“ต่อหน้าหลักฐาน คนแซ่เซียวกับคนแซ่หลี่จำต้องยอมรับว่าร่วมกันวางแผนมาก่อน ทางตำรวจตัดสินใจว่าจะดำเนินคดีทางอาญากับพวกเขา แต่ระดับการก่อเหตุของพวกเขาน่าจะมีบทลงโทษไม่หนักเท่าไร”เวินเหลียงแปลกใจมาก “ทำไมพวกเขาถึงรู้เลขทะเบียนรถกับการเดินทางของฉันล่ะคะ?”ตำรวจตอบ “คนแซ่เซียวเป็นพนักงานซ่อมแซมอยู่ที่ร้านสี่เอส จากคำสารภาพของเขา คุณเคยซ่อมรถที่นั่น คนแซ่หลี่ก็เลยหาคนสะกดรอยตามคุณโดยเฉพาะ เพื่อนอีกคนของเขาเป็นคนบอกการเดินทางของคุณค่ะ”“ค่ะ ฉันทราบแล้ว”“ครอบครัวของสองคนนั้นอยากพบคุณหน่อย อยากขอให้ผู้เคราะห์ร้ายให้อภัย ไม่ทราบว่า...?”“ไม่พบค่ะ ฉันไม่ต้องการค่าชดเชยทางแพ่งอะไรจากพวกเขาทั้งนั้น พยายามให้โทษหนักที่สุดค่ะ”“รับทราบค่ะ”“ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ มีข่าวอะไรก็แจ้งฉันได้เลยนะคะ”หลังจากวางสายโทรศัพท์ ฟู่เจิงมองเวินเหลียงแวบหนึ่ง “เรื่องนี้ฉันจะให้จี้เจ๋อติดตาม ต้องให้พวกเขาชดใช้แน่”จี้เจ๋อคือทนายฝ่ายกฎหมายของฟู่ซื่อจ้างมาโดยเฉพาะ เป็นทนายอันดับหนึ่งของเจียงเฉิง ชื่อเสียงโด่งดัง คดีที่ผ่านมือเขาแทบไม่แพ้มาก่อน“ขอบคุณค่ะ”“เกรงใจกับฉันทำไม?”ร้านอาหารตะวันตกตกแต่งสวยงามหรูหรา
ฟู่เจิงเห็นเวินเหลียงมองที่ฟลอร์เต้นรำจึงยิ้มน้อย ๆ ถามว่า “อยากเต้นเหรอ?”เวินเหลียงเม้มริมฝีปาก “ฉันเต้นไม่ค่อยเป็นค่ะ”“ฉันสอนเธอก็ได้”เวินเหลียงดวงตาเปล่งประกายฟู่เจิงโค้งตัวยื่นมืออยู่ตรงหน้าเวินเหลียง เวินเหลียงมอบมือให้อีกฝ่ายเบา ๆฟู่เจิงจูงมือเวินเหลียงเดินเข้าฟลอร์เต้นรำช้า ๆ ใบหน้าพกพารอยยิ้มทรงเสน่ห์ “วางมือไว้ที่ไหล่ของฉัน แล้วเดินตามฉันช้า ๆ”ตามเพลงดนตรีที่ผ่อนคลาย พวกเราเริ่มเต้นเชื่องช้า จงใจให้ย่างเท้าตีวงแคบฟู่เจิงโน้มตัวมาเล็กน้อย นับจังหวะอยู่ข้างหูของเวินเหลียงลมหายใจรดข้างหูของเธอ เธอจึงหดคอแบบควบคุมตัวเองไม่อยู่เวินเหลียงเต้นเงอะ ๆ งะ ๆ ฝืนตามฝีเท้าของฟู่เจิง พอไม่ระวังก็เหยียบรองเท้าหนังของเขา ประทับรอยรองเท้าปื้นใหญ่“ขอโทษค่ะ” เวินเหลียงแหงนหน้าขึ้นมองเขา ความอึดอัดใจแวบเข้ามาในดวงตาเสี้ยวหนึ่งฟู่เจิงยิ้มและพูดข้างใบหูของเธอว่า “ไม่เป็นไร”เวินเหลียงตกตะลึงไปชั่วขณะแสงไฟบนฟลอร์เต้นรำแวบไปแวบมา สะท้อนดวงหน้าหล่อเหลาของเขา ขับเน้นองคาพยพให้คมสันสมาร์ตเป็นพิเศษ ขอบมุมแบ่งชัด ดังประติมากรรมกรีกโบราณ เขายกยิ้มตรงมุมปาก นัยน์ตาเป็นประกายเหมือน
