หนิงเป่ยพยักหน้า: “ใช่”เป็นไปไม่ได้!เสิ่นกว่างหลินพูดว่า "เครือข่ายร้านขายยาเหรินคังกว่า 150 แห่ง มูลค่าหลายร้อยล้าน แกจะเอาเงินมาเยอะแยะขนาดนี้ที่ไหนมาซื้อได้?"หลีชุนเหยียน คว้าสัญญาโอนกรรมสิทธิและอ่านอย่างละเอียดหลังจากนั้นไม่นานเธอก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ "มันเป็นของจริง!"ฝูงชนก็โกลาหลทันทีของขวัญ 50 ล้านจากเสิ่นกว่างหลินก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนทึ้งแต่หนิงเป่ยมอบของขวัญชิ้นใหญ่ราคาหลายร้อยล้านและยังเป็นทรัพย์สินของจริงสิ่งนี้มีประโยชน์มากกว่าการวาดภาพมากเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ของขวัญของเสิ่นกว่างหลินถือว่า "กระจอก" ไปเลยดูไม่ออกจริง ๆ ว่าชายข้าวนุ่มคนนี้ยังมีมือที่ใหญ่ขนาดนี้เมื่อทุกคนมองดูเขาอีกครั้ง ก็ไม่มีการดูถูกเหยียดหยามอีกต่อไปผู้ชายคนนี้ปิดบังตัวเองไว้อย่างดีหนิงเป่ยคืนสัญญาและยื่นให้อันเคอซิน "เคอซิน รับมันไปเถอะ"กระแสความอบอุ่นไหลผ่านหัวใจของอันเคอซินไม่ใช่ว่าของขวัญชิ้นนี้มีค่าเกินไป แต่หนิงเป่ยยังจําวันเกิดของตัวเองและเตรียมของขวัญอย่างพิถีพิถันนั่นแสดงว่าเขายังห่วงใยตัวเองอยู่แต่เธอยังคงปฏิเสธ: "ไม่ได้ ไม่ได้ ของขวัญชิ้นนี้แพงเกินไป ฉัน
ยกย่องและเชิดชูคนอื่น แต่มาถึงหนิงเป่ยกลับกลายเป็นการให้กำลังใจแบบขอไปที อันเคอซินตูรู้สึกกระอักกระอ่วนแทนหนิงเป่ยบางคนก็อดหัวเราะไม่ได้และรัเบิดเสียงหัสเราะออกมาหนิงเป่ยขี้เกียจที่จะสนใจหวังเค่อเหว่ย เขาก็เหมือนกับหลี่ชุนเหยียนเป็นคนหัวสูงที่มีชื่อเสียงศาสตราจารย์หวังเค่อเหว่ยสังเกตเห็น "ภาพจักจั่นฤดูร้อนร้องประสานเสียง" ที่ถูกโยนลงบนพื้นเขาตกใจมากจึงหยิบ "ภาพจักจั่นฤดูร้อนร้องประสานเสียง" ขึ้นมา: "โอ้พระเจ้า นี่ไม่ใช่ผลงานชิ้นเอกของปรมาจารย์คูเซินหรอกเหรอ? ทำไมเธอถึงโยนมันลงพื้น น่าเสียของจริงๆ"ศาสตราจารย์หวังเค่อเหว่ยเป็นแฟนตัวยงของปรมาจารย์คูเซิน และสมาคมวิจัยศึกษาปรมาจารย์คูเซินก็ก่อตั้งโดยเขา เขาดํารงตําแหน่งประธานด้วยตัวเองเมื่อเห็นผลงานของปรมาจารย์คูเซินถูกโยนลงมากองกับพื้น ก็เกิดความปวดใจ และระมัดระวังในการเช็ดฝุ่นที่อยู่ด้านบนเสิ่นกว่างหลินอธิบายอย่างรีบร้อน "ศาสตราจารย์หวัง ภาพวาดนี้เป็นของปลอม คุณไม่จําเป็นต้องสนใจหรอก"ของปลอม?เป็นไปได้ยังไงกัน!ศาสตราจารย์หวังเค่อเหว่ยพูด "พลังแบบนี้ ลายเส้นแบบนี้ มองยังไงเก็หมือนของจริง"เขารีบหยิบแว่นขยายออกมาและสังเก
