ทอมมัสหยิบใบแจ้งผลตรวจเลือดของเจ้าองค์อินทร์กับเจ้าเทพนรินทร์สองใบ มองสลับไปสลับมา “คุณยังไงล่ะ เจ้าเทพนรินทร์ คุณคือแรงจูงใจ ที่ทำให้คุณวิชุดา อยากกำจัดคู่แข่ง ที่จะแย่งทรัพย์มรดกมหาศาลของเจ้าขวัญหล้า เดิมผมไม่ได้คิดถึงข้อนี้ เพราะตอนนั้นเราเชื่อว่าคุณเป็นลูกของเจ้าแมนสรวงยังไงก็ต้องได้ส่วนแบ่งมากมายอยู่แล้ว และคุณเองก็แสดงจุดยืนมาตลอดว่าคุณพอใจเท่าที่เจ้าย่าให้ แต่คุณวิชุดาไม่คิดแบบนั้น เธอรู้อยู่เต็มอกว่าคุณไม่มีสิทธิ์ และส่วนแบ่งของหลาน 3 คน 2 คนนั้น เป็นสายเลือดแท้ ๆ ของแมนรัตน์ แต่คุณไม่ใช่ แม่ของคุณอยากให้คุณได้รับคนละครึ่งกับเจ้าองค์อินทร์ซึ่งป็นลูกของเธอทั้งคู่ นั่นคือการเอาส่วนของเลอสรวงทั้งหมดมาให้คุณ” “ไม่หรอกฮะ ทอมมัส เมื่อคืนคุณแม่บอกว่า ไม่เคยรักเจ้าแมนสรวง แต่รักนายปริญญา ท่าทางเธอไม่ได้แคร์เรื่องที่เจ้าแมนสรวง ต้องโทษติดคุกเลย คุณแม่เฉย ๆ นะครับ เมื่อรู้ว่าพวกแมนรัตน์ไม่ได้ให้อะไร เจ้าแมนสรวงเลย” “ท่านจะต้องดีใจมาก ๆ ต่างหากล่ะ ที่ไม่ต้องเหนื่อยแรงอะไร สำนักงานกฎหมายก็ตกมาเป็นของคุณแต่ผู้เดียวทั้งหมด ทั้งส่
“โอ...” หมอตกใจคำรบสอง “ผู้หญิงคนที่เราพบเธอที่สยามพารากอน” “ใช่ครับ” หมอเนตรดาวแตะฝ่ามือลงไปบนหลังมือชายหนุ่มเบา ๆ แสดงความเห็นใจเขาแทนคำพูด พลางมองไปรอบ ๆ ห้องหนังสือที่จัดเรียงหนังสือเก่าและหนังสือใหม่อย่างสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย เธอคิดว่า ความจริงเบื้องหลังการตายของมิสเตอร์สมิธกำลังจะเปิดเผย ขณะเดียวกันความลับที่ซ่อนอยู่ระหว่างตระกูลศักดิ์เดชากับ ณ แมนรัตน์ ก็กำลังจะถูกเปิดเผยขึ้นจากมุมเล็ก ๆ ในบ้านหลังนี้เช่นกัน นับตั้งแต่แก้วเก้าหลานสาวของเธอรับบท เจ้านางน้อยในละครนางเชลยศักดิ์ ผู้คนภายในคุ้มแมนรัตน์มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ซึ่งคนที่เอาคนสองครอบครัวนี้ไปข้องเกี่ยวกันก็คือ ตัวหมอนั่นเอง หมอเนตรดาวมองดูหลานสาว เธอพบว่า เจ้าองค์อินทร์เองก็กำลังมองหลานสาวของเธออยู่ด้วยเช่นกัน ความคิดของเธอคงไม่ผิดพลาดแน่นอน เจ้าองค์อินทร์ อาจารย์หนุ่มกำลังหลงรักเด็กสาวลูกศิษย์จำเป็นคนนี้ อธิคมเห็นว่า เจ้าองค์อินทร์รับโทรศัพท์แล้วหายไปนาน เขาขยับตัวจะลุกเข้าไปในบ้าน ไม่ต้องการให้เจ้าองค์อินทร์กับลูกสาวอยู่กัน
