อธิคมรับโทรศัพท์จากภรรยา ซึ่งเดาว่าโทรมาตามให้ไปทานอาหาร
เจ้าขวัญสรวงบอกว่าจะอยู่เฝ้าลูกชาย แต่เจ้าขวัญหล้าเอ่ยปรามขึ้นเสียก่อน
“อย่าเลย ไม่ต้องเฝ้าหรอก ขวัญสรวงลูกตรากตรำมามากเกินไปแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาอีกทีนะ เชื่อแม่”
“ครับ ผมอยู่ใกล้ ๆ จะมาดูให้แต่เช้าเลย ตอนนี้เราไปทานอาหารเย็นกันดีกว่า พวกนั้นรออยู่นานแล้ว”
“อืม...เจ้าป้าคะ” แก้วเก้านึกวิธีเอาใจเจ้าขวัญสรวง “ที่ร้านนั่นน่ะ ใหญ่เพื่อนเก้า คนที่โดดน้ำลงไปช่วยคุณเลอสรวง รออยู่นะคะ พรุ่งนี้ใหญ่จะกลับปักษ์ใต้แล้ว”
“จริงสินะ ป้าลืมไป เราต้องไปขอบใจเขาที่ช่วยเลอสรวง” เจ้าขวัญสรวงยิ้มออก เธอก้มลงไปหอมแก้มลูกชาย เดินไปที่เตียงหลานชาย หอมแก้มอีกคน 
อธิคมรับโทรศัพท์จากภรรยา ซึ่งเดาว่าโทรมาตามให้ไปทานอาหาร เจ้าขวัญสรวงบอกว่าจะอยู่เฝ้าลูกชาย แต่เจ้าขวัญหล้าเอ่ยปรามขึ้นเสียก่อน “อย่าเลย ไม่ต้องเฝ้าหรอก ขวัญสรวงลูกตรากตรำมามากเกินไปแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาอีกทีนะ เชื่อแม่” “ครับ ผมอยู่ใกล้ ๆ จะมาดูให้แต่เช้าเลย ตอนนี้เราไปทานอาหารเย็นกันดีกว่า พวกนั้นรออยู่นานแล้ว” “อืม...เจ้าป้าคะ” แก้วเก้านึกวิธีเอาใจเจ้าขวัญสรวง “ที่ร้านนั่นน่ะ ใหญ่เพื่อนเก้า คนที่โดดน้ำลงไปช่วยคุณเลอสรวง รออยู่นะคะ พรุ่งนี้ใหญ่จะกลับปักษ์ใต้แล้ว” “จริงสินะ ป้าลืมไป เราต้องไปขอบใจเขาที่ช่วยเลอสรวง” เจ้าขวัญสรวงยิ้มออก เธอก้มลงไปหอมแก้มลูกชาย เดินไปที่เตียงหลานชาย หอมแก้มอีกคน 
“ตามจารีตประเพณีเจ้านางหญิงจะถูกเก็บตัวให้ทำงานบ้านงานเรือนอยู่ในคุ้มหลวง วันบุญวันพระจึงจะได้ออกไปไหว้บูชาพระธาตุหลวง เจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ตอนที่ยังพระเยาว์เคยตามเจ้าขวัญฟ้าราชบุตรไปเที่ยวป่าเที่ยวเขานอกเมือง และมักจะลงสรงน้ำกาหลง เล่นสนุกสนาน เจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์จึงทรงยึดถือเอาเจ้าขวัญฟ้าราชบุตร ลูกผู้พี่ เป็นชายในอุดมคติมาตั้งแต่เด็ก จนโตเป็นสาว เหตุที่เจ้าศรีธรรมกับเจ้าศรีภูมิสองพี่น้องขัดใจกัน และยิ่งขัดแย้งหนัก ก็เพราะเจ้าศรีธรรมถูกนางคำหล้า สนมคนหนึ่งเพ็ดทูลใส่ร้ายเจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ว่าประสงค์จะให้เจ้าขวัญฟ้าราชบุตรทำการรัฐประหารและขึ้นครองเชียงรุ้ง เจ้าหลวงเชื่อถือนางคำหล้า