บทที่ 50ความทรงจำที่โหดร้าย (ตอนปลาย) เซี่ยเหวินหรงในวัย 5 หนาวต้องคอยหวาดระแวงลี่ผิน ว่านางนั้นจะมีอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาเมื่อใด บางทีนางก็พร่ำเพ้อหาชายผู้หนึ่ง เขาจับใจความว่าบุรุษผู้นั้นคงเป็นคนรักของนาง และยังเป็นบิดาของอาหลินห่อผ้าที่มีท่อนไม้อยู่ในนั้น บางครานางก็พร่ำด่าทอสตรีผู้หนึ่ง บางครั้งก็ร่ำไห้ร้องหาอาหลินไม่หยุดทุกครั้งที่ลี่ผินเกิดอาการคลุ้มคลั่ง เซี่ยเหวินหรงจะเขยิบตัวให้ชิดกับผนังห้อง อาศัยความมืดเพื่ออำพรางตัวเองไว้ แต่เพราะภายในห้องนี้ไม่มีสิ่งของใดมากนัก ทุกครั้งที่ลี่ผินหันหน้ามาเจอก็จะตรงเข้ามาทุบตีเขาทุกครั้ง ยิ่งเขายังไม่ได้ทานอาหารมา 3 วันแล้ว มีเพียงน้ำหนึ่งโอ่งที่ตั้งอยู่ริมห้อง จึงยังทำให้ประทังชีวิตไปได้บ้าง แต่เรี่ยวแรงของเขาก็อ่อนล้ามากเหลือเกินทุกครั้งที่หลับตาเซี่ยเหวินหรงจะสงสัยทุกครั้งว่าเหตุใดท่านแม่จึงทำกับเขาเช่นนี้ เขาทำอะไรผิดจึงได้ถูกลงโทษ หรือเพราะเขายังชอบแอบไปร้องไห้คิดถึงท่านแม่เว่ยกุ้ยเฟย จึงทำให้ท่านแม่ฮองเฮาทรงไม่พอพระทัยในตัวเขา ท่านแม่จึงได้ลงโทษเขาเช่นนี้ เด็กชายครุ่นคิดอย่างหนักจนผล
บทที่ 51เซี่ยเฟยหลง เซี่ยเหวินหรงลุกขึ้นไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนนี้เข้าสู่ปลายยามโฉ่วแล้ว เขาเองก็ต้องเร่งไปสะสางเรื่องราว ทั้งยังต้องเตรียมตัวรับมือกับจวิ้นอ๋อง เพราะคนของเขาที่ให้คอยลอบติดตามนั้น กลับมารายงานว่าจวิ้นอ๋องได้เคลื่อนไหวแปลกๆจวิ้นอ๋องได้ลอบติดต่อกับรัชทายาทแคว้นสู่ ทั้งยังกองกำลังลับของกู้ซีเฉินเองก็ลอบสั่งสมเสบียง กว้านซื้ออาหารแห้งจากพ่อค้ามากมาย เช่นนี้เขาต้องรีบไปเข้าเฝ้าเสด็จพี่เพื่อรายงานเรื่องนี้ให้ทรงทราบ“ขอบคุณเจ้ามาก นี่ถือว่าเป็นน้ำใจที่ข้าคงจะตอบแทนเจ้าได้”เซี่ยเหวินหรงยื่นกล่องเหล็กใบหนึ่งให้หยางซูมี่"ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันทำลงไปเพราะหม่อมฉันอยากทำ พระองค์ไม่จำเป็นต้องให้สิ่งใดตอบแทน”“เจ้ารับไปเถอะ สิ่งนี้ย่อมมีประโยชน์กับเจ้า” เซี่ยเหวินหรงยังคงยืนกราน หยางซูมี่เห็นเช่นนั้นจึงยื่นมือออกไปรับอย่างเสียไม่ได้“ข้าคงต้องกลับแล้ว หากเจ้ามีเรื่องสำคัญหรืออยากให้ข้าช่วยเหลืออะไร เจ้าก็บอกข้าได้เสมอ”“หม่อมฉันมิบังอาจเช่นนั้นหรอกเพคะ เกรงว่าหรูเหรินของพระองค์หากรู้
