สามี (2) - 8
"แม่แนนขา สวัสดีค่ะ" ลูกสาวผู้แสนสดใสของแม่แนนวัยสามสิบเจ็ดปีที่ยังดูสะพรั่ง แม้จะยังมีริ้วรอยเจือจางตามวัย แต่ก็ยังดูสวยสะกดตา เดินไปไหนมาไหนกับลูกสาวผู้คนยังทักผิดนึกว่าพี่สาวกับน้องสาว
"อ้าว...ลูกสาวมาแล้ว" แม่แนนที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเงยหน้ามองเมื่อเสียงสดใสของลูกสาวคนโตดังขึ้น
"แม่แนนทำอะไรอยู่คะ?" หญิงสาววัยสิบเก้าเอ่ยถาม พร้อมกับหย่อนก้นลงนั่งเคียงผู้เป็นแม่เลี้ยงที่เธอนั้นรักดุจแม่ของตัวเอง โอบกอดและหอมแก้มด้วยความรักที่เธอมอบให้
"นั่งเล่นตามประสาคนแก่...วันนี้กลับเกือบมืดเลยนะ" คนเป็นแม่เอ่ยถามพลางมือลูบหัวลูกสาว ที่กำลังเอนตัวลงนอนหนุนตัก สีหน้าที่เคยสดใส คำพูดที่มากมายช่างสรรหา แต่ว่าทำไมวันนี้ลูกสาวคนโตดูเงียบปากและเศร้าหมอง
"เฮ้อ" ลูกสาวที่นอนหนุนตักทอดถอนหายใจแรงอย่างเหนื่อยหน่าย จนคนเป็นแม่ที่ก้มมองนั้นเริ่มห่วงใย อะไรที่ลูกสาวที่แสนสดใสร่าเริงต้องเหงาหงอย
"ไอติมเป็นอะไรคะ หนูดูสีหน้าไม่ดีเลย มีอะไรหรือเปล่าคุยกับแม่ได้นะ" คนเป็นเเม่ถามมือหนึ่งพาดลงร่องเอวคอด อีกมือลูบหัวลูกสาวเหมือนกล่อมเด็กน้อยให้นอนหลับ
... ลูกสาวที่โตตามวัยเข้าสู่วัยหนุ่มสาวแรกรุ่น สิ่งที่ทำให้กลุ้มใจที่คนเป็นแม่สามารถเดาได้ไม่ยากคงไม่พ้นเรื่องของหัวใจ
"แม่แนนคะ..." หญิงสาวพลิกตะแคงตัวแล้วหันหน้าเข้าหาหน้าท้องของผู้เป็นแม่ โอบกอดรอบเอวแน่นเหมือนเธอนั้นต้องการที่ปรึกษา ต้องการระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจกับใครสักคนที่สามารถรับฟังและชี้แนะแนวทางให้เธอได้
"หื้ม?" ผู้เป็นแม่ตอบกลับ ก้มหน้าและจูบลงกลางหน้าผากของลูกสาวอย่างอบอุ่น
"ไอติมไม่รู้จะพูดยังไงดี...ไอติมไม่รู้ว่าสิ่งที่ไอติมรู้สึกมันจะมีผลเสียในอนาคตและความสัมพันธ์หรือเปล่า" หญิงสาวมุดหน้ากับหน้าท้องของผู้เป็นแม่แล้วพูดขึ้นอย่างอ้อม ๆ
"อะไรที่หนูหมายถึง?" ผู้เป็นแม่ย้อนถาม
"สมมตินะคะ...อันนี้ไอติมสมมติ แม่แนนอย่าเข้าใจผิด" หญิงสาวเงยหน้ามองผู้เป็นแม่และบอกย้ำ
"ว่ามาสิ...แม่จะตั้งใจฟัง" ผู้เป็นแม่ย้ำกับสิ่งที่ลูกสาวบอกเพื่อให้เธอมั่นใจว่าสิ่งที่เธอจะเล่ามันแค่เรื่องสมมติ แต่คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมไม่คิดเชื่อ เเต่เพื่อความสบายใจของลูกสาวจึงต้องตามน้ำ
"คือถ้าเรามีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง แล้ว.....คือแบบว่า....ไอติมจะพูดยังไงดีล่ะ คือ เราไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน เที่ยวเล่นด้วยกัน และเวลาที่ห่างกันมันจะรู้สึกว่าไม่อยากจากไปไหน มันจะรู้สึกหว้าเหว่ทุกครั้งที่รู้ว่าเราต้องจากกัน แม่แนนว่ามันคืออะไรคะ?" หญิงสาวเล่าเรื่องราวให้แก่ผู้เป็นแม่ได้ฟัง...เรื่องเล่าทำเอาผู้เป็นแม่นั้นยิ้มอ่อน หอมลงพวงแก้มสวยของลูกสาวอย่างแสนรัก เธอเข้าใจสิ่งที่ลูกสาวนั้นสื่อความหมายได้เป็นอย่างดี
"ลูกสาวของแม่โตแล้วสินะ" แม่แนนที่มองลูกสาวด้วยรอยยิ้ม เมื่อสิ่งที่ลูกสาวพูดบอกนั้นคือการมีความรัก
"ไอติมก็โตนานแล้วนะคะ" หญิงสาวลุกนั่งตัวตรงมองหน้าผู้เป็นแม่นิ่งเรียบ
"แม่รู้ว่าหนูโตแล้ว ตรงนี้ของหนูก็กำลังจะโตตาม" ผู้เป็นแม่พูดพร้อมกับชี้ไปยังอกข้างซ้ายของลูกสาว
"..............." เธอก้มมองตามมือแม่คิ้วขมวด
"ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงหัวใจของเราให้ชุ่มฉ่ำ แต่ถ้าหากเราถลำลึกเกินควรมันอาจจะทำให้เราบอบช้ำ....แม่ไม่ห้ามนะหากหนูจะมีความรัก หนูมีได้แต่หนูมีความรักที่มาพร้อมกับสติ" ผู้เป็นแม่จับมือลูกสาวกอบกุมและพูดยาวอย่างพร่ำสอนและเตือนสติ
".................." หญิงสาวมองหน้าผู้เป็นแม่เเละตั้งใจฟัง
"รักเขาได้ก็ต้องรักตัวเองด้วย...อย่าเทใจให้ใครคนนั้นร้อยเปอร์เซนต์ รักให้เป็นด้วยวิจารณญาณ รักแล้วต้องเผื่อเจ็บเพราะไม่มีอะไรจะสมหวังไปเสียทุกอย่าง เพราะถ้าหากวันหนึ่งวันใดที่ลูกสาวของแม่รักและเทใจให้เขาคนนั้นไปเสียหมด ซึ่งยังไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร เราอาจจะไม่ได้ครองคู่กันตลอดชีวิต หนูต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางความเสียใจ ฉะนั้นหากรักใครแล้วให้ค่อย ๆ ศึกษานิสัยใจคอกันก่อน ไม่ต้องรีบร้อนผลีผลาม....ไฟที่มันลุกโชนทันทีสามารถมอดไหม้ฟืนได้ไวกว่าไฟที่ค่อย ๆ ติดทีละน้อย มันก็เหมือนกับความรักที่ฉาบฉวยติดเร็วและดับไวเช่นกัน" ความรักของแม่ที่พยายามพูดสอนด้วยการชักแม่น้ำทั้งห้า ลูกสาวที่เข้าสู่วัยรุ่นและหัวสมัยใหม่จะพูดคุยด้วยอารมณ์นั่นไม่ได้ ต้องค่อย ๆ พูดบอกและสั่งสอนด้วยความรักและเข้าใจให้ลูกสาวได้คิดตาม
"ไอติมเข้าใจแล้วค่ะ...รักแม่แนนนะคะ" หญิงสาวที่ตั้งใจฟังคำพูดของแม่ที่เธอรัก พยายามซึมซับคำสอนเข้าหัวด้วยความตั้งใจ เธอเข้าใจความหมายในคำพูดที่แม่ที่รักพร่ำบอก
"แม่ก็รักหนูค่ะ" หญิงสาวหอมแก้มของแม่ สองแม่ลูกโผเข้ากอดกันด้วยความรักที่ต่างคนต่างมอบให้กัน แม้จะไม่ใช่แม่เเท้ ๆ แต่มนพิชชาก็รักหนูไอติมดุจลูกแท้ ๆ เธอยินดีเป็นแม่ให้ความอบอุ่นแก่เธอไม่เสื่อมคลาย
**********
ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ
สามี (2) - 9สามวันผ่านพ้นไป....กับการที่หญิงสาวนั้นต้องคอยฝึกซ้อมละครที่รุ่นพี่ส่งไปเป็นตัวแทนกิจกรรมของมหาวิทยาลัย ต้องเลิกมืดแทบทุกวันจนช่วงนี้เธอไม่ค่อยมีเวลาให้กับเพื่อนสนิทสักเท่าไหร่"เหนื่อยไหมน้องไอติม...อ่ะ น้ำครับ" แทนรุ่นพี่ที่เฝ้าดูการซ้อมของเธอเดินถือขวดน้ำเข้ามาหา เมื่อได้เวลาพักเบรกให้หายเหนื่อยจากที่ซ้อมกันอยู่นานนับชั่วโมง"ขอบคุณค่ะ" หญิงสาวส่งยิ้มหวาน รับขวดน้ำขนาดพอดีมือ แล้วกระดกดื่มเพราะรุ่นพี่ที่ชื่อแทนนั้นเปิดฝาให้เรียบร้อย"เป็นไงไหวไหม?" แทนถือวิสาสะนั่งลงเคียงข้างพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงละมุน จ้องมองหน้าคนที่กำลังยกน้ำดื่ม หยาดน้ำที่ไหลลงตามผิวคอ ดึงดูดสายตาของชายหนุ่มที่นั่งเคียงจนแทบไม่อยากวางตา สีปากอมชมพูที่สัมผัสครอบครองปากขวดน้ำ ดูมีเสน่ห์น่าดึงดูดสายตาคนที่มองได้เป็นอย่างดี ทั้งที่เธอนั้นยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ"อ่า ชื่นใจ...ไหวค่ะพี่แทน แต่ไอติมก็แอบกังวลอยู่นะ แล้วนี่พี่หวานไปไหนแล้วคะ?" หญิงสาวดื่มน้ำเย็นจนอิ่มท้อง หันหน้าส่งยิ้มหวานและให้คำตอบ จึงเอ่ยถามถึงรุ่นพี่อีกคนในประโยคถัดมา"หวานเหรอ?....เห็นบอกว่าจะไปซื้อข้าวนะ" ชายหนุ่มรุ่นพี่บอกกล
