เช้าวันใหม่ทุกคนตื่นขึ้นมาและจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นพวกเขาก็ออกไปดูกับดักที่ตัวเองได้วางเอาไว้ เฟยเทียนนั้นวางกับดักเอาไว้ค่อนข้างไกลจากที่พักพอสมควรเฮ่อเหลียนตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขประหนึ่งว่านอนอยู่ในบ้านอันแสนอบอุ่น ฮั่นเหวินนั้นมองท่าทางของสหายด้วยความรู้สึกขนลุกขนพอง เขาไม่รู้ว่าทำไมสหายที่ชอบทำหน้าตายอยู่ตลอดเวลาถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ไปได้“นี่เฮ่อเหลียน เจ้าเลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีจะได้หรือไม่ ข้าขนลุกไปหมดแล้ว” ฮั่นเหวิน“อะไรของเจ้าข้าก็หน้าตาปกติแบบนี้”“ปกติ? นี่เจ้ากล้าใช่คำว่าปกติอยู่อีกรึ ปกติของเจ้าคือเจ้าจะทำหน้าประหนึ่งว่าใครเป็นหนี้เจ้าอยู่แล้วไม่ยอมใช้คืน หน้าตาบึ้งตึงไม่ก็หน้าตาเฉยชาไร้อารมณ์ การที่เจ้าทำหน้าเคลิบเคลิ้มเช่นนี้มันทำให้คนอื่นกลัวเจ้ารู้หรือไม่”“ไปไกล ๆ ข้าเลยไป ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องของข้า โน่นท่านพ่อเจ้าเรียกแล้วไปสักที ก่อกวนข้าอยู่ได้” เฮ่อเหลียนไล่ฮั่นเหวินออกไป“หึ ข้าไปก็ได้ เจ้าคนพิลึก” ฮั่นเหวินจากไปด้วยท่าทางฮึดฮัดกลุ่มของเฟยเทียนตั้งใจว่าจะเก็บเหยื่อจากกับดักมาเก็บเอาไว้ในถ้ำก่อนจากนั้นพวกเขาจะไปล่าหมูป่าหินอ่อนกั
หลังจากที่ทุกคนเดินออกมาพ้นเขตป่าลึกของหุบเขาไป๋หลางเฟิ่ง ก็รีบตรงกลับหมู่บ้านทันที การเข้าป่าในครั้งนี้นับว่าพวกเขามีโชคอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากจัดการส่วนแบ่งของแต่ละคนเสร็จ ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเอง ส่วนชาวบ้านบางส่วนที่ติดตามพวกเขาไปล่าสัตว์ด้วยก็กลับบ้านของตัวเองเช่นเดียวกัน เพื่อที่จะนำสัตว์ที่ล่ามาได้ไปทำอาหารให้ลูกเมียได้กินส่วนที่เหลือนั้นพวกเขาใช้วิธีหมักเกลือและรมควันเอาไว้ซึ่งแต่ละครอบครัวมีวิธีการแตกต่างกันออกไป เฟยเทียนเมื่อนำสัตว์ที่ล่ากลับมาถึงบ้าน เขาเอาเกวียนออกมาเตรียมเอาไว้เพื่อไปส่งสหายของเขาที่หมู่บ้านเหอมู่เมิ่งจวินตั๋งเองครั้งนี้เขาได้เนื้อเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน ในระหว่างที่รอกลับเข้าไปล่าสัตว์ที่หุบเขาไป๋หลางเฟิ่ง จวินตั๋งตั้งใจจะเข้าป่าหลังหมู่บ้านเหอมู่ของเขา อาจจะมีไก่หรือกระต่ายให้ล่าได้บ้าง“จวินตั๋งเจ้าเอาของขึ้นไปวางบนเกวียนก่อนข้าขอตัวไปบอกภรรยาข้าสักครู่ ไม่รู้ว่านางกลับมาจากในเมืองหรือยัง” “ได้ บอกน้องสะใภ้ด้วยวันหลังข้าค่อยมาเยี่ยมใหม่”“ได้ แล้วข้าจะบอกให้”ในหมู่บ้านห่างไกลออกไปจากหมู่บ้านเหอมู่ หลี่กุ้ยฮัวได้แต่งให้กับชายวัยก