หวังเค่อเหว่ยว่า "ถ้าจะบอกว่าไม่มีคุณสมบัติ ก็คือฉันที่ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์คูเฉิน"ทุกคนในที่เกิดเหตุหน้าแดงมากกว่าคนอื่นๆตอนนี้พวกเขาสามารถแน่ใจได้ว่าหนิงเป่ยเป็นปรมาจารย์คูเซินที่มีชื่อเสียงจริงๆเมื่อกี้พวกเขายังหัวเราะเยาะว่าหนิงเป่ยเป็นผู้ชายบอบบางตอนนี้ดูเหมือนว่าตัวตลกจะเป็นตัวพวกเขาเองภาพวาดหนึ่งภาพสามารถเทียบเท่ากับเงินเดือนหรือผลกำไรบริษัทพวกเขาได้หลายปีแล้วไม่น่าแปลกใจที่ของขวัญราคาหลายนร้อยล้านมูบมอบทันทีที่เขาบอกว่ามีให้ เขามีเงินทุนที่จะทำเช่นนั้นจริงๆมันก็แค่การวาดรูปเพิ่มไม่กี่รูปเท่านั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลีชุนเหยียน สายตาที่มองหนิงเป่ยเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งฤดูใบไม้ผลิจะต้องแต่งงานกับหนิงเป่ย และปล่อยให้เขาวาดภาพให้เธอทุกวัน ความฝันของเธอที่จะเป็นมหาเศรษฐียังห่างไกลอีกไหม?อย่างไรก็ตามหนิงเป่ยวาดภาพหนึ่ง ใช้เวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้นฝูงชนล้อมรอบหนิงเป่ยราวกับดาวล้อมเดือน เมินเสิ่นกว่างหลินไปอย่างสมบูรณ์เสิ่นกว่างหลินพ่ายแพ้อย่างหมดท่าเขามองไปที่หนิงเป่ยด้วยจิตสังหาร: หนิงเป่ย แกต้องตาย!สำหรับคนจากเทียนหลง การฆ่าคนนั้นง่าย
และดูเหมือนว่าเธอจะได้รับบาดอย่างมากหนิงเป่ยรีบก้าวเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ทันทีในเวลานี้มีเงาสีดําอีกสองเงาข้ามกําแพง และลอดเข้าไปในลานของบ้านพวกเขาทั้งสองเห็นหนิงเป่ย ต่างฝ่ายก็ประหลาดใจเล็กน้อย มองหน้ากันแล้วพยักหน้าเล็กน้อยวินาทีต่อมา ทั้งคู่เข้าโจมตีหนิงเป่ยพร้อมกันไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาตามล่าเติ้งชิงชิวรนหาที่ตาย!หนิงเป่ยระเบิดพลังความมืดออกมา ต่อยทั้งคู่ไปคนละหมัดปังๆ!เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งของหนิงเป่ย ทั้งสองไร้แรงที่จะต้านทานและถูกหนิงเป่ยซัดจนปลิวไปหลังจากตกลงพื้นแล้ว ทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดหนิงเป่ยพูดอย่างเย็นชา: "บอกชื่อของแกมา แล้วฉันจะช่วยฆ่าพวกแกแบบไม่ทรมาน"ทั้งสองมองหน้ากันด้วยสายตาตกตะลึง“ปรมาจารย์ อย่างน้อยก็ปรมาจารย์ชั้นนำ ”"พวกเราคงหนีไม่รอดแล้ว"“ภารกิจล้มเหลว ฆ่าตัวตาย!”หลังจากพูดแล้ว พวกเขาทั้งสองไม่ลังเลที่จะแทงตัวเองเข้าที่ท้องด้วยมีด แล้วคว้านท้องตัวเองลำไส้ทะลักออกมามีเลือดไหลกระจาย และทั้งคู่ก็สิ้นลมหายใจในทันทีพวกเขาลงมือกันเร็วเกินไป และหนิงเป่ยก็ไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ทันเวลา“การฆ่าตัวตายโดยวิธีคว้านท้องวิธ