จึงส่งสารบอกเจ้าศรีเวียงไชย ให้ส่งราชบุตร คือเจ้าศรีเวียงไชยะบุรีมารับตัวเจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ เจ้าแก้วเก้าเนาวรัตน์ทรงหนีไปกับเจ้าขวัญฟ้าราชบุตรข้ามแม่น้ำกาหลงหนีตายไปถึงเชียงม่อน แสดงว่า ทรงรักใคร่ในตัวพระเชษฐาจนยอมสละทุกอย่างได้ ฉันไม่คิดว่าท่านจะมีใจให้เจ้าลอราชบุตรหรอกนะ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยัน” &
อธิคมยกมือปิดปากหาว ปิดไฟ แสงไฟดับวูบลง เขาเอนตัวลงบนที่นอนของลูกสาว นึกในใจว่าวันนี้ ตั้งแต่เลอสรวงตกน้ำ เพิ่งจะได้พักผ่อน ... ตอนนี้ความกังวลเรื่องชายคนนั้น ผ่อนคลายลงแล้ว โมบายดินเผาข้างนอก ส่งเสียงดังกรุ๋งกริ๋งยามต้องลม อธิคมฟังเพลิน ๆ เริ่มเคลิ้ม เขาดึงผ้าห่มที่ปลายเท้าขึ้นคลุมตัว ขณะที่ข้างนอกนั้นหมอกควันลอยล่องขึ้นจากท้องน้ำ ม้วนตัวขึ้นเป็นลำแสงยาว ๆ พุ่งขึ้นมาบนระเบียงบ้าน “แก้วเก้าเนาวรัตน์ขัติยนารีศรีเวียงเชียงรุ้ง” เสียงทุ้มนุ่ม ดังก้องขึ้น แต่ไม่อาจผ่านเข้าไปถึงข้างใน ลมพัด วี้ด วื้อ เหมือนจะมีลมฝน แต่เสียงกรุ๋งกริ๋งกลับเงียบหาย... อธิคมลืมตาขึ้นในความมืด ดึงผ้าห่มที่คลุมหน้าออก พลิกตัวตะแคงข้าง ยอดไม้ชายน้ำคลองมอญโบกโยกไปมา บ้านทั้งหลังคล้ายกำลังจะพังครืน อธิคมรู้สึกอย่างเดี
แก้วเก้าเดินลงไปจนถึงชายตลิ่ง เพื่อนสองคนของเธอไม่มีใครสนใจมองเธอเลย ไม่ว่าจะส่งเสียงเรียกดังขนาดไหน “ใหญ่ ใหญ่ ฮือ ฮือ ช่วยฉันด้วย ฉันอยากกลับบ้าน”เธอกลับขึ้นมายืนบนฝั่งอีกครั้ง แล้วเดินไปเรื่อย ๆ มองเหลียวหลังกลับไปดูเพื่อนเป็นระยะไม่มีใครสนใจว่าเธออยู่ตรงนั้น“ฉันทำไม่ดีกับแกใช่มั้ยใหญ่... แกก็เลยเอาคืน... ฉันรักแกนะ... แต่ไม่รู้สิ... เวลาแกมองฉัน ฉันมักจะนึกถึงใครอีกคนทุกที ฉันนึกถึงเขาเสมอเลย แต่พอเห็นว่าเป็นสายตาของแก ฉันก็รู้สึกไม่ชอบ ฉันอยากให้แกมองฉันอย่างเดิม มองธรรมดา ๆ ยิ้มธรรมดา ๆ ไม่ต้องทำแบบคุณเจ้าได้มั้ย ให้เขามองฉันอย่างนั้น คนเดียวก็พอ... คุณเจ้า! เจ้าองค์อินทร์อยู่ไหน.... มาช่วยเก้าที... เก้าอยากกลับบ้าน... ฮือ... ฮือ... ฮือ...” แก้วเก้าสะอึกสะอื้น เริ่มสิ้นหวังที่จะกลับถึงบ้านขึ้นเรื่อย ๆ แต่แล้วสายน้ำตาปี ก็เปลี่ยนไป...เธอกลับมานั่งอยู่ริมคลองในสวนร่มรื่น มีเรือแจวมาขายก๋วยเตี๋ยว ดอกลีลาวดีทัดหูอยู่ทั้งสองข้าง ส่งกลิ่นหอม “เก้าชอบที่นี่ เก้าอยากมีบ้านอยู่ที่นี่ แต่ย่านวลบอกว่า มันเป็นวัด เก้าจะไปอยากอยู่วัดได้ยังไง นั่นสิเนอะ.... แล้วทำไมเก้าจะอ
