วิชุดาสั่นหน้า ไม่ยี่หระกับเรื่องนั้น “เปล่า ... ! เขาเต็มใจเอง เขาโกรธพี่สาวกับเจ้าขวัญหล้า คนแก่สองคนนั้นสมคบกัน นรินทร์... เขาไม่จริงใจกับเรา” “ไม่จริงหรอกครับคุณแม่ พวกเขารักเรา” เจ้าเทพนรินทร์นึกถึงเจ้าย่าขวัญหล้า การสนทนากันในค่ำคืนนั้นที่คุ้มแมนรัตน์ “ไม่ได้นะนรินทร์ ลูกจะบอกใครไม่ได้” วิชุดาจับแขนลูกชายเขย่า อย่างคนเสียสติ เจ้าเทพนรินทร์จอดรถ เขาประคองรถเข้าข้างทาง เหมือนอย่างที่กำลังประคองจิตใจให้มีสติระลึกรู้ในสิ่งที่กำลังทำ “บอกมาสิครับว่า พ่อผมคือใคร” วิชุดาปิดหน้าร้องไห้ สะอึกสะอื้น “เขา...เขา ชื่อ ปริญญา สิทธิฐากร” “ปริญญา สิทธิฐากร” เจ้าเทพนรินทร์พึมพำ “พ่อของปูเป้ เขาเป็นพ่อของปูเป้นี่ครับ” “ใช่แล้ว ลูกเป็นพี่ชายของปูเป้ คนละแม่กัน พ่อของลูกสั่งห้ามแม่กลับเมืองไทย ห้ามเปิดเผยตัวตน แต่นรินทร์...แม่รักพ่อของลูกนะ ไม่ได้รักเจ้าแมนสรวง” เขาขยับข้อมือกระตุกเกียร์ เหยียบคันเร่ง “ขอผมตั้งสติก่อนนะครับแม่ เรากลับบ้านกันเถอะ”
“เจ้าคะ คิดอะไรอยู่” ภาณินีเห็นอีกฝ่ายมองเหม่อ เหมือนกับตั้งใจอ่าน แต่สายตาไม่ได้จับจ้องตัวหนังสือ “ผมอยากทราบว่า ผู้สืบสายสกุลเชียงม่อน คือ พวกไหนในปัจจุบันนี้” “งานเลี้ยงรับรองเจ้าแมนสรวงและทอมมัสที่คุ้มแมนรัตน์ วันนั้นจะมีคนสายสกุลนั้นมากันบ้างมั้ยคะ” “ไม่ทราบครับ ผมไม่อยู่ในงานเสียด้วย ได้รับรองแขกช่วงต้น ๆ หน่อย ท่านว่ามาจากอำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา” “เจ้าได้ลงทะเบียนชื่อแขกไว้ด้วยหรือเปล่าคะ ถ้ามีเราลองเอามาดูด้วยกัน หรือว่าถามเจ้าย่าของคุณ ก็จะได้คำตอบเร็วที่สุด” “ลงทะเบียนไว้ครับ มีชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์พร้อม แต่อยู่ที่คุ้มแมนรัตน์ ไม่ได้เอาลงมากรุงเทพด้วย” “เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะคะ” ภาณินีมองชายหนุ่ม ซึ่งกำลังครุ่นคิดติดพัน เธอโยนข้อสมมมุติฐานใหม่เข้าไปอีก “ถ้าหากเจ้าขวัญฟ้าเป็นคนเผาเมืองเวียงไชยเองล่ะคะ แต่โยนความผิดให้เจ้าราชบุตรเชียงม่อน โดยเขียนประวัติศาสตร์เอาไว้ให้ลูกหลานของตัวเองบอกเล่ากันมาแบบผิด ๆ พี่ตั้งสมมุติฐานนี้จากหลักฐานการค้
