ทางด้านเฟยเทียนที่ตามภรรยาเข้าป่าหมอกเพื่อขุดเอาต้นลำไย ลิ้นจี่ ลูกท้อ และองุ่น เพื่อนำมาปลูกที่สวนผลไม้ของพวกเขา เฟยเทียนเดินตามหลังภรรยาไปด้วยความแปลกใจ ฉีหลินพาสามีเดินมาจนถึงลานกว้างกลางป่าหมอกที่มีต้นลำไย ต้นลิ้นจี่ และต้นท้ออยู่เป็นจำนวนมาก ฉีหลินให้สามีของนางขุดต้นที่มีขนาดเล็กเอากลับไปทั้งหมด ทั้งสองคนช่วยกันขุดต้นผลไม้อย่างขยันขันแข็ง“ท่านพี่เร่งมือขุดเร็ว ๆ เจ้าค่ะ ข้าจะยังต้องไปขุดเอาต้นองุ่นกลับไปด้วยนะเจ้าคะ”“แล้วหลินเอ๋อร์จะปลูกตอนไหนหรือ ตอนกลางวันมีชาวบ้านมาทำงานที่บ้านของเราหลายคนพี่เกรงว่าจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”“ข้าจะรอจนกว่าชาวบ้านกลับไปหมดก่อนเจ้าค่ะ แล้วหลุมที่ข้าให้ขุดเตรียมเอาไว้ ท่านพี่ให้คนงานไปขุดหรือยังเจ้าคะ”“ขุดเรียบร้อยแล้วหากไม่พอค่อยขุดเพิ่มแต่พี่คิดว่าที่ดินของเราไม่น่าจะพอ ในเมื่อเจ้าอยากจะทำสวนผักสวนผลไม้ ในอนาคตข้างหน้า บ่าวไพร่ในเรือนจะมากกว่านี้เราควรจะต้องสร้างบ้านเอาไว้รองรับ”“เอาไว้ตอนนี้เราค่อยไปถามท่านลุงจางสงดูว่ามีที่ดินที่ติดกับบ้านของพวกเราแล้วยังไม่มีเจ้าของหรือไม่ หากว่ามีค่อยซื้อเพิ่มเจ้าค่ะ”“ได้ เอ่อ หลินเอ๋อร์พี่มีเรื่องจะปรึกษาเ
จูฮั่นเหวินวิ่งหนีตายจากด้ามไม้กวาดมหาภัยของท่านแม่ มาจนถึงบ้านตระกูลหยางเพื่อมาดูว่าน้องชายของเขากลับบ้านหรือยัง หากยังไม่กลับจะได้พากลับเสียทีเดียว อย่างน้อย ๆ มีน้องชายอยู่ ท่านแม่คงไม่กล้าลงมือกับเขาเฟยเทียนและฉีหลินที่กลับออกมาจากป่าหมอกพอดี เห็นฮั่นเหวินวิ่งหน้าตั้งมาที่บ้านของพวกเขา ก็ตกใจเป็นอย่างมากคิดว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเขาอีก จึงได้ถามออกมา“ฮั่นเหวินเกิดเรื่องอันใดกับแม่หรือน้องชายเจ้าหรือถึงได้รีบวิ่งมาขนาดนี้” เฟยเทียน“เปล่าขอรับพี่เฟยเทียน ข้าวิ่งหนีด้ามไม้กวาดของท่านแม่มา”“อะไรนะ วิ่งหนีด้ามไม้กวาดของท่านน้ามาหรือ เจ้าไปทำอะไรให้ท่านน้าโมโหถึงขนาดต้องลงไม้ลงมือกับเจ้าขนาดนี้ หรือว่าเจ้าไปทำเรื่องไม่ดีมาใช่หรือไม่” ฉีหลิน“โอ้ย ไม่ใช่เลยพี่สะใภ้ ข้าทำเรื่องดีงามที่สุดเลยต่างหาก”“เจ้าพูดอะไรของเจ้ายังจะเล่นอยู่อีก เรื่องดีงามแบบไหนกันถึงได้โดนด้ามไม้กวาดไล่ฟาดแบบนี้” เฟยเทียน“ข้าก็แค่หาสามีใหม่ให้ท่านแม่เอง ข้าผิดตรงไหนเล่าข้าเองก็อยากมีพ่อเหมือนคนอื่นเขาบ้างนี่ขอรับ อีกอย่างจะได้มีคนคอยดูแลท่านแม่กับน้องชายด้วยเวลาข้าไม่อยู่ อีกอย่างใกล้จะถึงฤดูหนาวแล้วข้าเอง
หลังจากที่ฮั่นไคร้องไห้ไม่ยอมให้เซียวหลางกลับบ้านตระกูลหยาง ทำให้เขาต้องนอนที่บ้านของเพ่ยอิง เพ่ยอิงเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงทำได้แค่ยอมนอนร่วมห้องกับเซียวหลาง ฮั่นไคคิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีความสุขมากวันนี้ ข้างซ้ายเขามีท่านพ่อข้างขวาเขามีท่านแม่นอนขนาบข้าง ตลอดทั้งคืนเขานอนอยู่ในอ้อมกอดของท่านพ่อและหลับไปอย่างมีความสุข