เจ้าองค์อินทร์นั่งซึมเหม่อนึกถึงแก้วเก้าที่เคลื่อนไหวอย่างร่าเริง ช่างพูด ช่างคุย และต่อว่าเขาเสมอ ๆ พอได้เห็นเธอนอนนิ่งและเงียบไปอย่างนี้ ความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียเธอไป ทำให้เขารู้สึกหนาวสะท้านเข้าไปในทรวงอก “บางทีเจ้าองค์อินทร์อาจจะช่วยเก้าได้” ภาณินีบอก“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่กรุณาไว้ใจผม” อธิคมสบสายตากับภรรยา แล้วก้าวออกไปÿเจ้าองค์อินทร์นั่งบนขอบเตียง จับมือของเธอมากุม คลึงนิ้วเรียวยาวเบา ๆ “แก้วเก้าหนีไปเที่ยวอยู่ที่ไหนคนเดียว มารับผมไปด้วยสิ ... เที่ยวคนเดียวสนุกเหรอ…” วางมือของแก้วเก้าลงข้าง ๆ ลำตัว ก้มลงจุมพิตที่หน้าผาก “น้องเก้า” น้ำตาของชายหนุ่ม หยดลงบนพวงแก้มขาวซีด “เพราะผม...ผมเองที่พาเลอสรวงมาทำร้ายน้องเก้า ครั้งแล้ว ครั้งเล่า น้องเก้า ผมขอโทษ”“ตื่นขึ้นมาสิครับ ผมรอให้น้องเก้าต่อว่า หรือทำโทษยังไงก็ได้ แต่ขอให้น้องเก้ากลับมาเป็นสาวน้อยที่น่ารักและสนุกสนานคนเดิม” เขาลูบไล้เช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มนั้น ยั้งมือนิดหนึ่ง น้ำตาของแก้วเก้าหรือน้ำตาของเขากันแน่นะ ทำไมเหมือนกับซึมออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเธอ ÿ ตั้งแต่ถูกพลังจิตของเจ้าขวัญฟ้าดึงออกมา แล้วถูกปล่อยก
“แม่ก็ไม่เป็นไรหรอก เป็นห่วงลูกมากกว่า ลูกมัวแต่ถามถึงพ่อกับแม่ ตัวลูกเองล่ะที่เป็นหนัก ดีนะที่ได้เจ้าองค์อินทร์มาช่วย” แม่พยายามบอกให้รู้ ว่าเจ้าองค์อินทร์นั่งอยู่ด้วย“เจ้าองค์อินทร์!” แก้วเก้าหันกลับมามองคนที่คิดว่าเป็นพ่ออย่างเต็มตา พลางยกมือขยี้ตา“เดี๋ยวก็หน้าย่นหรอกแก้วเก้า ขยี้ตาแรง ๆ อย่างนั้น” เจ้าองค์อินทร์หยอกล้อ ยิ้มปนหัวเราะแก้วเก้าได้ยินเสียงชัด ๆ “มะ มะไม่ใช่พ่อหรอกเหรอคะ” รู้สึกตัวว่าทำเรื่องขายหน้า “คุณเจ้าอ่ะ”เจ้าองค์อินทร์ส่ายหน้า ทำหน้าล้อเลียน ความสุขแล่นฉิวไปทั่วทั้งร่างแก้วเก้ารู้สึกอื้ออึงไปทั้งศีรษะ เมื่อกี๊ที่เธอกอดไม่ใช่พ่อ แต่เป็นเขา คนที่เธอนั่งรอ อยู่ในความฝันเนิ่นนาน แสนทรมาน ภาณินีปล่อยให้ทั้งคู่ใช้เวลาด้วยกันอีกครั้ง“แม่ลงไปโทรศัพท์บอกพ่อของลูกก่อนนะ เก้า...คุยกับเจ้าองค์อินทร์ดี ๆ ล่ะ”แก้วเก้าได้ยินเสียงแม่ แต่จับใจความอะไรไมได้ เพราะจิตใจของเธอ จดจ่ออยู่กับชายหนุ่มตรงหน้าÿอลงกตขั
“ผมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับคุณแม่ กริชอันนั้น แรงจริง ๆ ผมงี้ตัวสั่น รู้สึกถึงพลังที่มารวมอยู่กับจิตของผมแล้วพุ่งออกไปเมื่อผมสั่งด้วยจิตของผมเองให้หมามันหยุดเห่า เออ มันหยุดจริง ๆ แถมกลัวจนหางจุกตูดเลย”“เหรอครับ ... ” อธิคมเหลียวไปข้างหลัง คุยกับแม่ “เอาอย่างไรดีครับ แม่เป็นห่วงกรณ์จะกลับไปดูมั้ย หรือว่าจะเดินหน้าไปกรุงเทพกับผมต่อ”ย่านวลเอนหลัง มองออกไปข้างนอกรถ อลงกตผ่อนความเร็วลง รอว่าย่านวลจะตัดสินใจอย่างไร “แม่ไปดูหลานที่กรุงเทพก่อน ไอ้กรณ์มันทำตัวมันเอง อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ เข้าสี่สิบแล้ว เดี๋ยวลูกเมียมันก็ดูแลกันเอง” “เอางั้นนะ เฉียบกับชาวบ้านช่วยกันจับตัวเอาไว้ได้แล้ว เอาไปให้หลวงลุงปลดดูอาการอยู่ คงทำน้ำมนต์รดให้นั่นแหละ เอะอะอะไรก็หาหลวงลุงรดน้ำมนต์กันท่าเดียว” “ก็ชาวบ้านเขาเชื่อถือศรัทธา ถ้าไม่มีน้ำมนต์ดี ชาวบ้านก็ไม่เข้าวัดหรอก สิ้นหลวงพี่ปลดแล้วจะหาใครมาดึงคนเข้าวัดล่ะ พระเณรแต่ละคน พ่อแม่พามาบวชอาศัยข้าวสุกวัดกันเสียส่วนใหญ่ ดูแต่ไอ้จ้อยหลานยายแป๊วสิ นี่ก็ถูกบังคับให้บวชเรียนเป็นเณรแล้ว เมื่อห้าวันเจ็ดวันมานี่เอง”“เหรอครับ จ้อยบวชเป็นเณรก็ดี พระเกจิอาจารย์หลายท่านก
“ครับ” เจ้าองค์อินทร์ชักจะเริ่มเกร็งขึ้น แข็งใจถามกลับไปว่า “เอ้อ เพราะเจ้าย่าให้สร้อยนั่นกับน้องเก้า แล้วทำให้ผมกับเธอกลายเป็นคู่หมั้นกันหรือเปล่าครับ”ภาณินีพยักหน้า “ใช่ค่ะ ... เราเห็นว่าการหมั้นครั้งนั้นเจ้าย่าของเจ้าทึกทักเอาฝ่ายเดียว เราไม่รู้ไม่เห็นด้วย รวมทั้งตัวเจ้าก็ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ อย่างนี้เรายิ่งยอมรับไม่ได้”เจ้าองค์อินทร์ใจแป้วลงไปเป็นกอง ถึงจะเพิ่งรู้เรื่องการหมั้นและรู้จักความหมายของสร้อยมณีแก้วเก้า แต่เขาก็ยินดีที่จะรับเงื่อนไขตามนั้นโดยไม่มีข้อแม้เลย เสียงภาณินียังคงเจื้อยแจ้วต่อไป“เรารู้จักกับเจ้ามาตั้งหลายเดือนแล้วนะคะ ถึงวันนี้พี่ว่า ครอบครัวของเราก็สนิทสนมคุ้นเคยกันมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่พี่กับพี่คมยังไม่ทราบเลยว่า เจ้ามีคนรักหรือยัง เรายังไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงเพื่อนผู้หญิง นอกจากคุณปูเป้ที่เคยเห็นตัวคนนั้น คุณปูเป้เป็นคนรักของเจ้าหรือของเจ้าเทพนรินทร์กันแน่คะ”เจ้าองค์อินทร์รู้สึกขัน เมื่อเจอคำถามนี้ “อาจารย์ … ” เขาเรียกภาณินี หัวเราะในลำคอ หึ หึ “ผมน่ะ ชอบ...เอ้อ...” เจ้าองค์อินทร์มองจ้องดวงตาของอีกฝ่าย อธิคมหวงลูกสาวมาก ถ้าบอกไปตรง ๆ เขาคงออกจากบ้านนี้ไม่
เจ้าขวัญสรวง ดอกเตอร์อลงกต หมอเนตรดาว ภาณินี อธิคม เจ้าเทพนรินทร์และท้าวศรีโสภางค์ มาแสดงความยินดีกับเธอ เพื่อนทั้งชายและหญิงห้อมล้อมของถ่ายรูป สลับสับเปลี่ยนกันไปมาแก้วเก้าส่งปริญญาบัตรให้อธิคมและภาณินีชื่นชม ทั้งคู่เปิดออกอ่าน แล้วส่งต่อให้เจ้าองค์อินทร์ เขารับมาถือไว้กับตัว ภาณินีหรี่ตามองว่าที่ลูกเขย“เห็นมั้ยว่าพี่ส่งอะไรให้เจ้า”“ครับ” เจ้าองค์อินทร์ ถูกลูกศิษย์ภาคการละครดึงตัวไปถ่ายรูป พร้อม ๆ กับแก้วเก้า “อะไรนะครับอาจารย์”“หืม... จนป่านนี้ยังเรียกว่าพี่กับอาจารย์กันอยู่อีก” หมอเนตรดาวหัวเราะ ชวนทุกคนเข้าไปที่ห้องทำงานของอลงกตบนอาคารคณะศิลปกรรมอลงกตก็ถูกเชิญถ่ายรูปกับนิสิตเหมือนกัน จนทุกคนพอใจแล้ว อลงกตจับมือหลานสาวกลับมาที่ห้องทำงานของเขา เจ้าองค์อินทร์เดินตามมาด้วยกันเจ้าขวัญสรวงชราลงไปมาก แต่ก็คงความสดใส และมีความสุข เธอลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นหลานชายเดินเข้ามา เจ้าองค์อินทร์กับแก้วเก้าต่างโผเข้าไปประคองและกอดด้วยความรักและคิดถึง&ldqu
“นายปริญญายังมีไพ่ใบสุดท้ายอยู่กับตัวคือคุณวิชุดา หลวงพ่อยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี”“คุณวิชุดาเป็นแม่ของพระองค์อินทร์ จะว่าไปเราก็เกี่ยวดองกับเธออยู่นะ”ภาณินีค้อนสามี“อุ้มกลัวผู้หญิงคนนี้นะคะ พูดถึงเรื่องหมั้นของลูกกับเจ้าองค์อินทร์ ของหมั้นไปอยู่กับหลวงพ่อเสียแล้ว หลวงพ่อบอกพี่คมหรือเปล่าว่าท่านเอาสร้อยไปทำไมคะ”“อืม ไม่ได้บอกอะไรเลย” อธิคมพับหนังสือพิมพ์สอดเก็บเข้าซอง“ท่านต้องมีเหตุผล แต่บอกเราไม่ได้”แก้วเก้าเลื่อนศีรษะที่หนุนหัวไหล่มารดาอยู่ เอาปากเข้าไปใกล้ ๆ กระซิบข้างหูของมารดาเบา ๆภาณินีพูดพึมพำตามที่ได้ยิน แก้วเก้ายกมือปิดปากมารดา เกรงว่ามารดาจะหลุดปากพูดให้ใครได้ยิน อธิคมเห็นภรรยาเบิกตาโพลง“เก้าบอกอะไรแม่ เก้ารู้ใช่มั้ยลูก..!”แก้วเก้าผงกศีรษะสองที แล้วหลับตาลงไปด้วยความอ่อนเพลีย ภาณินีกระซิบบอกต่อสามี“มณีแก้วเก้า คือ แก้วจุฬามณีบนพระนลาฎพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเชียงรุ้งค่ะ”&ld