วันรุ่งขึ้นเมื่อหนิงเป่ยลืมตาก็เห็นเติ้งชิงชิวกําลังเอามีดจ่อคอตัวเองอยู่หนิงเป่ยหัวเราะอย่างขมขื่น: "นี่เป็นชาวนากับงูในชีวิตจริงหรือเปล่า?"เติ้งชิงชิวกัดฟันแล้วพูด "หยุดยิ้มกรุ่มกริ่มเถอะ ฉันขอถามนายหน่อย เมื่อคืนนายทำอะไรกับฉันหรือเปล่า?"หนิงเป่ย: "ความคิดคุณนี่ยอดไปเลย"นาย...ใบหน้าเล็กๆของเติ้งชิงชิวซีดลงด้วยความโกรธ: "ฉันขอเตือนนาย หากคนอื่นรู้เรื่องนี้ ฉันจะสับนายเป็นชิ้น ๆ และเอาไปเป็นอาหารให้สุนัขกิน"หนิงเป่ย: "วางใจได้ คุณไม่อายแต่ฉันยังอายอยู่"เติ้งชิงชิวโกรธมากจนเธออยากจะแทงเขาให้ตายจริงๆ“ฮึ่ม อย่าพูดไปตรงมาแบบนั้นสิ! ฉันแนะนำให้คุณยกเลิกการหมั้นโดยเร็วที่สุด ดอกฟ้ากับหมาวัด”หนิงเป่ย: “คุณพูดได้ว่าตัวเองเป็นหมาวัดได้ยังไง?”เติ้งชิงชิว: "..."นี่นายเป็นดอกฟ้าเหรอ?ไร้ยางอายอะไรเช่นนี้ เติ้งชิงชิวเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกหนิงเป่ยเปลี่ยนเรื่อง: "ฉันขอถามคุณว่าเมื่อคืนนี้ซามูไรญี่ปุ่นสองคนนั้นคือใคร? ทำไมพวกเขาถึงไล่ล่าคุณ?"เติ้งชิงชิว: "นี่คือความลับของ กลุ่มหลง(มังกร)ของพวกเรา ฉันบอกนายไม่ได้"หนิงเป่ย: "ให้ฉันเดานะ พวกเขามาจากเทียนหลงไบโอเทค?"เติ้งช
เติ้งชิงชิวพูด: "ฉันไม่รู้ แต่ฉันเดาว่าน่าจะต้องการสกัดสารหายากอะไรสักอย่างจากเลือดนี้""ฉันเพิ่งถ่ายรูปนี้ ยังไม่ทันได้สืบสวนต่อ ก็ถูกซามูไรญี่ปุ่นพบแล้ว"หนิงเป่ย: "ขยะ!"เติ้งชิงชิว: "..."นายต่างหากที่เป็นขยะ ทั้งครอบครัวของนายก็เป็นขยะหนิงเป่ย: "ฉันจะสืบหาความจริงของเรื่องนี้เอง"เติ้งชิงชิว: "โอเค ร่วมมือกันที่น่ายินดี"หนิงเป่ย: "ความร่วมมืออะไร? เธอยังไม่มีคุณสมบัติเลย"เติ้งชิงชิว: "ไสหัวออกไปจากที่นี่!"......เสิ่นกว่างหลินได้ส่งคนไปติดตามอันเคอซินอย่างลับๆหลังจากที่อันเคอซินเป็นลมในลิฟต์ และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เสิ่นกว่างหลินก็ได้รับข่าวและรีบไปที่โรงพยาบาลทันทีแต่เขาไม่ได้ไปเยี่ยมอันเคอซินเลยทันที เพราะเขากลับวิ่งไปที่ห้องพยาบาลในแผนกผู้ป่วยใน และแอบเก็บตัวอย่างเลือดของของอันเคอซินมาเขาเข้าไปในห้องน้ํา และหยิบน้ํายาออกมาหยดลงในตัวอย่างเลือดของอันเคอซินเลือดของอันเคอซินเปลี่ยนจากสีน้ำตาลแดงเป็นสีฟ้าอ่อนอย่างรวดเร็วเสิ่นกว่างหลินโทรออกสายหนึ่งว่า "เจ้านายครับ เลือดของอันเคอซินสามารถยืนยันได้ว่าเป็นเลือดกิเลนชนิดอ่อน"อีกฝ่ายพูดตอบกลับอย่างเย็นชา: "เลือด