เลอสรวงล้วงกระเป๋าสตางค์ หยิบเงินออกมา 200 บาท ส่งให้แม่ค้า แลกกับถุงขนม แก้วเก้าถือขวดน้ำ รออยู่บนฝั่ง รอเลอสรวงกลับขึ้นมา ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปเห็นแก้วเก้ารออยู่ แต่ว่าเป็นแก้วเก้าที่ไม่ใช่เด็กสาวที่เขารู้จัก … เธอแต่งตัวสวย ผมเกล้ามวยติดช่อเอื้องสีเหลือง เหมือนออกมาจากหนังสือเล่มเก่า ๆ สวมเสื้อแขนกระบอก คอจีบ สีออกเหลืองอ่อน ๆ ผ้านุ่งทอยกลายทั้งผืน เครื่องเงินประดับที่คอและลำแขน ทับทิมสีแดงสดส่องแสงวาววับ เจ้าองค์อินทร์ พี่ชายของเขาเดินตามหลังมายืนซ้อนเธอคนนั้น สวมเสื้อคอตั้ง แขนยาว กางเกงขายาวครึ่งน่อง ชายผ้าประดับเลื่อมลายด้วยเพชร พลอย ในมือถือฝักดาบยาว ทั้งคู่ยิ้มและโบกมือเรียกเขา เลอสรวงขยี้ตา ก้มดูทางเดิน พยายามฝืนเดินไปให้ถึงฝั่งโดยเร็ว เรือแจวของยายคนนั้น เลยไปไกลแล้ว.... เสียงคนหล่นลงไปในน้ำคลองมอญดัง ตูม! ตามมาด้วยเสียงหวีดร้องของคนที่อยู่บนฝั่ง “เลอสรวง!” เสียงของพี่ชายสะท้อนไปทั่วคุ้งน้ำ “พี่ชายครับ” สติรับรู้ของเลอสรวงดับวูบลงแล้วแจ่มใสขึ้นมาอีกครั้ง พร
“ฮึ้ย!” ย่านวลขนลุก “ฉันจะพูดกับตาคมยังไงล่ะ รายนั้นหวงลูกสาวอย่างกับไข่ในหิน ถ้าได้รู้แป๊กการาวอย่างนี้ มันคงอาละวาดบ้านแตก หาว่าพวกคุณแหกตา หลอกมัดมือชกหมั้นลูกสาว” เจ้าขวัญสรวงส่งสายตาวิงวอนอีกคน “ช่วยหน่อยนะคะ คุณนวล เมื่อกี๊คุณนวลเก่งมากเลย ที่ไล่ผีออกจากร่างเลอสรวงได้ เราเชื่อว่าคุณนวลต้องทำเรื่องนี้ได้สำเร็จแน่ ๆ เลยค่ะ นะ ขนาดผี ยังปราบได้เลย” ย่านวลถูกเยินยอเข้าหน่อย เริ่มใจอ่อน “ก็จะลองดูให้แล้วกัน แต่ถ้าตาคมมันไม่ยอมยกให้ล่ะ พวกคุณจะทำยังไง...” “องค์อินทร์กับแก้วเก้าจะแก้ปัญหานั้นด้วยตนเองค่ะ สร้อยมณีแก้วเก้าเป็นของพวกเขา” “เอ๊...แล้วตอนนี้สร้อยนั่นอยู่ที่ไหน” ย่านวลสงสัยครามครัน
อธิคมรับโทรศัพท์จากภรรยา ซึ่งเดาว่าโทรมาตามให้ไปทานอาหาร เจ้าขวัญสรวงบอกว่าจะอยู่เฝ้าลูกชาย แต่เจ้าขวัญหล้าเอ่ยปรามขึ้นเสียก่อน “อย่าเลย ไม่ต้องเฝ้าหรอก ขวัญสรวงลูกตรากตรำมามากเกินไปแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาอีกทีนะ เชื่อแม่” “ครับ ผมอยู่ใกล้ ๆ จะมาดูให้แต่เช้าเลย ตอนนี้เราไปทานอาหารเย็นกันดีกว่า พวกนั้นรออยู่นานแล้ว” “อืม...เจ้าป้าคะ” แก้วเก้านึกวิธีเอาใจเจ้าขวัญสรวง “ที่ร้านนั่นน่ะ ใหญ่เพื่อนเก้า คนที่โดดน้ำลงไปช่วยคุณเลอสรวง รออยู่นะคะ พรุ่งนี้ใหญ่จะกลับปักษ์ใต้แล้ว” “จริงสินะ ป้าลืมไป เราต้องไปขอบใจเขาที่ช่วยเลอสรวง” เจ้าขวัญสรวงยิ้มออก เธอก้มลงไปหอมแก้มลูกชาย เดินไปที่เตียงหลานชาย หอมแก้มอีกคน 