“นรินทร์ น้องไม่สบายหรือเปล่า เสียงเหมือนเป็นหวัด” ถามด้วยความเป็นห่วง “ผมสบายดีครับ พี่ชาย ทางนั้น เจ้าย่า เจ้าป้า และพี่เลอสรวงเป็นอย่างไรบ้างครับ” “ทุกคนสบายดี พวกเราคิดถึงน้อง” “ขอบคุณครับ พี่ชาย” “คุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง นรินทร์ เตือนท่านหน่อยนะ อย่าหักโหมทำงานหนัก เดี๋ยวจะป่วยไป” “ครับ พี่ชาย” เจ้าเทพนรินทร์เริ่มหายใจติดขัด “แค่นี้นะครับ เดี๋ยวผมจัดการให้” “ถ้าไม่สบายน้องก็นอนก่อนเถอะ พี่ไม่รีบร้อน” “ฝากบอกน้องเก้าด้วยนะครับว่า พี่นรินทร์ขอให้เธอสอบได้ตามที่ตั้งใจ” “พี่จะบอกให้นะ ตอนนี้น้องเก้ากำลังมีความสุขมาก” “พี่ชายพูดเหมือนกำลังงอนน้องเก้า” “เปล่า! เธอพบเพื่อนเก่า เลยชวนกันมาทานข้าวด้วย” เจ้าองค์อินทร์กดปิดโทรศัพท์ หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในร้าน แล้วเปลี่ยนใจ เดินเข้าห้องน้ำก่อนÿ “อินดี้!” เสียงเล็ก ๆ เรียกเจ้าองค์อินทร์ ขณะเดินออกจากห้องน้ำ กำลังกลับเข้าไปร้านอาหาร “อ้าว ปูเป้ ส
“ผมไม่เก่งเหมือนใหญ่ครับ คะแนนจีพีเอของใหญ่กับเก้าสูงที่สุดในโรงเรียน” “ใหญ่เรียนเก่ง แสดงว่าขยันเรียนสิ” “ขยันครับ กตัญญูด้วย ช่วยแม่เลี้ยงน้อง ทำงานบ้านทุกอย่าง” “ถ้าเกิดได้ที่เรียนไกลบ้านจะทำยังไง” “ป้าบัวคงลำบากหน่อย แต่น้องชายอีกคนก็ทำแทนใหญ่น่ะครับ” “บ้านใหญ่เขาทำอาชีพอะไรกัน” “ลุงสมบูรณ์เป็นภารโรงโรงเรียน ส่วนป้าบัวก็เป็นแม่บ้าน ทำกับข้าวขายในโรงเรียนครับ” “แล้วหรัดล่ะ พ่อกับแม่ทำงานอะไร” “พ่อผมเป็นนายสถานีรถไฟครับ แม่ขายอาหารตามสั่งริมทางรถไฟ” “สนิทสนมกับแก้วเก้าได้ยังไงล่ะ” เจ้าองค์อินทร์เลียบเรียงเคียงถามไปเรื่อย ๆ “ที่สนิทกันเพราะพวกเราชอบเล่นน้ำด้วยกัน วันหยุดเสาร์อาทิตย์ เราก็นัดเจอกันหลังโรงเรียน” “เพื่อนผู้หญิงคนอื่นมีมั้ยที่สนิท ๆ กัน” “ไม่มีหรอกครับ ผู้หญิงคนอื่น ๆ ชอบชวนกันไปเที่ยวเดินตลาด เข้าจังหวัดซื้อของ เก้าไม่ชอบ อีกอย่างพ่อกับแม่ของเก้าก็ไม่ชอบให้เก้าไปเที่ยวแบบนั้นด้วย”
“ดีครับ รอผมสวมเสื้อโค้ชก่อนฮะ” เลอสรวงฉวยเสื้อโค้ชสีขาว สวมทับ เสื้อยืดคอกลม หลังจากนั้นสองพี่น้องเดินทางออกจากแกรนด์คอนโดมิเนียม ราว ๆ 9 นาฬิกา ÿ ณ ทอร์นี่ย์อพาร์ทเมนต์ เคนซิงตัน ลอนดอน ภายหลังรับโทรศัพท์พี่ชายจากเมืองไทย แม่ของเขาก็ออกไปข้างนอกระหว่างค้นหาภาพถ่ายที่พี่ชายต้องการ เจ้าเทพนรินทร์ ได้พบหนังสือ “ขบถเจ้า” ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของเจ้าแมนสรวง