ขอบคุณ ขอบคุณมาก!ทั้งสองน้ำตาไหลพราก และขอให้อันเคอซินลงนามข้อตกลงบริจาคอวัยวะทันทีเสิ่นกว่างหลินถอนหายใจ: "เคอซิน แม้ว่าฉันจะไม่แนะนำให้เธอทำแบบนี้ แต่ฉันเคารพการตัดสินใจของเธอนะ"“ไม่ต้องกังวล ฉันจะพยายามรักษาเธอให้ดีที่สุด หากรักษาไม่ได้ ฉันจะดูแลครอบครัวของเธอไปตลอดชีวิต…”ขอบคุณนะ!อันเคอซินมีสีหน้าซาบซึ้่งเธอได้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลช่วงระยะเวลาสั้นๆ และสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ยังมีงานอีกมากมาย ที่รอให้เธอกลับมายุ่งอยู่ในบริษัทขณะจอดรถรอสัญญาณไฟจราจร รถบรรทุกคันใหญ่ที่ตามหลังเธอ ไม่ได้เบรกและชนรถเธอจังๆปัง!หลังจากเกิดเสียงดังสนั่นลั่น อันเคอซินก็หมดสติไปเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอพบว่าตัวเองติดอยู่ในรถ ร่างกายเจ็บปวดมากจนขยับตัวไม่ได้เธออยากจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ส่งเสียงออกมาไม่ได้ด้วยความสับสน เธอได้ยินคนพูดเธอพยายามลืมตาขึ้น แต่ก็ตกใจที่พบว่ามีคนสามคนยืนอยู่นอกรถ และในนั้นมีสองคนที่เธอรู้จักป้าหวางคือคนที่ขอให้เธอบริจาคอวัยวะในวันนี้ ลูกชายของเธอ และชายร่างใหญ่ที่เป็นคนแปลกหน้าป้าหวางพูดกับชายร่างใหญ่: "เฒ่าจาง เด็กผู้หญิงคนนี้ตายแล้วหรือยัง?"
คนขับและเจ้าหน้าที่รีบลงจากรถ มาทันทีเพื่อเจรจา"พวกเราขับรถมาอย่างปกติ เป็นคุณต่างหากที่โดดมาชนรถเรา คุณต่างหากที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมด""ออกไปเดี๋ยวนี้ เราจะไปช่วยผู้บาดเจ็บ ไม่มีเวลามายืดเยื้อ"ป้าหวางพูดว่า: "แม่มึงสิ มันสมควรไหมที่จะขับมาชนใช่ไหม?"“ถ้าวันนี้แกไม่จ่ายค่าชดเชยก็อย่าคิดที่จะไปไหน”คนขับพบว่านี่เป็นการกระโดดมาให้รถชนแล้วเรียกไถ่เงินเขาพูดด้วยความโกรธ: "คุณป้า ยอมให้เราช่วยเหลือคนก่อนนะ ในส่วนค่าชดเชยนั่น แผนกกฎหมายของโรงพยาบาลเราจะติดต่อคุณไปเอง"ฝันไปเถอะ!ป้าหวางยิ่งคงโวยวายมากขึ้น: "แกพาฉันไปโรงพยาบาลก่อน แล้วค่อยมาช่วยคน ไม่งั้นฉันจะไม่ให้พวกแกไปที่ไหนทั้งนั้น"ในที่สุดคนขับก็ทนไม่ไหวอีกต่อไ ปและบอกกับเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินว่า "เอาเธอออกไปให้พ้นทาง การช่วยเหลือผู้คนสำคัญกว่า"โอเคเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินจัดการให้ป้าหวางออกไป และปล่อยให้รถพยาบาลไปช่วยชีวิตคนในที่สุด รถพยาบาลก็ช่วยเหลืออันเคอซินออกมาได้ป้าหวางยังคงไม่ยอมที่จะยอมแพ้: "เฒ่าจาง คิดหาทางเร็วๆ เข้า อย่าปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นมีชีวิตรอดเด็ดขาด"เฒ่าจางพูด"สิ่งเดียวที่เราทำได้ตอนนี้คือถ่วงการรักษา เธ