สามี (2) - 10"แล้วน้องไอติมจะกลับยังไงครับ?" แทนเอ่ยถามหลังจากที่ซ้อมละครเสร็จสิ้น"ไอติมให้ที่บ้านมารับค่ะ...แต่ยังไม่เห็นมาเลย" หญิงสาวให้คำตอบและหันไปยิ้มเจื่อนๆ"มืดแล้วนะให้พี่ไปส่งไหม คนอื่นก็ทะยอยกลับกันจะหมดแล้วด้วย" แทนเอ่ยขึ้นอย่างอาสา เมื่อเวลานี้เริ่มโพล้เพล้มากแล้ว"เดี๋ยวไอติมโทรตามที่บ้านแป๊บค่ะ" หญิงสาวพูดพร้อมควานหามือถือในกระเป๋าสะพายใบโปรด"........" ชายหนุ่มเงียบปากไม่อยากขัดใจ จึงทำได้เพียงพยักหน้าและส่งยิ้มเท่านั้น แม้ภายในใจจะอยากไปส่งเพื่อให้ได้อยู่ใกล้เเค่ไหน"งั้นไอติมขอตัวไปโทรศัพท์หาที่บ้านเเป๊บหนึ่งนะคะ" หญิงว่าแล้วก็เดินเลี่ยงออกมา ปล่อยชายหนุ่มรุ่นพี่ไว้ข้างหลัง...เขายืนมองเธอด้วยสายตาของความคาดหวัง หากจะเดินหน้าจีบรุ่นน้องคนนี้จริงจัง เธอจะตอบรับไมตรีของเขาไหม? เธอมีคนในใจอยู่แล้วหรือเปล่า?สายตาที่มองเธอในอริยาบถต่าง ๆ แม้แต่การที่เธอยืนคุยโทรศัพท์มันยังดูน่ารักในสายตาเขา แค่ยืนมองห่างๆ ยังเกิดรอยยิ้ม"ขออย่าให้ไอติมมีแฟนเลย" ชายหนุ่มรุ่นพี่พึมพำกับตัวเองพร้อมจ้องมองไปยังหญิงสาวที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ห่างออกไป เธอยังยิ้มสวยและแววตาสดใสจนแทนนั้นหลงใหลใน
สามี (2) - 11"แล้วนี่ไอติมกลับไงอ่ะ" หวานเอ่ยถามขณะที่ร่วมวงนั่งทานข้าวด้วยกันสามคน"อ๋อ ให้ที่บ้านมารับค่ะ" ไอติมรีบกลืนข้าวที่กำลังเคี้ยวในปากลงคอ แล้วให้คำตอบแก่รุ่นพี่ที่ชื่อหวาน"แกก็ให้น้องมันกลืนข้าวก่อนก็ได้ไหมหวาน...ข้าวติดคอน้องพอดี" แทนทักท้วงเมื่อเห็นรุ่นน้องนั้นเคี้ยวข้าวไม่กี่ทีทั้งที่เพิ่งตักเข้าปาก แต่ต้องรีบกลืนเพราะรีบตอบคำถามรุ่นพี่"อะไรยังไง...ฉันแค่ถามน้อง ทำไมแกดูแปลก ๆ" หวานเอ่ยทักเมื่อแทนเพื่อนรุ่นเดียวกันนั้นต่อว่า สีหน้าที่แทนแสดงออกมามันผิดแปลกไปจากที่เคยรู้จักกันมา"แปลกอะไรล่ะ ก็พูดตามที่เห็น แกดูหน้าน้องสิแดงหมดละ...น้องไอติมน้ำครับ" แทนพูดปัดบ่ายเบี่ยง และเลี่ยงสายตาของหวานที่มองอย่างจับจ้อง ก่อนจะยื่นขวดน้ำให้แก่รุ่นน้องพร้อมเปิดฝาให้พร้อมดื่ม"ขอบคุณค่ะพี่แทน" หญิงสาวส่งยิ้มและยื่นมือรับขวดน้ำขนาดพอดีมือ กระดกดื่มทันทีเพราะข้าวติดคอเธอจริง ๆ อย่างที่รุ่นพี่ชื่อแทนว่า"พี่อิ่มแล้ว งั้นกลับก่อนนะ...พอดีพี่มีธุระต่อด้วย แทนแกรีบไหมล่ะ อยู่รอเป็นเพื่อนน้องมันก่อนสิ" หวานพูดขึ้นและดีดตัวลุกสะพายกระเป๋า บอกกล่าวแก่คนทั้งสองที่ยังนั่งตักข้าวเข้าปาก ไม่วายนึ
สามี (2) - 12"จะ จะ เจทว่าอะไรนะ" หญิงสาวที่ยังยืนหันหลังให้เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงติดขัด แม้ทุกคำจะได้ยินชัดเจนแต่เธอแค่อยากฟังซ้ำอีกครั้งให้มั่นใจ สองมือกำชายเสื้อนักศึกษาแน่น หัวใจเต้นแรงแทบหลุดจากอก"............." ชายหนุ่มไม่พูดโต้ตอบค่อย ๆ ก้าวขาเดินจนมาหยุดตรงหน้าของหญิงสาว ด้วยใบสีหน้าที่นิ่งเรียบ คำพูดที่บอกออกไปเขาตั้งใจเพราะความอัดอั้นมานาน...เจทจะไม่รออีกต่อไป จะไม่รอแม้ว่าต้องเสี่ยงยิ่งเลี่ยงหลีกหนียิ่งทำให้หัวใจของเขานั้นเจ็บร้าว"..........." หญิงสาวที่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเงยหน้ามองชายหนุ่มตัวสูงด้วยดวงตาที่เบิกโต ความสับสนกับสิ่งที่ได้ยินทำให้สมองสองข้างนั้นปวดหนึบ....คนทั้งคู่จ้องมองหน้ากันไม่วางตา จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสื่อความหมายให้รับรู้ถึงก้นบึ้งของหัวใจ"มองอะไรหนักหนา" เเละเป็นเจทเองที่ยอมพูดขึ้นก่อน เพราะบรรยากาศตอนนี้มันอึมครึมเสียเหลือเกิน การเผชิญหน้าต่อคำบอกรักที่เก็บกั้นมานานหลายปี ตั้งแต่มีผู้หญิงที่ชื่อไอติมเข้ามาในชีวิต เจทมีความรู้สึกที่มากกว่าคำว่าเพื่อนแก่เธอตั้งแต่อายุสิบห้า แต่ไม่กล้าที่จะพูดเพราะยังเด็กเกินไป และยังไม่เข้าใจกับคำว่ารักที่