เป็นเล่มต้นฉบับของเจ้านพวงศ์ เดินเส้นทองที่ปกหนังสือ สภาพสมบูรณ์ เหมือนเล่มที่คุ้มท้าวศรีบุญจันทร์ เขาถือโอกาสฉวยหนังสือออกมาพร้อมกับรูปภาพงานพระราชทานเพลิงศพเจ้า นพวงศ์ ณ แมนรัตน์ ภาพถ่ายสีซีเปีย รูปหมู่ของครอบครัว ณ แมนรัตน์ กับแขกที่มาร่วมงานตั้งอยู่บนโต๊ะของเจ้าแมนสรวงมานานหลายปี ก่อนที่เขาจะเกิดด้วยซ้ำ เขาไม่เคยสนใจภาพเหล่านี้มาก่อน พี่ชายต้องการไปทำไม “ใช่สิ! เราไม่ใช่สายเลือดของพวกเขา” เจ้าเทพนรินทร์ยิ้มอย่างขมขื่น “กาฝาก” เสียงในความคิดแว่วมา ทำนองเย้ยหยันอีกเสียงหนึ่งเหมือนจะเป็นมิตรกับจิตใจของเขามากกว่า “พวกเขาไม่เคยทำให้เรารู้สึกต่ำต้อย ไร้ค่า พี่เลอสร
ทอมมัสหยิบใบแจ้งผลตรวจเลือดของเจ้าองค์อินทร์กับเจ้าเทพนรินทร์สองใบ มองสลับไปสลับมา “คุณยังไงล่ะ เจ้าเทพนรินทร์ คุณคือแรงจูงใจ ที่ทำให้คุณวิชุดา อยากกำจัดคู่แข่ง ที่จะแย่งทรัพย์มรดกมหาศาลของเจ้าขวัญหล้า เดิมผมไม่ได้คิดถึงข้อนี้ เพราะตอนนั้นเราเชื่อว่าคุณเป็นลูกของเจ้าแมนสรวงยังไงก็ต้องได้ส่วนแบ่งมากมายอยู่แล้ว และคุณเองก็แสดงจุดยืนมาตลอดว่าคุณพอใจเท่าที่เจ้าย่าให้ แต่คุณวิชุดาไม่คิดแบบนั้น เธอรู้อยู่เต็มอกว่าคุณไม่มีสิทธิ์ และส่วนแบ่งของหลาน 3 คน 2 คนนั้น เป็นสายเลือดแท้ ๆ ของแมนรัตน์ แต่คุณไม่ใช่ แม่ของคุณอยากให้คุณได้รับคนละครึ่งกับเจ้าองค์อินทร์ซึ่งป็นลูกของเธอทั้งคู่ นั่นคือการเอาส่วนของเลอสรวงทั้งหมดมาให้คุณ” “ไม่หรอกฮะ ทอมมัส เมื่อคืนคุณแม่บอกว่า ไม่เคยรักเจ้าแมนสรวง แต่รักนายปริญญา ท่าทางเธอไม่ได้แคร์เรื่องที่เจ้าแมนสรวง ต้องโทษติดคุกเลย คุณแม่เฉย ๆ นะครับ เมื่อรู้ว่าพวกแมนรัตน์ไม่ได้ให้อะไร เจ้าแมนสรวงเลย” “ท่านจะต้องดีใจมาก ๆ ต่างหากล่ะ ที่ไม่ต้องเหนื่อยแรงอะไร สำนักงานกฎหมายก็ตกมาเป็นของคุณแต่ผู้เดียวทั้งหมด ทั้งส่
“โอ...” หมอตกใจคำรบสอง “ผู้หญิงคนที่เราพบเธอที่สยามพารากอน” “ใช่ครับ” หมอเนตรดาวแตะฝ่ามือลงไปบนหลังมือชายหนุ่มเบา ๆ แสดงความเห็นใจเขาแทนคำพูด พลางมองไปรอบ ๆ ห้องหนังสือที่จัดเรียงหนังสือเก่าและหนังสือใหม่อย่างสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย เธอคิดว่า ความจริงเบื้องหลังการตายของมิสเตอร์สมิธกำลังจะเปิดเผย ขณะเดียวกันความลับที่ซ่อนอยู่ระหว่างตระกูลศักดิ์เดชากับ ณ แมนรัตน์ ก็กำลังจะถูกเปิดเผยขึ้นจากมุมเล็ก ๆ ในบ้านหลังนี้เช่นกัน นับตั้งแต่แก้วเก้าหลานสาวของเธอรับบท เจ้านางน้อยในละครนางเชลยศักดิ์ ผู้คนภายในคุ้มแมนรัตน์มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ซึ่งคนที่เอาคนสองครอบครัวนี้ไปข้องเกี่ยวกันก็คือ ตัวหมอนั่นเอง หมอเนตรดาวมองดูหลานสาว เธอพบว่า เจ้าองค์อินทร์เองก็กำลังมองหลานสาวของเธออยู่ด้วยเช่นกัน ความคิดของเธอคงไม่ผิดพลาดแน่นอน เจ้าองค์อินทร์ อาจารย์หนุ่มกำลังหลงรักเด็กสาวลูกศิษย์จำเป็นคนนี้ อธิคมเห็นว่า เจ้าองค์อินทร์รับโทรศัพท์แล้วหายไปนาน เขาขยับตัวจะลุกเข้าไปในบ้าน ไม่ต้องการให้เจ้าองค์อินทร์กับลูกสาวอยู่กัน
เลอสรวงล้วงกระเป๋าสตางค์ หยิบเงินออกมา 200 บาท ส่งให้แม่ค้า แลกกับถุงขนม แก้วเก้าถือขวดน้ำ รออยู่บนฝั่ง รอเลอสรวงกลับขึ้นมา ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปเห็นแก้วเก้ารออยู่ แต่ว่าเป็นแก้วเก้าที่ไม่ใช่เด็กสาวที่เขารู้จัก … เธอแต่งตัวสวย ผมเกล้ามวยติดช่อเอื้องสีเหลือง เหมือนออกมาจากหนังสือเล่มเก่า ๆ สวมเสื้อแขนกระบอก คอจีบ สีออกเหลืองอ่อน ๆ ผ้านุ่งทอยกลายทั้งผืน เครื่องเงินประดับที่คอและลำแขน ทับทิมสีแดงสดส่องแสงวาววับ เจ้าองค์อินทร์ พี่ชายของเขาเดินตามหลังมายืนซ้อนเธอคนนั้น สวมเสื้อคอตั้ง แขนยาว กางเกงขายาวครึ่งน่อง ชายผ้าประดับเลื่อมลายด้วยเพชร พลอย ในมือถือฝักดาบยาว ทั้งคู่ยิ้มและโบกมือเรียกเขา เลอสรวงขยี้ตา ก้มดูทางเดิน พยายามฝืนเดินไปให้ถึงฝั่งโดยเร็ว เรือแจวของยายคนนั้น เลยไปไกลแล้ว.... เสียงคนหล่นลงไปในน้ำคลองมอญดัง ตูม! ตามมาด้วยเสียงหวีดร้องของคนที่อยู่บนฝั่ง “เลอสรวง!” เสียงของพี่ชายสะท้อนไปทั่วคุ้งน้ำ “พี่ชายครับ” สติรับรู้ของเลอสรวงดับวูบลงแล้วแจ่มใสขึ้นมาอีกครั้ง พร
“ครับ” เจ้าองค์อินทร์ชักจะเริ่มเกร็งขึ้น แข็งใจถามกลับไปว่า “เอ้อ เพราะเจ้าย่าให้สร้อยนั่นกับน้องเก้า แล้วทำให้ผมกับเธอกลายเป็นคู่หมั้นกันหรือเปล่าครับ”ภาณินีพยักหน้า “ใช่ค่ะ ... เราเห็นว่าการหมั้นครั้งนั้นเจ้าย่าของเจ้าทึกทักเอาฝ่ายเดียว เราไม่รู้ไม่เห็นด้วย รวมทั้งตัวเจ้าก็ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ อย่างนี้เรายิ่งยอมรับไม่ได้”เจ้าองค์อินทร์ใจแป้วลงไปเป็นกอง ถึงจะเพิ่งรู้เรื่องการหมั้นและรู้จักความหมายของสร้อยมณีแก้วเก้า แต่เขาก็ยินดีที่จะรับเงื่อนไขตามนั้นโดยไม่มีข้อแม้เลย