ชายน้ำคลองมอญโบกโยกไปมา บ้านทั้งหลังคล้ายกำลังจะพังครืน อธิคมรู้สึกอย่างเดี
“ตามจารีตประเพณีเจ้านางหญิงจะถูกเก็บตัวให้ทำงานบ้านงานเรือนอยู่ในคุ้มหลวง วันบุญวันพระจึงจะได้ออกไปไหว้บูชาพระธาตุหลวง เจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ตอนที่ยังพระเยาว์เคยตามเจ้าขวัญฟ้าราชบุตรไปเที่ยวป่าเที่ยวเขานอกเมือง และมักจะลงสรงน้ำกาหลง เล่นสนุกสนาน เจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์จึงทรงยึดถือเอาเจ้าขวัญฟ้าราชบุตร ลูกผู้พี่ เป็นชายในอุดมคติมาตั้งแต่เด็ก จนโตเป็นสาว เหตุที่เจ้าศรีธรรมกับเจ้าศรีภูมิสองพี่น้องขัดใจกัน และยิ่งขัดแย้งหนัก ก็เพราะเจ้าศรีธรรมถูกนางคำหล้า สนมคนหนึ่งเพ็ดทูลใส่ร้ายเจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ว่าประสงค์จะให้เจ้าขวัญฟ้าราชบุตรทำการรัฐประหารและขึ้นครองเชียงรุ้ง เจ้าหลวงเชื่อถือนางคำหล้า จึงส่งสารบอกเจ้าศรีเวียงไชย ให้ส่งราชบุตร คือเจ้าศรีเวียงไชยะบุรีมารับตัวเจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ เจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ทรงหนีไปกับเจ้าขวัญฟ้าราชบุตรข้ามแม่น้ำกาหลงหนีตายไปถึงเชียงม่อน แสดงว่า ทรงรักใคร่ในตัวพระเชษฐาจนยอมสละทุกอย่างได้ ฉันไม่คิดว่าท่านจะมีใจให้เจ้าลอราชบุตรหรอกนะ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยัน” &
อธิคมรับโทรศัพท์จากภรรยา ซึ่งเดาว่าโทรมาตามให้ไปทานอาหาร เจ้าขวัญสรวงบอกว่าจะอยู่เฝ้าลูกชาย แต่เจ้าขวัญหล้าเอ่ยปรามขึ้นเสียก่อน “อย่าเลย ไม่ต้องเฝ้าหรอก ขวัญสรวงลูกตรากตรำมามากเกินไปแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาอีกทีนะ เชื่อแม่” “ครับ ผมอยู่ใกล้ ๆ จะมาดูให้แต่เช้าเลย ตอนนี้เราไปทานอาหารเย็นกันดีกว่า พวกนั้นรออยู่นานแล้ว” “อืม...เจ้าป้าคะ” แก้วเก้านึกวิธีเอาใจเจ้าขวัญสรวง “ที่ร้านนั่นน่ะ ใหญ่เพื่อนเก้า คนที่โดดน้ำลงไปช่วยคุณเลอสรวง รออยู่นะคะ พรุ่งนี้ใหญ่จะกลับปักษ์ใต้แล้ว” “จริงสินะ ป้าลืมไป เราต้องไปขอบใจเขาที่ช่วยเลอสรวง” เจ้าขวัญสรวงยิ้มออก เธอก้มลงไปหอมแก้มลูกชาย เดินไปที่เตียงหลานชาย หอมแก้มอีกคน