สามี (2) -13"รักเหมือนกัน :)" หญิงสาวที่ถ่องแท้ในคำพูดของชายตรงหน้า บอกกลับออกไปในลักษณะเดียวกันด้วยความเขินอาย การบอกรักผู้ชายในวัยแรกเเย้มเช่นนี้ ทำเอาหญิงสาวนั้นใจเต้นแรงแต่ก็อยากบอกออกไปให้เขารับรู้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแล้วเธออาจจะไม่ได้บอกอีกเลย"ไอติม" ชายหนุ่มที่ได้ยินคำว่ารักจากปากของเธอ ความดีใจที่ล้นอกเผยออกมาทางแววตาจนหมดสิ้น ดวงตาคมสีน้ำตาลสั่นระริกอย่างซึ้งใจ เวลาที่รอคอยมาหลายปีมันไม่ศูนย์เปล่า..."ไอติมรักเจท" หญิงสาวพูดย้ำอีกครั้ง อีกทั้งยังยิ้มหวานจ้องมองหน้าชายหนุ่มด้วยแววตาหวานซึ้งที่ยังมีม่านน้ำตาเอ่อคลอ"ขอบคุณนะไอติม" ชายหนุ่มที่ได้ยินคำตอบ โผเข้ากอดหญิงสาวด้วยความดีใจที่เปี่ยมล้น...อดทนมานานกับการแอบรักเพื่อนสนิทคนนี้ จนไม่คิดจะจากลาแม้ว่าพ่อและแม่จะพยายามเกลี่ยกล่อมส่งไปเรียนยังต่างประเทศ แต่เจทก็ปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิดตรอง เพราะหัวใจทั้งดวงอยู่ที่นี่จะให้เขาหนีห่างไกลไปได้อย่างไร"อืม...ขอบคุณเหมือนกัน" หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้มเขิน"วันนี้เจทมีความสุขที่สุด" ชายหนุ่มดึงร่างบอบบางกกกอดแน่น ส่ายไปมาเบา ๆ เพราะเขานั้นดีใจจนหาคำบรรยายไม่ได้กับการตอบรับรัก
สามี (2) - 14...หนึ่งคนที่ยืนแอบยืนอยู่ในความมืดใช้ต้นไม้ใหญ่เป็นที่กำบังการมองเห็นจากผู้อื่น ทุกการกระทำของชายและหญิงเขาฝืนมองอย่างจับจ้องไม่วางตาแม้จะบาดลึกลงขั้วหัวใจ เขามองด้วยแววตาที่ราวโกรธ ผู้หญิงที่หมายตากำลังยืนจูบอยู่กับผู้ชายที่เพิ่งมีปากเสียงกันก่อนหน้า"ผู้หญิงคนนี้กูต้องได้" ผู้ชายที่ดูอบอุ่นต่อหน้าหญิงสาว ความใสซื่อที่เธอนั้นหาช่องโหว่ไม่เจอ เพราะเธอนั้นมองโลกในแง่ดีและเขาที่เป็นรุ่นพี่ก็ไม่เคยแสดงทีท่าไม่ดีหรือมีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้ใจ เธอจึงวางใจในตัวเขาได้...ชายหนุ่มรุ่นพี่กำสองมือแน่นอย่างเคียดแค้นกับภาพที่บาดลึกเต็มสองตา แม้ว่าจะอยู่ในความมืดสลัวแต่เงาเลือนลางก็มองออกได้ไม่ยากว่าชายและหญิงนั้นทำอะไรกัน คำพูดทั้งหมดที่พูดคุยเขาได้ยินมันชัดเจน ก่อนเดินออกมาจากหลังต้นไม้เมื่อรถยนต์ของเจทขับเคลื่อนออกไป เขาได้แต่มองตามหลังอย่างนึกชิงชังชายหนุ่มที่เป็นรุ่นน้องและมารหัวใจ ทั้งที่เขาหมายปองหญิงสาวไว้นานตั้งแต่ที่พบเจอกันในวันเปิดเรียนวันแรก ถูกใจตั้งแต่เจอในกิจกรรมรับน้อง พยายามเข้าหาด้วยความอ่อนโยนเพราะไม่อยากผลีผลามให้เธอตกใจ ด้วยใบหน้าที่สวยหวานจึงไม่อยากจะทำอะไรที่รุ
สามี (2) - 15 “ขอบคุณนะที่มาส่ง...และขอโทษที่ทำให้เจทต้องลำบากขับรถหลายรอบ” หญิงสาวว่ากล่าวพร้อมกับมือที่สารวนปลดเข็มขัดนิรภัย เมื่อรถยนต์จอดนิ่งสนิทบริเวณหน้าบ้าน “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ...” ชายหนุ่มทักท้วงเมื่อเพื่อนหญิงที่เพิ่งเลื่อนสถานะเป็นแฟนหมาด ๆ พูดขึ้นอย่างห่างเหิน “ก็ไอติมเกรงใจเจทไง ค่ำมืดขนาดนี้ยังต้องไอเจทขับรถเทียวไปเทียวมา แทนที่จะได้นอนหลับสบายที่บ้านแล้ว” หญิงสาวนั่งหันตะแคงแล้วพูดออกไปด้วยรอยยิ้ม “ทำไมไอติมชอบคิดมากอ่ะ เจทยินดีจะทำแฟนทั้งคนใครจะกล้าปล่อยให้นั่งแท็กซี่กลับคนเดียว” ชายหนุ่มพูดบอกจ้องมองหน้าหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณอีกครั้งนะ...ถ้าอย่างนั้นไอติมเข้าบ้านก่อนนะ” หญิงสาวพูดบอกแม้ในใจจะยังไม่อยากห่างเขาไปไหน แต่เวลาตอนนี้มันมืดเกินที่จะอยู่เล่นด้วยกันเพราะมันคือเวลาพักผ่อน “เดี๋ยวสิ!” ชายหนุ่มรั้งแขนหญิงสาวเมื่อเธอนั้นกำลังเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ “อะไร?” ไอติมหันมาประจันหน้าแล้วย้อนถามด้วยความสงสัย “ไม่มีอะไรให้เจทหน่อยเหรอ?” ชายหนุ่มอมยิ้มแล้วเอื้อนเอ่ยออกไป “ไหนบอกยินดีไง แล้วทำไมยังถามหาของตอบแทน...เจทนี่ยังไง!” หญิงสาวต่อว่าพร้อมกับชักสีหน้างวยงง