จวนตระกูลไป๋ เมืองหลวงไป๋หย่งเต๋อตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองโดนลูกชายทั้งสามนั้นโกรธเคืองเขาเป็นอย่างมาก เขาทำงานรับใช้ราชสำนักด้วยความจงรักภักดี แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันไร้ซึ่งความหมายเพราะร่วมมือกับฮ่องเต้วางแผนให้พวกคิดคดตายใจเขาจึงจำเป็นต้องรับเอาเหล่าบรรดาหญิงงามของฝ่ายตรงข้ามเข้ามาไว้ในเรือนจนทำให้บ้านของเขาไม่เป็นบ้านอีกต่อไป“ข้าไม่ได้มีความสัมพันธ์กับพวกนางเสียหน่อยทำไมไม่ฟังข้ากันบ้าง เป็นเพราะเจ้าสหายน่าตายนั่นแท้ ๆ ข้าไม่น่ายอมเลย” ไป๋หย่งเต๋อได้แต่ถอนหายใจ“นายท่านจะรับสำรับเลยหรือไม่ขอรับ” พ่อบ้านจงถามผู้เป็นนาย“ไม่ล่ะขอน้ำชาให้ข้าที่ห้องหนังสือก็พอ”“ขอรับนายท่าน”ในห้องปีกซ้ายภรรยาของไป๋เจิ้งกั๋วมองหน้าสามีด้วยความไม่เข้าใจปนสงสัย สีหน้าของสามีดูไม่ดีเอาเสียเลย หรือว่าจะมีปากเสียงกับพ่อสามีอีก ตั้งแต่น้องชายสามีออกจากบ้านไป สามีของนางก็ไม่ลงรอยกับผู้เป็นพ่ออีกเลย“ท่านพี่ เป็นอะไรเจ้าคะ หรือว่าทะเลาะกับท่านพ่อมาอีกแล้ว”“ไม่มีอะไรหรอกข้าแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้น”“ท่านพี่ไปอาบน้ำเถอะเจ้าค่ะจะได้พักผ่อน อย่าเก็บเรื่องที่ทำให้ขุ่นเคืองใจเอาไว้เลยเจ้าค่ะ”“ข้ารู้แล้วขอบใ
หมู่บ้านเหอมู่หยางฮุ่ยหมิงและหยางฮุ่ยเจียงทั้งสองคนพี่น้องกำลังปรึกษากันเรื่องของหยางฮุ่ยเหอผู้เป็นบิดา ที่นับวันอาการยิ่งแย่ลงไปทุกที นอกจากนั่งเหม่อลอยแล้วอาหารก็กินได้น้อยมาก นอนหลับไม่สนิทและมักที่จะฝันร้ายอยู่เสมอ“พี่ใหญ่เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้วนะขอรับ” ฮุ่ยหมิง“แล้วเราจะไปทำอันใดได้ล่ะ ท่านพ่อเองก็เป็นเสียอย่างนี้ ข้าไม่รู้ว่าท่านพ่อเองในใจคิดอะไรอยู่กันแน่ตอนนี้”“ข้าจะไปหาอารอง ลองขอโอกาสอารองสักครั้ง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าคนที่จิตใจดีเช่นอารองจะไม่ให้โอกาสท่านพ่อได้ขอโทษและได้แก้ตัวใหม่”“แต่ข้าละอายใจยิ่งนัก และอีกทั้งยังไม่รู้ว่าท่านพ่อเองต้องการจะขอโทษและขอโอกาสกับอารองจริง ๆ หรือไม่ หรือว่าในใจท่านพ่อคิดเรื่องใดอยู่กันแน่ หรือจะเป็นเรื่องท่านแม่กับน้องเล็ก พวกเราไม่มีทางรู้ได้เลย” หยางฮุ่ยเจียงเองที่ตอนนี้ไม่สามารถที่จะคาดเดาความคิดของผู้เป็นบิดาได้พูดออกมายาวเหยียด“ก็มีแต่เพียงต้องลองดูเท่านั้น หากอารองไม่ให้โอกาสและไม่ให้อภัยท่านพ่อจริง ๆ ก็สุดแล้วแต่เวรแต่กรรมเถอะ เราเองก็สมควรที่จะทำใจยอมรับได้แล้วเช่นกัน”“ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น การกระทำของท่านพ่อในอดีตตอ
หลังจากที่ไป๋หย่งเต๋อล้วงความลับจากลูกชายคนโตได้สำเร็จ ทำให้เขาได้รู้ว่าลูกชายคนเล็กของตัวเองนั้นตอนนี้อยู่ที่เมืองจิ่งหง หมู่บ้านป่าหมอกและตอนนี้ลูกชายของเขากำลังก่อสร้างสถานศึกษาขึ้นเพื่อให้บุตรหลานชาวบ้านได้เรียนหนังสือเขาจึงคิดว่าจะเดินทางเพื่อไปปรับความเข้าใจกับลูกชายอีกทั้งตอนนี้เขามีหลานเพิ่มมาอีกถึงสองคนถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงหลานบุญธรรมเท่านั้น แต่เขาก็ดีใจที่ลูกชายของตัวเองไม่ได้จิตใจด้านชาไปเสียหมด