ปัง ! ปัง! ปัง!“ทางนั้น... เสียงมาจากทางนั้น…!” พระเทพนรินทร์ชี้มือไปข้างหน้า“ฟังดูดี ๆ เสียงปืนดังมาจากปืนคนละกระบอก แล้วก็เหมือนยิงขึ้นฟ้า มันลงมือขุดกันไปแล้วละมัง”เจ้าแมนสรวงผงกศีรษะ เขามองพระหนุ่มทั้ง 3 รูป“พวกเราไม่มีอาวุธเลย แล้วจะต่อสู้อย่างไร”“โยมน้า ไม่เคยได้ยินคำว่า ธรรมะชนะอธรรมเหรอครับ” พระเลอสรวงกล่าว ริมฝีปากเหยียดยิ้ม“น้าเคยได้ยิน เดินตามรอยเท้านั่นไป มันแบกลากอะไรเดินไปด้วย ดูสิ รอบ ๆ รถของมัน รอยเท้าของคนไม่เกิน 10 คนได้”“9 คนครับ หายไปคนหนึ่ง เพราะถูกตำรวจจับเมื่อเช้า” คำปันเดินตามมาส่ง จนพ้นแนวต้นไม้ หนา ๆ เห็นทางไปพระธาตุหลวงเวียงไชย “ตำรวจยึดปืนมันได้ มันยิงหลวงพ่ออุดมแล้ว แต่ปืนไม่ลั่น ผมคิดว่า พวกท่านก็ต้องปลอดภัยเหมือนกัน เพราะท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่ออุดม”“ไม่หรอกนะ คำปัน แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของ ๆ ตน เอาล่ะ ส่งแค่นี้ โยมเข้าไปรออยู่ในรถ เราจะเข
บานประตูห้องด้านขวา ขยับเปิดออก พระองค์อินทร์ยกขาก้าวให้พ้นขอบประตูซึ่งยกขึ้นมาสูงระดับครึ่งหน้าแข้งของเขา แก้วเก้าเห็นเป็นพระองค์อินทร์ก็ก้มหน้าลงมองพื้นกระดาน“โยม... นี่ กุญแจห้องนั้น” “คะ” แก้วเก้ารู้สึกกลัวขึ้นมา “ทำไมเก้าต้องไปอยู่ที่นั่นคนเดียวด้วย”พระองค์อินทร์ยิ้มปลอบใจ“หลวงพี่ล่ะคะ หลวงพี่อยู่ที่ไหน”“อาตมาอยู่ที่นี่”“ห้ามสีกาเข้ามาข้างใน แล้วทำไมเก้าเข้ามาได้ล่ะคะ”“ห้องนี้ต่างหากที่โยมเข้ามาไม่ได้” หลวงปู่สิงห์ เจ้าอาวาสยืนประสานมือไขว้ สำรวมกายอยู่ด้านหลังของแก้วเก้า“ส่วนห้องนั้น เป็นที่ประทับของเจ้านางในคุ้มหลวง ยามที่ท่านมาปฏิบัติธรรม เป็นสมบัติตกทอดของเชียงรุ้ง อาตมาให้ยกมาจากห้องใต้ดิน ใต้ฐานองค์พระธาตุหลวงเวียงไชย”หลวงปู่สิงห์เดินไปเปิดห้องด้านซ้ายเอง ท่านมองแก้วเก้า แล้วเรียกให้เธอเข้าไปแก้วเก้าลุกขึ้น หลวงปู่สิงห์ถอยห
“ค่ะ” หมอเนตรดาว ฉวยกระเป๋าถือ พยักหน้าเรียกภาณินีให้ไปด้วยกันอธิคมยิ้มให้กำลังใจภรรยา “ไปก่อนเถอะจ้ะ เดี๋ยวพี่ตามไป ตอนเช้าจะได้พบลูกแล้วนะ”ภาณินียกมือโบกลา แล้วเดินตามพี่สะใภ้ไปขึ้นรถตู้อลงกต อธิคม และชัยยศ นั่งคุยกันต่อ พวกเขาชวนกันไป สำรวจตลาดบ้านแม่ปิน ใกล้ ๆ โมเต็ลที่คนพวกนั้นพักÿชายหนุ่มทั้ง 3 คน ออกไปเดินคุยกันข้างนอกบริเวณที่พัก “ผมกับภรรยาเคยมาทำงานวิจัยที่นี่เมื่อหลายสิบปีก่อน