สามี(2)-16คอนโดที่ลูกชายเจ้าของธุรกิจส่งออกไวน์ ที่พ่อของเขาซื้อไว้เผื่อวันใดลูกชายเรียนหนักแล้วกลับดึกจะได้แวะพักไม่ต้องเดินทางกลับไปนอนบ้าน เพราะบ้านค่อนข้างไกลกับสถานศึกษาการคบกันจากเพื่อนได้เลื่อนสถานะเป็นแฟน สองสัปดาห์กับการที่คนทั้งสองแทบไม่ห่างกายกัน เจทดูแลไอติมดีเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าจะยามเด็กหรือยามเติบใหญ่ และยิ่งสถานะเปลี่ยนไปทุกอย่างยิ่งดีกว่าเดิม หญิงสาวธรรมดาแทบกลายเป็นเจ้าหญิงไอติมก็ไม่ปาน..."เจทพอแล้ว...เดี๋ยวไอติมทำเองก็ได้ ให้ไอติมทำอะไรบ้างเถอะ จะเป็นง่อยอยู่แล้วเนี้ย" หญิงสาวพูดอย่างต่อว่าเมื่อเธอนั้นกำลังจะล้างจานที่ทานอาหารกันเสร็จในมื้อเที่ยงของวันหยุดเรียน แต่เจทกลับแย่งหน้าที่ของเธอ"ไอติมไปนั่งเดี๋ยวเจทล้างเอง...เพิ่งไปทำเล็บมาไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวมันจะไม่สวยเอานะ" ชายหนุ่มพูดบอกด้วยรอยยิ้มอย่างน่ารัก ก็เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเขาเพิ่งไปรับเธอมาจากร้านเสริมสวย"เจทโอเว่อเกินไปแล้ว...แค่นี้เอง" หญิงสาวไม่พอใจจึงต่อว่าเขาด้วยใบหน้างอง้ำ"ไปนั่ง! แล้วก็อยู่เฉยๆ ...โอเค!?" ชายหนุ่มตะเบ็งเสียงสูงกร้าวไม่จริงจัง แต่ก็ทำให้หญิงสาวนั้นหยุดนิ่งได้ เมื่อเธอนั้นชอบเอ
ห้องทำงานของผู้เป็นสามียังเปิดสว่างจ้าแม้ว่าตอนนี้จะเริ่มดึกแล้ว เธอมองไปยังห้องทำงานของสามีก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเอง หวังจัดการชำระร่างกายที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน ความตั้งใจหลังจัดการตัวเองเสร็จ คิดจะเข้าไปหาผู้เป็นสามีด้วยความห่วงใยที่มี พร้อมกับแก้วนมอุ่น ๆ ในมือ“งานใกล้เสร็จยัง” ผู้เป็นภรรยาเอ่ยถามพร้อมกับร่างกายที่เย้ายวนเดินนวยนาดเข้าไปใกล้ชายผู้เป็นสามี“ใกล้แล้วครับ ลูกหลับแล้วเหรอ?” เขาเงยหน้ามอง แล้วจึงเอ่ยถามพร้อมกับร่างของภรรยาให้นั่งลงบนตักแกร่ง วงแขนโอบรอบเอวของเธอ และซบแก้มลงต้นแขนเล็กนั้นอย่างรักใคร่“หลับแล้วค่ะ สกีอยากให้เจทเล่านิทานให้ฟัง แต่บอกแล้วว่าเจททำงานไอติมเล่าให้ฟังแป๊บเดียวก็หลับปุ๋ยเลย...อ่ะ! ดื่มนมอุ่น ๆ หน่อยนะไอติมชงมาให้” เธอยื่นแก้วนมในมือไปตรงหน้าสามีพร้อมกับยิ้มอ่อน“ไม่อยากกินมันไม่อร่อย”“ก็นมที่เจทดื่มประจำนะ รสชาติก็เหมือนเดิมจะไม่อร่อยได้ยังไงคะ?”“งั้นไอติมก็กินเองสิ ชิมดูว่ามันอร่อยจริงหรือเปล่า”เธอบอกตามจริง พร้อมกับสิ่งที่ทำให้สงสัยต่อคำปฏิเสธที่สามีเปรยออกมา แต่หารู้ไม่ว่ามันเป็นความกะล่อนของสามีเธอที่แอบแฝงเธอยกแก้วนมขึ้นมาดื่มอย่างว่าง่