อย่างน้อยไม่แต่งเมียก็ยังรับเด็กมาเป็นลูกบุญธรรมล่ะนะเมื่อตกลงใจแล้วว่าตัวเองจะออกไปตามหาลูกชายและปรับความเข้าใจกัน เช้านี้เขาจึงเข้าวังเพื่อขอลาหยุดกับฮ่องเต้หรืออีกนัยหนึ่งเป็นสหายและพี่เขยของเขานั่นเอง ภรรยาของไป๋หย่งเต๋อคือองค์หญิงสิบแต่เมื่อสมรสกับไป๋หย่งเต๋อจึงกลายเป็นเพียงสามัญชนเท่านั้นวังหลวง“ฝ่าบาท ราชครูไป๋มาขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”“ให้เขาเข้ามา”“พะย่ะค่ะ”“ถวายพระพรฝ่าบาทพะย่ะค่ะ”“ไม่ต้องมามากพิธีกับข้าหรอก พูดมาวันนี้มาหาข้ามีเรื่องอะไร หรือว่าเจ้าหายโกรธข้าแล้วรึ ข้าก็บอกแล้วว่าตอนนั้นข้าไม่มีทางเลือกเจ้าคิดว่าข้าเป็นพี่ชายที่ใจดำประทานสตรีเข้าบ้านสามีของน้องสาวตัวเอ
ไป๋หย่งเต๋อออกเดินทางจากเมืองหลวงพร้อมกับองครักษ์อีกสองคน ตลอดการเดินทางเขาค่อนข้างจะกังวลใจไม่น้อยจะบอกว่ากังวลใจก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เรียกว่าทั้งกลัวทั้งกังวลถึงจะถูกเขากลัวว่าลูกชายจะไม่ยอมพบหน้า และกังวลว่าลูกชายจะไม่ยอมให้เขาได้อธิบายอะไร สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือลูกชายจะไม่ยอมยกโทษและให้อภัยเขา“เฮ้อ หากว่าไปถึงแล้วเจ้าสามไม่ยอมคุยกับข้าแล้วข้าจะทำเช่นไรดีนะ”“นายท่านอย่าเพิ่งกังวลไปเลยขอรับข้าเชื่อว่าคุณชายสามต้องยอมฟังนายท่านแน่นอนขอรับ”“เจ้าอย่ามาปลอบใจข้าเลยโม่หยุน เจ้าพูดมาเหมือนไม่ได้รู้จักนิสัยของอี้ถังเลย ตั้งแต่เด็กจนโตเจ้านั่นเคยให้ข้าได้พูดได้อธิบายอะไรหรือไม่ ข้ายังไม่ทันได้อ้าปากจะพูดอะไรเจ้านั่นก็หนีไปแล้ว”“แต่ข้าเชื่อว่าคุณชายสามจะยอมพบนายท่านนะขอรับ ข้าเชื่อเช่นนั้น” โม่หยวน“ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น หาที่พักกันก่อนเถอะนี่ก็จะมืดค่ำแล้ว พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางต่อ”“ขอรับนายท่าน”ไป๋หย่งเต๋อใช้เวลาเดินทางอยู่ทั้งหมด 10 วัน ในที่สุดเขาก็มาถึงเมืองจิ่งหงในตอนเช้าของวันที่ 10 ในการเดินทาง พวกเขาไม่ได้หยุดพักในเมืองแต่อย่างใด ด้วยความร้อนใจไป๋หย่งเต๋อจึงเดินทางไปที่หมู
เพราะการมาถึงของราชครูไป๋อย่างกะทันหัน ถึงแม้ว่าไป๋อี้ถังจะไม่พอใจบิดามากขนาดไหนหากแต่ว่าเขาเองก็ไม่อยากจะเก็บมาใส่ใจตาแก่หัวดื้อที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เรื่อยแต่ผู้ติดตามทั้งสองกลับไม่คิดเช่นนั้นนายท่านและคุณชายสามนั้นมีนิสัยที่เหมือนกันมาก ราวกับว่าคุณชายสามนั้นได้รับการสืบทอดนิสัยมาจากนายท่านและได้รับการสืบทอดหน้าตามาจากฮูหยิน เพราะไป๋อี้ถังมีหน้าตาเหมือนกับผู้เป็นแม่จึงทำให้ไป๋หย่งเต๋อรักลูกชายคนนี้ของเขามาก“ตาแก่เมื่อไหร่จะกลับไปเสียที” “พ่อไม่รีบ พ่อเพิ่งมาถึงเมื่อเช้าเจ้าก็จะไล่พ่อกลับแล้วหรือ”“หึ แล้วจะมาทนลำบากที่นี่ทำไม ที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนเมืองหลวงหรอกนะ”“พ่อก็ไม่เห็นว่าที่นี่จะลำบากอะไร