“ไม่เป็นไรค่ะ คุณทำดีที่สุดแล้ว” ขอขวัญเอ่ยอย่างเข้าใจในความรู้สึกของอันเดซาอี เพราะถ้าเป็นเธอเจอกับการท้าทายอย่างนั้น ก็คงจะรีบจัดการให้ไอ้บ้าห้าร้อยรู้สำนึกเหมือนกัน“จริงสิคะ ฉันพอจะจำได้ลางๆ ตอนที่คุณบอกจะอยู่คอยดูแลฉัน เหมือนพูดอะไรบางอย่าง บอกว่าถ้าไม่ใช่...ซิกะซายาก็จะอยู่ไม่ได้ หมายความว่าอะไรหรือคะ”“เอาไว้คืนนี้ฉันจะบอกให้รู้นะ ขอขวัญ...ซิกะซายา” บอกเสียงทุ้มหวานเจือด้วยความปรารถนาอย่างมิปิดบังแม้แต่น้อยนิด ถึงจะลุกขึ้นและเคลื่อนกายออกห่างไป แต่นัยน์ตาเข้มพร่างพราวด้วยความหมายอย่างลึกซึ้งให้ขอขวัญได้ร้อนวาบจากทรวงแผ่ซ่านไปตลอดทั้งตัว“แม่...ซาปากินะเร็วๆ หน่อยสิ” โอซามุเร่งพลางฉุดกระชากลากแม่หมอร่างอ้วนพีเข้ามาในห้องพักของขอขวัญด้วยใบหน้าที่ยังคงเต็มไปด้วยความวิตกกังวล“รีบไปก็เท่านั้น ขึ้นอยู่กับเขาเองนั่นแหละ ยังอยากที่จะมีชีวิตอยู่หรือไม่ ถ้าไม่...ต่อให้ใช้หมอและยาดีแค่ไหนก็ยังยื้อชีวิตให้อยู่ไม่ได้” ถ้าไม่ได้ยินเสียงใสๆ และใจดีก่อนเห็นร่างแม่หมอร่างอ้วนพีเปิดประตูเข้ามา รายรอบดวงตามีสีดำสนิทเหมือนกับใบหน้าที่มีลวดลายแปลกตาแต่งแต้มจากกึ่งกลางหน้าผากจรดหางคิ้ว จากบางส่วนขอ
ดวงตากลมโตเปล่งประกายระยิบระยับดั่งดวงดาราทอแสงสุกสกาวพร่างพราวทั่วท้องนภา มองตามนิ้วยาวเรียวที่ลากไล้ไปบนกลีบปากหนาซึ่งก็ขบเม้มหยอกล้อด้วยสุขใจอย่างบอกไม่ถูก มันเหมือนกับเฝ้ารอเวลานี้...ที่มีกันและกันเพียงลำพังเราสองมาแสนยาวนาน“เมื่อเย็นคุณบอกไว้ว่า...” ทั้งที่มีเสียงกระซิบบอกให้รู้ คำนั้นหมายถึงสิ่งใด แต่เธอกลับอยากได้ยินจากปากเขา เพื่อตอกย้ำถึงความเป็นจริง!“ฉันว่าเธอกำลังไข้ขึ้นละขอขวัญ...ทานยาอีกสักนิดดีไหม” เหมือนเขากำลังพูดกับตัวเองเสียมากกว่า ไม่ใช่ไม่อยากเดินหน้าไปกับขอขวัญ แต่ยามนี้เธอกำลังป่วย เขาไม่อยากได้ชื่อว่า...ข่มเหงรังแกคนไร้ทางและไม่มีสติเต็มร้อย“ไหนล่ะคะ...ฉันอยากจะกินใจจะขาดแล้ว” ขอขวัญเอื้อนเอ่ยเสียงหวานนุ่มเย้ายวนเชิญชวนอย่างมิปิดบัง แพหนังตาอ่อนนุ่มกะพริบปริบๆ ขณะมือเล็กสั่นระริกยื่นไปทาบบนแผงอกกว้างบาดแผลไม่ได้มีผลกระทบต่อเขาเลยสักนิด ยังไงภายในก็ยังคงแข็งแกร่งปานเหล็กกล้า ทว่า...ในยามนี้กลับอ่อนไหวดั่งกิ่งไผ่ไหวลู่ไปตามกระแสลมแรง ที่ส่งผลกระทบไปถึงมือซึ่งยื่นไปหยิบขวดยามาป้อนให้กับขอขวัญก็ยังสั่นจนเห็นได้ชัด“เป็นอะไรไปคะ...เจ็บแผล” หญิงสาวทาบมือนุ่มนิ่มบน
