“จะรีบไปทำไม ให้ไอ้เจ้านั่นรอไปหน่อยละกัน” โมฮาหมัดเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ ใบหน้าเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม เดินไปดึงคนตัวเล็กที่ยืนสองมือจับขอบหน้าต่าง ทอดสายตามองออกไปยังพื้นทรายที่ถูกแดดเผาจนขึ้นไอพามานั่งบนตัก พลางโอบแขนกำยำรัดรอบกายอรชร วางคางบึกบึนบนลาดไหล่กว้าง“มัวแต่โอ้เอ้อยู่นั่นแหละ เดี๋ยวคุณอันเดซาอีก็รอจนหงุดหงิดหาเรื่องให้รำคาญใจอีกหรอก” “ฉันว่าไม่นะ ไอ้เจ้านั่นก็คงคิดอย่างฉันเหมือนกัน แค่นิดหนึ่งก็ยังดี ที่จะได้อยู่กับเมียคลอเคลียกะหนุงกะหนิงไปก่อน เธอนั่นแหละ...ยังไม่ให้กำลังใจฉันเลยนะ ไปแบบนี้...ไม่มีแรงเลย ให้ตายสิ”อติกานต์แทบจะปล่อยเสียงหัวเราะคิกออกไปอย่างสะกดกลั้นเอาไว้ไม่ได้ ดวงตากลมโตกลอกไปมาพร้อมใบหน้าที่จะยิ้มก็ไม่ใช่จะบึ้งก็ไม่เชิง“ก็ไปทำให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยมาเอารางวัลดีไหมล่ะ” เอ่อ...เธอพูดออกไปอย่างนี้ได้ยังไงนี่ น่าอายชะมัดเลย“ไม่เอา” โมฮาหมัดทำเสียงงอแงเหมือนเด็ก “น่านะเอแคลร์...แค่จูบเดียวเอง เธอจะใจดำไม่ยอมให้ฉันหรือ” ชายหนุ่มเว้าวอนเสียงนุ่มทุ้ม ปลายนิ้วยาวนวดคลึงหลังมือนุ่มแผ่วเบา ปากหนากดแนบลงไปบนลำคอระหงอย่างอ่อนโยน“คุณนี่...จะเอาแต่ใจมากเกินไปแล้วนะ
“ที่ลุงงุ่นง่านอย่างกับถูกน้ำร้อนลวก อย่างหนึ่งคืออิจฉาลุงฮิบรานที่ได้เมียสวยและ...” โมฮาหมัดเหยียดยิ้ม “ลุงหลงรักพี่ไอย่า...อยากได้เป็นเมียล่ะสิ”เพียงแค่ได้ยินชื่อ ‘ไอย่า’ อันเดซาอีก็หันหน้าไปหาคนพูดอย่างรวดเร็ว แม้อยากรู้...ทำไมไอ้ตัวร้ายถึงได้รู้จักกับไอซาย่า ไหนจะน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความสนิทสนมและรักใคร่อีกล่ะ แต่ตอนนี้ที่ทุกคนให้ความสนใจกับโมฮาหมัดและ...ฮัจซาจิ เขาก็ควรจะใช้โอกาสที่มีหาทางหลบไปปกป้องคนในเรือนให้ปลอดภัย“เพราะอย่างนี้สินะ พี่ไอย่าถึงได้เตือนเสมอ อย่าเชื่อใจใคร ที่เห็นว่าเขายิ้มแย้มแจ่มใส เอาใจใส่และเอื้ออาทรกับเราอยู่ แต่ความจริงกลับซ่อนเล่ห์กลเอาไว้ ยามที่เราเผลอก็จะยื่นมีดมาปักอกเอาได้ ก็ขนาดกับคนใกล้ตัวยังจะหักหลังได้ลงคอนี่นา...ใช่ไหมวาฮาบา” โมฮาหมัดหันไปเอ่ยถามคนที่ออกอาการฮึดอัดไม่พอใจเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ อยากจัดการเขาแต่จนแล้วจนรอดถ้าไม่แพ้ราบคาบก็มักจะถูกคนห้ามตลอดใบหน้าฮัจซาจิกระตุก กับคนอื่นไม่ว่าจะโกรธเกลียดเคียดแค้นสักเพียงใด เขาก็สามารถเก็บอาการไว้ภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสได้เสมอ ผิดเพียงคนเดียวที่เห็นหน้าและสบสายตาด้วยเมื่อไหร่ มันเหมือนกับใครเ