บทที่ 52จวิ้นอ๋องก่อกบฏ (ตอนต้น) เซี่ยเหวินหรงออกไปแล้ว แต่ใจของเซี่ยเฟยหลงไม่อาจจะสงบลงได้เลย ยิ่งเห็นแววตาและท่าทางของน้องชาย พระองค์ก็รู้ได้เลยว่าการศึกคราที่ชายแดนเหนือเซี่ยเหวินหรงจะต้องชนะอย่างแน่นอน และแน่นอนว่ารางวัลที่เขาไม่เคยเอ่ยปากขอ น่ากลัวว่าเขาจะต้องขอในการรบชนะคราวนี้เป็นแน่ ภาย ในใจของพระองค์ยิ่งว้าวุ่นจนไม่อาจจะสงบใจได้ ทางหนึ่งก็คือมารดาผู้ให้กำเนิด ทางหนึ่งก็คือน้องชายที่ตนรัก แต่เหนือขึ้นไปคือประชาชนชาวแคว้นเซี่ย เซี่ยเฟยหลงถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า“พระสนมซินผินนำโจ๊กรังนกมาถวายพ่ะย่ะค่ะ” เกากงกงเดินเข้ามาพร้อมถือถ้วยที่มีโจ๊กรังนกอยู่ในมือ“เรากินไม่ลงหรอกเกากงกง”“ทรงเป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ ชินอ๋องมากราบทูลเรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”“เขารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เรื่องที่เสด็จแม่ทำทั้งหมด”“ฝ่าบาท” เกากงกงใบหน้าขาวซีดเผือด ชินอ๋องทรงรู้เรื่องที่ไทเฮาทรงทำทั้งหมดแล้ว อย่างนั้นชินอ๋องจะไปเอาคืนไทเฮาหรือไม่“อย่าพึ่งกังวลเรื่องของเสด็จแม่เลย ตอนนี้จวิ้นอ๋องร่วมมือกับพวกแคว้นสู่ก่อกบฏที่ชายแดนใต
บทที่ 53จวิ้นอ๋องก่อกบฏ (ตอนปลาย) เซี่ยเหวินหลินนั่งหน้าเครียดตรงหัวโต๊ะ มีรัชทายาทแห่งแคว้นสู่นั่งอยู่ทางด้านซ้าย แม่ทัพลู่เหอหมิงนั่งอยู่ทางด้านขวา และมีรองแม่ทัพที่เข้ามาสวามิภักดิ์อีก 3-4 คน“ไหนเจ้าบอกว่าอีกกว่าครึ่งเดือนชินอ๋องถึงจะเสด็จมาถึงที่นี่อย่างไรเล่า”รัชทายาทแคว้นสู่ นามว่าสู่ปิงเหอเอ่ยด้วยความไม่พอใจนัก เป็นเพราะการคาดเดาของจวิ้นอ๋องทำให้พวกเขาชะล่าใจจึงยังไม่ได้รีบเร่งจะเข้าไปตีเมืองหลวง เพราะคิดที่จะถ่วงเวลาชินอ๋องที่เมืองสุ่ยโจวที่อยู่ถัดไปจากเมืองฉางโจว แต่ตอนนี้แผนการคงจะต้องปรับเปลี่ยนเสียแล้ว“ข้าก็ไม่คิดว่าชินอ๋องมันจะเดินทัพได้รวดเร็วถึงเพียงนี้”“แล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อไป”“ก็รบกันที่เมืองหนานโจวนี่แหละ ชัยภูมิของเราได้เปรียบกว่า ถึงอย่างไรก็สามารถถ่วงเวลาชินอ๋องเอาไว้ได้”“เจ้าแน่ใจว่าจะไม่ผิดพลาด”สู่ปิงเหอเอ่ยออกมาอย่างไม่มั่นใจในตัวอีกฝ่ายนัก ที่เขายอมร่วมมือกับจวิ้นอ๋องก็เป็นเพราะคนผู้นั้นต่างหากเล่า“ข้าแน่ใจ คนของข้ากำลังจะลงมือแล้ว อีกไม่เกินหนึ่ง
บทที่ 54หม่าลี่อิง เซี่ยเหวินหลินยังคงสุขสำราญอยู่ภายในจวนเจ้าเมือง เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้มีชาวเมืองบางส่วนที่ได้หายออกไปจากเมืองหนานโจวแล้ว เป็นเพราะว่าพวกทหารของแคว้นสู่เข้ามาพักในเมืองด้วย จึงทำให้ชาวเมืองพากันปิดประตูบ้านเรือนไม่กล้าย่างเท้าออกมาจากบ้าน พวกเขาจึงไม่ได้เห็นถึงความผิดปกตินี้ กว่าจะรู้ตัวก็คงสายเกินไปเสียแล้วอาเทียนที่เป็นคนสนิทและยังเป็นกุนซือให้กับจวิ้นอ๋องอดจะเอ่ยออกมาด้วยความหนักใจไม่ได้“นี่ก็ผ่านไปเกือบ 20 วันแล้ว ชินอ๋องยังทรงนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้สั่งให้กองทัพบุกเข้ามา ช่างน่าแปลกนะพ่ะย่ะค่ะ”“จะแปลกอันใด มันก็คงกลัวว่าจะเสียกำลังทหารของมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะรู้ว่ากำแพงเมืองหนานโจวนั้นแข็งแรงมาก มันก็แค่ล้อมพวกเราเอาไว้ หวังให้พวกเราอดอาหารตายในเมือง แต่หารู้ไม่ว่าพวกเรามีเสบียงที่เก็บไว้มากมายยิ่งนัก แม้จะล้อมอย่างนี้เป็นปีเสบียงของพวกเราก็ยังเหลือเฟือ”เซี่ยเหวินหลินเอ่ยออกมาอย่างไม่ยี่หระ เขาหันไปรับสุรามาจากสตรีที่เขาพึ่งได้มาวันนี้ นางช่างเอาอกเอาใจเก่งยิ่งนัก ลีลารักบนเตียงก็ถึง
บทที่ 55 กลศึกลอบตีเฉินซาง ข่าวการลอบวางยาพิษของซินผินรู้ไปถึงหูขุนนางทุกคน ตอนนี้จวนตระกูลมู่ถูกทหารมาปิดล้อมไว้ทั้งหมด แม้แต่บ่าวรับใช้ก็ก้าวออกไปไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว “นังลูกสารเลว ทำไมถึงได้ทำอะไรโง่เง่าเช่นนี้” มู่ห่าวหรานเอ่ยออกมาด้วยโทสะ หากว่าฝ่าบาทเป็นอะไรไป ตระกูลมู่ทั้งตระกูลก็จะต้องโดนโทษประหารไปด้วย “ใจเย็นๆ ก่อนขอรับท่านพ่อ เรายังมีเสด็จป้าไทเฮาอยู่ทั้งคน พระนางจะต้องหาทางรับมือได้แน่” “ขอให้เป็นเช่นนั้นเถิด” มู่ห่าวหรานเอ่ยออกมาด้วยความหนักใจ ตอนนี้ตระกูลมู่ของเขาหาได้รุ่งเรืองดั่งเช่นในอดีตไม่ ตำหนักหย่งเหิง เพล้ง เพล้ง เพล้ง เสียงของตกแตกจากฝีมือของมู่ไทเฮา หลังจากพระนางรู้ข่าวเรื่องการลอบวางยาพิษที่หลานสาวของพระนางลอบกระทำลับหลังก็ให้โกรธเคืองยิ่งนัก “นังหลานชั่ว นังหลานสารเลว ข้าอุตส่าห์เอ็นดูนางหนุนหลังให้นางเป็นถึงพระสนมขั้นผิน แต่ดูสิ่งที่นางทำ กล้าลอบวางยาพิษสังหารบุตรชายของข้า” มู่อิงฮวาระบายความอัดอั้นในใจ ตอ
บทที่ 56จวิ้นอ๋องสิ้นท่า “ท่านอ๋อง รีบเสด็จหนีก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ชินอ๋องบุกเข้ามาได้แล้ว”อาเทียนรีบวิ่งเข้ามายังห้องนอนของจวิ้นอ๋อง ทหารมารายงานว่าตอนนี้ประตูเมืองใกล้จะแตกแล้ว ทั้งยังมีทหารของชินอ๋องลอบเข้ามาตีโอบล้อมทางด้านหลัง หากไม่รีบหนีตอนนี้จะต้องตายเป็นแน่ อาเทียนนั้นไม่สนใจแล้วว่าจวิ้นอ๋องกำลังเริงรักอยู่กับสตรีท่าไหน เวลานี้ต้องรีบหนีเอาชีวิตให้รอดก่อน“เจ้าว่าอย่างไรนะ!!”