อ้อมกอดของท่านพ่อมันช่างอบอุ่นจริง ๆเด็กน้อยฮั่นไคหลับไปแล้วแต่ผู้ใหญ่ทั้งสองคนยังไม่หลับ และไม่สามารถหลับตาลงได้ เพ่ยอิงได้แต่คิดว่าจะทำเช่นไรดีกับชีวิตอันยุ่งเหยิงนี้ ส่วนเซียวหลางคิดว่าจะทำยังไงให้ได้เพ่ยอิงมาเป็นภรรยาในเร็ววันนี้“เพ่ยอิงเจ้าหลับหรือยัง”“ยังเจ้าค่ะ ตอนนี้ฮั่นไคหลับแล้วท่านจะกลับบ้านหยางเลยก็ได้นะเจ้าคะ”“เจ้าคิดยังไงกับเรื่องของเรา ข้าเองจริงจังมากนะตั้งแต่ข้าเกิดมาจนตอนนี้ข้าเองไม่เคยคิดจะแต่งงานเลยสักครั้ง ไม่เคยคิดจะมีครอบครัวเพราะงานที่ข้าทำอยู่ แต่เมื่อได้มาพบกับเจ้ามันก็ทำให้ความคิดของข้าได้เปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าข้าเพิ่งจะพบเจ้าได้ไม่นานแต่ใจของข้ามันบอกว่าเจ้าคือคนที่ใช่ คือคนที่ข้าจะฝากชีวิตเอาไว้ด้วยได้”“ท่านคิดดีแล้วหรือเจ้าคะ ข้าเองมีล
เมื่อฉีหลินได้รับการเตือนจากต้าเซี่ยถึงเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือเตรียมเสบียงเอาไว้ให้มากพอ ฉีหลินไม่ห่วงบ้านตระกูลหยางมากเท่าไหร่ต่อให้ตอนนี้นางมีคนงานเพิ่มมาอีก 10 ชีวิตก็ตามที เพราะในมิติยังมีอาหารอยู่มากมายแต่สำหรับชาวบ้านแล้วนับว่ายังน่าเป็นห่วงถึงแม้ตอนนี้ชาวบ้านในหมู่บ้านป่าหมอกจะไม่ได้มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบากนัก แต่มันยังไม่เพียงพอ นางคงต้องไปคุยกับท่านลุงจางเพื่อเตือนชาวบ้านให้กักตุนอาหารเสียแต่เนิ่น ๆนอกจากนี้นางยังจะให้พ่อสามีไปแจ้งข่าวกับลุงเมิ่งที่หมู่บ้านเหอมู่ที่นางจากมาอีกด้วย ถึงอย่างไรท่านลุงเมิ่งก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของครอบครัวพวกเขา และอีกทั้งลูกชายของท่านลุงเมิ่งถือว่าเป็นสหายสนิทของสามีนางอีกด้วยหลังมื้อเช้าผ่านพ้นไปฉีหลินได้แบ่งคนงานบางส่วนมาสร้างโรงเรือนที่มีห้องใต้ดินด้านล่าง สำหรับห้องใต้ดินนี้ฉีหลินจะทำเป็นที่กักตุนเสบียงสำรองเอาไว้ นางจะเริ่มซื้อข้าวและธัญพืชมาเก็บเอาไว้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจะได้ไม่ฉุกละหุกจนเกินไป“ท่านพี่เจ้าคะ ข้าอยากให้ท่านพี่พาคนงานสร้างโรงเรือนเอาไว้ตรงนี้เจ้าค่ะ และข้าต้องการ
ตอนนี้สวนผลไม้เป็นรูปเป็นร่างแล้ว ฉีหลินไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูแลมากนัก ที่เหลือปล่อยให้คนงานในไร่รดน้ำพรวนดินและถอนหญ้าออกไปเท่านั้น ตอนนี้นางสอนให้คนงานทำปุ๋ยหมักเอาไว้หลายบ่อหลังจากเสร็จงานจากสวนผลไม้แล้วฉีหลินให้คนงานช่วยกันปรับหน้าดิน พื้นที่ตรงนี้ฉีหลินจะเตรียมทำนาข้าวโดยให้คนงานช่วยกันทำคันดินเพื่อแบ่งที่กินออกเป็นช่องสำหรับปลูกข้าว ต่อไปนางจะปลูกข้าวปราณเอาไว้กินภายในบ้านหลังจากที่ฉีหลินแจ้งข่าวภัยหนาวให้กับจางสงรับรู้ ในตอนเย็นวันเดียวกันจางสงได้เรียกประชุมชาวบ้านและแจ้งข่าวให้ชาวบ้านได้รับรู้ ชาวบ้านเองเมื่อได้ฟังสิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านบอกเล่า