อธิคมรับโทรศัพท์จากภรรยา ซึ่งเดาว่าโทรมาตามให้ไปทานอาหาร เจ้าขวัญสรวงบอกว่าจะอยู่เฝ้าลูกชาย แต่เจ้าขวัญหล้าเอ่ยปรามขึ้นเสียก่อน “อย่าเลย ไม่ต้องเฝ้าหรอก ขวัญสรวงลูกตรากตรำมามากเกินไปแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาอีกทีนะ เชื่อแม่” “ครับ ผมอยู่ใกล้ ๆ จะมาดูให้แต่เช้าเลย ตอนนี้เราไปทานอาหารเย็นกันดีกว่า พวกนั้นรออยู่นานแล้ว” “อืม...เจ้าป้าคะ” แก้วเก้านึกวิธีเอาใจเจ้าขวัญสรวง “ที่ร้านนั่นน่ะ ใหญ่เพื่อนเก้า คนที่โดดน้ำลงไปช่วยคุณเลอสรวง รออยู่นะคะ พรุ่งนี้ใหญ่จะกลับปักษ์ใต้แล้ว” “จริงสินะ ป้าลืมไป เราต้องไปขอบใจเขาที่ช่วยเลอสรวง” เจ้าขวัญสรวงยิ้มออก เธอก้มลงไปหอมแก้มลูกชาย เดินไปที่เตียงหลานชาย หอมแก้มอีกคน 
“ตามจารีตประเพณีเจ้านางหญิงจะถูกเก็บตัวให้ทำงานบ้านงานเรือนอยู่ในคุ้มหลวง วันบุญวันพระจึงจะได้ออกไปไหว้บูชาพระธาตุหลวง เจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ตอนที่ยังพระเยาว์เคยตามเจ้าขวัญฟ้าราชบุตรไปเที่ยวป่าเที่ยวเขานอกเมือง และมักจะลงสรงน้ำกาหลง เล่นสนุกสนาน เจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์จึงทรงยึดถือเอาเจ้าขวัญฟ้าราชบุตร ลูกผู้พี่ เป็นชายในอุดมคติมาตั้งแต่เด็ก จนโตเป็นสาว เหตุที่เจ้าศรีธรรมกับเจ้าศรีภูมิสองพี่น้องขัดใจกัน และยิ่งขัดแย้งหนัก ก็เพราะเจ้าศรีธรรมถูกนางคำหล้า สนมคนหนึ่งเพ็ดทูลใส่ร้ายเจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ว่าประสงค์จะให้เจ้าขวัญฟ้าราชบุตรทำการรัฐประหารและขึ้นครองเชียงรุ้ง เจ้าหลวงเชื่อถือนางคำหล้า จึงส่งสารบอกเจ้าศรีเวียงไชย ให้ส่งราชบุตร คือเจ้าศรีเวียงไชยะบุรีมารับตัวเจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ เจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ทรงหนีไปกับเจ้าขวัญฟ้าราชบุตรข้ามแม่น้ำกาหลงหนีตายไปถึงเชียงม่อน แสดงว่า ทรงรักใคร่ในตัวพระเชษฐาจนยอมสละทุกอย่างได้ ฉันไม่คิดว่าท่านจะมีใจให้เจ้าลอราชบุตรหรอกนะ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยัน” &