ริมฝีปากอ่อนนุ่มแนบมา เวินเหลียงใจสั่นเล็กน้อยฟู่เจิงดูดแทะกลีบปากทั้งสองกลีบของเธอ บดขยี้พวกมันจนแดงก่ำปลายลิ้นงัดฟัน ช่วงชิงความหอมหวานในปากของเธอเวินเหลียงวางสองมือไว้บนไหล่ของเขา นิ้วมือลูบไล้ผ่านท้ายทอยสะอาดสืบเสาะตีนผม ตอบสนองอย่างอารมณ์คล้อยตามลมหายใจของทั้งสองประสานกันห้องโดยสารรถยนต์ปิดสนิท เสียงหอบหายใจหนาหนักมากขึ้นทุกทีลมหายใจของฟู่เจิงร้อนผ่าว มือใหญ่ลูบไล้ลงตามเส้นโค้งของเธออย่างห้ามใจไม่อยู่เวินเหลียงสะดุ้งตื่นขึ้นมา ยกมือห้ามเขาไว้ พูดไม่เป็นภาษา “อย่าค่ะ ตอนนี้อยู่ข้างนอก”ฟู่เจิงจำต้องหยุด ดูดกลีบปากของเวินเหลียงแรง ๆ แล้วค่อย ๆ ผละตัวออกเส้นไหมสีเงินใสสายหนึ่งยืดยาวตามการผละตัวของฟู่เจิง ขาดออกจากกันตรงกลางซึ่งบางที่สุด ตกอยู่บนคอเสื้อของทั้งสอง ห้องโดยสารรถแคบเล็กมีกลิ่นอายคลุมเครือเพิ่มขึ้นบางส่วนฟู่เจิงสูดลมหายใจเข้าลึก สตาร์ตรถทันที นิ้วมือเรียวยาวและขาวกำพวงมาลัยแน่นรถขับไปถึงกลางทาง เวินเหลียงเห็นวิวนอกกระจกจึงรู้ว่านี่ไม่ใช่เส้นทางกลับโรงพยาบาล“ไม่กลับโรงพยาบาลเหรอคะ?”ฟู่เจิงหันไปมองเวินเหลียงพลางยิ้มบาง “คืนนี้กลับบ้านก่อน พรุ่งนี้เช้
ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไรฟู่เจิงหน้าขรึมมากขึ้นทุกที “ได้ ผมรู้แล้ว ผมจะไปเดี๋ยวนี้”เขาแต่งตัวให้เรียบร้อยทันที ใส่เสื้อตัวนอกและพูดกับเวินเหลียงที่อยู่บนเตียงว่า “ฉันมีธุระจะออกไปหน่อย”“มีอะไรเหรอคะ” เวินเหลียงใช้ผ้าห่มคลุมตัวเอง ยันตัวขึ้น “ดึกอย่างนี้แล้วต้องไปให้ได้เหรอคะ?”มือที่กำลังจัดระเบียบเสื้อของฟู่เจิงหยุดชะงัก“คุณหวัง คงเป็นหวังเหยียนละสิ? ฉู่ซืออี๋เกิดเรื่องอะไรเหรอคะ?”เห็นเขานิ่งไป อารมณ์ในดวงตาเวินเหลียงสงบลง เย็นเฉียบไปทั้งตัว“ซืออี๋หายตัวไป”“หายตัวไป? งั้นก็ควรแจ้งความก่อน คุณไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรนะคะ?”หรือว่าฉู่ซืออี๋กำลังรอให้เขาไปหา?“อาการซืออี๋ไม่ค่อยนิ่ง เขาออกไปคนเดียวอันตรายมาก อีกอย่างเขาเป็นบุคคลสาธารณะ ถ้าแจ้งความเป็นส่งผลกับเขา ฉันจะหาเขาให้เจอให้เร็วที่สุด ฉันรับปากนะ หาเขาเจอแล้วฉันจะกลับมา”เห็นสีหน้าแน่วแน่ของฟู่เจิง เวินเหลียงเจ็บจี๊ดในใจเรียกว่าห่วงใยจึงว้าวุ่นคงเป็นข้ออ้างที่ฉู่ซืออี๋ใช้เรียกฟู่เจิงไปหา เธอดูออก แต่น่าเสียดายที่ฟู่เจิงดูไม่ออกในสายตาของเขา จะให้ฉู่ซืออี๋เป็นอะไรไปแม้แต่น้อยไม่ได้เขาจะไม่กลับมาหรอกเธอ
ฟู่เจิงพาฉู่ซืออี๋มาเยี่ยมคุณปู่แล้ว เขาพาคนรักของเขามากราบคุณปู่ถึงที่แล้วเวินเหลียงคับอกคับใจ ราวกับสายฝนที่เย็นเฉียบเทกระหน่ำลงมาท่ามกลางวายุคลั่ง โถมใส่เธอจนหัวใจหนาวเหน็บทำไมเขาต้องทำกับเธออย่างนี้?ตอนที่พวกเขาหวานแหววกัน ฟู่เจิงถูกฉู่ซืออี๋เรียกไปด้วยโทรศัพท์กริ๊งเดียว หนึ่งข้อความก็ไม่มี กลับพาฉู่ซืออี๋มาพบคุณปู่ที่โรงพยาบาลโดยตรงเขาเอาเธอที่เป็นภรรยาไปไว้ที่ไหน!