ดีเสียอีกจะได้รู้ว่าชาวบ้านมีความเป็นอยู่กันเช่นไร”“ดูแล้วได้อะไร ดูแล้วช่วยให้ชาวบ้านมีกินรึก็ไม่ เหอะ นอกจากรีดนาทาเร้นภาษีแล้วพวกท่านยังอยากจะทำอะไรกันอีก”“ใครรีดนาทาเร้น ไม่มีแล้วขุนนางชั่วพวกนั้นถูกกำจัดไปหมดแล้ว เอาเถอะ ๆ อย่าไปพูดเรื่องอื่นเลยพ่อมาที่นี่เพราะเจ้าไม่ได้มาเพราะเหตุผลอื่น อีกอย่างพ่อไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานในราชสำนัก เจ้ามาพูดกับพ่อก็ไร้ประโยชน์”“เหอะ
วันนี้บ้านตระกูลหยางได้มีโอกาสต้อนรับท่านราชครูแห่งเมืองหลวง นางฟางช่วยกันทำอาหารกับลูกสาวและลูกสะใภ้อย่างสุดฝีมือ สองแฝดรับหน้าที่เฝ้าไก่ขอทาน รวมถึงหมูย่างหนังกรอบที่ฉีหลินเลียนแบบมาจากหมูหันในภพที่นางจากมาส่วนเฟยเทียนกับอี้ถังไปช่วยกันจับปูและกุ้ง เมื่อเฟยเทียนไม่อยู่งานในไร่ก็ตกเป็นหน้าที่ของม่อถูและเซียวหลาง จากองครักษ์ฝีมือดีที่ตอนนี้ผันตัวมาทำไร่ทำสวน“ข้าไม่คิดเลยว่าชั่วชีวิตข้าจะมีวันนี้” ม่อถู“อะไรของเจ้า พูดอะไรข้าไม่เห็นจะเข้าใจ” เซียวหลาง“ก็พวกเรายังไงล่ะ จากองครักษ์ ตอนนี้เป็นอะไรชาวสวนชาวไร่ ชีวิตเรียบง่ายไปวัน ๆ ฮ่า ๆ หรือเจ้าว่าไม่ใช่” ม่อถู“มันก็จริงของเจ้า ข้าเองตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องแต่งงานมีลูก แล้วตอนนี้เป็นยังไงล่ะ ได้เมียมา 1 ลูกอีก 2 ข้าก็ว่ามันก็ดีนะ หรือเจ้าว่าไม่ใช่” เซียวหลาง“เหอ ๆ ถ้าเจ้าว่าดีมันก็ดีล่ะนะ หากเจ้าคิดว่าไม่ดีก็ไม่ดี” ม่อถู“วันนี้ฮูหยินคงทำอาหารเยอะมาก ข้าจะได้กินของอร่อยอีกแล้ว เสียใจกับเจ้าด้วยนะเซียวหลาง" ม่อถูพูดออกมา“เสียใจ? เสียใจกับข้าทำไม แล้วทำไมจะต้องเสียใจด้วย”“อ้าว ก็เจ้ามีภรรยามีลูกแล้วเจ้าก็ต้อ
ในตอนที่ประมุขมารได้ตายไปพร้อมกับดวงจิตที่แตกสลาย แต่ทว่ากลับไม่ได้แตกสลายไปทั้งหมด ยังมีดวงจิตอีกเสี้ยวได้หลุดลอยไปเกิดใหม่ในอีกภพชาติหนึ่ง เกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ประมุขมารร่ำร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ก่อนที่เข้าจะแหลกสลายไปหวังฉีหลินและเฟยเทียนกลับถึงหมู่บ้านป่าหมอก ทุกอย่างนางไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ในที่สุดประมุขมารก็คิดได้เสียที และหวังว่าพรที่นางและสามีร้องขอกับท่านมหาเทพนั้นจะทำให้ประมุขมารไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี มีความสุขและมีภรรยาที่รักเขามากแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนเป็นคู่ด้ายแดงทุกภพทุกชาติไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางและสามีทำได้หลังจากที่หมดปัญหา หมดสงคราม ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แคว้นหลงอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และข่าวการกลับมาขององค์ชายแปดผู้หายสาบสูญ ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ที่ดินศักดินาหมู่บ้านป่าหมอกและหมู่บ้านใกล้เคียงอีกสามหมู่บ้าน หวังฉีหลินทิ้งงานให้ลูกชายทั้งหลายแล้วหนีไปท่องเที่ยวกับสามี ทั้งสองคนออกไปท่องโลกกว้าง และมักจะนำผลไม้หรือพืช
หลังจากที่ประมุขมารได้รับสารท้ารบจากเฟยเทียน ทำให้เขาได้รู้ว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนบุรุษผู้กระหายสงครามและพร้อมจะทำลายศัตรูตรงหน้าให้ย่อยยับได้ทุกเมื่ออย่างแม่ทัพสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยถึงแม้ในชาติภพนี้เขาจะลงมาจุติในดินแดนของมนุษย์แต่ความสามารถของเขายังติดตัวมานั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงแม้มหาเทพจะไม่ค่อยชอบหน้าลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่มหาเทพผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดย่อมไม่มีทางให้นางลำบากส่วนมารอย่างตัวเขาเล่าทำอันใดได้บ้าง เป็นเขาเองที่ไปตกหลุมรักนางข้างเดียว เป็นเขาเองที่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเขาเองที่ไม่ยอมปล่อยวาง เขารู้ตัวเองดีด้วยพลังของตัวเขาเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด ต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ถึงแม้จะเอาชนะแม่ทัพสวรรค์ได้แล้วธิดามหาเทพจะชายตาแลเขาหรือก็ไม่ นางไม่เพียงไม่ชายตาแลหากแต่นางคงแก้แค้นเขาที่ทำให้สามีของนางต้องมีอันเป็นไป นอกจากจะไม่ได้ความรักแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังต่างหากที่นางจะหยิบยื่นให้เขาแล้วเหตุใดเขาถึงได้หน้ามืดตามัวเช่นนี้อยู่ถึงแสนปี ประชาชนเผ่ามารล้วนล้มตายไปตั้งเท่าไหร่ น้องชายคนเดียวของเขาที่เฝ้าเตือนสติเขาอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปแล้วนับเดือน ตอนนี้กองกำลังที่ฉีหลินฝึกฝนขึ้นมาก็ออกจากด่านกักตนกันทุกคนแล้ว เวลานี้ฉีหลินกับสามีพร้อมด้วยเหล่าสัตว์เทพพร้อมไปเยือนเผ่ามารแล้วเฟยเทียนเองก็เห็นสมควรว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หลังจากจบปัญหานี้ได้เท่ากับภารกิจของภรรยาได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามีภรรยาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียทีหลังจากกำหนดวันเคลื่อนพลได้แล้วฉีหลินก็ให้ทุกคนได้พักผ่อนให้เต็มที่ และเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในแหวนมิติให้เรียบร้อย ทั้งอาหารการกิน ยารักษาต่าง ๆ ทุกคนต่างเตรียมไปให้พร้อมสรรพ ด้วยศึกครั้งนี้อีกฝ่ายคือเผ่ามารไม่รู้ว่าจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหน แต่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านและนายหญิงว่าจะนำพาพวกเขากลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเฟยจิน เฮ่ออี และฮั่นเหวินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ลูก ๆ ของเฟยเทียนทุกคนก็เช่นเดียวกัน ส่วนสัตว์เทพที่คอยดูแลความปลอดภัยที่หมู่บ้านป่าหมอกมีเพียงต้าเซี่ยกับเสี่ยวเสวียนอู่เพียงสองตัวเท่านั้นส่วนเสี่ยวหลาง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเฮย เสี่ยวรุ่ยจื่อ และพี่ใหญ่อย่างจินหลงล้วนเข้าร่วมการรบในครั้งนี้ คนที่กระตือรือร้นมากที่สุดคื