สี่ปีผ่านไปเด็กน้อยเติบใหญ่ไปตามกาลเวลา จนตอนนี้อยู่ในวัยที่กำลังหัดพูดและช่างสงสัย เป็นหลานชายของบ้านที่ทุกคนนั้นรักและเอ็นดูที่สุด เพราะความน่ารักของเด็กชาย ใบหน้าของลูกเสี้ยวที่มีเคล้าของผู้เป็นพ่อประปราย ทำให้เด็กชายนั้นดูน่ารักน่าเอ็นดูตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมามีเรื่องวุ่นวายให้เธอและครอบครัวนั้นปวดหัว เพราะความมักมากของอาไฟที่ทำให้ต้องมีการดัดนิสัยกันมากมาย กว่าจะมามีครอบครัวที่สมบูรณ์ก็กินเวลาไปนานหลายปี แต่สุดท้ายพ่อเสือก็สิ้นลายกลับกลายมาเป็นลูกแมวที่แสนเชื่อง และยังมีเมียเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับกลาน แถมยังมีเด็กหญิงอันดาผู้น่ารักสดใส เธอเป็นที่รักของทุก ๆ คน ส่วนนิสัยของเธอนั้นไม่ต้องพูดถึง เธอได้พ่อมาเต็ม ๆ แต่เหมือนจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ แต่ก็มีบางมุมที่อ่อนไหวง่ายดั่งกับผู้เป็นแม่ และเธอก็มักจะมาเที่ยวเล่นกับเด็กชายสกีเป็นประจำ"มัมสกีอยากหาน้าปัง" เด็กชายตัวน้อยเอ่ยบอกผู้เป็นแม่ ที่ตอนนี้อยู่ในครัวเตรียมมื้อเช้า เขามักเป็นแบบนี้ประจำเพราะติดคุณน้าขนมปังที่สดใส ผูกพันจนใกล้ชิดกันมาแต่ไหนแต่ไร"วันนี้น้าปังไม่อยู่ครับคนเก่ง" คุณแม่ไอติมย่อตัวลงต่ำ แล้วลูบหัวลูกชายตัวน้อยอย่างอ่
การแต่งงานที่เป็นสัญลักษณ์ยืนยันต่อการใช้ชีวิตคู่ มันคือการเริ่มต้นของชีวิตที่ต้องจับมือเดินเคียงข้างกันไป ไม่ว่าจะพบเจออุปสรรคอะไรจะต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้ และจะต้องเชื่อใจซึ่งกันและกัน ความรักของคนทั้งสองที่มีให้กันยังคงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง จนบัดนี้ล่วงเลยเวลามานานเป็นปี และพวกเขากำลังจะมีทายาทตัวน้อยหลังจากที่พยายามผลิตจนตอนนี้สำเร็จผลแล้ว"เจทคะ...เสร็จหรือยัง" ไอติมเรียกขานผู้เป็นสามี เพราะว่าวันนี้มีนัดฉลองวันเกิดให้กับน้องสาวที่ก้าวขึ้นสู่อายุสิบแปดปีบริบูรณ์"เสร็จแล้วครับ" เจทที่อยู่ในชุดธรรมดา แค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ก็ทำให้เขาดูดีได้ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกดีเป็นทุนเดิม"หล่อจังเลยค่ะคุณพ่อเจท" ไอติมเอ่ยแซวผู้เป็นสามีพร้อมฉีกยิ้มสวยส่งให้"วันนี้คุณแม่ก็สวย" ต่างคนก็ต่างชมกันไปมาตามประสาคนที่รักกันเสมอต้นเสมอปลาย“จุ๊บ!! สามีน่ารักจริง ๆ เลย” ไอติมเขย่งเท้าแล้วแตะจูบริมฝีปากของผู้เป็นสามี กิริยาเช่นนี้พวกเขามักแสดงออกเป็นประจำจนคุ้นชิน“เนี้ยก็ชอบทำให้รักตลอดเลย เจทจะไปไหนได้ล่ะครับ หื้ม” ผู้เป็นสามีแนบหน้าผากชิดกับหญิงสาว ปลายจมูกถูกเสียดสีไปมา เป็นความน่ารักของคนทั้งสองที่ยัง
"เจท วันนี้น้ำอุ่นเข้ามาสมัครงานแล้วนะ ไอติมดีใจมากเลยจะได้มีคนช่วยงานอาไฟแล้ อาไฟจะได้ไม่เหนื่อย"หญิงสาวที่นั่งทานข้าวอยู่ในร้านอาหารกับสามีเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางที่แสนจะดีใจกับการมาร่วมงานของรุ่นน้องที่เธอเอ็นดู แม้จะไม่ค่อยได้เอ่ยถึง แต่ทั้งสองก็ผูกพันกัน"เหรอ ดีแล้วล่ะ" เจทว่าขึ้นพร้อมกับตักข้าวเข้าปาก"เจทว่าน้ำอุ่นจะทำงานกับอาไฟไหวไหมอ่ะ ไอติมกลัวว่าน้ำอุ่นจะทนไม่ไหว เพราะอาไฟค่อนข้างจริงจังกับงานมาก ๆ""น่าจะได้นะ จากที่เห็นน้องน่าจะมีความอดทนดีเลยทีเดียว" ความกังวลใจทำให้เธอต้องเอ่ยถามผู้เป็นสามีออกไป แล้วเจทก็ให้คำตอบในทันที"ไอติมก็ว่าแบบนั้นแหละ...แล้วกับข้าวอร่อยไหมคะ?"เธอตอบอย่างเห็นตาม แล้วจึงเอ่ยถามถึงอาหารตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม"อร่อย แต่ไม่สู้กินเมีย เอ๊ย!! กินกับเมียที่บ้าน"“เจท!! พูดบ้าอะไรเนี้ย อายคนอื่นบ้างไหม?”เจทพูดแซวพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ไอติมเธอต่อว่าเขา พร้อมกับฟาดมือลงแขนแกร่งนั้นอย่างลงโทษ คำพูดแซวมันทำให้เธอเขินอาย เพราะอยู่ในที่สาธารณะ มองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่ามีใครได้ยินหรือไม่ แล้วจึงจ้องตาเขม็งข่มขู่ผู้เป็นสามี“ล้อเล่นครับ ไม่เอาไม่ทำหน้าแบบนั้น หน้า