เซี่ยเหวินหลินเอ่ยด้วยเสียงตื่นตระหนก ไหนเจ้าอู๋ห่างมันบอกว่าประตูเมืองหนานโจวแข็งแรงมากอย่างไรเล่า นี่ยังไม่พ้นข้ามวันที่ชินอ๋องก็สามารถตีประตูเมืองแตกได้แล้ว“ไม่มีเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ รีบเสด็จก่อนเถิด กระหม่อมกับองครักษ์จะคุ้มครองพระองค์ให้ออกนอกเมืองหนานโจวก่อน แล้วเราค่อยไปสมทบกับนายท่านที่หมู่บ้านขุนเขา”อาเทียนเอ่ยเร่ง เขาตรงเข้าไปลากแขนให้เซี่ยเหวินหลินลุกเดินตามเขามา ไม่วายหันไปคว้าเสื้อคลุมมาคลุมร่างกายที่เปลือยเปล่าของเซี่ยเหวินหลิน“กรี๊ดดดด”สตรีในห้องทั้งสองต่างกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อเห็นอาเที
บทที่ 57โทษทัณฑ์ของกบฏ เช้าวันนี้ในท้องพระโรงล้วนเต็มไปด้วยเสียงถกเถียงและการคาดการณ์ของบรรดาขุนนางทั้งหลาย ว่าจวิ้นอ๋องนั้นที่ก่อกบฏจะต้องรับโทษเช่นไรบ้าง“จวิ้นอ๋องคิดคดก่อกบฏ ฝ่าบาทจะต้องทรงตัดสินโทษประหารอย่างแน่นอน” ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น“แต่ข้าคิดว่าไทเฮาจะต้องทรงออกหน้าให้จวิ้นอ๋อง เพราะพระองค์ทรงเอ็นดูจวิ้นอ๋องมาก โทษตายอาจจะละเว้น แต่โทษเป็นยังคงอยู่”“เพ้ย! เจ้าพูดอันใด ตอนนี้ไทเฮาทรงกำลังประชวรอยู่ เหตุตรอมใจที่ซินผินผู้เป็นหลานสาวลอบวางยาพิษฝ่าบาท”“จริงด้วย ข้าลืมเรื่องที่ซินผินทำได้อย่างไรกัน เช่นนี้ตระกูลมู่ก็ถึงคราวล่มสลายเสียแล้ว ถึงแม้ว่าฝ่าบาทจะทรงอาการดีขึ้นแล้ว แต่ไม่รู้ว่าวันนี้จะทรงออกว่าราชการเช้าได้หรือไม่”ขณะที่ขุนนางกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น ภายในห้องพลันเงียบสงัด เมื่อเซี่ยเหวินหรงเดินเข้ามายังท้องพระโรง พลันทั้งห้องล้วนเงียบกริบ ทุกคนต่างสงบปากสงบคำของตนเอง แล้วพากันไปยืนยังตำแหน่งประจำของตน“ฮ่องเต้เสด็จ”เสียงขันทีร้องบอกมา ตอนนั้นเองมีร่างของบุรุษผู้สวมอาภรณ์ส
ตอนพิเศษ 4 (ตอนปลาย) “คุณหนูกู่เกรงใจเกินไปแล้ว ในฐานะตัวแทนของฝ่าบาทพวกข้าต้องมาร่วมยินดีอยู่แล้ว”หยางซูมี่เดินเข้างานไปเลย ไม่ได้สนใจสตรีนางนี้มากนัก ทำเพียงเหมือนกับว่านางไม่คู่ควรที่จะให้พระชายาเช่นนางต้องมาเสวนาด้วย กู่เจียอีได้แต่ลอบกำมือแน่น คอยดูเถอะวันนี้ข้าจะเหยียบหน้าจมให้จมดิน และจะกลายมาเป็นพระชายาของชินอ๋องให้จงได้“เจ้าอยากเล่นกับนางหรือไม่” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามภรรยาคนงาม“ให้บทเรียนกับนางเบาๆ ก็พอเจ้าค่ะ” หยางซูมี่หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่พระสวามีงานเลี้ยงในจวนเจ้าเมืองวันนี้ กลับพบว่าขณะที่ทั้งหมดกำลังสนุกสนานกันภายในงานเลี้ยงนั้น กลับพบว่าคุณหนูกู่เจียอีผลัดตกลงไปในสระน้ำ แต่โชคดีที่มีคุณชายท่านหนึ่งช่วยเอาไว้ได้ แต่เพราะตอนเปียกน้ำทำให้ทั้งสองได้แนบชิดกัน และด้วยอาภรณ์ของกู่เจียอีนั้นที่เป็นสีขาว ทำให้มองเห็นเรือนร่างของนาง จนมองเห็นไปถึงเอี๊ยมตัวใน และคุณชายผู้นี้ก็ได้แตะต้องนางไปแล้วแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ด้วยเหตุนี้ในหนึ่งเดือนต่อมาจึงได้เกิดงานมงคลขึ้นกู่เจียอีได้แต่งเข้าไปเป็นฮูหยินรอง เน
ตอนพิเศษ 4 (ตอนต้น) หลังจากงานแต่งผ่านไปได้หนึ่งเดือน คนในตระกูลหยางนำโดยท่านเสนาบดีหยางหมิงได้เดินทางกลับเมืองหลวง พวกเขานั้นได้จากเมืองหลวงมานานมากแล้ว สมควรต้องไปจัดการงานที่ค้างคาเอาไว้ แม้จะเสียดายที่หยางซูมี่กับเซี่ยเหวินหรงไม่ได้กลับไปด้วยก็ตาม“ท่านพ่อเดินทางกลับดีๆ นะเจ้าคะ อีก 3 เดือนลูกจะกลับเมืองหลวงพร้อมท่านอ๋องเจ้าค่ะ”“ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยมี่เอ๋อร์ ข้าน้อยขอฝากบุตรสาวด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ประโยคท้ายหยางหมิงหันไปเอ่ยกับเซี่ยเหวินหรง“ท่านพ่อตาอย่าได้เป็นห่วง มี่เอ๋อร์อยู่กับข้าย่อมต้องปลอดภัย”เซี่ยเหวินหรงให้คำมั่น ทั้งสองยืนส่งจนขบวนรถม้าเคลื่อนตัวห่างไปเรื่อยๆ“พี่ต้องกลับไปยังจวนเจ้าเมืองเพื่อพบหน้ากับเจ้าเมืองคนใหม่ เจ้าอยู่ที่นี่ดีๆ แล้วพี่จะรีบกลับมา” เซี่ยเหวินหรงลูบหัวหยางซูมี่ด้วยความเอ็นดู“เจ้าค่ะท่านพี่”หยางซูมี่พยักหน้ารับ แล้วเขย่งปลายเท้ายื่นหน้าไปจูบแก้มสาก จนใบหูของเขาขึ้นสีแดงก่ำ“รีบกลับมานะเจ้าคะ ข้าจะรออาบน้ำพร้อมกับท่านพี่”หยางซูมี่ขยิบตาใส่เซี่ยเหวินหรง
ตอนพิเศษ 3 (ตอนปลาย) เซี่ยเหวินหรงเองก็รีบปลดอาภรณ์ของเขาออกเช่นกัน ร่างกายสูงใหญ่ไร้อาภรณ์ปกปิดกาย มองเห็นกล้ามหน้าท้องหนั่นแน่นที่เป็นลอนสวยอย่างคนที่ออกกำลังกาย ตรงกึ่งกลางเห็นแท่งหยกที่เริ่มจะขยายตัวอวดความศักดิ์ดาของตน หยางซูมี่ลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นแท่งหยกของเขาหยางซูมี่เนื้อตัวแดงก่ำด้วยความเขินอาย แม้จะเคยร่วมรักกับเขามาหลายครั้ง แต่นางกับเขาก็ห่างหายกันไป 2 ปีกว่า นางจึงรู้สึกประหม่ามากนัก แต่เพราะไม่อยากจะให้เขารู้ว่านางนั้นเขินอายมากเพียงใด จึงทำใจกล้าเงยหน้ามองร่างสูง ยกยิ้มอ่อนหวานแล้วเอื้อมมือไปปลดสายผูกเอี๊ยมออก ทำให้ปราการชิ้นสุดท้ายหลุดร่วงลงมา มองเห็นก้อนเต้าหู้อวบอิ่มสองก้อนและเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อเซี่ยเหวินหรงไม่อาจจะอดใจได้อีกต่อไป เขาช้อนร่างบางของหยางซูมี่อุ้มลงไปในถังอาบน้ำด้วยกัน เขานั่งพิงขอบอ่างให้หยางซูมี่นั่งบนตักแกร่ง มือข้างหนึ่งบีบสะโพกกลมกลึง อีกข้างก็ยื่นไปข้างหน้ากอบกุมก้อนเต้าหู้บีบคลึงอย่างอ่อนโยน นิ้วชี้เขี่ยเม็ดทับทิมสีชมพูจนตั้งช่อชูชันขึ้นมา“อ๊าาาา ท่านพี่”เซี่ยเหวินหรงจับร่างบางหั