ไป๋อี้ถังผู้โสดสนิท ครองตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ประหนึ่งนักพรตผู้ทรงศีล อีกทั้งรังเกียจสตรีมากเล่ห์ หลังจากออกจากด่านกักตนมา เขาก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสอนลูกศิษย์ในสำนัก ไม่มีภรรยาและบุตรให้ดูแล เวลาทั้งหมดที่มีนอกจากฝึกฝนพลังปราณแล้ว เวลาส่วนที่เหลือเขาจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในสำนักศึกษาด้วยความเข้มงวดในเวลาต่อมา อาจารย์ใหญ่ไป๋อี้ถังจึงมีฉายาว่า อาจารย์ใหญ่จอมโหด หากใครไม่ทำการบ้านมาส่งก็จะโดนลงโทษให้ไปวิ่งรอบสถานศึกษา อีกทั้งยังจะต้องทำการบ้านในครั้งหน้ามากกว่าคนอื่นสองเท่าเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดอีก 100 จบ และไปเก็บมูลทำความสะอาดคอกของสือเอ้อร์กับสืออีแทนคนงานในไร่ แถมยังต้องถูกเจ้าสือเอ้อร์กับสืออีกลั่นแกล้งจนหน้าทิ่มกองอึอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไม่ทำการบ้านอีกเลยวันนี้เป็นวันที่ไป๋อี้ถังว่างมาก มากที่สุด วันนี้เป็นวันหยุดของสถานศึกษา ไป๋อี้ถังจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมือง และหาซื้อพู่กันกับแท่นฝนหมึกเพิ่มเพราะเท่าที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้วจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะชวนสหายทั้งสามของเขาไปด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครไปเพราะแต่ละคนต้องการอยู่กับภรรยาแ
หลังจากที่เฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมลูกชายและเหล่าสหาย หนึ่งเดือนให้หลังเฟยจินก็กลับมาพร้อมกับฮั่นเหวินและเฮ่ออี หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน รวมถึงส่งรายชื่อหนอนให้กับเบื้องบนแล้ว ตัวเขาเองก็หมดหน้าที่ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ทั้งสามจึงได้ยื่นหนังสือขอลาพักกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมบิดามารดาไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามจะเข้าด่านกักตนเพื่อฝึกฝนในอีก 3 วันข้างหน้า โดยผู้ที่จะรับหน้าที่สั่งสอนศิษย์ในสถานศึกษาก็คือราชครูไป๋หย่งเต๋อที่เดินทางตามหลังเฟยจินได้เพียง 7 วันนอกจากไป๋หย่งเต๋อแล้วยังมีไป๋เจิ้นกั๋วเจ้ากรมอาญา เดินทางมาพร้อมกับไท่ปิงองครักษ์ประจำตัว นับเป็นการรวมตัวกันระหว่างองครักษ์เลยก็ว่าได้ เซียวหลางตัดสินใจแต่งงานและติดตามไป๋อี้ถัง ม่อถูเองก็เช่นเดียวกัน มีเพียงไท่ปิงเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลไป๋เจิ้นกั๋วที่เมืองหลวงไท่ปิงเองก็อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นสหายทั้งสองบ้าง เขาเองก็คงต้องเร่งฝึกองครักษ์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ทำหน้าที่แทนเขา ส่วนตัวเขาเองจะตามมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ตามสหายทั้งสองคนวันนี้ฉีหลินเรียกประชุมหน่วยลับที่เป