ตึก...ตึก...เสียงหัวใจของขอขวัญเต้นกระหน่ำระรัวดั่งกับรัวกลองออกศึก ลมหายใจเริ่มติดขัดพอๆ กับน้ำลายที่ไหลติดลำคอ กายอรชรสั่นสะท้านหวิวไหวจากปลายนิ้วยาวที่ลากไล้สัมผัสไปบนเรือนกายเปลือยเปล่าอย่างแผ่วเบา...อ่อนโยน“ให้โทยาเอกัลป์ตาเป็นพยาน...นามข้านี้ อันเดซาอี ซีกัลป์ โอซาอิดนี่ ขอรับขอขวัญ ไพรีรักษ์ เป็นซิกะซายา...ข้าจะดูแลปกป้องนางผู้ที่ท่านประทานให้เป็นของขวัญด้วยภักดีตลอดตราบชีวาจะสิ้นไป”นัยน์ตาสีดำสนิทพร่างพราวแสงมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโต ขณะแนบปากหนาลงไปบนหลังมือนุ่ม ขบเม้มจุมพิตไต่ไปตามลำแขนเสลา ฝ่ามืออุ่นระอุราวกับถ่านไฟลูบไล้ พลางตวัดรั้งร่างบอบบางมาแนบชิดจนไม่มีช่องว่างระหว่างกัน“สองแขนนี้จะปัดป้องโพยภัยมิให้กล้ำกราย” ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังบอบบาง “กายนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นผ้าห่ม...แนบเนื้อ ทำให้เธอพบแต่สุขล้ำตลอดทุกทิวา...ราตรี” อันเดซาอีเอื้อนเอ่ยน้ำเสียงทุ้มพร่า เคลื่อนฝ่ามือวกกลับมาโอบอุ้มปทุมถันไหวสล้างสร้างความปั่นป่วน จนขอขวัญวาบหวามและหายใจหอบแรงเรียวลิ้นเล็กยื่นออกมาไล้เลียกลีบปากอิ่ม พลางหลบสายตาพร่างพราวด้วยเหนียมอายกับสายตาสีนิลที่โลมไล้มองด้วยความชื่นชมตั้งแ
“ซีกัลป์” ขอขวัญเปล่งเสียงครางหวานพร่าด้วยเสียวซ่านวาบหวามทรวง เมื่ออันเดซาอีขยับเติมเต็มความปรารถนาบ้างก็หนักหน่วงบ้างก็เนิบนาบแต่หนักแน่น มือของเธอยกขึ้นเกาะแขนเขาเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยว ด้วยการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งทำเอากายไหวโยกราวกับเรือที่ลอยลำอยู่ท่ามกลางทะเลที่มีพายุโหมกระหน่ำ“เธอช่างเป็นของขวัญที่ล้ำค่าจริงๆ ฉันปรารถนาเธอที่สุด...ของขวัญ”อันเดซาอีหายใจหอบแรง การตอบสนองของขอขวัญสร้างความหฤหรรษ์ให้เขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน กายแกร่งสั่นเทิ้มด้วยปรารถนา แต่ก็ต้องพยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้ มิให้รุนแรงมากจนเกินไป เพราะนี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเธอ จึงต้องเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าและอ่อนโยน ทว่าการขยับแต่ละครั้งแสนจะยากเย็นและมันบีบรัดให้เขาทรมานสุดแสนมือเล็กยกขึ้นทาบบนใบหน้าคร้ามแกร่ง ปาดเช็ดหยาดหยดเหงื่อที่ผุดไหลตามขมับ ในดวงตากลมโตเปล่งประกายหวานเย้ายวน“ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเจ็บนะคะ คุณปล่อยอารมณ์ได้เต็มที่ค่ะ เมื่อคุณมีความสุขฉันก็เช่นกันค่ะ”ฟันขาวขบกัดกลีบปากอิ่มเต็มแรง เพราะเพียงแค่เธอพูดจบ อันเดซาอีก็ฝากรากฝังกายลงมาเต็มกำลัง...มั่นคงและหนักหน่วง ร่างบางขยับไหวโยกสะโพกยกขึ้นรับคว