ใช่! หลังจากวันนั้น ชีวิตของฮิบรานก็จมอยู่กับความเหงาโดดเดี่ยวเดียวดาย พร้อมกับการนำเอาเพลิงโทสะความเกรี้ยวกราดโยนใส่เด็กไม่รู้เรื่อง นั่นเพราะการเห็นหน้าเขาคือการตอกย้ำทำให้คิดถึงไอซาย่า เขาเลยถูกกำจัดโดยการส่งให้ไปอยู่ไกลๆ คิ้วหนาขมวดมุ่นเข้าหากัน...มีอีกอย่างที่ผุดขึ้นมาในหัว แต่บ้าฉิบ! ทำไมถึงนึกคำที่ดังก้องในหูไม่ได้นะ! ยิ่งได้เห็นฮัจซายิ้ม ในทรวงโมฮาหมัดก็ยิ่งร้อนรุ่มด้วยเพลิงไฟที่เผาผลาญ“ฉันมองไว้ไม่ผิด...วันหนึ่งไอ้เด็กเก็บมาเลี้ยงจะต้องหักหลังพวกเรา”“ลุงเลยเลือกที่จะลงมือก่อน”“โดยใช้นิสัยอยากรู้อยากเห็นของแกให้เป็นประโยชน์ โยนหินถามทางในเรื่องที่อยากจะรู้ไปทีละนิด...เติมความเกลียดชังให้ฝังอยู่ในใจทีละหน่อย ไม่นานก็ได้อย่างที่ต้องการ”โมฮาหมัดพยักหน้ารับ แรกๆ เขาก็แปลกใจที่เนื้อหาในจดหมายที่ฮิบรานส่งให้เปลี่ยนไป แต่ตอนนั้นก็คิดเพียงว่าโดนอันเดซาอีเล่นงานหนัก เลยอยากให้เขาเร่งเรียนให้จบเพื่อกลับมาจัดการ แต่ที่ไหนได้ ดันกลายเป็นลาให้เขาใช้งานอยู่ตั้งนาน...เขานี่มันพวกโง่แต่อวดฉลาดจริงๆ “คนเราต่อให้เก่งและฉลาดแค่ไหนก็มีวันพลาดจนได้นั่นแหละ วันนี้ก็ถึงเวลาที่แกจะต้องรับผลของกา
แม้จะเจ็บ แต่ใบหน้าเข้มกลับมีรอยยิ้ม...ยิ้มที่ส่งให้กับคนคุ้นเคย! “จิโมเท...ซีกัลป์” เขาปรือตาเล็กน้อยพลางกะพริบถี่รัว “ดีใจที่ได้เจอ...น้าอีกครั้งนะ”ดีใจที่ได้เจอเขา...น้าหรือ อันเดซาอีร้องครางในลำคอ เมื่อความทรงจำที่มีแล่นลิ่วไปหาเจ้าแมวน้อยหลานชายตัวแสบที่หายสาบสูญระหว่างการเดินทางมาร่วมพิธีแต่งงานของเขากับไอซาย่าโมฮาหมัดคงจะไม่ใช่... “ทอยเกอร์...มิคาอิล ฮัลด์”“ดีใจจังที่น้ายังจำหลานคนนี้ได้” แค้นใจอยากซัดไอ้จอมวางแผนฮัจซาจิให้น่วม แต่ตอนนี้...คงต้องโยนภาระนี้ไปให้กับ “ไอ้เจ้านั่น...พรากพี่ไอย่าไป”“จะรีบไปจัดการส่งไอ้เจ้านั่นให้โทยาเอกัลป์ตาลงโทษอย่างสาสม!” อันเดซาอีขบกัดฟันจนแก้มนูนขึ้นสัน ดวงตาแวววาวราวดั่งพยัคฆ์ร้ายที่เต็มไปด้วยเพลิงพิโรธ!“จะรอข่าวดีอยู่ที่บ้าน” โมฮาหมัดผ่อนลมหายใจด้วยโล่งอก เมื่อภาระที่ถูกวางไว้ในทรวงถูกปลดออกไปบางส่วน ที่ยังต้องรออันเดซาอีสานต่อ...ปิดทุกอย่างให้เรียบร้อยเพื่อคนอื่นๆ จะได้ไม่มาเดือดร้อนจากคนร้ายๆ เหล่านี้เสียทีความเป็นห่วงถูกแทนที่ด้วยภาระหน้าที่ เขายื่นมือไปบีบกระชับกับมือแกร่งที่ยื่นมาก่อนเป็นการให้คำสัญญา จะตามล่าและจัดการกับฮัจซาจิอย่
เมื่อแสงสว่างมัวๆ นั้นรวมตัวกันเป็นร่างคน ใบหน้านั้นละม้ายเหมือนเธออย่างกับคนเดียวกัน‘ไม่ต้องกังวลไปนะ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย’ ในน้ำเสียงที่เศร้ากลับมีความยินดีแฝงไว้ ที่ทำให้เธอคิดไปในทางร้ายๆ “จริงสิ ทำไมถึงมานั่งอยู่คนเดียวล่ะ คนอื่นๆ ไปไหนกันหมด” ต่อให้เหนื่อยล้าและอ่อนเพลียแค่ไหน แต่ค่ำคืนที่มีแต่เรื่องร้ายให้ต้องคอยวิตกกังวลหวาดผวาเช่นนี้ คงจะไม่มีใครนอนหลับได้ลงหรอก เพียงแค่หูแว่วได้ยินอะไรก็จะต้องรีบออกมาดู แต่นี่เขาพูดกับขอขวัญออกจะดัง กลับไม่มีใครโผล่หน้ามาสักคน อย่างนี้จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไรกัน หรือว่าอาการของ...