พวกเขาทุกคนก็เริ่มที่จะเตรียมกักตุนเสบียงเอาไว้ให้มากที่สุดการมีอาหารกินมากพอนั้นเป็นเรื่องที่ดี หากไม่มีอาหารกินนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก ตอนนี้ชาวบ้านทยอยซื้อข้าวและธัญพืชมาเก็บเอาไว้ หลาย ๆ คนเริ่มซ่อมแซมบ้านและห้องเก็บเสบียง ชาวบ้านต่างก็ช่วยกันซ่อมแซมบ้านให้แข็งแรงหมู่บ้านเหอมู่เองหลังจากหัวหน้าหมู่บ้านแจ้งข่าวให้ชาวบ้านได้รู้ ชาวบ้านเองก็เตรียมซ่อมแซมบ้านและกักตุนเสบียงเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เช่นเดียวกันบ้านผู้นำหมู่บ้าน เม
เช้าวันต่อมาจวินตั๋งมาถึงบ้านหยางในยามเหม่าตามที่ได้นัดหมายกันเอาไว้ ฉีหลินลุกขึ้นมาเตรียมอาหารแห้งและซาลาเปาให้สามีเพื่อนำไปเป็นเสบียงในยามเข้าป่า พร้อมทั้งนางได้เตรียมยารักษาบาดแผลที่นางได้ปรุงขึ้นเอง มีทั้งยาห้ามเลือดและยาแก้ไข้ ใส่ขวดให้สามีนำไปด้วยเผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น“ท่านพี่ครั้งนี้เสี่ยวหลางไม่ได้ไปด้วย ท่านพี่ระวังตัวให้ดีอย่าทำอะไรที่เสี่ยงเกินไปนะเจ้าคะ ดูแลตัวเองให้ดี เดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ”“ขอบใจเจ้ามาก น้องรองล่ะยังเตรียมตัวไม่เสร็จอีกหรือประเดี๋ยวจะสายเอาได้”“น้องรองออกไปแล้วเจ้าค่ะ เห็นว่าจะไปพบท่านพี่ที่บ้านท่านลุงจางสงเจ้าค่ะ”“ส่วนนี่ของท่านพี่จวินตั๋งเจ้าค่ะ ข้าเตรียมเอาไว้เผื่อถ้าหิวระหว่างทางก็สามารถนำออกมากินได้เจ้าค่ะ” ฉีหลินส่งซาลาเปาลูกใหญ่ขาวอวบให้จวินตั๋ง“ขอบใจเจ้ามาน้องสะใภ้”“ไปกันเถอะจวินตั๋ง ประเดี๋ยวจะสายเอาได้ ป่านนี้ทุกคนคงรออยู่ที่บ้านท่านลุงจางสงแล้วล่ะ”“อือ ไปกัน ข้าไปก่อนนะน้องสะใภ้ ขอบใจเจ้าสำหรับซาลาเปานะ”“เจ้าค่ะ เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ ท่านพี่ดูแลน้องรองด้วยนะเจ้าคะ”“ได้ เจ้าไม่ต้องกังวลนะ ฝากดูแลทุกคนด้วย”คล้อยหลังสามีออก
หลังจากที่นางหลานให้อาหารหมูเสร็จแล้วนางก็ล้างไม้ล้างมือเรียบร้อยแล้วจึงได้ปิดบ้านเอาไว้และเดินตามสามีไปยังบ้านหยางทันที ถึงแม้ว่านางจะยังกังวลอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่ลองไปทาบทามดูก็จะไม่รู้คำตอบหากว่าทางบ้านหยางไม่ตกลงนางก็คงจะทำอะไรไม่ได้เช่นเดียวกันทั้งสองคนเดินมาถึงบ้านหยางพอดีกับที่ไป๋อี้ถังและม่อถูกลับมาถึงบ้านพอดี หลังจากทักทายจางสงและนางหลานตามมารยาทแล้ว ทั้งสองคนเดินเข้าบ้านทันที“ท่านป้าข้ากลับมาแล้วขอรับ” ไป๋อี้ถังเดินไปหานางฟางเพื่อบอกกล่าว“กลับมาก็ดีแล้ว เจ้ากับม่อถูไปพักผ่อนเถอะ อ้อ บ้านของเจ้าเสร็จแล้วนะ เมื่อวานช่างไม้ส่งงานกับลุงของเจ้าแล้ว เจ้าไปตรวจสอบดูอีกที”“ขอบคุณขอรับท่านป้า แล้วก็หัวหน้าหมู่บ้านกับภรรยามาหาท่านป้าขอรับ ข้าให้นั่งรอที่โถงรับแขก”“ขอบใจเจ้า พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะนำชาไปต้อนรับพวกเขาเอง”“ขอรับท่านป้า”นางฟางรีบยกน้ำชาออกไปต้อนรับสองสามีภรรยา ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าเหตุใดสองสามีภรรยาถึงได้มาหาถึงที่บ้าน ก่อนที่นางจะยกน้ำชาออกไปนางได้ให้ลูกสาวไปตามสามีของนางที่แปลงผักให้กลับมาเสียก่อน“ขออภัยที่ให้รอนะเจ้าคะ พอดีไม่มีใครอยู่ข้าเลยค่อนข้างที่จะยุ่งนิดห