อธิคมยกมือปิดปากหาว ปิดไฟ แสงไฟดับวูบลง เขาเอนตัวลงบนที่นอนของลูกสาว นึกในใจว่าวันนี้ ตั้งแต่เลอสรวงตกน้ำ เพิ่งจะได้พักผ่อน ... ตอนนี้ความกังวลเรื่องชายคนนั้น ผ่อนคลายลงแล้ว โมบายดินเผาข้างนอก ส่งเสียงดังกรุ๋งกริ๋งยามต้องลม อธิคมฟังเพลิน ๆ เริ่มเคลิ้ม เขาดึงผ้าห่มที่ปลายเท้าขึ้นคลุมตัว ขณะที่ข้างนอกนั้นหมอกควันลอยล่องขึ้นจากท้องน้ำ ม้วนตัวขึ้นเป็นลำแสงยาว ๆ พุ่งขึ้นมาบนระเบียงบ้าน “แก้วเก้าเนาวรัตน์ขัติยนารีศรีเวียงเชียงรุ้ง” เสียงทุ้มนุ่ม ดังก้องขึ้น แต่ไม่อาจผ่านเข้าไปถึงข้างใน ลมพัด วี้ด วื้อ เหมือนจะมีลมฝน แต่เสียงกรุ๋งกริ๋งกลับเงียบหาย... อธิคมลืมตาขึ้นในความมืด ดึงผ้าห่มที่คลุมหน้าออก พลิกตัวตะแคงข้าง ยอดไม้ชายน้ำคลองมอญโบกโยกไปมา บ้านทั้งหลังคล้ายกำลังจะพังครืน อธิคมรู้สึกอย่างเดี
เจ้าขวัญสรวง ดอกเตอร์อลงกต หมอเนตรดาว ภาณินี อธิคม เจ้าเทพนรินทร์และท้าวศรีโสภางค์ มาแสดงความยินดีกับเธอ เพื่อนทั้งชายและหญิงห้อมล้อมของถ่ายรูป สลับสับเปลี่ยนกันไปมาแก้วเก้าส่งปริญญาบัตรให้อธิคมและภาณินีชื่นชม ทั้งคู่เปิดออกอ่าน แล้วส่งต่อให้เจ้าองค์อินทร์ เขารับมาถือไว้กับตัว ภาณินีหรี่ตามองว่าที่ลูกเขย“เห็นมั้ยว่าพี่ส่งอะไรให้เจ้า”“ครับ” เจ้าองค์อินทร์ ถูกลูกศิษย์ภาคการละครดึงตัวไปถ่ายรูป พร้อม ๆ กับแก้วเก้า “อะไรนะครับอาจารย์”“หืม... จนป่านนี้ยังเรียกว่าพี่กับอาจารย์กันอยู่อีก” หมอเนตรดาวหัวเราะ ชวนทุกคนเข้าไปที่ห้องทำงานของอลงกตบนอาคารคณะศิลปกรรมอลงกตก็ถูกเชิญถ่ายรูปกับนิสิตเหมือนกัน จนทุกคนพอใจแล้ว อลงกตจับมือหลานสาวกลับมาที่ห้องทำงานของเขา เจ้าองค์อินทร์เดินตามมาด้วยกันเจ้าขวัญสรวงชราลงไปมาก แต่ก็คงความสดใส และมีความสุข เธอลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นหลานชายเดินเข้ามา เจ้าองค์อินทร์กับแก้วเก้าต่างโผเข้าไปประคองและกอดด้วยความรักและคิดถึง&ldqu
“นายปริญญายังมีไพ่ใบสุดท้ายอยู่กับตัวคือคุณวิชุดา หลวงพ่อยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี”“คุณวิชุดาเป็นแม่ของพระองค์อินทร์ จะว่าไปเราก็เกี่ยวดองกับเธออยู่นะ”ภาณินีค้อนสามี“อุ้มกลัวผู้หญิงคนนี้นะคะ พูดถึงเรื่องหมั้นของลูกกับเจ้าองค์อินทร์ ของหมั้นไปอยู่กับหลวงพ่อเสียแล้ว หลวงพ่อบอกพี่คมหรือเปล่าว่าท่านเอาสร้อยไปทำไมคะ”“อืม ไม่ได้บอกอะไรเลย” อธิคมพับหนังสือพิมพ์สอดเก็บเข้าซอง“ท่านต้องมีเหตุผล แต่บอกเราไม่ได้”แก้วเก้าเลื่อนศีรษะที่หนุนหัวไหล่มารดาอยู่ เอาปากเข้าไปใกล้ ๆ กระซิบข้างหูของมารดาเบา ๆภาณินีพูดพึมพำตามที่ได้ยิน แก้วเก้ายกมือปิดปากมารดา เกรงว่ามารดาจะหลุดปากพูดให้ใครได้ยิน อธิคมเห็นภรรยาเบิกตาโพลง“เก้าบอกอะไรแม่ เก้ารู้ใช่มั้ยลูก..!”แก้วเก้าผงกศีรษะสองที แล้วหลับตาลงไปด้วยความอ่อนเพลีย ภาณินีกระซิบบอกต่อสามี“มณีแก้วเก้า คือ แก้วจุฬามณีบนพระนลาฎพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเชียงรุ้งค่ะ”&ld