เสียงภาณินียังคงเจื้อยแจ้วต่อไป“เรารู้จักกับเจ้ามาตั้งหลายเดือนแล้วนะคะ ถึงวันนี้พี่ว่า ครอบครัวของเราก็สนิทสนมคุ้นเคยกันมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่พี่กับพี่คมยังไม่ทราบเลยว่า เจ้ามีคนรักหรือยัง เรายังไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงเพื่อนผู้หญิง นอกจากคุณปูเป้ที่เคยเห็นตัวคนนั้น คุณปูเป้เป็นคนรักของเจ้าหรือของเจ้าเทพนรินทร์กันแน่คะ”เจ้าองค์อินทร์รู้สึกขัน เมื่อเจอคำถามนี้ “อาจารย์ … ” เขาเรียกภาณินี หัวเราะในลำคอ หึ หึ “ผมน่
เจ้าขวัญหล้าทั้งยิ้ม และขำไปด้วย “ย่านวลนี่ก็ ... พูดจาเสียจนฉันใจหายหมดเลย”ขณะพูดแก้วเก้าเห็นเจ้าองค์อินทร์แต่งตัวหล่อเฟี้ยวเข้ามาในห้อง พร้อม ๆ กับเจ้าขวัญสรวง แก้วเก้ายกคางเกยตักย่านวล มองเขาตาแป๋ว... คิดในใจว่า คุณเจ้าหล่อจัง พอเห็นสายตาของเขาตวัดมองมา แก้วเก้ากลับเขิน หลบสายตาของเขา เอาหน้าซบกับตักย่านวล มือสองข้างกอดหน้าแข้งย่า ทำมือขยุกขยิกย่านวลเขย่าขา ก้มลงมองว่าหลานสาวทำอะไรกับขาของแก“เก้า...เงยหน้าขึ้นมาสิลูก”“อะไรคะย่า เก้าหิวข้าวแล้วไปกันเถอะ ตกลงกันเสียทีสิคะว่าย่านวลกับเจ้าย่าใครจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวมือนี้”“อะไรกัน มาถึงบ้านย่า ย่าก็ต้องเลี้ยงน่ะสิ นี่เราสองบ้านมารวมญาติกันนะ จริงมั้ย อาจารย์อุ้ม อาจารย์อลงกต”“ครับเจ้า” อลงกตทราบเรื่องทั้งหมดจากน้องสาวแล้ว “ผมกราบขอโทษ ที่จำเรื่องตอนเด็ก ๆ ไม่ค่อยได้เพราะไปเรียนอยู่ต่างประเทศตั้งแต่จบ ม.ปลาย”“ท่านนายพลฯ กับคุณหญิงมีลูกน่ารักทั้งคู่ ดูสิโตจนป่านนี้ ก
“ผมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับคุณแม่ กริชอันนั้น แรงจริง ๆ ผมงี้ตัวสั่น รู้สึกถึงพลังที่มารวมอยู่กับจิตของผมแล้วพุ่งออกไปเมื่อผมสั่งด้วยจิตของผมเองให้หมามันหยุดเห่า เออ มันหยุดจริง ๆ แถมกลัวจนหางจุกตูดเลย”“เหรอครับ ... ” อธิคมเหลียวไปข้างหลัง คุยกับแม่ “เอาอย่างไรดีครับ แม่เป็นห่วงกรณ์จะกลับไปดูมั้ย หรือว่าจะเดินหน้าไปกรุงเทพกับผมต่อ”ย่านวลเอนหลัง มองออกไปข้างนอกรถ อลงกตผ่อนความเร็วลง รอว่าย่านวลจะตัดสินใจอย่างไร “แม่ไปดูหลานที่กรุงเทพก่อน ไอ้กรณ์มันทำตัวมันเอง อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ เข้าสี่สิบแล้ว เดี๋ยวลูกเมียมันก็ดูแลกันเอง” “เอางั้นนะ เฉียบกับชาวบ้านช่วยกันจับตัวเอาไว้ได้แล้ว เอาไปให้หลวงลุงปลดดูอาการอยู่ คงทำน้ำมนต์รดให้นั่นแหละ เอะอะอะไรก็หาหลวงลุงรดน้ำมนต์กันท่าเดียว” “ก็ชาวบ้านเขาเชื่อถือศรัทธา ถ้าไม่มีน้ำมนต์ดี ชาวบ้านก็ไม่เข้าวัดหรอก สิ้นหลวงพี่ปลดแล้วจะหาใครมาดึงคนเข้าวัดล่ะ พระเณรแต่ละคน พ่อแม่พามาบวชอาศัยข้าวสุกวัดกันเสียส่วนใหญ่ ดูแต่ไอ้จ้อยหลานยายแป๊วสิ นี่ก็ถูกบังคับให้บวชเรียนเป็นเณรแล้ว เมื่อห้าวันเจ็ดวันมานี่เอง”“เหรอครับ จ้อยบวชเป็นเณรก็ดี พระเกจิอาจารย์หลายท่านก
“แม่ก็ไม่เป็นไรหรอก เป็นห่วงลูกมากกว่า ลูกมัวแต่ถามถึงพ่อกับแม่ ตัวลูกเองล่ะที่เป็นหนัก ดีนะที่ได้เจ้าองค์อินทร์มาช่วย” แม่พยายามบอกให้รู้ ว่าเจ้าองค์อินทร์นั่งอยู่ด้วย“เจ้าองค์อินทร์!” แก้วเก้าหันกลับมามองคนที่คิดว่าเป็นพ่ออย่างเต็มตา พลางยกมือขยี้ตา“เดี๋ยวก็หน้าย่นหรอกแก้วเก้า ขยี้ตาแรง ๆ อย่างนั้น” เจ้าองค์อินทร์หยอกล้อ ยิ้มปนหัวเราะแก้วเก้าได้ยินเสียงชัด ๆ “มะ มะไม่ใช่พ่อหรอกเหรอคะ” รู้สึกตัวว่าทำเรื่องขายหน้า “คุณเจ้าอ่ะ”เจ้าองค์อินทร์ส่ายหน้า ทำหน้าล้อเลียน ความสุขแล่นฉิวไปทั่วทั้งร่างแก้วเก้ารู้สึกอื้ออึงไปทั้งศีรษะ เมื่อกี๊ที่เธอกอดไม่ใช่พ่อ แต่เป็นเขา คนที่เธอนั่งรอ อยู่ในความฝันเนิ่นนาน แสนทรมาน ภาณินีปล่อยให้ทั้งคู่ใช้เวลาด้วยกันอีกครั้ง“แม่ลงไปโทรศัพท์บอกพ่อของลูกก่อนนะ เก้า...คุยกับเจ้าองค์อินทร์ดี ๆ ล่ะ”แก้วเก้าได้ยินเสียงแม่ แต่จับใจความอะไรไมได้ เพราะจิตใจของเธอ จดจ่ออยู่กับชายหนุ่มตรงหน้าÿอลงกตขั
เจ้าองค์อินทร์นั่งซึมเหม่อนึกถึงแก้วเก้าที่เคลื่อนไหวอย่างร่าเริง ช่างพูด ช่างคุย และต่อว่าเขาเสมอ ๆ พอได้เห็นเธอนอนนิ่งและเงียบไปอย่างนี้ ความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียเธอไป ทำให้เขารู้สึกหนาวสะท้านเข้าไปในทรวงอก “บางทีเจ้าองค์อินทร์อาจจะช่วยเก้าได้” ภาณินีบอก“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่กรุณาไว้ใจผม” อธิคมสบสายตากับภรรยา แล้วก้าวออกไปÿเจ้าองค์อินทร์นั่งบนขอบเตียง จับมือของเธอมากุม คลึงนิ้วเรียวยาวเบา ๆ “แก้วเก้าหนีไปเที่ยวอยู่ที่ไหนคนเดียว มารับผมไปด้วยสิ ... เที่ยวคนเดียวสนุกเหรอ…” วางมือของแก้วเก้าลงข้าง ๆ ลำตัว ก้มลงจุมพิตที่หน้าผาก “น้องเก้า” น้ำตาของชายหนุ่ม หยดลงบนพวงแก้มขาวซีด “เพราะผม...