เช้าวันใหม่ทุกคนตื่นขึ้นมาและจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นพวกเขาก็ออกไปดูกับดักที่ตัวเองได้วางเอาไว้ เฟยเทียนนั้นวางกับดักเอาไว้ค่อนข้างไกลจากที่พักพอสมควรเฮ่อเหลียนตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขประหนึ่งว่านอนอยู่ในบ้านอันแสนอบอุ่น ฮั่นเหวินนั้นมองท่าทางของสหายด้วยความรู้สึกขนลุกขนพอง เขาไม่รู้ว่าทำไมสหายที่ชอบทำหน้าตายอยู่ตลอดเวลาถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ไปได้“นี่เฮ่อเหลียน เจ้าเลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีจะได้หรือไม่ ข้าขนลุกไปหมดแล้ว” ฮั่นเหวิน“อะไรของเจ้าข้าก็หน้าตาปกติแบบนี้”“ปกติ? นี่เจ้ากล้าใช่คำว่าปกติอยู่อีกรึ ปกติของเจ้าคือเจ้าจะทำหน้าประหนึ่งว่าใครเป็นหนี้เจ้าอยู่แล้วไม่ยอมใช้คืน หน้าตาบึ้งตึงไม่ก็หน้าตาเฉยชาไร้อารมณ์ การที่เจ้าทำหน้าเคลิบเคลิ้มเช่นนี้มันทำให้คนอื่นกลัวเจ้ารู้หรือไม่”“ไปไกล ๆ ข้าเลยไป ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องของข้า โน่นท่านพ่อเจ้าเรียกแล้วไปสักที ก่อกวนข้าอยู่ได้” เฮ่อเหลียนไล่ฮั่นเหวินออกไป“หึ ข้าไปก็ได้ เจ้าคนพิลึก” ฮั่นเหวินจากไปด้วยท่าทางฮึดฮัดกลุ่มของเฟยเทียนตั้งใจว่าจะเก็บเหยื่อจากกับดักมาเก็บเอาไว้ในถ้ำก่อนจากนั้นพวกเขาจะไปล่าหมูป่าหินอ่อนกั
ในตอนที่ประมุขมารได้ตายไปพร้อมกับดวงจิตที่แตกสลาย แต่ทว่ากลับไม่ได้แตกสลายไปทั้งหมด ยังมีดวงจิตอีกเสี้ยวได้หลุดลอยไปเกิดใหม่ในอีกภพชาติหนึ่ง เกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ประมุขมารร่ำร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ก่อนที่เข้าจะแหลกสลายไปหวังฉีหลินและเฟยเทียนกลับถึงหมู่บ้านป่าหมอก ทุกอย่างนางไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ในที่สุดประมุขมารก็คิดได้เสียที และหวังว่าพรที่นางและสามีร้องขอกับท่านมหาเทพนั้นจะทำให้ประมุขมารไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี มีความสุขและมีภรรยาที่รักเขามากแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนเป็นคู่ด้ายแดงทุกภพทุกชาติไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางและสามีทำได้หลังจากที่หมดปัญหา หมดสงคราม ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แคว้นหลงอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และข่าวการกลับมาขององค์ชายแปดผู้หายสาบสูญ ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ที่ดินศักดินาหมู่บ้านป่าหมอกและหมู่บ้านใกล้เคียงอีกสามหมู่บ้าน หวังฉีหลินทิ้งงานให้ลูกชายทั้งหลายแล้วหนีไปท่องเที่ยวกับสามี ทั้งสองคนออกไปท่องโลกกว้าง และมักจะนำผลไม้หรือพืช