อติกานต์ผ่อนลมหายใจดังเฮือก ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด เพราะโมฮาหมัดที่ยิ้มเริงร่าไม่สนใจความวิตกกังวลของคนอื่นเอาเสียเลย อยากข่วนหน้าให้เลือดออกซิบๆ อยากจิกปลายเล็บเข้าไปในลูกกะตาพร่างพราวให้บอดเสียจริงๆ“เธอว่า...แกรนด์ซายาเป็นยังไงบ้าง”“น่ารัก...ใจดี แต่ก็น่าเสียดาย...”“หืม...”“ไม่น่าต้องมาเจอกับผู้ชายกะล่อนอย่างคุณ! ถามจริง...คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไง ที่ใช้ประโยชน์...หลอกลวงแม้กระทั่งคนแก่ขี้เหงาน่ะ” อติกานต์เหยียดยิ้มหยามหยัน“จะให้ฉันรู้สึกอะไรล่ะ เป็นปลื้ม...ยินดีจนหน้าบานเท่ากับจานใส่อาหาร จากคนที่คิดว่าไม่เหลือใครคอยห่วงใยแล้ววันหนึ่งก็ได้พบเจอกับญาติสนิท เชื่อได้หรือจะมีเหตุให้บังเอิญขนาดนี้น่ะ”“คุณไม่รู้หรือไง...ในชีวิตเราไม่เคยมีเหตุอะไรที่เรียกว่าบังเอิญ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ถูกกำหนดมาแล้วทั้งนั้น เหมือนคุณไง กลางทะเลทรายแทบจะไม่รู้ทิศไหนเป็นทิศไหน แต่กลับพาฉันมาถึงบ้านหลังนี้ได้น่ะ แต่ช่างเถอะ พูดไปก็คงไม่เข้าหูคนเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้อย่างคุณหรอก ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไปได้แล้ว ฉันเหนื่อย อยากจะพักผ่อน” อติกานต์ดึงแขนออกจากการเกาะกุมและเบี่ยงกายหนีสายตาคมพร่างพราวระยับโมฮาห
“ไม่ต้องมาทำสำบัดสำนวน มีอะไรก็พูดมา แกคงไม่มายืนตากลมทนหนาวอยู่เพราะคิดถึงฉันหรอกนะ”“ไอ้เจ้าอันเดซาอีกับผู้หญิงบาดเจ็บตอนนี้พักอยู่ที่หมู่บ้านเตกูลา”“หือ...เรื่องแค่นี้แกถึงกับดั้นด้นเดินทาง...ฝ่าลมและแดดร้อนระอุราวกับจะลวกตับไตไส้พุงมาบอก” โมฮาหมัดถามเสียงสูง คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยฮามีดทำหน้าเหนื่อยหน่าย พลางผ่อนลมหายใจออกจากปอดดังๆ ด้วยอิดหนาระอาใจกับการทำไขสือไม่รู้ไม่ชี้ของผู้เป็นลูกพี่“ไอ้เจ้าวาฮาบาน่ะสิ เห็นลูกพี่ไม่อยู่ ก็เลย...” ฮามีดไม่รู้จะบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับโมฮาหมัดยังไงดี เรื่องร้ายที่หลายคนเคยเตือนเอาไว้ ระวังคนพาลคิดไม่ซื่อ ก็นี่ไง มันเกิดขึ้นแล้ว ที่ทำให้อีกหลายๆ คนต้องเดือดร้อนด้วย “จัดการยึดเอาชุมโจรและยกตัวเองขึ้นเป็นหัวหน้า และยังจะถึงรวบรวมกำลังคนเพื่อที่จะ...”“อือ...” โมฮาหมัดพยักหน้ารับ นิ้วยาวยกขึ้นลูบไล้ปลายคาง จากสิ่งที่ได้เห็นในคืนนั้นและเรื่องที่เขากับอีกหลายคนในชุมโจรคิดจะทำกันหลังจากนี้อีกไม่นาน ทำให้ข่าวที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องแปลกจนเกินจะคาดคิด“คงถึงเวลาแล้วจริงๆ นั่นแหละ” เป็นเขานี่แหละที่เร่งให้เรื่องนี้เกิดเร็วขึ้น ด้วยว่าเบื่อกับการใช้ชีวิตแบบ
โมฮาหมัดประคองโซไรยาเดินเข้าไปในบ้าน พลางเหลือบสายตามองไปยังทิศทางซึ่งฮามีดกระโดดไปหลบซ่อนกายอยู่ก็ให้โล่งใจ เมื่ออีกฝ่ายได้ส่งสัญญาณว่าไปปลอดภัยดี ก่อนดวงตาเข้มจะฉายแววเหนื่อยหน่ายเอือมระอากับหน้ากลมป้อมแป้นแล้นที่ยื่นออกมาด้วยใคร่รู้กึ่งขลาดกลัว ที่ทำให้เขาหงุดหงิดเหลือกำลัง“แกรนด์ซายาง่วงหรือยังครับ”“คนแก่นอนดึกและตื่นเช้าเป็นนิสัยละ เรานั่นแหละทำไมคืนนี้ถึงไม่อยู่ในห้องล่ะหืม...