เฟยเทียนพาภรรยามุ่งหน้ากลับหมู่บ้านป่าหมอกทันที หลังจากจัดการทั้งสองแคว้นเรียบร้อยแล้ว และด่านสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้ก็คือจัดการกับเผ่ามารให้เด็ดขาด หากไม่กำจัดประมุขเผ่ามารเสียตอนนี้ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้อีก มีเพียงกำจัดประมุขมารให้ได้เท่านั้นทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีข่าวส่งว่าอ๋องมารน้องชายเพียงคนเดียวของประมุขมารได้หนีออกจากเผ่ามารไปตั้งรกรากที่อื่นแต่เดิมอ๋องมารก็ไม่เห็นด้วยกับประมุขมารเรื่องยึดดินแดนมนุษย์ แต่ไหนเลยประมุขมารผู้เป็นพี่ชายจะยอมฟัง ในเมื่อมันเป็นความแค้นใจที่มีต่อธิดามหาเทพและสามี ต่อให้อีกนับล้านปีประมุขมารก็วางความแค้นในใจลงไม่ได้“ไม่รู้ว่าเจ้าสามแสบจะทำเรื่องปวดหัวให้ท่านพ่อกับท่านปู่มากมายเพียงใด โดยเฉพาะลูกสาวของท่านพี่ ป่านนี้ไม่ใช่พี่อี้ถังปวดหัวจนผมขาวหมดหัวแล้วหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นกระมัง ลูกสาวของเราออกจะน่ารัก อีกอย่างพี่อี้ถังก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้เลยนี่นะ”“ท่านพี่ก็เข้าข้างนางตลอดล่ะเจ้าค่ะ อีกหน่อยนางก็เสียคนพอดี”“ไม่ใช่ว่านางกลัวท่านแม่อย่างเจ้าอยู่หรอกหรือ เอาน่าลูกยังเด็กอยู่ยังไม่รู้ความ มีพวกต้าเซี่ยอย
ในท้องพระโรงตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำคราญของบรรดาองค์หญิงและเหล่าสนมของฮ่องเต้ ส่วนเหล่าองค์ชายนั้นในใจต่างคิดว่าพวกเขาจบเห่แล้วคราวนี้ ยังไม่ทันได้ลงมือช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทแต่เสด็จพ่อกลับทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ ตอนนี้คนของแคว้นหลงบุกมาจัดการพวกเขาถึงในวังหลวงแห่งนี้ เช่นนั้นที่ชายแดนก็คงจะพ่ายแพ้เช่นเดียวกัน“มีอะไรจะพูดหรือไม่ แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องพูดหรอกเสียเวลา ข้าเข้าใจ เสี่ยวเฮยจัดการด้วยล่ะ เอาให้สะอาด” ฉีหลิน“จัดการให้เรียบร้อยจะได้รีบไปจัดการต่อ ข้าอยากกลับบ้านคิดถึงลูก” เฟยเทียนฮ่องเต้แคว้นอู๋มองดูสองสามีภรรยาสั่งงานเจ้าบุรุษชุดดำด้วยความไม่เข้าใจ อะไรคือจัดการให้เรียบร้อย อะไรคือเอาให้สะอาด พูดจาให้คนฟังแล้วไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ แต่ช่วยเห็นหัวเขาหน่อยจะได้หรือไม่“อ้อ เสี่ยวเฮย ช่วยปล่อยฮองเฮากับองค์ชายและองค์หญิงที่เกิดจากพระนางด้วย มีคนต้องการพบพวกเขา”“ได้ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้”“ขอบใจ ท่านพี่ไปกันเถอะเจ้าค่ะ เรายังมีอะไรที่ต้องทำต่อ”“อืม เสี่ยวเฮยจัดการให้เรียบร้อยอย่าให้เล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียวเข้าใจหรือไม่”เฟยเทียนเดินตามหลังภรรยาออกไปจากท้องพระโรง ท่าม