หลังจากที่ประมุขมารได้รับสารท้ารบจากเฟยเทียน ทำให้เขาได้รู้ว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนบุรุษผู้กระหายสงครามและพร้อมจะทำลายศัตรูตรงหน้าให้ย่อยยับได้ทุกเมื่ออย่างแม่ทัพสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยถึงแม้ในชาติภพนี้เขาจะลงมาจุติในดินแดนของมนุษย์แต่ความสามารถของเขายังติดตัวมานั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงแม้มหาเทพจะไม่ค่อยชอบหน้าลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่มหาเทพผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดย่อมไม่มีทางให้นางลำบากส่วนมารอย่างตัวเขาเล่าทำอันใดได้บ้าง เป็นเขาเองที่ไปตกหลุมรักนางข้างเดียว เป็นเขาเองที่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเขาเองที่ไม่ยอมปล่อยวาง เขารู้ตัวเองดีด้วยพลังของตัวเขาเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด ต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ถึงแม้จะเอาชนะแม่ทัพสวรรค์ได้แล้วธิดามหาเทพจะชายตาแลเขาหรือก็ไม่ นางไม่เพียงไม่ชายตาแลหากแต่นางคงแก้แค้นเขาที่ทำให้สามีของนางต้องมีอันเป็นไป นอกจากจะไม่ได้ความรักแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังต่างหากที่นางจะหยิบยื่นให้เขาแล้วเหตุใดเขาถึงได้หน้ามืดตามัวเช่นนี้อยู่ถึงแสนปี ประชาชนเผ่ามารล้วนล้มตายไปตั้งเท่าไหร่ น้องชายคนเดียวของเขาที่เฝ้าเตือนสติเขาอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปแล้วนับเดือน ตอนนี้กองกำลังที่ฉีหลินฝึกฝนขึ้นมาก็ออกจากด่านกักตนกันทุกคนแล้ว เวลานี้ฉีหลินกับสามีพร้อมด้วยเหล่าสัตว์เทพพร้อมไปเยือนเผ่ามารแล้วเฟยเทียนเองก็เห็นสมควรว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หลังจากจบปัญหานี้ได้เท่ากับภารกิจของภรรยาได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามีภรรยาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียทีหลังจากกำหนดวันเคลื่อนพลได้แล้วฉีหลินก็ให้ทุกคนได้พักผ่อนให้เต็มที่ และเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในแหวนมิติให้เรียบร้อย ทั้งอาหารการกิน ยารักษาต่าง ๆ ทุกคนต่างเตรียมไปให้พร้อมสรรพ ด้วยศึกครั้งนี้อีกฝ่ายคือเผ่ามารไม่รู้ว่าจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหน แต่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านและนายหญิงว่าจะนำพาพวกเขากลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเฟยจิน เฮ่ออี และฮั่นเหวินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ลูก ๆ ของเฟยเทียนทุกคนก็เช่นเดียวกัน ส่วนสัตว์เทพที่คอยดูแลความปลอดภัยที่หมู่บ้านป่าหมอกมีเพียงต้าเซี่ยกับเสี่ยวเสวียนอู่เพียงสองตัวเท่านั้นส่วนเสี่ยวหลาง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเฮย เสี่ยวรุ่ยจื่อ และพี่ใหญ่อย่างจินหลงล้วนเข้าร่วมการรบในครั้งนี้ คนที่กระตือรือร้นมากที่สุดคื