ตอนพิเศษ 3 (ตอนต้น) ขบวนเจ้าบ่าวนำโดยชินอ๋องเซี่ยเหวินหรง พระองค์ขี่อาชาโลหิตสีขาวนำขบวนสินสอดมากกว่า 100 หีบ โดยมีทหารของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬคอยดูแล แม้ว่าหยางซูมี่จะเอ่ยว่าต้องการจัดงานแต่งงานแบบเรียบง่ายแต่เมื่อฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงทรงทราบก็รีบส่งม้าเร็วนำราชโองการสมรสพระราชทานมามอบให้ ทั้งยังระบุว่าชินอ๋องจะมีหยางซูมี่เป็นพระชายาแต่เพียงผู้เดียวจวบจนทั้งคู่สิ้นอายุขัยข่าวการแต่งงานครั้งที่สองของทั้งคู่แพร่สะพัดไปทั่วแคว้นเซี่ย บางคนต่างก็ยินดีที่ทั้งสองกลับมาใช้ชีวิตร่วมกัน แต่บางคนก็ค่อนขอดที่ทั้งสองเลิกรากันไปแล้วแต่ยังกลับมาแต่งงานกันอีกครั้ง ไม่ว่าผู้คนจะพูดกันอย่างไร แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็หาได้สนใจไม่ เพราะทั้งคู่ได้ตกลงใจที่จะกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง คำพูดของผู้อื่นหาได้สลักสำคัญกับพวกเขาทั้งสองคนไม่เซี่ยเหวินหรงขี่ม้ามาหยุดที่หน้าประตูบ้านพักของหยางซูมี่ เมื่อเขาเดินเข้าไปยังห้องโถงหลักก็พบว่าหยางซูมี่นั้นยืนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว วันนี้นางสวมชุดสีแดงมงคลปักลายหงส์สยายปีก และมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสวมทับเอาไว้ที่ศีรษะ ทำให้เขาไม่
ตอนพิเศษ 2 ริมชายหาดแห่งหมู่บ้านผิงอัน มีสตรีร่างบอบบาง กับบุรุษร่างสูงใหญ่นั่งอิงแอบกันอยู่ใต้ต้นมะพร้าว สายตาทั้งคู่ทอดมองออกไปยังน้ำทะเลใสสีเขียวมรกต หาดทรายสีขาวละเอียด ลมทะเลพัดมาเป็นระยะๆ คล้ายกับกำลังปลอบประโลมคนทั้งคู่ ทั้งสองปล่อยให้จิตใจได้ซึมซับกับธรรมชาติที่สวยงามนี้“เจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามในสิ่งที่เขาสงสัย“ข้ามาถึงเมื่อสามวันก่อนเจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมาทำให้ท่านแปลกใจเล่น” หยางซูมี่เอ่ยพลางหัวเราะ นัยน์ตาพราวระยับดั่งดวงดารา“รู้หรือไม่ว่าทำข้าเป็นห่วง ตอนที่ข้ารู้ว่าเจ้าหายตัวไป”เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งรั้นอย่างมันเขี้ยว“ข้าเจ็บนะเหวินหรง”หยางซูมี่หันมาดุเขาอย่างไม่จริงจังนัก เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปกอบกุมที่มือขาวบางอย่างทะนุถนอม“ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าเร็วถึงเพียงนี้ ที่นี่มีเรื่องให้ข้าจัดการมากมายนัก ข้ายังคิดว่าอย่างเร็วก็คงอีกสักปีสองปีถึงจะกลับไปหาเจ้าที่เมืองหลวงได้”“ข้ารู้ว่าท่านทำงานหนักมากเพียงได ดูสิชินอ๋องผู้สง่างามกลายร่