ในวันที่ฉีหลินกับเฟยเทียนตัดสินใจลักลอบเข้าวังหลวงแคว้นอู๋ ทางชายแดนแม่ทัพแคว้นอู๋ตัดสินใจนำทัพเข้าบุกแคว้นหลงทันทีโดยมีทัพมารเข้ามาแทรกแซงทำให้กำลังทหารของทางฝั่งแคว้นอู๋มีจำนวนเพิ่มมาหลายพันคนในเมื่อเผ่ามารมือยืดมือยาวถึงเพียงนี้ เสี่ยวเฮยเองก็ย่อมลิ้นยืดลิ้นยาวได้เช่นเดียวกัน ในตอนแรกที่เสี่ยวเฮยยังไม่ได้กลับไปอยู่ในร่างของมังกรทมิฬนั้น ย่อมไม่มีใครเกรงกลัวแต่หลังจากเผ่ามารเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นกำลังเสริมให้กับแคว้นอู๋ เสี่ยวเฮยจึงเห็นว่าไม่ควรจะปิดบังตัวเองอีกต่อไป มันจึงได้กลับร่างเป็นมังกรทมิฬขนาดใหญ่กว่าที่เผ่ามารจะได้รู้ความจริงก็โดยกินไปจนเกือบหมดเสียแล้ว ยิ่งกลืนกินสิ่งชั่วร้ายไปมากเท่าไหร่ขนาดตัวของเสี่ยวเฮยก็ขยายขึ้นใหญ่มากเท่านั้น ตอนนี้ที่กำลังทหารของแคว้นอู๋เห็นเสี่ยวเฮยกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็ตัดสินใจกันแล้วว่าจะหนีเอาตัวรอดถึงแม้ว่าแม่ทัพจะไม่สั่งถอยทัพแต่ใครก็ย่อมกลัวตาย ต่างคนต่างรักชีวิตของตัวเองเมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทิ้งอาวุธออกวิ่งทันทีส่วนเสี่ยวเฮยที่กินเผ่ามารไปแล้วยังรู้สึกว่าไม่อิ่มเท่าไหร่ ต่างจ้องมองไปที่กำลังทหารของแคว้นอู๋ด้วยสายตาวาววั
ในขณะที่ฉีหลินกับเฟยเทียนเข้าไปในแคว้นอู๋อย่างราบรื่น ตอนนี้พวกเขาหาที่พักในเมืองหลวงของแคว้นอู๋ได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนปลอมตัวเป็นตายาย เปิดร้านขายบะหมี่ในตลาดนับว่าเป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับเฟยเทียน งานขายบะหมี่นี้เขารับหน้าที่เป็นคนทำบะหมี่ ส่วนภรรยาอย่างฉีหลินนั้นทำหน้าที่เก็บเงิน ส่วนผู้ติดตามทำหน้าที่เสี่ยวเอ้อร์ พวกเขาเช่าร้านบะหมี่ต่อจากเจ้าของเดิมที่เก็บของเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับลูกชายที่บ้านเกิดในระหว่างที่ท่านพ่อและท่านแม่ไปทำหน้าที่ทำภารกิจเพื่อความสงบสุข แต่ลูกน้อยทั้งสามคนที่หมู่บ้านป่าหมอกนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับ 3 คนแก่ที่บ้านสักเท่าไหร่ ไป๋อี้ถังเองยังไม่สามารถรับมือกับหลานน้อยทั้งสามคนได้ เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะอับจนหนทางถึงขนาดนี้ เจ้าสามคนนี่เกิดมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนจริง ๆ“ท่านยุงถัง อันนี้ฉือไร” ฟางเซียน“หนังสือวรยุทธ์เบื้องต้น” ไป๋อี้ถัง“ท่านยุงถัง ฉอน เซียนเอ๋อร์ยักเรียน”“ฟางเซียนลุงว่าตอนนี้เจ้าไปนอนกลางวันกับน้องชายทั้งสองของหลานดีหรือไม่ เอาไว้รอให้เจ้าโตกว่านี้ลุงจะสอนให้ทุกอย่างเลย ต้าเซี่ย มาพาคุณหนูของเจ้าไปนอนกลางวันได้แล้ว”“แต่เซียนเอ๋อร์ไม่