ไป๋อี้ถังผู้โสดสนิท ครองตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ประหนึ่งนักพรตผู้ทรงศีล อีกทั้งรังเกียจสตรีมากเล่ห์ หลังจากออกจากด่านกักตนมา เขาก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสอนลูกศิษย์ในสำนัก ไม่มีภรรยาและบุตรให้ดูแล เวลาทั้งหมดที่มีนอกจากฝึกฝนพลังปราณแล้ว เวลาส่วนที่เหลือเขาจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในสำนักศึกษาด้วยความเข้มงวดในเวลาต่อมา อาจารย์ใหญ่ไป๋อี้ถังจึงมีฉายาว่า อาจารย์ใหญ่จอมโหด หากใครไม่ทำการบ้านมาส่งก็จะโดนลงโทษให้ไปวิ่งรอบสถานศึกษา อีกทั้งยังจะต้องทำการบ้านในครั้งหน้ามากกว่าคนอื่นสองเท่าเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดอีก 100 จบ และไปเก็บมูลทำความสะอาดคอกของสือเอ้อร์กับสืออีแทนคนงานในไร่ แถมยังต้องถูกเจ้าสือเอ้อร์กับสืออีกลั่นแกล้งจนหน้าทิ่มกองอึอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไม่ทำการบ้านอีกเลยวันนี้เป็นวันที่ไป๋อี้ถังว่างมาก มากที่สุด วันนี้เป็นวันหยุดของสถานศึกษา ไป๋อี้ถังจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมือง และหาซื้อพู่กันกับแท่นฝนหมึกเพิ่มเพราะเท่าที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้วจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะชวนสหายทั้งสามของเขาไปด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครไปเพราะแต่ละคนต้องการอยู่กับภรรยาแ
หลังจากที่เฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมลูกชายและเหล่าสหาย หนึ่งเดือนให้หลังเฟยจินก็กลับมาพร้อมกับฮั่นเหวินและเฮ่ออี หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน รวมถึงส่งรายชื่อหนอนให้กับเบื้องบนแล้ว ตัวเขาเองก็หมดหน้าที่ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ทั้งสามจึงได้ยื่นหนังสือขอลาพักกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมบิดามารดาไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามจะเข้าด่านกักตนเพื่อฝึกฝนในอีก 3 วันข้างหน้า โดยผู้ที่จะรับหน้าที่สั่งสอนศิษย์ในสถานศึกษาก็คือราชครูไป๋หย่งเต๋อที่เดินทางตามหลังเฟยจินได้เพียง 7 วันนอกจากไป๋หย่งเต๋อแล้วยังมีไป๋เจิ้นกั๋วเจ้ากรมอาญา เดินทางมาพร้อมกับไท่ปิงองครักษ์ประจำตัว นับเป็นการรวมตัวกันระหว่างองครักษ์เลยก็ว่าได้ เซียวหลางตัดสินใจแต่งงานและติดตามไป๋อี้ถัง ม่อถูเองก็เช่นเดียวกัน มีเพียงไท่ปิงเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลไป๋เจิ้นกั๋วที่เมืองหลวงไท่ปิงเองก็อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นสหายทั้งสองบ้าง เขาเองก็คงต้องเร่งฝึกองครักษ์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ทำหน้าที่แทนเขา ส่วนตัวเขาเองจะตามมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ตามสหายทั้งสองคนวันนี้ฉีหลินเรียกประชุมหน่วยลับที่เป