แต่ไม่น่าจะใช่นะ เพราะเท่าที่เขาเห็น แม้บาดแผลจะสาหัสแต่ก็ไม่น่าจะถึงแกชีวิต“ฉันเห็นว่าแม่คุณมีอาการวิตกกังวล ได้ยินเสียงอะไรนิดหน่อยก็จะสะดุ้งแล้ว เลยขอให้ท่านทานอะไรนิดหน่อยแล้วก็ทานยาและไปพักผ่อนน่ะค่ะ ฉันกับคุณเอแคลร์ก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปดูแล”“หืม...” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ในเมื่อความทรงจำของโมฮาหมัด...มิคาอิลฟื้นคืนมาแล้ว ยิ่งบาดเจ็บมาอย่านั้น กลับถึงบ้านย่อมที่จะออดอ้อนผู้เป็นยายให้อยู่ดูแลหลานคนโปรดไม่ยอมห่างสิ “มิคาอิลยังกลับม
“ฉันเป็นลูกหนี้ของน้าคุณ...แต่ไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ยที่จะต้องยอมให้คุณกระทำการข่มเหงทำร้าย...จิตใจอย่างเลือดเย็น” เธออยากจะเข้มแข็งให้มากกว่านี้ แต่เพียงได้เห็นหน้าที่เหมือนกับเขาคนนั้นราวกับพิมพ์เดียวกัน ใจก็ร้าวรวดดั่งถูกเข็มแหลมทิ่มแทง ขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าอย่างหักห้ามเอาไว้มิได้อติกานต์เหลือบสายตาขึ้นมองบนเพดานห้อง พลางกะพริบแพหนังตาปริบๆ ขับไล่หยาดหยดน้ำตาไม่ให้ร่วงหล่นลงมา จะให้คิดไปว่ามิคาอิลเป็นคนที่หัวใจอยากเจอ ที่เธอรู้ดีว่าใช่...ไม่ผิดฝาผิดตัว เพราะจำครั้งแรกที่มาถึงบ้านนี้ได้ โซไรยาเรียกเขาด้วยชื่อนี้ แต่กลับถูกปฏิเสธหน้าตาเฉย แถมดวงตาคู่นั้นยังจะพร่างพราวระยับเกินเหตุ ทำเอาเธออับอายจนหน้าชามากพอแล้ว จึงไม่ควรปล่อยให้ความอ่อนแอเกาะกุมใจ ถูกเขาสมเพชมากไปกว่านี้“เอ๋...นี่ฉันเข้าใจผิดไปหรือไรกันนะ เห็นตอนแรกเธอโผเข้ากอด ถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย และยังจะบอกว่าเป็นภรรยาฉันเสียด้วยสิ” รอยยิ้มผุดขึ้นบนมุมหนึ่งของปากหนา ดวงตาเข้มพร่างพราวระยับด้วยสนุกสนาน บางครั้งการค้นหาความจริง เราก็ต้องยอมเป็นคนใจร้าย!“คุณ...โมฮาหมัด” มือเล็กทาบบนแก้มสาก พลางเคลื่อนไปบนศีรษะที่มี
“หน้าตาสวย ไม่น่าจะใจร้ายเลยนะ” มิคาอิลเปรยเสียงดังพอให้คนที่เร่งรีบเดินจากไปได้ยิน รอยยิ้มแต้มบนมุมปากเมื่อเห็นกายอรชรสั่นเทาหยุดยืน พลางสะบัดใบหน้าเกรี้ยวกราดกับดวงตาลุกโชนด้วยเพลิงไฟมองมายังเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะสะบัดหน้าเชิดขึ้นสูงอย่างไม่กลัวคอจะเคล็ด รีบเดินหนีไปอย่างเร็วไว จนเขาถึงกับหัวเราะกลั้วคอ“อย่าทำอะไรให้มันมากเกินไปนะฮัลด์ ระวังจะเจอสวนกลับอย่างจังละ!” อันเดซาอีเตือนพลางตบมือบนไหล่กว้างแรงๆ“โอ๊ย! เจ็บนะน้าซีกัลป์” มิคาอิลส่งเสียงโอดครวญราวกับจะขอความเห็นใจจากขอขวัญที่ไม่มีสายตาจะมองคนอื่นนอกจาก...