งานวิจัยของเรา อาจชักนำให้คนพวกนี้อยากมาขุดหาของโบราณของเก่า”อธิคมเริ่มเล่าเรื่องหลวงพ่ออุดม เถ้าแก่ซ้ง แซ่สุน อดีตเจ้าของโรงสี ปากน้ำโพธิ์ ให้ชัยยศฟังคร่าว ๆ เป็นข้อมูลว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไปและอาจเกี่ยวข้องกับคน 10 คนนั้น“พี่กต คุณชัยยศครับ เราต้องเข้าไปที่นั่นก่อนพวกมัน ถ้าไปทีหลัง อาจเตือนชาวบ้านไม่ทัน” อธิคมแสดงอาการวิตกกังวลมากขึ้น“ค่ำแล้ว ไปไม่ได้หรอก นอกจากจะไปเช้า แต่ถ้าเราเข้าไปข้างใน ก็จะไม่ได้เจอกับหลานตอนเช้า นอกจากแบ่งกัน แล้วใครจะอย
“ฟังปะป๊านะ ปูเป้ ตั้งสติให้ดี ๆ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดเป็นครั้งแรกกับครอบครัวของเรา อากงก็เคยถูกตำรวจจับตัวออกจากบ้าน ทิ้งกิจการทั้งหมดอาม่าเป็นคนดูแลจนตกทอดมาอถึงปะป๊า คราวนี้ก็เหมือนกันถึงปะป๊าจะไม่อยู่ ปูเป้ต้องดูแลกิจการต่อไปและต้องเป็นผู้ใหญ่นะ ไม่งั้นจะบริหารกิจการและสั่งใช้คนในบ้านไม่ได้”“แล้วปะป๊าทำผิดจริง ๆ หรือเปล่า บอกหนูมาตรง ๆ สิคะ”“ป๊า เฮ้ย! อย่ารู้เลย”ปรินดาคิดหาทางช่วยเหลือบิดา “นรินทร์กับคุณป้าวิชุดาต้องช่วยปะป๊าได้ ”“ไม่ได้นะ” เสียงตวาด ทำเอาปรินดาตกใจ“ทำไมปะป๊าต้องทำเสียงดังอย่างนั้นด้วย ปูเป้เป็นห่วงปะป๊านะ” ปรินดาหน้าแดง รู้สึกโกรธและงอนบิดาระคนกัน “ลุงสมิธ เป็นลุงของนรินทร์กับอินดี้ แล้วปะป๊าไปเกี่ยวข้องกับเขายังไง ถึงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าเขาล่ะคะ”“มันเข้าใจผิดกันไปเอง” ปริญญาควักบุหรี่มาจุดแล้วสูบอัดควันเข้าปอดแรง ๆ แต่ลูกสาวปรี่เข้ามาคว้าแล้วขว้างทิ้ง “หมอสั่งห้ามแล้ว ปะป๊าย
“พ่อ พ่อ...ขอโทษนะองค์อินทร์” เจ้าเทพนรินทร์รู้สึกเต็มตื้นอยู่ในหัวใจ เจ้าองค์อินทร์สมควรจะได้รับการโอบกอดที่อบอุ่นจากเจ้าแมนสรวงมากกว่าเขาซึ่งเป็นเพียงลูกเลี้ยง“พี่ชายเป็นตัวจริงมาตลอด เป็นลูกของเจ้าพ่อกับคุณแม่วิชุดาจริงแท้ ผมหวังว่า สิ่งที่ผมทำลงไปจะทำให้ความผิดในใจของผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ลดทอนลงได้บ้าง” เจ้าเทพนรินทร์เอ่ย“นรินทร์ ลูกไม่ผิด ไม่ใช่ความผิดของลูกเลย เป็นพ่อเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับลูก พ่อขอบใจที่แม้เมื่อรู้ความจริง ลูกยังไม่ทอดทิ้งพ่อ แต่พ่ออยากจะขอร้อง”“เจ้าพ่อจะขอร้องอะไรครับ” เจ้าเทพนรินทร์ถามอย่างอ่อนโยน“ลูกควรกลับไปดูแลแม่บ้าง” สายตาอ้อนวอนของเจ้าแมนสรวง“ครับ” เจ้าเทพนรินทร์รับปาก “ถ้าแม่ยังต้องการผมนะครับ”“ศรีโสภางค์ประสบอุบัติเหตุเมื่อวาน นรินทร์ทราบเรื่องนี้หรือยัง” พระองค์อินทร์ถาม“ผมทราบแล้วครับ เจ้าป้าขวัญสรวงบอกว่า ตอนนี้เธอกลับไปพักรักษาตัวอยู่ที่คุ้มมิ่งเมืองแล้ว&rdq