เฟยเทียนพาภรรยามุ่งหน้ากลับหมู่บ้านป่าหมอกทันที หลังจากจัดการทั้งสองแคว้นเรียบร้อยแล้ว และด่านสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้ก็คือจัดการกับเผ่ามารให้เด็ดขาด หากไม่กำจัดประมุขเผ่ามารเสียตอนนี้ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้อีก มีเพียงกำจัดประมุขมารให้ได้เท่านั้นทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีข่าวส่งว่าอ๋องมารน้องชายเพียงคนเดียวของประมุขมารได้หนีออกจากเผ่ามารไปตั้งรกรากที่อื่นแต่เดิมอ๋องมารก็ไม่เห็นด้วยกับประมุขมารเรื่องยึดดินแดนมนุษย์ แต่ไหนเลยประมุขมารผู้เป็นพี่ชายจะยอมฟัง ในเมื่อมันเป็นความแค้นใจที่มีต่อธิดามหาเทพและสามี ต่อให้อีกนับล้านปีประมุขมารก็วางความแค้นในใจลงไม่ได้“ไม่รู้ว่าเจ้าสามแสบจะทำเรื่องปวดหัวให้ท่านพ่อกับท่านปู่มากมายเพียงใด โดยเฉพาะลูกสาวของท่านพี่ ป่านนี้ไม่ใช่พี่อี้ถังปวดหัวจนผมขาวหมดหัวแล้วหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นกระมัง ลูกสาวของเราออกจะน่ารัก อีกอย่างพี่อี้ถังก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้เลยนี่นะ”“ท่านพี่ก็เข้าข้างนางตลอดล่ะเจ้าค่ะ อีกหน่อยนางก็เสียคนพอดี”“ไม่ใช่ว่านางกลัวท่านแม่อย่างเจ้าอยู่หรอกหรือ เอาน่าลูกยังเด็กอยู่ยังไม่รู้ความ มีพวกต้าเซี่ยอย
ในท้องพระโรงตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำคราญของบรรดาองค์หญิงและเหล่าสนมของฮ่องเต้ ส่วนเหล่าองค์ชายนั้นในใจต่างคิดว่าพวกเขาจบเห่แล้วคราวนี้ ยังไม่ทันได้ลงมือช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทแต่เสด็จพ่อกลับทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ ตอนนี้คนของแคว้นหลงบุกมาจัดการพวกเขาถึงในวังหลวงแห่งนี้ เช่นนั้นที่ชายแดนก็คงจะพ่ายแพ้เช่นเดียวกัน“มีอะไรจะพูดหรือไม่ แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องพูดหรอกเสียเวลา ข้าเข้าใจ เสี่ยวเฮยจัดการด้วยล่ะ เอาให้สะอาด” ฉีหลิน“จัดการให้เรียบร้อยจะได้รีบไปจัดการต่อ ข้าอยากกลับบ้านคิดถึงลูก” เฟยเทียนฮ่องเต้แคว้นอู๋มองดูสองสามีภรรยาสั่งงานเจ้าบุรุษชุดดำด้วยความไม่เข้าใจ อะไรคือจัดการให้เรียบร้อย อะไรคือเอาให้สะอาด พูดจาให้คนฟังแล้วไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ แต่ช่วยเห็นหัวเขาหน่อยจะได้หรือไม่“อ้อ เสี่ยวเฮย ช่วยปล่อยฮองเฮากับองค์ชายและองค์หญิงที่เกิดจากพระนางด้วย มีคนต้องการพบพวกเขา”“ได้ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้”“ขอบใจ ท่านพี่ไปกันเถอะเจ้าค่ะ เรายังมีอะไรที่ต้องทำต่อ”“อืม เสี่ยวเฮยจัดการให้เรียบร้อยอย่าให้เล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียวเข้าใจหรือไม่”เฟยเทียนเดินตามหลังภรรยาออกไปจากท้องพระโรง ท่าม