โอ๊ะ! มิคาอิลร้องครางในลำคอ เมื่อเห็นเค้าเครื่องหน้าของขอขวัญอย่างชัดเจน ใบหน้าคมเข้มที่มีรอยยิ้มอยู่เมื่อครู่เคร่งขรึมขึ้น ขณะเหลือบสายตามีคำถามมองไปหาผู้เป็นน้าชาย“อย่าไปสนใจไอ้เจ้าบ้าบอนี่เลยขอขวัญ ฉันเหนื่อยแล้วไปพักผ่อนกันเถอะ” อันเดซาอีตัดบทด้วยการโอบแขนรอบลำตัวอรชรพาเข้าห้องพักส่วนตัวมิคาอิลเลิกไหล่ขึ้นขณะมองตามร่างผู้เป็นน้าอย่างอิจฉากับความรู้สึกเหงาๆ ที่แล่นมาแตะหัวใจอย่างปัจจุบันทันด่วน ที่ทำให้คิดไปถึงอติกานต์ นิ้วยาวยกขึ้นลูบไล้ปลายคางแผ่วเบาเอาไง
จึก! ดั่งมีดปลายแหลมพุ่งลิ่วมาปักตรงหัวใจ กลีบปากอิ่มสั่นระริก ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ฉันไม่คิดสั้นอย่างที่คุณว่าหรอกนะ ผู้ชายไม่ไร้เท่าใบพุทรา ที่ต้องลดค่าลดศักดิ์ศรีของตัวเองไปแย่งชิง! ไร้ประโยชน์เหมือนคุณ ที่น่าสงสารเสียเหลือเกิน หน้าตาหรือก็หล่อดี หุ่นก็ดูกำยำล่ำสัน แต่ทำไมถึงได้มาสนใจแตงเฉาตาย...ผู้หญิงที่ผ่านการมีสามีมาแล้วอย่างฉันก็ไม่รู้”หัวใจเต้นกระหน่ำราวกับจะกระโดดออกมาจากทรวง ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว เมื่อสบสายตากับมิคาอิลที่มองมาอย่างมีเลศนัย อย่างกับเขาจะรู้เท่าทันคำโป้ปดมดเท็จของเธออย่างนั้นแหละ แต่ไม่หรอกน่า...ก็เขาปฏิเสธไปแล้วนี่นา ไม่ใช่โมฮาหมัด แล้วอย่างนี้จะล่วงรู้เรื่องราวของเธอได้ยังไงกันเล่า ในเมื่อเพิ่งจะเจอกันเพียงไม่กี่วันนี่นา“หรือที่คุณทำอย่างนี้ หาเรื่องหาราวฉันอย่างกับคนจิตใจไม่ปรกติ เพราะปิดบังอะไรอยู่ คงจะไม่ใช่...” อติกานต์ดึงมือออกจากการเกาะกุมมาปิดปากอิ่มที่อ้าค้างไม่แพ้ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับที่เบิกกว้างมิคาอิลส่ายศีรษะพลางกลอกตาไปมาอย่างระอาใจ ทว่าใบหน้าคร้ามแกร่งกลับเปื้อนยิ้มกรุ้มกริ่ม ปลายนิ้วยาวลูบไล้ผิวเนื้อเนียนนุ่มแผ่วเบา“อยากจะ
“ว้าย! ทำอะไรนะคะคุณซีกัลป์” แขนกลมกลึงรีบยกขึ้นโอบรัดรอบแผงคอแกร่ง เมื่ออยู่ดีๆ อันเดซาอีก็ช้อนร่างเธอมานอนราบบนเตียงนอนผ้าขนสัตว์เนื้อนุ่ม “ปล่อยฉันก่อน...นะคะ” ขอขวัญยกสองมือยันแผงอกกว้าง กลืนน้ำลายคงคออย่างฝืดเคืองเมื่อเจอกับสายตาร้อนแรงแฝงไว้ด้วยความปรารถนาที่ปกปิดเอาไว้ไม่มิด “ไอย่าค่อนข้างจะขี้อาย แค่ถูกฉันจับมือนิดหน่อยก็อายจนหน้าแดงปลั่งแล้ว ผิดกับเธอที่...” ปลายนิ้วยาวตวัดลากไล้ไปบนผิวเนื้อนวลเนียนนุ่ม“เหมือนจะอ่อนหวาน อ่อนโยน แต่เอาเข้าจริงก็ร้อนแรงประหนึ่งน้ำมันราดลงไปบนกองไฟ”อยากจะบอกว่า...ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ก็ได้ นี่มันยังกลางวันอยู่เลย อีกอย่างให้เวลานับจากนี้พิสูจน์คำพูดของเขา ทว่าเพียงใบหน้าคร้ามแกร่งโน้มลงมา สัมผัสแผ่วเบาที่แนบหน้าผากกว้าง ไต่ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงกลีบปากอิ่มนุ่ม ค่อย ๆ บดคลึงลงไปอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน“ฉันอยากให้ทั้งตัวเองและเธอมั่นใจ คนที่อยู่ด้วยคือแม่ของขวัญที่เดินทางมากับนกเหล็ก มาเพื่อให้ฉันแกะกล่องด้วยความเสน่หา ที่ฉันจะบอกทุก ๆ วัน ย้ำให้เธอแน่ใจในทุก ๆ สัมผัส”ปากหนาเม้มกัดสลับบดคลึง พลางสอดแทรกเรียวลิ้นอุ่นชื้นเข้าไปกระหวัดกวาดไล้ดื่มด่ำ
ทั้งที่อยากจะถามตรงๆ ทว่าเห็นดวงตาที่ฉายแววตัดพ้อก็ทำให้เกิดพูดไม่ออกขึ้นมาฉับพลัน อีกทั้งถึงจะใช่คนเดียวกัน แต่ตอนนี้ต่างภพต่างความทรงจำ ต่างคนต่างก็มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไปแล้ว ย่อมที่จะไม่ใช่คนเดียวกัน!ขอขวัญพยักหน้ารับ “ค่ะ ฉันพอจะจำเรื่องราวที่คุณเจอกับคุณไอซาย่าในตลาดได้ สาวน้อยที่อยู่ดีๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นโจร ช่วงเวลาที่คุณสองคนอยู่ด้วยกัน รอบกายอบอวนไปด้วยความรักและความสุข แม้กระทั่งวันที่คุณบอกรัก”เจ็บแปลบในทุกคำที่เอื้อนเอ่ยออกมา เหมือนกับหัวใจถูกกรีดเป็นชิ้นๆ “และ...ขอแต่งงาน” เสียงของเขายังดังสะท้อนก้องอยู่ในหูเธอ เสมือนจะตอกย้ำความรักของอันเดซาอีและไอซาย่าให้เธอถึงระลึกเอาไว้ อย่าริอ่านทำตัวเป็นมารสอดแทรกกึ่งกลาง“แต่ที่ฉันไม่รู้คือเรื่องราวของอดีต การข้ามภพข้ามชาติมาจุติใหม่ ฉันจะใช่คุณไอซาย่ากลับมาเกิด เพื่อจะชดเชยวันเวลาที่คนซึ่งรักกันถูกพรากให้ห่างกัน ได้รักและให้คุณรักหรือเปล่า” แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ ณ ห้วงเวลานี้ ทั้งตัวเธอเองและไอซายาต่างก็ปรารถนาในสิ่งเดียวกัน! ทำให้อันเดซาอีมีความสุขที่สุด ได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ ตราบนานเท่านาน แม้เธอจะต้องเจ็บปวดก็ยอมจะให้เขาคิดอ
“ว่าแต่...มันเรื่องอะไรกันล่ะ” ปลายนิ้วยาวลากไล้บนพวงแก้มนุ่มซับสีเลือดฝาดอย่างอ่อนโยน “เธอจะยอมบอกความจริงกับฉันได้หรือยัง มีเหตุผลกลใดที่ชักนำให้เธอตัดสินใจเดินทางมาที่นี่...ขอขวัญ”ชายหนุ่มจับคางมนให้แหงนขึ้น ปลายนิ้วยาวลูบไล้บนกลีบปากนุ่มแผ่วเบา “มาเป็นของขวัญให้กับผู้ชายที่จมอยู่กับห้วงแห่งความทุกข์ใจ โหยหาใครสักคนมาเติมความรู้สึกที่ขาดหาย พร้อมอยู่เคียงข้างกันตลอดไป”แม้จะผ่านเรื่องราวมามากมาย แต่พอจะให้เอ่ยปากบอกถึงเหตุผลที่ทำให้ตัวเองต้องมาที่นี่ ที่บางครั้งเธอรู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่เรื่องเหลวไหล ฝันก็คือฝันมิอาจนำมาพิสูจน์ความจริงและอ้างเป็นหลักฐาน ทำให้คนอื่นเชื่อไม่ได้ด้วย“ทำไมล่ะ หรือเธอยังไม่ไว้ใจฉัน”ขอขวัญผ่อนลมหายใจออกจากปอด คิดว่าอันเดซาอีคงจะสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่ยังคงมียามถูกเขาแตะเนื้อต้องตัว หรือไม่ก็ออกมาทางความฝันที่ทำให้เธอสะดุ้งตื่นมาพร้อมหยาดน้ำตาที่เอ่อไหลอาบแก้ม“ไม่ใช่ค่ะ เพียงแค่ฉัน...ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังคุณยังไงดี” ขอขวัญเอ่ยด้วยความงุนงงกับสิ่งที่พานพบมา ถึงตอนนี้เธอสับสนด้วยแยกไม่ค่อยออก สิ่