ปัง ! ปัง! ปัง!“ทางนั้น... เสียงมาจากทางนั้น…!” พระเทพนรินทร์ชี้มือไปข้างหน้า“ฟังดูดี ๆ เสียงปืนดังมาจากปืนคนละกระบอก แล้วก็เหมือนยิงขึ้นฟ้า มันลงมือขุดกันไปแล้วละมัง”เจ้าแมนสรวงผงกศีรษะ เขามองพระหนุ่มทั้ง 3 รูป“พวกเราไม่มีอาวุธเลย แล้วจะต่อสู้อย่างไร”“โยมน้า ไม่เคยได้ยินคำว่า ธรรมะชนะอธรรมเหรอครับ” พระเลอสรวงกล่าว ริมฝีปากเหยียดยิ้ม“น้าเคยได้ยิน เดินตามรอยเท้านั่นไป มันแบกลากอะไรเดินไปด้วย ดูสิ รอบ ๆ รถของมัน รอยเท้าของคนไม่เกิน 10 คนได้”“9 คนครับ หายไปคนหนึ่ง เพราะถูกตำรวจจับเมื่อเช้า” คำปันเดินตามมาส่ง จนพ้นแนวต้นไม้ หนา ๆ เห็นทางไปพระธาตุหลวงเวียงไชย “ตำรวจยึดปืนมันได้ มันยิงหลวงพ่ออุดมแล้ว แต่ปืนไม่ลั่น ผมคิดว่า พวกท่านก็ต้องปลอดภัยเหมือนกัน เพราะท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่ออุดม”“ไม่หรอกนะ คำปัน แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของ ๆ ตน เอาล่ะ ส่งแค่นี้ โยมเข้าไปรออยู่ในรถ เราจะเข
บานประตูห้องด้านขวา ขยับเปิดออก พระองค์อินทร์ยกขาก้าวให้พ้นขอบประตูซึ่งยกขึ้นมาสูงระดับครึ่งหน้าแข้งของเขา แก้วเก้าเห็นเป็นพระองค์อินทร์ก็ก้มหน้าลงมองพื้นกระดาน“โยม... นี่ กุญแจห้องนั้น” “คะ” แก้วเก้ารู้สึกกลัวขึ้นมา “ทำไมเก้าต้องไปอยู่ที่นั่นคนเดียวด้วย”พระองค์อินทร์ยิ้มปลอบใจ“หลวงพี่ล่ะคะ หลวงพี่อยู่ที่ไหน”“อาตมาอยู่ที่นี่”“ห้ามสีกาเข้ามาข้างใน แล้วทำไมเก้าเข้ามาได้ล่ะคะ”“ห้องนี้ต่างหากที่โยมเข้ามาไม่ได้” หลวงปู่สิงห์ เจ้าอาวาสยืนประสานมือไขว้ สำรวมกายอยู่ด้านหลังของแก้วเก้า“ส่วนห้องนั้น เป็นที่ประทับของเจ้านางในคุ้มหลวง ยามที่ท่านมาปฏิบัติธรรม เป็นสมบัติตกทอดของเชียงรุ้ง อาตมาให้ยกมาจากห้องใต้ดิน ใต้ฐานองค์พระธาตุหลวงเวียงไชย”หลวงปู่สิงห์เดินไปเปิดห้องด้านซ้ายเอง ท่านมองแก้วเก้า แล้วเรียกให้เธอเข้าไปแก้วเก้าลุกขึ้น หลวงปู่สิงห์ถอยห