ไม่รู้หรือไงคืนแรกนี่เขาไม่ปล่อยให้ซิกะซายาต้องเหงานะ”ใบหน้าคร้ามแกร่งแต้มยิ้ม มือหนาลูบไล้ไปบนความเหี่ยวย่นแผ่วเบา “มีเรื่องทำให้เอแคลร์เครียดน่ะครับ ในฐานะที่ผมเป็นสามีก็อยากจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา ซึ่งก็ต้องขอความกรุณาจากแกรนด์ซายาด้วย”“หนูเอแคลร์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจล่ะ”“ทั้งที่แกรนด์ซายาใจดีขนาดนี้ แต่ว่าผมยังจะใช้ความรักและเอ็นดูหลอกลวงเอาได้” โมฮาหมัดเอ่ยอย่างละอายแก่ใจและสำนึกในความผิดจริงๆ “มันเรื่องอะไรกันล่ะ ไหนบอกให้แกรนด์ซายาเข้าใจหน่อยสิ”“เอแคลร์ยอมละทิ้งศักดิ์ศรีที่มี ยอมให้หลายคนดูถูกว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี เพียงเพื่อช่วยเหลือหลายๆ คนให้อยู่รอดปลอดภัย ทำแม้กระทั่งละทิ้งความสุขในชีวิตและค
“ฉันเข้าใจ คุณเจอกับเรื่องร้ายแรงมามาก แต่เรื่องเกิดขึ้นมาแล้ว เรา...ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ คงทำได้เพียงแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเท่านั้น คุณความดีที่เราทำไว้จะพาให้เราผ่านเรื่องร้ายแรงทุกอย่างไปได้ค่ะ” ใบหน้านวลผ่องเปื้อนยิ้มหวานละมุน เพื่อที่จะทำให้อันเดซาอีดีขึ้น...สองแขนกลมกลึงโอบรอบกายใหญ่ ใบหน้าหวานเคลื่อนไปอย่างช้าๆ จรดจุมพิตลงบนปากหนาหนักอย่างแผ่วเบาและค่อยๆ หนักหน่วงขึ้นตามแรงอารมณ์ของคนตัวใหญ่อันเดซาอีดันกายอรชรให้นอนราบกับเตียงผ้าขนสัตว์เนื้อนุ่ม ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปบนผิวเนื้อนวลเนียนนุ่ม “ขอบใจนะของขวัญ ที่ให้กำลังใจในวันที่ฉันท้อแท้และหวั่นไหว ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างและทำให้ทุกๆ วันของฉันเป็นวันดีๆ ”ปากหนาจรดจุมพิตลงไปบนหลังมือนุ่มแผ่วเบา “ขอเพียงมีเธออยู่ใกล้ ไม่ว่าจะเกิดอะไร ฉันก็พร้อมที่จะเดินไปโดยไม่หวั่นไหวอีกแล้ว เธอจะอยู่เคียงข้างคอยเติมกำลังใจให้ฉันตลอดไปใช่ไหม...ของขวัญ”ใบหน้านวลผ่องเปื้อนยิ้มหวานละมุน “ขอเพียงคุณต้องการ ฉันก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง...ตลอดไปค่ะ” “ก็คงได้มั้งคะ ถ้าจะไม่เร่งรีบจนเกินไป” ขอขวัญตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะสภาพอากาศที่ไม่คุ้นชิน อาจท
“ว้าย! ทำอะไรนะคะคุณซีกัลป์” แขนกลมกลึงรีบยกขึ้นโอบรัดรอบแผงคอแกร่ง เมื่ออยู่ดีๆ อันเดซาอีก็ช้อนร่างเธอมานอนราบบนเตียงนอนผ้าขนสัตว์เนื้อนุ่ม “ปล่อยฉันก่อน...นะคะ” ขอขวัญยกสองมือยันแผงอกกว้าง กลืนน้ำลายคงคออย่างฝืดเคืองเมื่อเจอกับสายตาร้อนแรงแฝงไว้ด้วยความปรารถนาที่ปกปิดเอาไว้ไม่มิด “ไอย่าค่อนข้างจะขี้อาย แค่ถูกฉันจับมือนิดหน่อยก็อายจนหน้าแดงปลั่งแล้ว ผิดกับเธอที่...” ปลายนิ้วยาวตวัดลากไล้ไปบนผิวเนื้อนวลเนียนนุ่ม“เหมือนจะอ่อนหวาน อ่อนโยน แต่เอาเข้าจริงก็ร้อนแรงประหนึ่งน้ำมันราดลงไปบนกองไฟ”อยากจะบอกว่า...ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ก็ได้ นี่มันยังกลางวันอยู่เลย อีกอย่างให้เวลานับจากนี้พิสูจน์คำพูดของเขา ทว่าเพียงใบหน้าคร้ามแกร่งโน้มลงมา สัมผัสแผ่วเบาที่แนบหน้าผากกว้าง ไต่ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงกลีบปากอิ่มนุ่ม ค่อย ๆ บดคลึงลงไปอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน“ฉันอยากให้ทั้งตัวเองและเธอมั่นใจ คนที่อยู่ด้วยคือแม่ของขวัญที่เดินทางมากับนกเหล็ก มาเพื่อให้ฉันแกะกล่องด้วยความเสน่หา ที่ฉันจะบอกทุก ๆ วัน ย้ำให้เธอแน่ใจในทุก ๆ สัมผัส”ปากหนาเม้มกัดสลับบดคลึง พลางสอดแทรกเรียวลิ้นอุ่นชื้นเข้าไปกระหวัดกวาดไล้ดื่มด่ำ
ทั้งที่อยากจะถามตรงๆ ทว่าเห็นดวงตาที่ฉายแววตัดพ้อก็ทำให้เกิดพูดไม่ออกขึ้นมาฉับพลัน อีกทั้งถึงจะใช่คนเดียวกัน แต่ตอนนี้ต่างภพต่างความทรงจำ ต่างคนต่างก็มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไปแล้ว ย่อมที่จะไม่ใช่คนเดียวกัน!ขอขวัญพยักหน้ารับ “ค่ะ ฉันพอจะจำเรื่องราวที่คุณเจอกับคุณไอซาย่าในตลาดได้ สาวน้อยที่อยู่ดีๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นโจร ช่วงเวลาที่คุณสองคนอยู่ด้วยกัน รอบกายอบอวนไปด้วยความรักและความสุข แม้กระทั่งวันที่คุณบอกรัก”เจ็บแปลบในทุกคำที่เอื้อนเอ่ยออกมา เหมือนกับหัวใจถูกกรีดเป็นชิ้นๆ “และ...ขอแต่งงาน” เสียงของเขายังดังสะท้อนก้องอยู่ในหูเธอ เสมือนจะตอกย้ำความรักของอันเดซาอีและไอซาย่าให้เธอถึงระลึกเอาไว้ อย่าริอ่านทำตัวเป็นมารสอดแทรกกึ่งกลาง“แต่ที่ฉันไม่รู้คือเรื่องราวของอดีต การข้ามภพข้ามชาติมาจุติใหม่ ฉันจะใช่คุณไอซาย่ากลับมาเกิด เพื่อจะชดเชยวันเวลาที่คนซึ่งรักกันถูกพรากให้ห่างกัน ได้รักและให้คุณรักหรือเปล่า” แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ ณ ห้วงเวลานี้ ทั้งตัวเธอเองและไอซายาต่างก็ปรารถนาในสิ่งเดียวกัน! ทำให้อันเดซาอีมีความสุขที่สุด ได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ ตราบนานเท่านาน แม้เธอจะต้องเจ็บปวดก็ยอมจะให้เขาคิดอ
“ว่าแต่...มันเรื่องอะไรกันล่ะ” ปลายนิ้วยาวลากไล้บนพวงแก้มนุ่มซับสีเลือดฝาดอย่างอ่อนโยน “เธอจะยอมบอกความจริงกับฉันได้หรือยัง มีเหตุผลกลใดที่ชักนำให้เธอตัดสินใจเดินทางมาที่นี่...ขอขวัญ”ชายหนุ่มจับคางมนให้แหงนขึ้น ปลายนิ้วยาวลูบไล้บนกลีบปากนุ่มแผ่วเบา “มาเป็นของขวัญให้กับผู้ชายที่จมอยู่กับห้วงแห่งความทุกข์ใจ โหยหาใครสักคนมาเติมความรู้สึกที่ขาดหาย พร้อมอยู่เคียงข้างกันตลอดไป”แม้จะผ่านเรื่องราวมามากมาย แต่พอจะให้เอ่ยปากบอกถึงเหตุผลที่ทำให้ตัวเองต้องมาที่นี่ ที่บางครั้งเธอรู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่เรื่องเหลวไหล ฝันก็คือฝันมิอาจนำมาพิสูจน์ความจริงและอ้างเป็นหลักฐาน ทำให้คนอื่นเชื่อไม่ได้ด้วย“ทำไมล่ะ หรือเธอยังไม่ไว้ใจฉัน”ขอขวัญผ่อนลมหายใจออกจากปอด คิดว่าอันเดซาอีคงจะสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่ยังคงมียามถูกเขาแตะเนื้อต้องตัว หรือไม่ก็ออกมาทางความฝันที่ทำให้เธอสะดุ้งตื่นมาพร้อมหยาดน้ำตาที่เอ่อไหลอาบแก้ม“ไม่ใช่ค่ะ เพียงแค่ฉัน...ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังคุณยังไงดี” ขอขวัญเอ่ยด้วยความงุนงงกับสิ่งที่พานพบมา ถึงตอนนี้เธอสับสนด้วยแยกไม่ค่อยออก สิ่
ขอขวัญทำเสียงขลุกขลักในลำคอ ก่อนจะตวัดค้อนใส่พ่อจอมวางแผนวงโต ถ้าไม่ติดว่าอยากให้เพื่อนมีความความสุขด้วยละก็นะ...เธอจะภาวนาให้อติกานต์ใจแข็ง ไม่ยอมยกโทษให้ง่ายๆ“อ้าว...ไหนว่าสงสาร อยากให้เอแคลร์มีความสุขไง ทำไมถึงได้หน้าตายุ่งเหยิงแบบนี้ล่ะ”“มันก็ใช่อยู่หรอก แต่เล่นมาหลอกลวงกันอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน คนเดียวกันแท้ๆ แต่กลับทำเป็นไม่รู้เรื่องตอนคุณเอแคลร์เอ่ยทัก แถมยังจะปฏิเสธหน้าตายอีก”“ฮัลด์ก็มีเหตุผลในส่วนของเขาที่ต้องทำอย่างนั้น ซึ่งเราสองคนที่คนนอกไม่ล่วงรู้ แต่เมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว เราก็ควรที่จะอวยพรให้ชีวิตคู่ของเขาสองคนมีความสุขตลอดไป...ใช่ไหม”ขอขวัญพยักหน้ารับ เอนกายอรชรแนบชิดอกกว้าง “ใช่ค่ะ...ทุกคนมีความสุขกันแล้วสินะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาหวิวยามคิดถึงเหล่าผู้คนที่อยู่รอบกายกับหนทางที่เขาเหล่านั้นได้เลือกแล้ว ฮารินะเพื่อแก้แค้นให้กับพ่อแม่ แม้รู้ว่าอันตรายก็ไม่หวาดหวั่น เข้าต่อกรกับโจรร้ายจนตัวเองแพ้พ่าย แต่ก็มีความสุข เมื่อได้กลับไปซบอกอุ่นท่องเที่ยวไปทั่วพื้นทรายที่รัก แม่โซไรยากับโอซามุที่ก็ผ่านเรื่องร้ายๆ มามากมาย กลายเป็นเพื่อนสนิทที่เข้าใจกันอติกา
“บ้า! ใครรักคุณกันล่ะยะ เปล่าสักหน่อย”“อืม...นั่นสิ ฉันยังไม่ได้ยินคำบอกรักเลยนี่นา อย่างนี้คงต้องขอเบิ้นอีกสักรอบ เอ๊ะ...หลายรอบๆ ดีกว่า จะได้มั่นใจไอ้ที่ได้ยินเมียจ๋าบอกเมื่อกี้มันแว่วๆ สงสัยจะหูฝาดไปจริงๆ นั่นแหละ”“ไม่! ฉันบอกแล้ว...บอกแล้ว” อติกานต์รีบพูดจนลิ้นพัวพันกัน มือหนึ่งยกขึ้นดันใบหน้าคร้ามแกร่งที่ก้มลงมาหา อีกมือก็รีบตะครุบมือหนาที่โอบอุ้มทรวงอกกลมกลึง ค่อยๆ นวดคลึงทำให้เธอวาบหวามเสียวซ่าน ลมหายใจเริ่มจะขาดเป็นห้วงๆ“ถ้าไม่รัก ฉันคงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องเมื่อกี้เกิดขึ้นหรอก” ดวงตากลมโตหลุบมองลอนกล้ามเนื้อบึกบึน พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองเพราะกายแกร่งที่แนบชิด“ฉันเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มาจากต่างบ้านต่างเมือง หัวเดียวกระเทียมลีบ คุณกรุณาปรานีผู้หญิงคนนี้ที่เผลอรักคุณไป ทั้งก่อนหน้านั้นคุณเป็นจอมโจรร้ายอยู่เลย อุ๊ย!” อติกานต์หลุดเสียงอุทานออกมา เมื่อกายสาวอันตรธานลอยไปพำนักบนลำตัวแข็งแกร่ง ใบหน้านวลผ่องร้อนผ่าวและคิดว่าคงจะแดงปลั่งจรดลำคอระหง ยามนิ้วยาวลูบไล้นวดคลึงแผ่นหลังบอบบางอย่างช้าๆ“คุณ...ฮัลด์ หยุดก่อนสิคะ” อติกานต์เว้าวอนขอเสียงแหบพร่า เมื่อปทุมถันกลมก