ตอนพิเศษ 1 2 ปีต่อมาชายแดนใต้ของแคว้นเซี่ยที่ติดกับทะเล เมื่อ 2 ปีก่อนมีการค้าเกลือเถื่อนเกิดขึ้น เซี่ยเหวินหลินที่ได้ออกมาจัดการนั้น กลับจัดการแบบปล่อยผ่าน อนึ่งเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกับพ่อค้าที่ค้าเกลือเถื่อนแต่หลังจากที่ชินอ๋องเซี่ยเหวินหรงจัดการปราบปรามกบฏได้หมดสิ้น จึงได้ทูลขอฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงมาปราบปรามการค้าเกลือเถื่อน และมาจัดระบบการปกครองใหม่ของชายแดนใต้ ซึ่งฮ่องเต้ก็ได้ออกพระราชโองการมอบอำนาจทุกอย่างให้ชินอ๋องเป็นผู้จัดการทั้งหมดตลอดเวลากว่าสองปีที่ผ่านมานี้เซี่ยเหวินหรงออกรบไปปราบปรามโจรสลัดทั้งในน่านน้ำ และบนเรือ โจรสลัดนั้นชอบขึ้นมาดักปล้นฆ่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่ง แต่หลังจากที่ชินอ๋องมาโจรสลัดก็หนีหายไปหมดด้วยหวาดเกรงชินอ๋องนอกจากจะปราบโจรสลัดแล้ว เซี่ยเหวินหรงยังต้องเข้ามาปราบปรามพ่อค้าเกลือเถื่อน และยังต้องมาจัดระเบียบเมืองหนานผิงใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเจ้าเมืองหนานผิงปกครองเมืองชายแดนใต้อย่างไร้ความยุติธรรม กดขี่ข่มเหงชาวเมืองหนานผิง ทหารประจำเมืองก็ชอบรีดไถจากชาวบ้าน เรียกร้องค่าคุ้มครอง หากครอบค
บทที่ 67 จุดจบ (ตอนปลาย) “ถ้าเช่นนั้น ท่านก็คงเป็นผู้ที่นำแท่งเหล็กรูปพระอาทิตย์ที่เป็นเครื่องหมายประจำเผ่าหูเจี๋ยน่ามอบให้ไทเฮาเช่นนั้นสินะ”“ใช่แล้ว เป็นข้าเอง นางอยากจะทำให้ร่างกายของเจ้ามีมลทิน ข้าเลยเสนอวิธีนี้และมอบแท่งเหล็กร้อนนั้นให้กับนางเอง ฮ่าฮ่าฮ่า”เซี่ยเฟยหงหัวเราะออกมาด้วยความสาสมใจ ชินอ๋องที่แกร่งกล้ากลับมีตราประทับอยู่บนร่างกาย ช่างน่าอดสู่ยิ่งนัก“ส่วนท่านก็เป็นคนคอยชื่นชมข้า เพื่อหวังให้ไทเฮาหวาดระแวงข้าใช่หรือไม่” เซี่ยเหวินหรงหันไปถามไป๋วั่งซู“ทุกแผนการต้องมีผู้เสียสละเสมอพ่ะย่ะค่ะ”ไป๋วั่งซูเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะอีกไม่นานศีรษะของเขาก็จะไม่อยู่บนบ่าแล้ว“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้หมดความสงสัยเสียที ทหาร! นำเข้ามา”เซี่ยเหวินหรงเอ่ยสั่งเสียงเหี้ยม ไม่นานก็มีทหารกว่า 10 นายเดินเข้ามา มีหนึ่งนายถือกระถางไฟ และอีกหนึ่งนายถือแท่งเหล็กที่ตรงปลายหล่อหลอมเป็นรูปพระอาทิตย์เฉกเช่นดั่งรอยแผลเป็นของเซี่ยเหวินหรง“จัดการซะ” เซี่ยเหวินหรงเอ่ยเสียงเหี้ยม“พ่ะย่ะค่ะ
บทที่ 66จุดจบ (ตอนต้น) เหตุการณ์ในท้องพระโรงในวันนี้ ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในหมู่ครอบครัวของขุนนาง เรื่องราวในครั้งนี้หนักหนายิ่งนัก นอกจากจะเป็นเรื่องของกบฏ ยังมีเรื่องการปรากฏตัวของเซี่ยเฟยหงและไป๋วั่งซู เรื่องของไทเฮาสตรีที่ได้ขึ้นชื่อว่าเคยเป็นโฉมงามอันดับหนึ่ง และยังเคยเป็นมารดาของแผ่นดิน ซึ่งตอนนี้ก็เป็นถึงไทเฮาพระมารดาของฮ่องเต้ แต่กลับทำตัวเฉกเช่นหญิงแพศยา สวมหมวกเขียวให้พระสวามี จนถึงขนาดวางยาฆ่าพระสวามีของตนเองผู้เป็นถึงฮ่องเต้เรื่องราวครั้งนี้สะเทือนฟ้าสะเทือนดินเป็นอย่างมาก ลุกลามใหญ่โตจนกระทั่งล่วงรู้ไปถึงราษฎรแห่งแคว้นเซี่ย มีบัณฑิตร่วมออกมาประท้วงเขียนฎีกาเพื่อขอให้ฮ่องเต้ลงโทษไทเฮา จวนตระกูลมู่ตอนนี้ถูกปิดตายไปแล้ว แต่กลับถูกเหล่าชาวบ้านพากันมาโยนก้อนหินและเศษผักเน่าเข้ามาในจวน จนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วเช่นเดียวกับที่ชายแดนที่คนของตระกูลมู่เองก็ถูกเหล่าทหารและผู้คุมคอยกลั่นแกล้ง ด้วยรังเกียจคนตระกูลมู่ จนกระทั่งมีอดีตเจ้านายหลายคนทนความอัปยศไม่ไหว ตัดสินใจผูกคอฆ่าตัวตายไป รวมถึงมู่เจ๋อจ้านและเจียงเจี๋ยอีมู
บทที่ 65 อดีตขององค์ชายผู้สาบสูญ (ตอนปลาย) แต่หลังจากนั้นเพียงหนึ่งปีก็มีข่าวออกมาว่าลี่เหมยผูกคอตายที่ตำหนักเย็น เขาเสียใจเป็นอย่างมากด้วยความมึนเมาในฤทธิ์สุราจึงลอบเข้ามาหามู่อิงฮวา เขาเข้ามาตัดพ้อต่อว่ามู่อิงฮวา แต่เพราะความเมาจึงทำให้เขาได้มีความสัมพันธ์กับมู่อิงฮวา นับจากนั้นเป็นต้นมาเขาจึงได้ลอบเสพสังวาสกับมู่อิงฮวาเรื่อยมา ส่วนหนึ่งก็เพื่อแก้แค้นเสด็จพี่ของเขา ลอบสวมหมวกเขียวให้พี่ชายของตนเองหลังจากที่ลี่เหมยตายไป จึงได้กลับไปหานายท่านตระกูลกู้ บอกเพียงว่าตระกูลของเขาได้ตายกันไปหมดแล้ว จึงกลับมาขอนายท่านกู้ทำงาน นายท่านกู้นั้นเห็นว่าเขาฉายแววฉลาดเฉลียวจึงสอนงานทุกอย่างให้แก่เขา เพียงไม่นานก็ได้ขึ้นมาเป็นมือขวาของนายท่านกู้ด้วยรูปโฉมหล่อเหลา และความสุภาพของเขานั้น จึงสามารถทำให้บุตรสาวของนายท่านกู้ ผู้มีนามว่าเฉินเย่วเล่อหลงรักได้ เหตุที่เฉินเย่วเล่อไม่ได้ใช้แซ่กู้เพราะว่ามารดาของนางได้ขอไว้ ด้วยความรักที่นายท่านกู้มีต่อภรรยา เขาจึงได้ยินยอมให้บุตรสาวใช้แซ่ 'เฉิน' ในที่สุดเขาจึงได้แต่งงานกับเฉินเย่วเล่อ มีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคนนามว่า กู