ขอขวัญทำเสียงขลุกขลักในลำคอ ก่อนจะตวัดค้อนใส่พ่อจอมวางแผนวงโต ถ้าไม่ติดว่าอยากให้เพื่อนมีความความสุขด้วยละก็นะ...เธอจะภาวนาให้อติกานต์ใจแข็ง ไม่ยอมยกโทษให้ง่ายๆ“อ้าว...ไหนว่าสงสาร อยากให้เอแคลร์มีความสุขไง ทำไมถึงได้หน้าตายุ่งเหยิงแบบนี้ล่ะ”“มันก็ใช่อยู่หรอก แต่เล่นมาหลอกลวงกันอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน คนเดียวกันแท้ๆ แต่กลับทำเป็นไม่รู้เรื่องตอนคุณเอแคลร์เอ่ยทัก แถมยังจะปฏิเสธหน้าตายอีก”“ฮัลด์ก็มีเหตุผลในส่วนของเขาที่ต้องทำอย่างนั้น ซึ่งเราสองคนที่คนนอกไม่ล่วงรู้ แต่เมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว เราก็ควรที่จะอวยพรให้ชีวิตคู่ของเขาสองคนมีความสุขตลอดไป...ใช่ไหม”ขอขวัญพยักหน้ารับ เอนกายอรชรแนบชิดอกกว้าง “ใช่ค่ะ...ทุกคนมีความสุขกันแล้วสินะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาหวิวยามคิดถึงเหล่าผู้คนที่อยู่รอบกายกับหนทางที่เขาเหล่านั้นได้เลือกแล้ว ฮารินะเพื่อแก้แค้นให้กับพ่อแม่ แม้รู้ว่าอันตรายก็ไม่หวาดหวั่น เข้าต่อกรกับโจรร้ายจนตัวเองแพ้พ่าย แต่ก็มีความสุข เมื่อได้กลับไปซบอกอุ่นท่องเที่ยวไปทั่วพื้นทรายที่รัก แม่โซไรยากับโอซามุที่ก็ผ่านเรื่องร้ายๆ มามากมาย กลายเป็นเพื่อนสนิทที่เข้าใจกันอติกา
“บ้า! ใครรักคุณกันล่ะยะ เปล่าสักหน่อย”“อืม...นั่นสิ ฉันยังไม่ได้ยินคำบอกรักเลยนี่นา อย่างนี้คงต้องขอเบิ้นอีกสักรอบ เอ๊ะ...หลายรอบๆ ดีกว่า จะได้มั่นใจไอ้ที่ได้ยินเมียจ๋าบอกเมื่อกี้มันแว่วๆ สงสัยจะหูฝาดไปจริงๆ นั่นแหละ”“ไม่! ฉันบอกแล้ว...บอกแล้ว” อติกานต์รีบพูดจนลิ้นพัวพันกัน มือหนึ่งยกขึ้นดันใบหน้าคร้ามแกร่งที่ก้มลงมาหา อีกมือก็รีบตะครุบมือหนาที่โอบอุ้มทรวงอกกลมกลึง ค่อยๆ นวดคลึงทำให้เธอวาบหวามเสียวซ่าน ลมหายใจเริ่มจะขาดเป็นห้วงๆ“ถ้าไม่รัก ฉันคงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องเมื่อกี้เกิดขึ้นหรอก” ดวงตากลมโตหลุบมองลอนกล้ามเนื้อบึกบึน พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองเพราะกายแกร่งที่แนบชิด“ฉันเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มาจากต่างบ้านต่างเมือง หัวเดียวกระเทียมลีบ คุณกรุณาปรานีผู้หญิงคนนี้ที่เผลอรักคุณไป ทั้งก่อนหน้านั้นคุณเป็นจอมโจรร้ายอยู่เลย อุ๊ย!” อติกานต์หลุดเสียงอุทานออกมา เมื่อกายสาวอันตรธานลอยไปพำนักบนลำตัวแข็งแกร่ง ใบหน้านวลผ่องร้อนผ่าวและคิดว่าคงจะแดงปลั่งจรดลำคอระหง ยามนิ้วยาวลูบไล้นวดคลึงแผ่นหลังบอบบางอย่างช้าๆ“คุณ...ฮัลด์ หยุดก่อนสิคะ” อติกานต์เว้าวอนขอเสียงแหบพร่า เมื่อปทุมถันกลมก