“อือ...” อติกานต์ร้องประท้วงเล็กน้อย เมื่อฝ่ามือหนาครอบครองทรวงอกอิ่มและนวดเฟ้นอย่างหนักหน่วงจะว่าไปเขาเคยเพียงแค่สัมผัสไม่เคยยลบัวตูมเต่งตึงของอติกานต์ชัดๆ สักครั้ง ชายหนุ่มจึงไม่รอช้า รีบถอนจูบและลากริมฝีปากไต่ลงไปตามแนวคาง ขบเม้มลำคอขาวผ่องแผ่วเบา ก่อนจะเคลื่อนไปหาทรวงอกกลมกลึงที่ไหวกระเพื่อม ที่เพียงแค่ได้เห็น...มิคาอิลก็หลุดเสียงคำรามออกมาพร้อมกับความกระหายราวกับเลือดในกายเดือดพล่านสองมือหนาสอดช้อนปทุมถันกลมกลึงขึ้นมา ปลายนิ้วยาวลากไล้ไปบนผิวเนื้อนุ่มๆ ใบหน้าคร้ามแกร่งเปื้อนยิ้ม ดวงตาเข้มเปล่งประกายด้วยปรารถนาขณะเหลือบขึ้นมองสบกับดวงตากลมโต“ฉันคิดไว้ไม่ผิด ไม่แค่นุ่มแต่ยัง...”เนื้อตัวอติกานต์สั่นสะท้าน วาบหวามเสียวซ่านจนเผลอหลุดเสียงร้องครางออกมา เมื่อมือหนานวดเคล้นสลับปลายนิ้วยาวลากไล้บนปลายยอดถันหดเกร็ง ปากอุ่นยังจะเลาะเล็มไปทั่วก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นอย่างเย็นใจ เพียงปลายลิ้นร้อนตวัดไล้วนไปทั่วป้านบัวสีหวานและขบเม้มดึงเข้าสู่อุ้งปาก เธอก็เปล่งเสียงหวานพร่าด้วยวาบหวามจนท้องไส้ปั่นป่วน สองขาเรียวยาวสั่นระริก ปลายเล็บมนจิกลงบนแผ่นหลังกว้าง พลางเคลื่อนไหวไต่ขึ้นไปพัวพันกับเส้นผมหนา
“จะโกรธกันลงจริงๆ หรือเอแคลร์ ฉันรักเธอจริงๆ นะ ที่ทำทุกอย่างลงไปก็เพราะรัก เพราะอยากจะรู้ความจริงในใจของเธอนั่นแหละ คนอะไรไม่รู้ ทำเป็นเย็นชาเฉยเมยเสียจริงๆ จนฉันอดสงสัยไม่ได้ ว่าไอ้เสน่ห์ที่มีนี่ใช้กับเธอไม่ได้เลยหรือไง”“ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วไง ฉันรักโมฮาหมัด ไม่เคยรักคุณ หรือถึงฉันจะเคย...รัก! แต่เล่นมาหลอกลวงกัน เห็นเป็นตัวตลกอย่างนี้ ฉันก็เลิกรักได้เหมือนกัน”มิคาอิลยิ้มกว้าง “สายไปเสียแล้วล่ะจ้ะเมียจ๋า ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเมียทั้งรักและห่วงแค่ไหน เรื่องอะไรจะยอมปล่อยไปง่ายๆ ล่ะ น่า...นะ รับรักฉันนะจ๊ะ...ที่รักจ๋า”“ไม่!” เรื่องอะไรจะยอมรับรักและให้อภัยกันง่ายๆ ล่ะ กลั่นแกล้งทำให้เธออารมณ์เสียตั้งมากมาย หากำไรทำให้เธอหวั่นไหวไปตั้งเยอะ มันต้องเอาคืนหนักๆ หน่อยสิ“อีกอย่าง...ฉันแต่งงานกับโมฮาหมัดนะ ไม่ได้แต่งกับมิคาอิล ฮัลด์ อามูร์ สักหน่อย ยังถือว่าไม่ได้เป็นภรรยาของคุณนะคะคุณมิคาอิล ฮัลด์ อามูร์” อติกานต์พูดกลั้วหัวเราะลงคอบ้าง ดวงตากลมโตกลอกไปมา ใบหน้านวลผ่องแย้มยิ้มรื่นเริง“ถอยออกไปได้แล้ว ไม่ใช่เด็กๆ นะ ทับลงมาได้ หนักจะตาย อ้อ...ถ้ารักกันจริง ก็ต้องรอกันได้ ใช่ไหมล่ะ” สองมือเล