ในวันที่ฉีหลินกับเฟยเทียนตัดสินใจลักลอบเข้าวังหลวงแคว้นอู๋ ทางชายแดนแม่ทัพแคว้นอู๋ตัดสินใจนำทัพเข้าบุกแคว้นหลงทันทีโดยมีทัพมารเข้ามาแทรกแซงทำให้กำลังทหารของทางฝั่งแคว้นอู๋มีจำนวนเพิ่มมาหลายพันคนในเมื่อเผ่ามารมือยืดมือยาวถึงเพียงนี้ เสี่ยวเฮยเองก็ย่อมลิ้นยืดลิ้นยาวได้เช่นเดียวกัน ในตอนแรกที่เสี่ยวเฮยยังไม่ได้กลับไปอยู่ในร่างของมังกรทมิฬนั้น ย่อมไม่มีใครเกรงกลัวแต่หลังจากเผ่ามารเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นกำลังเสริมให้กับแคว้นอู๋ เสี่ยวเฮยจึงเห็นว่าไม่ควรจะปิดบังตัวเองอีกต่อไป มันจึงได้กลับร่างเป็นมังกรทมิฬขนาดใหญ่กว่าที่เผ่ามารจะได้รู้ความจริงก็โดยกินไปจนเกือบหมดเสียแล้ว ยิ่งกลืนกินสิ่งชั่วร้ายไปมากเท่าไหร่ขนาดตัวของเสี่ยวเฮยก็ขยายขึ้นใหญ่มากเท่านั้น ตอนนี้ที่กำลังทหารของแคว้นอู๋เห็นเสี่ยวเฮยกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็ตัดสินใจกันแล้วว่าจะหนีเอาตัวรอดถึงแม้ว่าแม่ทัพจะไม่สั่งถอยทัพแต่ใครก็ย่อมกลัวตาย ต่างคนต่างรักชีวิตของตัวเองเมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทิ้งอาวุธออกวิ่งทันทีส่วนเสี่ยวเฮยที่กินเผ่ามารไปแล้วยังรู้สึกว่าไม่อิ่มเท่าไหร่ ต่างจ้องมองไปที่กำลังทหารของแคว้นอู๋ด้วยสายตาวาววั
ในขณะที่ฉีหลินกับเฟยเทียนเข้าไปในแคว้นอู๋อย่างราบรื่น ตอนนี้พวกเขาหาที่พักในเมืองหลวงของแคว้นอู๋ได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนปลอมตัวเป็นตายาย เปิดร้านขายบะหมี่ในตลาดนับว่าเป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับเฟยเทียน งานขายบะหมี่นี้เขารับหน้าที่เป็นคนทำบะหมี่ ส่วนภรรยาอย่างฉีหลินนั้นทำหน้าที่เก็บเงิน ส่วนผู้ติดตามทำหน้าที่เสี่ยวเอ้อร์ พวกเขาเช่าร้านบะหมี่ต่อจากเจ้าของเดิมที่เก็บของเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับลูกชายที่บ้านเกิดในระหว่างที่ท่านพ่อและท่านแม่ไปทำหน้าที่ทำภารกิจเพื่อความสงบสุข แต่ลูกน้อยทั้งสามคนที่หมู่บ้านป่าหมอกนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับ 3 คนแก่ที่บ้านสักเท่าไหร่ ไป๋อี้ถังเองยังไม่สามารถรับมือกับหลานน้อยทั้งสามคนได้ เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะอับจนหนทางถึงขนาดนี้ เจ้าสามคนนี่เกิดมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนจริง ๆ“ท่านยุงถัง อันนี้ฉือไร” ฟางเซียน“หนังสือวรยุทธ์เบื้องต้น” ไป๋อี้ถัง“ท่านยุงถัง ฉอน เซียนเอ๋อร์ยักเรียน”“ฟางเซียนลุงว่าตอนนี้เจ้าไปนอนกลางวันกับน้องชายทั้งสองของหลานดีหรือไม่ เอาไว้รอให้เจ้าโตกว่านี้ลุงจะสอนให้ทุกอย่างเลย ต้าเซี่ย มาพาคุณหนูของเจ้าไปนอนกลางวันได้แล้ว”“แต่เซียนเอ๋อร์ไม่