“อือ...” อติกานต์ร้องประท้วงเล็กน้อย เมื่อฝ่ามือหนาครอบครองทรวงอกอิ่มและนวดเฟ้นอย่างหนักหน่วงจะว่าไปเขาเคยเพียงแค่สัมผัสไม่เคยยลบัวตูมเต่งตึงของอติกานต์ชัดๆ สักครั้ง ชายหนุ่มจึงไม่รอช้า รีบถอนจูบและลากริมฝีปากไต่ลงไปตามแนวคาง ขบเม้มลำคอขาวผ่องแผ่วเบา ก่อนจะเคลื่อนไปหาทรวงอกกลมกลึงที่ไหวกระเพื่อม ที่เพียงแค่ได้เห็น...มิคาอิลก็หลุดเสียงคำรามออกมาพร้อมกับความกระหายราวกับเลือดในกายเดือดพล่านสองมือหนาสอดช้อนปทุมถันกลมกลึงขึ้นมา ปลายนิ้วยาวลากไล้ไปบนผิวเนื้อนุ่มๆ ใบหน้าคร้ามแกร่งเปื้อนยิ้ม ดวงตาเข้มเปล่งประกายด้วยปรารถนาขณะเหลือบขึ้นมองสบกับดวงตากลมโต“ฉันคิดไว้ไม่ผิด ไม่แค่นุ่มแต่ยัง...”เนื้อตัวอติกานต์สั่นสะท้าน วาบหวามเสียวซ่านจนเผลอหลุดเสียงร้องครางออกมา เมื่อมือหนานวดเคล้นสลับปลายนิ้วยาวลากไล้บนปลายยอดถันหดเกร็ง ปากอุ่นยังจะเลาะเล็มไปทั่วก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นอย่างเย็นใจ เพียงปลายลิ้นร้อนตวัดไล้วนไปทั่วป้านบัวสีหวานและขบเม้มดึงเข้าสู่อุ้งปาก เธอก็เปล่งเสียงหวานพร่าด้วยวาบหวามจนท้องไส้ปั่นป่วน สองขาเรียวยาวสั่นระริก ปลายเล็บมนจิกลงบนแผ่นหลังกว้าง พลางเคลื่อนไหวไต่ขึ้นไปพัวพันกับเส้นผมหนา
“จะโกรธกันลงจริงๆ หรือเอแคลร์ ฉันรักเธอจริงๆ นะ ที่ทำทุกอย่างลงไปก็เพราะรัก เพราะอยากจะรู้ความจริงในใจของเธอนั่นแหละ คนอะไรไม่รู้ ทำเป็นเย็นชาเฉยเมยเสียจริงๆ จนฉันอดสงสัยไม่ได้ ว่าไอ้เสน่ห์ที่มีนี่ใช้กับเธอไม่ได้เลยหรือไง”“ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วไง ฉันรักโมฮาหมัด ไม่เคยรักคุณ หรือถึงฉันจะเคย...รัก! แต่เล่นมาหลอกลวงกัน เห็นเป็นตัวตลกอย่างนี้ ฉันก็เลิกรักได้เหมือนกัน”มิคาอิลยิ้มกว้าง “สายไปเสียแล้วล่ะจ้ะเมียจ๋า ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเมียทั้งรักและห่วงแค่ไหน เรื่องอะไรจะยอมปล่อยไปง่ายๆ ล่ะ น่า...นะ รับรักฉันนะจ๊ะ...ที่รักจ๋า”“ไม่!” เรื่องอะไรจะยอมรับรักและให้อภัยกันง่ายๆ ล่ะ กลั่นแกล้งทำให้เธออารมณ์เสียตั้งมากมาย หากำไรทำให้เธอหวั่นไหวไปตั้งเยอะ มันต้องเอาคืนหนักๆ หน่อยสิ“อีกอย่าง...ฉันแต่งงานกับโมฮาหมัดนะ ไม่ได้แต่งกับมิคาอิล ฮัลด์ อามูร์ สักหน่อย ยังถือว่าไม่ได้เป็นภรรยาของคุณนะคะคุณมิคาอิล ฮัลด์ อามูร์” อติกานต์พูดกลั้วหัวเราะลงคอบ้าง ดวงตากลมโตกลอกไปมา ใบหน้านวลผ่องแย้มยิ้มรื่นเริง“ถอยออกไปได้แล้ว ไม่ใช่เด็กๆ นะ ทับลงมาได้ หนักจะตาย อ้อ...ถ้ารักกันจริง ก็ต้องรอกันได้ ใช่ไหมล่ะ” สองมือเล