คิดตามคำพูดที่ฟังดูแปลกๆ ของมิคาอิลแล้วอติกานต์อดขมวดคิ้วเข้าหากันไม่ได้ “คุณอยากจะพูดอะไรกันแน่คุณมิคาอิล ช่วยพูดตรงๆ ดีกว่า เพราะฉันตามไม่ทัน”“หลายปีมาแล้วที่บ้านหลังนี้เกิดโศกนาศกรรมขึ้น ผู้คนมากมายที่มาร่วมงาน ถ้าไม่ล้มตายก็ถูกทำร้าย ไม่เว้นแม้กระทั่งน้าซีกัลป์ที่เจ็บหนักมากจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด คนรักก็ถูกโจรร้ายแย่งเอาตัวไป ระหว่างเดินทางกลับชุมโจรก็ได้เจอกับหนูน้อยมิคาอิล ฮัลด์ อามูร์ ซึ่งบาดเจ็บที่ศีรษะเดินโซซัดโซเซอยู่เลยช่วยเหลือเอาไว้ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าพวกโจรนั้นโหดเหี้ยมขนาดไหน เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกทำร้ายซ้ำอีก พี่ไอซาย่าเลยบอกว่าฉันเป็นญาติห่างๆ จำได้ลางๆ ว่าตอนถูกถามชื่อ เหมือนฉันจะหลุดปากเรียกชื่อพ่อออกไป ทุกคนเลยเรียกฉัน...โมฮาหมัด!”อติกานต์ถึงกับอ้าปากค้าง หมอกที่ปกคลุมใจอยู่ถูกไขจนกระจ่างแจ้งในบัดดล ความเชื่อของเธอไม่ผิดแม้แต่น้อย เพราะอย่างนี้เธอถึงได้สะดุด จากใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ละม้ายเหมือนกันราวกับพิมพ์เดียวกัน มาถึงท่วงท่าการเดินเหิน น้ำเสียงยามพูดคุยและหัวเราะ ดวงตาเข้มเปล่งประกายพร่างพราวระยับที่ซุกซ่อนความเจ้าเล่ห์เอาไว้ไม่มิด“คุณ...อย่ามาพูดพล่อยๆ แบบนี้นะ เ
“โดยเฉพาะกับการหาเรื่องเอารัดเอาเปรียบผู้หญิงใช่ไหมล่ะ” อติกานต์ย่นจมูกใส่คนหน้าเป็นอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ในเมื่อทำทุกทาง...หยิกข่วนและตีจนเจ็บมือแล้วแต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจสักนิด ยังจะจับมือนุ่มนิ่มมาจับและบีบกระชับสลับนวดคลึงหลังมือนุ่มนิ่มทำให้เธอใจสั่นไหวระรัว“ตอนนี้ฉันไม่หนีแล้วไง ปล่อยได้แล้ว กอดรัดมาได้ กระดูกกระเดี้ยวจะหักแล้ว รู้บ้างไหม”เห็นท่าทางกระเง้ากระงอดตวัดค้อนขวับๆ ของหญิงสาวแล้วเขาอดใจไม่ไหว ก้มหน้าลงไปจรดจมูกโด่งลงไปบนแก้มนุ่มแรงๆ ไปสองสามครั้ง กำลังขยับไถลไปหวังจะจูบปากอิ่มนุ่มช่างจำนรรจาอติกานต์เผอิญรู้เท่าทันเสียก่อน จึงเบี่ยงหน้าหนีและหยิบเอาหนังหนาขึ้นมาบิดเต็มแรง จนเขาต้องยอมแพ้ แต่ก็ทำเสียงฮ่ำๆ ฮึ่มๆ อย่างต้องการจะบอกเธอว่า...‘ฝากไว้ก่อนเถอะ ถึงเวลาเอาคืนเมื่อไหร่ จะคิดดอกทบต้นชนิดไม่ให้ขาดสักนิดเดียวเชียว’“ไม่ต้องมาทำตาวาวใส่ฉันเลยนะตาบ้า ถ้ามาเพื่อรังแกกันแบบนี้ก็ออกจากห้องฉันไปเลยนะ ฉันเหนื่อยใจกับคุณจริงๆ มือไม้นี่ให้มันอยู่นิ่งบ้างได้ไหมฮึ!”มิคาอิลยิ้มกว้าง “ถ้าไม่รังแกก็อยู่ได้ใช่ไหมล่ะ” เอ่ยถามน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ดวงตาพร่างพราวระยับ อติกานต์กลอกตาไปมาด้วย