“ค่ะ” หมอเนตรดาว ฉวยกระเป๋าถือ พยักหน้าเรียกภาณินีให้ไปด้วยกันอธิคมยิ้มให้กำลังใจภรรยา “ไปก่อนเถอะจ้ะ เดี๋ยวพี่ตามไป ตอนเช้าจะได้พบลูกแล้วนะ”ภาณินียกมือโบกลา แล้วเดินตามพี่สะใภ้ไปขึ้นรถตู้อลงกต อธิคม และชัยยศ นั่งคุยกันต่อ พวกเขาชวนกันไป สำรวจตลาดบ้านแม่ปิน ใกล้ ๆ โมเต็ลที่คนพวกนั้นพักÿชายหนุ่มทั้ง 3 คน ออกไปเดินคุยกันข้างนอกบริเวณที่พัก “ผมกับภรรยาเคยมาทำงานวิจัยที่นี่เมื่อหลายสิบปีก่อน งานวิจัยของเรา อาจชักนำให้คนพวกนี้อยากมาขุดหาของโบราณของเก่า”อธิคมเริ่มเล่าเรื่องหลวงพ่ออุดม เถ้าแก่ซ้ง แซ่สุน อดีตเจ้าของโรงสี ปากน้ำโพธิ์ ให้ชัยยศฟังคร่าว ๆ เป็นข้อมูลว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไปและอาจเกี่ยวข้องกับคน 10 คนนั้น“พี่กต คุณชัยยศครับ เราต้องเข้าไปที่นั่นก่อนพวกมัน ถ้าไปทีหลัง อาจเตือนชาวบ้านไม่ทัน” อธิคมแสดงอาการวิตกกังวลมากขึ้น“ค่ำแล้ว ไปไม่ได้หรอก นอกจากจะไปเช้า แต่ถ้าเราเข้าไปข้างใน ก็จะไม่ได้เจอกับหลานตอนเช้า นอกจากแบ่งกัน แล้วใครจะอย
“ฟังปะป๊านะ ปูเป้ ตั้งสติให้ดี ๆ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดเป็นครั้งแรกกับครอบครัวของเรา อากงก็เคยถูกตำรวจจับตัวออกจากบ้าน ทิ้งกิจการทั้งหมดอาม่าเป็นคนดูแลจนตกทอดมาอถึงปะป๊า คราวนี้ก็เหมือนกันถึงปะป๊าจะไม่อยู่ ปูเป้ต้องดูแลกิจการต่อไปและต้องเป็นผู้ใหญ่นะ ไม่งั้นจะบริหารกิจการและสั่งใช้คนในบ้านไม่ได้”“แล้วปะป๊าทำผิดจริง ๆ หรือเปล่า บอกหนูมาตรง ๆ สิคะ”“ป๊า เฮ้ย! อย่ารู้เลย”ปรินดาคิดหาทางช่วยเหลือบิดา “นรินทร์กับคุณป้าวิชุดาต้องช่วยปะป๊าได้ ”“ไม่ได้นะ” เสียงตวาด ทำเอาปรินดาตกใจ“ทำไมปะป๊าต้องทำเสียงดังอย่างนั้นด้วย ปูเป้เป็นห่วงปะป๊านะ” ปรินดาหน้าแดง รู้สึกโกรธและงอนบิดาระคนกัน “ลุงสมิธ เป็นลุงของนรินทร์กับอินดี้ แล้วปะป๊าไปเกี่ยวข้องกับเขายังไง ถึงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าเขาล่ะคะ”“มันเข้าใจผิดกันไปเอง” ปริญญาควักบุหรี่มาจุดแล้วสูบอัดควันเข้าปอดแรง ๆ แต่ลูกสาวปรี่เข้ามาคว้าแล้วขว้างทิ้ง “หมอสั่งห้ามแล้ว ปะป๊าย
“พ่อ พ่อ...ขอโทษนะองค์อินทร์” เจ้าเทพนรินทร์รู้สึกเต็มตื้นอยู่ในหัวใจ เจ้าองค์อินทร์สมควรจะได้รับการโอบกอดที่อบอุ่นจากเจ้าแมนสรวงมากกว่าเขาซึ่งเป็นเพียงลูกเลี้ยง“พี่ชายเป็นตัวจริงมาตลอด เป็นลูกของเจ้าพ่อกับคุณแม่วิชุดาจริงแท้ ผมหวังว่า สิ่งที่ผมทำลงไปจะทำให้ความผิดในใจของผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ลดทอนลงได้บ้าง” เจ้าเทพนรินทร์เอ่ย“นรินทร์ ลูกไม่ผิด ไม่ใช่ความผิดของลูกเลย เป็นพ่อเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับลูก พ่อขอบใจที่แม้เมื่อรู้ความจริง ลูกยังไม่ทอดทิ้งพ่อ แต่พ่ออยากจะขอร้อง”“เจ้าพ่อจะขอร้องอะไรครับ” เจ้าเทพนรินทร์ถามอย่างอ่อนโยน“ลูกควรกลับไปดูแลแม่บ้าง” สายตาอ้อนวอนของเจ้าแมนสรวง“ครับ” เจ้าเทพนรินทร์รับปาก “ถ้าแม่ยังต้องการผมนะครับ”“ศรีโสภางค์ประสบอุบัติเหตุเมื่อวาน นรินทร์ทราบเรื่องนี้หรือยัง” พระองค์อินทร์ถาม“ผมทราบแล้วครับ เจ้าป้าขวัญสรวงบอกว่า ตอนนี้เธอกลับไปพักรักษาตัวอยู่ที่คุ้มมิ่งเมืองแล้ว&rdq
“เจ้าครับ ผมจะลองให้ญาติ ๆ ช่วยสืบว่าพวกมันเข้าไปทำอะไรที่เวียงไชย”“ทำเงียบ ๆ อย่าให้เอิกเกริก ผมเพียงรู้สึกสังหรณ์ใจว่าคนพวกนั้นกำลังจะทำเรื่องไม่ดี” พระองค์อินทร์สอดแผ่นกระดาษเข้าช่องเก็บของด้านหน้ารถ แล้วเอนหลังพิงพนักเต็มตัว เขาปิดเปลือกตาแล้วสูดลมหายใจยาว เปรยกับคำปันว่า “ถึงกรุงเทพพอจะมีเวลานิดหน่อยให้ทุกคนได้อาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว แล้วไปร่วมงานบวชของเลอสรวงที่วัดคลองขนุน พอเสร็จพิธีแล้ว คำปันพาพวกท่านกลับคอนโดเลยนะ”ÿหลังคาโบสถ์วัดคลองขนุน โผล่พ้นทิวสวนผลไม้อยู่ข้างหน้า แสงอาทิตย์สาดสีเงินส่องช่อระกาและหางหงส์ ภายในโบสถ์นั้นพระองค์อินทร์กราบถวายตัวกับหลวงพ่ออุดมตามคำสั่งของหลวงปู่บุญมาผู้เป็นพระอุปัชฌาย์แก้วเก้านั่งพับเพียบเอี้ยมเฟี้ยมอยู่ห่าง ๆ เธอลอบมองเลอสรวงซึ่งโกนศีรษะและสวมชุดขาวเตรียมจะเข้าอุปสมบทในเช้าวันนี้ ตั้งใจจะมอบสร้อยมณีนพรัตน์ให้เขา “แก้วเก้า ผมต้องขอโทษคุณอีกครั้ง มีอะ
“ไม่มีทางกลับคำพวกคนจีนได้หรอกนะ พวกนั้นน่ะมืออาชีพ และก็เจ้าเล่ห์มาก”“เหรอครับ” เจ้าเทพนรินทร์ถามกลับ “พวกนั้นเทือกเถาเหล่ากอเดียวกันกับนายปริญญา คุณจึงรู้นิสัยเป็นอย่างดีสินะครับ”“นรินทร์!” วิชุดาถลึงตา ริมฝีปากบาง เหยียดเป็นเส้นตรง กำมือทั้งสองแน่น ตัวสั่นด้วยความโกรธ “ใช่! ฉันรู้จักเขาดี แล้วแกก็ควรจะทำตัวเสียใหม่นะ ให้รู้ซะบ้าง ใครคือคนที่แกควรจะนับถือเป็นพ่อ”“ผมรู้ตัวอยู่เสมอ ... แล้วผมก็เคารพนับถือเจ้าพ่อของผมมาตั้งแต่จำความได้ ไม่มีใครแทนที่เขาได้” ริมฝีปากหยักสวยได้รูปยิ้มนิด ๆ น้ำเสียงเรียบ ถ้อยคำเชือดเฉือน เสมือนเยาะหยัน ทำเอาอีกฝ่ายอารมณ์โกรธเดือดปุด ๆ“แกจะเป็นศัตรูกับพ่อและแม่ของแกเหรอนรินทร์”“เอ...ไม่นี่ครับ ผมเป็นทนายความสู้คดีให้เจ้าพ่อ แล้วผมจะเป็นศัตรูกับท่านทำไม คุณเข้าใจผิดแล้ว ถ้าไม่มีอะไร ขอตัวนะครับ ผมกับท่านผู้พิพากษาต้องหารือกันต่อ” เจ้าเทพนรินทร์หันหลังกลับ โบกมือทักทายกับบุรุษที่กำลังเดินผ่านระหว่างทางเดิน ในระ