คิดตามคำพูดที่ฟังดูแปลกๆ ของมิคาอิลแล้วอติกานต์อดขมวดคิ้วเข้าหากันไม่ได้ “คุณอยากจะพูดอะไรกันแน่คุณมิคาอิล ช่วยพูดตรงๆ ดีกว่า เพราะฉันตามไม่ทัน”“หลายปีมาแล้วที่บ้านหลังนี้เกิดโศกนาศกรรมขึ้น ผู้คนมากมายที่มาร่วมงาน ถ้าไม่ล้มตายก็ถูกทำร้าย ไม่เว้นแม้กระทั่งน้าซีกัลป์ที่เจ็บหนักมากจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด คนรักก็ถูกโจรร้ายแย่งเอาตัวไป ระหว่างเดินทางกลับชุมโจรก็ได้เจอกับหนูน้อยมิคาอิล ฮัลด์ อามูร์ ซึ่งบาดเจ็บที่ศีรษะเดินโซซัดโซเซอยู่เลยช่วยเหลือเอาไว้ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าพวกโจรนั้นโหดเหี้ยมขนาดไหน เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกทำร้ายซ้ำอีก พี่ไอซาย่าเลยบอกว่าฉันเป็นญาติห่างๆ จำได้ลางๆ ว่าตอนถูกถามชื่อ เหมือนฉันจะหลุดปากเรียกชื่อพ่อออกไป ทุกคนเลยเรียกฉัน...โมฮาหมัด!”อติกานต์ถึงกับอ้าปากค้าง หมอกที่ปกคลุมใจอยู่ถูกไขจนกระจ่างแจ้งในบัดดล ความเชื่อของเธอไม่ผิดแม้แต่น้อย เพราะอย่างนี้เธอถึงได้สะดุด จากใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ละม้ายเหมือนกันราวกับพิมพ์เดียวกัน มาถึงท่วงท่าการเดินเหิน น้ำเสียงยามพูดคุยและหัวเราะ ดวงตาเข้มเปล่งประกายพร่างพราวระยับที่ซุกซ่อนความเจ้าเล่ห์เอาไว้ไม่มิด“คุณ...อย่ามาพูดพล่อยๆ แบบนี้นะ เ
“โดยเฉพาะกับการหาเรื่องเอารัดเอาเปรียบผู้หญิงใช่ไหมล่ะ” อติกานต์ย่นจมูกใส่คนหน้าเป็นอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ในเมื่อทำทุกทาง...หยิกข่วนและตีจนเจ็บมือแล้วแต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจสักนิด ยังจะจับมือนุ่มนิ่มมาจับและบีบกระชับสลับนวดคลึงหลังมือนุ่มนิ่มทำให้เธอใจสั่นไหวระรัว“ตอนนี้ฉันไม่หนีแล้วไง ปล่อยได้แล้ว กอดรัดมาได้ กระดูกกระเดี้ยวจะหักแล้ว รู้บ้างไหม”เห็นท่าทางกระเง้ากระงอดตวัดค้อนขวับๆ ของหญิงสาวแล้วเขาอดใจไม่ไหว ก้มหน้าลงไปจรดจมูกโด่งลงไปบนแก้มนุ่มแรงๆ ไปสองสามครั้ง กำลังขยับไถลไปหวังจะจูบปากอิ่มนุ่มช่างจำนรรจาอติกานต์เผอิญรู้เท่าทันเสียก่อน จึงเบี่ยงหน้าหนีและหยิบเอาหนังหนาขึ้นมาบิดเต็มแรง จนเขาต้องยอมแพ้ แต่ก็ทำเสียงฮ่ำๆ ฮึ่มๆ อย่างต้องการจะบอกเธอว่า...‘ฝากไว้ก่อนเถอะ ถึงเวลาเอาคืนเมื่อไหร่ จะคิดดอกทบต้นชนิดไม่ให้ขาดสักนิดเดียวเชียว’“ไม่ต้องมาทำตาวาวใส่ฉันเลยนะตาบ้า ถ้ามาเพื่อรังแกกันแบบนี้ก็ออกจากห้องฉันไปเลยนะ ฉันเหนื่อยใจกับคุณจริงๆ มือไม้นี่ให้มันอยู่นิ่งบ้างได้ไหมฮึ!”มิคาอิลยิ้มกว้าง “ถ้าไม่รังแกก็อยู่ได้ใช่ไหมล่ะ” เอ่ยถามน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ดวงตาพร่างพราวระยับ อติกานต์กลอกตาไปมาด้วย