ผมเองที่พาเลอสรวงมาทำร้ายน้องเก้า ครั้งแล้ว ครั้งเล่า น้องเก้า ผมขอโทษ”“ตื่นขึ้นมาสิครับ ผมรอให้น้องเก้าต่อว่า หรือทำโทษยังไงก็ได้ แต่ขอให้น้องเก้ากลับมาเป็นสาวน้อยที่น่ารักและสนุกสนานคนเดิม” เขาลูบไล้เช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มนั้น ยั้งมือนิดหนึ่ง น้ำตาของแก้วเก้าหรือน้ำตาของเขากันแน่นะ ทำไมเหมือนกับซึมออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเธอ ÿ ตั้งแต่ถูกพลังจิตของเจ้าขวัญฟ้าดึงออกมา แล้วถูกปล่อยก
แก้วเก้าเดินลงไปจนถึงชายตลิ่ง เพื่อนสองคนของเธอไม่มีใครสนใจมองเธอเลย ไม่ว่าจะส่งเสียงเรียกดังขนาดไหน “ใหญ่ ใหญ่ ฮือ ฮือ ช่วยฉันด้วย ฉันอยากกลับบ้าน”เธอกลับขึ้นมายืนบนฝั่งอีกครั้ง แล้วเดินไปเรื่อย ๆ มองเหลียวหลังกลับไปดูเพื่อนเป็นระยะไม่มีใครสนใจว่าเธออยู่ตรงนั้น“ฉันทำไม่ดีกับแกใช่มั้ยใหญ่... แกก็เลยเอาคืน... ฉันรักแกนะ... แต่ไม่รู้สิ... เวลาแกมองฉัน ฉันมักจะนึกถึงใครอีกคนทุกที ฉันนึกถึงเขาเสมอเลย แต่พอเห็นว่าเป็นสายตาของแก ฉันก็รู้สึกไม่ชอบ ฉันอยากให้แกมองฉันอย่างเดิม มองธรรมดา ๆ ยิ้มธรรมดา ๆ ไม่ต้องทำแบบคุณเจ้าได้มั้ย ให้เขามองฉันอย่างนั้น คนเดียวก็พอ... คุณเจ้า! เจ้าองค์อินทร์อยู่ไหน.... มาช่วยเก้าที... เก้าอยากกลับบ้าน... ฮือ... ฮือ... ฮือ...” แก้วเก้าสะอึกสะอื้น เริ่มสิ้นหวังที่จะกลับถึงบ้านขึ้นเรื่อย ๆ แต่แล้วสายน้ำตาปี ก็เปลี่ยนไป...เธอกลับมานั่งอยู่ริมคลองในสวนร่มรื่น มีเรือแจวมาขายก๋วยเตี๋ยว ดอกลีลาวดีทัดหูอยู่ทั้งสองข้าง ส่งกลิ่นหอม “เก้าชอบที่นี่ เก้าอยากมีบ้านอยู่ที่นี่ แต่ย่านวลบอกว่า มันเป็นวัด เก้าจะไปอยากอยู่วัดได้ยังไง นั่นสิเนอะ.... แล้วทำไมเก้าจะอ
อธิคมยกมือปิดปากหาว ปิดไฟ แสงไฟดับวูบลง เขาเอนตัวลงบนที่นอนของลูกสาว นึกในใจว่าวันนี้ ตั้งแต่เลอสรวงตกน้ำ เพิ่งจะได้พักผ่อน ... ตอนนี้ความกังวลเรื่องชายคนนั้น ผ่อนคลายลงแล้ว โมบายดินเผาข้างนอก ส่งเสียงดังกรุ๋งกริ๋งยามต้องลม อธิคมฟังเพลิน ๆ เริ่มเคลิ้ม เขาดึงผ้าห่มที่ปลายเท้าขึ้นคลุมตัว ขณะที่ข้างนอกนั้นหมอกควันลอยล่องขึ้นจากท้องน้ำ ม้วนตัวขึ้นเป็นลำแสงยาว ๆ พุ่งขึ้นมาบนระเบียงบ้าน “แก้วเก้าเนาวรัตน์ขัติยนารีศรีเวียงเชียงรุ้ง” เสียงทุ้มนุ่ม ดังก้องขึ้น แต่ไม่อาจผ่านเข้าไปถึงข้างใน ลมพัด วี้ด วื้อ เหมือนจะมีลมฝน แต่เสียงกรุ๋งกริ๋งกลับเงียบหาย... อธิคมลืมตาขึ้นในความมืด ดึงผ้าห่มที่คลุมหน้าออก พลิกตัวตะแคงข้าง ยอดไม้ชายน้ำคลองมอญโบกโยกไปมา บ้านทั้งหลังคล้ายกำลังจะพังครืน อธิคมรู้สึกอย่างเดี