“เจ้าครับ ผมจะลองให้ญาติ ๆ ช่วยสืบว่าพวกมันเข้าไปทำอะไรที่เวียงไชย”“ทำเงียบ ๆ อย่าให้เอิกเกริก ผมเพียงรู้สึกสังหรณ์ใจว่าคนพวกนั้นกำลังจะทำเรื่องไม่ดี” พระองค์อินทร์สอดแผ่นกระดาษเข้าช่องเก็บของด้านหน้ารถ แล้วเอนหลังพิงพนักเต็มตัว เขาปิดเปลือกตาแล้วสูดลมหายใจยาว เปรยกับคำปันว่า “ถึงกรุงเทพพอจะมีเวลานิดหน่อยให้ทุกคนได้อาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว แล้วไปร่วมงานบวชของเลอสรวงที่วัดคลองขนุน พอเสร็จพิธีแล้ว คำปันพาพวกท่านกลับคอนโดเลยนะ”ÿหลังคาโบสถ์วัดคลองขนุน โผล่พ้นทิวสวนผลไม้อยู่ข้างหน้า แสงอาทิตย์สาดสีเงินส่องช่อระกาและหางหงส์ ภายในโบสถ์นั้นพระองค์อินทร์กราบถวายตัวกับหลวงพ่ออุดมตามคำสั่งของหลวงปู่บุญมาผู้เป็นพระอุปัชฌาย์แก้วเก้านั่งพับเพียบเอี้ยมเฟี้ยมอยู่ห่าง ๆ เธอลอบมองเลอสรวงซึ่งโกนศีรษะและสวมชุดขาวเตรียมจะเข้าอุปสมบทในเช้าวันนี้ ตั้งใจจะมอบสร้อยมณีนพรัตน์ให้เขา “แก้วเก้า ผมต้องขอโทษคุณอีกครั้ง มีอะ
“ไม่มีทางกลับคำพวกคนจีนได้หรอกนะ พวกนั้นน่ะมืออาชีพ และก็เจ้าเล่ห์มาก”“เหรอครับ” เจ้าเทพนรินทร์ถามกลับ “พวกนั้นเทือกเถาเหล่ากอเดียวกันกับนายปริญญา คุณจึงรู้นิสัยเป็นอย่างดีสินะครับ”“นรินทร์!” วิชุดาถลึงตา ริมฝีปากบาง เหยียดเป็นเส้นตรง กำมือทั้งสองแน่น ตัวสั่นด้วยความโกรธ “ใช่! ฉันรู้จักเขาดี แล้วแกก็ควรจะทำตัวเสียใหม่นะ ให้รู้ซะบ้าง ใครคือคนที่แกควรจะนับถือเป็นพ่อ”“ผมรู้ตัวอยู่เสมอ ... แล้วผมก็เคารพนับถือเจ้าพ่อของผมมาตั้งแต่จำความได้ ไม่มีใครแทนที่เขาได้” ริมฝีปากหยักสวยได้รูปยิ้มนิด ๆ น้ำเสียงเรียบ ถ้อยคำเชือดเฉือน เสมือนเยาะหยัน ทำเอาอีกฝ่ายอารมณ์โกรธเดือดปุด ๆ“แกจะเป็นศัตรูกับพ่อและแม่ของแกเหรอนรินทร์”“เอ...ไม่นี่ครับ ผมเป็นทนายความสู้คดีให้เจ้าพ่อ แล้วผมจะเป็นศัตรูกับท่านทำไม คุณเข้าใจผิดแล้ว ถ้าไม่มีอะไร ขอตัวนะครับ ผมกับท่านผู้พิพากษาต้องหารือกันต่อ” เจ้าเทพนรินทร์หันหลังกลับ โบกมือทักทายกับบุรุษที่กำลังเดินผ่านระหว่างทางเดิน ในระ