การฮันนีมูนจบสิ้นในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ของหลายเดือนที่ผ่านมา กลับเข้าสู่การทำงานสานต่อธุรกิจของครอบครัวอย่างเต็มตัว ทั้งเจทและไอติมได้เข้ามาทำงานกับผู้เป็นพ่อจนชำนาญ ตามความถนัดของแต่ละคน และพ่อเจก็ฝึกฝนจนคนทั้งคู่นั้นเก่งพอที่จะทำงานได้โดยไม่ต้องมีพ่อเจคอยแนะนำแบบแต่ก่อนLineLineLineเสียงของการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันสีเขียวดังขึ้น เรียกความสนใจของคนที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานที่กองท่วมหัว“น้ำอุ่น”เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เฝ้ารอตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่ได้พบเจอกันในต่างแดนเธอก็เฝ้ารอด้วยความหวังจากรุ่นน้องที่เอ็นดู เห็นดังนั้นจึงรีบตอบกลับทันทีไอติม : “ดีใจที่น้ำอุ่นทักมา สบายดีไหม?”ไอติมพิมพ์ถามกลับบ้าน พร้อมกับรอยยิ้มของความหวังและห่วงใยรุ่นน้องที่ทักมาน้ำอุ่น : “สบายดีค่ะ พี่ไอติมสบายดีเหมือนกันใช่ไหม?”ไอติม : “สบายดีมาก ๆ เลยจ้า การทักมาครั้งนี้พี่จะได้รับข่าวดีหรือเปล่าน้อ”ทั้งสองคนพิมพ์ตอบโต้กันไปมา งานที่คั่งค้างของไอติมถูกเมินไปชั่วครู่ เมื่อเธอมีสิ่งที่สนใจมากกว่าน้ำอุ่น : “ยังว่างให้หนูทำงานด้วยไหมคะ?”ไอติม : “ดีใจจัง พี่รอเรามานานแล้ว ยังว่างอยู่หน้าที่เด
เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ ทั้งคู่จึงเดินออกมาเพื่อมุ่งหน้ากลับสู่ที่พัก การมาเที่ยวพักผ่อนทำให้กระชับความสัมพันธ์ของคนทั้งสองให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม พวกเขาเธอเรียบไปตามทางเดินที่มีผู้คนพลุกพล่านมากมาย แสงไฟในยามราตรีดูสวยงามตระกานตา เดินมาเรื่อย ๆ จนเกือบจะถึงที่พักพลางหยอกล้อพูดคุยกันอย่างสนุกสนานตามประสาปึก!“อ๊ะ!!”“ขอโทษค่ะ”เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นเป็นภาษาอังกฤษและก้มหัวอย่าง เมื่อเธอนั้นเดินมาชนกับหญิงสาวที่เดินเกาะแขนของผู้เป็นสามี“น้ำอุ่น”“พี่ไอติม บังเอิญจังเลยค่ะ ดีใจจัง”“นี่พี่เจทค่ะ สามีของพี่...เจทนี่น้ำอุ่นค่ะเป็นรุ่นน้องของไอติม เจทจำได้ไหม ที่ไอติมเคยเล่าให้ฟังว่าน้องน่ารักมาก”“อ่อ จำได้ ๆ สวัสดีครับ”“สวัสดีค่ะพี่เจท”ไอติมทักท้วงทันทีเมื่อเงยหน้ามองแล้วพบเจอกับคนรู้จัก ทั้งคู่มีอาการตกใจไม่ต่างกันกับการพบเจอในต่างแดน ไอติมรีบแนะนำสามีให้รู้จักกับรุ่นน้อง แม้จะเรียนอยู่ที่เดียวกันแต่เจทผู้ที่ไม่ค่อยสนใจใคร นอกจากผู้หญิงที่ชื่อไอติมเพียงคนเดียว ทั้งสองคนทักทายกันด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรด้วยสีหน้าระรื่น“แล้วน้ำอุ่นมาเที่ยวเหรอ...พอดีพี่กับเจทมาฮันนีมูล
เวลาเลยผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ชายหนุ่มที่รู้สึกตัวก่อนนอนมองหน้าหญิงสาวที่หลับสนิทด้วยรอยยิ้ม บ้างก็หอมแก้ม บ้างก็จูบปากของเธอ อยากจะปลุกเธอด้วยเสียงแต่ก็ไม่อยากจะทำ เพราะเหมือนเธอนั้นจะต้องการการพักผ่อนที่เพียงพอ“อื้อ เจทอย่ากวนสิ”“ก็นอนไปสิ”เธอพูดบอกด้วยน้ำเสียงงัวเงีย และพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้เขา แต่ก็ไม่วายเขายังตามมาแนบชิดและวอแวกับร่างกายของเธออยู่ร่ำไป“ก็เจทกวน ไอติมนอนไม่ได้”“งั้นก็ตื่น เราจะได้ออกไปหาอะไรกินกัน”เธอชักสีหน้าหงุดหงิดใส่เขา หันจ้องหน้าตาเขม็งอย่างนึกรำคาญ แต่ก็ไม่อยากพูดคำนี้ออกไป เพราะกลัวจะผิดใจกันจนเกิดการทะเลาะและน้อยใจ จึงเลือกที่จะเลี่ยงต่อคำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี“งื้อ แต่ไอติมยังง่วงอยู่เลย”“เดี๋ยวกินข้าวก่อนแล้วค่อยมานอนต่อ”หญิงสาวทำสีหน้าง้ำงอ เมื่อการพักผ่อนที่เธอต้องการนั้นถูกเขารบกวน จนต้องยอมตื่นแต่โดยดี ชายผู้เป็นสามีบอกกล่าวและระดมจูบปากเธออย่างหยอกเย้าแสนรัก“ห้ามกวนอีกนะ” เธอชี้หน้าข่มขู่“อ๊ะ โอเค ๆ ไม่กวนคืนนี้คืนนึงก็ได้ เพราะถือว่าวันนี้เจทได้กินไอติมแล้ว”“ชิ! ไปแต่งตัวดีกว่า” เธอสะบัดเสียงใส่ ก่อนจะลงจากเตียงด้วยร่างกายที
ทุกอย่างถูกเอื้ออำนวยต่อการตอบสนอง เสื้อผ้าที่อยู่บนตัวถูกจัดการออกจากตัวจนหลุดร่วงด้วยฝีมือของชายหนุ่ม ความงามที่อยู่ตรงหน้ามันทำให้เขายิ้มกริ่ม จับช้อนร่างกายเสลาให้ลุกแล้วนั่งพิงกับหัวเตียงนอน ใช้หมอนรองหลังให้แก่เธอ“??” การกระทำนี้มันทำให้เธอนั้นเกิดความงุนงง“อะไรครับที่รัก” เขาเอ่ยปากถาม เมื่อเห็นสีหน้าของเธอขมวดคิ้วแทบชนกัน“อะไร?” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื่อเขานั้นจับสองขาของเธอให้ตั้งฉาก แล้วแยกออกสุดความกว้าง“อยากเห็นภาพสวย ๆ ที่เมียรักช่วยตัวเองบ้าง” เขาพูดออกมาอย่างไม่มีความรู้สึกสะทกสะท้านใด ๆ“บ้า! ไม่เอาหรอกไอติมไม่เคยทำ”แต่สิ่งที่เธอได้ยินนั้นทำเอาตกใจ ดวงตาเบิกกว้าง ไม่คิดว่าสามีของเธอจะคิดทำอะไรแบบนี้ จนเธอนั้นต้องรีบหุบขาแนบชิดเพราะเขินอาย“หึ”“เจท!”เขายกยิ้มมุมปากร้ายกาจ ก่อนจะประชิดคาบคร่อมเอวบาง แล้วคุกเข่าต่อหน้าเธอ ทำให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่ประจันต่อสายตา กลิ่นของราคะกระทบเข้ากับจมูกของหญิงสาว มันทำให้เธอนั้นตกใจต่อการกระทำที่แปลกใหม่นี้ของผู้เป็นสามี“เปลี่ยนบ้างอะไรบ้าง กลัวเมียเบื่อแล้วไปหาผัวใหม่” เขาโน้มตัวลงต่ำแล้วกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ“อื้อ”แล้วไม่นานกล
“ชอบไหม?”เสียงนุ่มละมุนเอ่ยถาม เมื่อสายตาของทั้งคู่ยืนมองบรรยากาศโดยรอบที่พักที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวสะอาดตา ชายหนุ่มยืนกอดภรรยาสาวจากด้านหลัง วางคางลงไหล่ของเธอ และบางจังหวะก็หอมดอมดมตามผิวคอผิวแก้มอย่างที่เคยทำ“ชอบ มันสวยมาก ๆ เลย ไอติมอยากมาที่นี่นานแล้วแต่ว่าก็ไม่มีโอกาสสักที”มือเรียวของเธอลูบแก้มสากแผ่วเบา หันเอียงมาส่งยิ้ม ก่อนจะแตะจูบปากเขาแสดงความรักและแทนคำขอบคุณ“ทำไมไม่บอกเจทล่ะครับ แค่ไอติมพูดเจทก็พร้อมจะพามานะ” เขายิ้มให้และพูดออกมาชิดหูเธอ“แต่ว่าตอนนั้นเราแค่เพื่อนกันไง ไอติมไม่กล้ารบกวนเจทหรอก” เธอออกไปตามสิ่งที่รู้สึกจริงในอดีตที่ผ่านมา“ต่อจากนี้ ถ้าไอติมมีอะไรที่ต้องการให้บอก ไม่ต้องเกรงใจเจทหรอกนะ เพราะเจทจะทำหน้าที่สามีให้ดีที่สุด อยากไปไหนจะพาไปให้หมดเลยดีไหม? รักติมนะ”คำพูดที่เธอเปรยออกมา สิ่งที่ได้ยินมันทำให้เขานั้นกระชับกอดเธอแน่นขึ้น กอดให้เธอได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เขามีให้ว่ามันเปี่ยมล้นไปทั้งใจที่เขามี“รวยว่างั้น?” หญิงสาวเธอเอ่ยแซว“จะว่าอย่างงั้นก็ได้อะนะ แต่จะว่าไปก็ไม่ถึงรวยหรอก ถ้าบอกว่ามีกินมีใช้ก็น่าจะพอมั้ง”เขาพูดขึ้นอย่างถ่อมตน แล้วหอมลงแก้