“ตามจารีตประเพณีเจ้านางหญิงจะถูกเก็บตัวให้ทำงานบ้านงานเรือนอยู่ในคุ้มหลวง วันบุญวันพระจึงจะได้ออกไปไหว้บูชาพระธาตุหลวง เจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ตอนที่ยังพระเยาว์เคยตามเจ้าขวัญฟ้าราชบุตรไปเที่ยวป่าเที่ยวเขานอกเมือง และมักจะลงสรงน้ำกาหลง เล่นสนุกสนาน เจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์จึงทรงยึดถือเอาเจ้าขวัญฟ้าราชบุตร ลูกผู้พี่ เป็นชายในอุดมคติมาตั้งแต่เด็ก จนโตเป็นสาว เหตุที่เจ้าศรีธรรมกับเจ้าศรีภูมิสองพี่น้องขัดใจกัน และยิ่งขัดแย้งหนัก ก็เพราะเจ้าศรีธรรมถูกนางคำหล้า สนมคนหนึ่งเพ็ดทูลใส่ร้ายเจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ว่าประสงค์จะให้เจ้าขวัญฟ้าราชบุตรทำการรัฐประหารและขึ้นครองเชียงรุ้ง เจ้าหลวงเชื่อถือนางคำหล้า จึงส่งสารบอกเจ้าศรีเวียงไชย ให้ส่งราชบุตร คือเจ้าศรีเวียงไชยะบุรีมารับตัวเจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ เจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ทรงหนีไปกับเจ้าขวัญฟ้าราชบุตรข้ามแม่น้ำกาหลงหนีตายไปถึงเชียงม่อน แสดงว่า ทรงรักใคร่ในตัวพระเชษฐาจนยอมสละทุกอย่างได้ ฉันไม่คิดว่าท่านจะมีใจให้เจ้าลอราชบุตรหรอกนะ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยัน” &
อธิคมรับโทรศัพท์จากภรรยา ซึ่งเดาว่าโทรมาตามให้ไปทานอาหาร เจ้าขวัญสรวงบอกว่าจะอยู่เฝ้าลูกชาย แต่เจ้าขวัญหล้าเอ่ยปรามขึ้นเสียก่อน “อย่าเลย ไม่ต้องเฝ้าหรอก ขวัญสรวงลูกตรากตรำมามากเกินไปแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาอีกทีนะ เชื่อแม่” “ครับ ผมอยู่ใกล้ ๆ จะมาดูให้แต่เช้าเลย ตอนนี้เราไปทานอาหารเย็นกันดีกว่า พวกนั้นรออยู่นานแล้ว” “อืม...เจ้าป้าคะ” แก้วเก้านึกวิธีเอาใจเจ้าขวัญสรวง “ที่ร้านนั่นน่ะ ใหญ่เพื่อนเก้า คนที่โดดน้ำลงไปช่วยคุณเลอสรวง รออยู่นะคะ พรุ่งนี้ใหญ่จะกลับปักษ์ใต้แล้ว” “จริงสินะ ป้าลืมไป เราต้องไปขอบใจเขาที่ช่วยเลอสรวง” เจ้าขวัญสรวงยิ้มออก เธอก้มลงไปหอมแก้มลูกชาย เดินไปที่เตียงหลานชาย หอมแก้มอีกคน