เวินเหลียงยืนอยู่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วย ฟังพวกเขาสนทนากันเงียบ ๆน้ำเสียงของฉู่ซืออี๋เชิงประจบประแจงเล็กน้อย ท่าทีของคุณปู่คุณย่าไม่ได้ยินดียินร้าย “ขอบคุณคุณฉู่ที่อวยพร”ระหว่างการสนทนา คุณย่าเบี่ยงประเด็นไปที่ฟู่เจิง ทั้งยังตำหนิอีกเล็กน้อย “อาเจิง เมื่อวานแกกลับไปกับอาเหลียงไม่ใช่เหรอ? ทำไมวันนี้แกถึงมาคนเดียวล่ะ แล้วยังพาคุณฉู่มาด้วยกันอีก? คุณฉู่น่าจะมีงานยุ่ง ทำไมแกต้องพาเขามาให้ลำบากด้วย? ถ้าถูกสื่อกับนักข่าวถ่ายแล้วเอาไปเขียนไร้สาระอีก จะไม่ส่งผลกระทบกับชื่อเสียงของคุณฉู่เหรอ?”ฉู่ซืออี๋จึงพูดขึ้นทันที “คุณย่าฟู่ หนูอยากจะมาเองค่ะ ได้ยินว่าคุณปู่อยู่โรงพยาบาล เป็นห่วงมากก็เลยให้อาเจิงพามา”คุณย่า
ฉู่ซืออี๋เดินกรีดกรายมาสองก้าว ใบหน้าพกพารอยยิ้มสง่างาม “ฉันได้ยินมาว่าหลายวันก่อนเธอรถชนเหรอ คนที่ชนเธอเป็นแฟนคลับฉัน รู้ไหมว่าทำไมพวกเขาถึงทำอย่างนี้?”เวินเหลียงมองฉู่ซืออี๋อย่างสงบฉู่ซืออี๋พูดต่อ “เพราะเธอคือมือที่สามระหว่างฉันกับฟู่เจิงยังไงล่ะ!”เวินเหลียงหัวเราะ “คุณก็ช่างกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าฉันนะคะ ใครกันแน่ที่เป็นมือที่สาม คุณรู้ดีอยู่แก่ใจ คุณมาโอ้อวดต่อหน้าฉัน ไม่กลัวว่าฉันจะไปชี้แจงต่อหน้าสื่อ แปะป้ายชื่อมือที่สามให้คุณเหรอ?”ฉู่ซืออี๋หัวเราะฮ่า ๆ“คุณหัวเราะอะไร?” เวินเหลียงไม่เข้าใจ“ฉันหัวเราะ หัวเราะที่เธอโง่สุด ๆ ไปเลย ตอนนี้ตรงหน้าสื่อกับชาวเน็ต เธอต่างหากที่เป็นมือที่สาม!”เห็นเวินเหลียงเงียบ ฉู่ซืออี๋จึงพูดต่อ “นานขนาดนี้แล้วยังเป็นกบอยู่ในกะลา ถ้าเธอดูเฟซบุ๊กของตัวเองสักหน่อยก็จะไม่พูดอย่างนี้แล้ว”เวินเหลียงหัวใจหล่นตุบ หลายวันนี้เธอเห็นอะไรไม่ชัด โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างโทรศัพท์มือถือ เธอเปิดดูน้อยมาก ไม่ได้เล่นเฟซบุ๊กหลายวันแล้วช่วงนี้เกิดอะไรขึ้น?ทำไมไม่มีใครบอกเธอเลยล่ะ?ฟู่เจิงปิดบังเธอใช่ไหม?“ทำไม เธอไม่กล้าดูเหรอ?”สองมือที่ทิ้งตั
เวินเหลียงตัวแข็งเกร็ง แน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก หัวใจราวกับถูกกรีดจนเจ็บทำไมเธอจะไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้ เพียงแค่ไม่อยากคิดเท่านั้น“เพราะอาเจิงจงใจปิดบังเธอ วันนั้นเธอนึกว่าอาเจิงเผลอเอามือถือของเธอไปเหรอ? ไม่ใช่ เขาจงใจ เขาบอกว่าเธอเห็นข่าวแล้วต้องไปชี้แจงแน่ ดังนั้นเขาเลยเอามือถือของเธอไป แถมยังไม่ให้แม่บ้านพูดต่อหน้าเธอด้วย”เสียงได้ใจของฉู่ซืออี๋ที่ส่งมาเหมือนอสุราเหี้ยมโหดในนรก“เธอลองทายดูสิว่าทำไมถึงไม่มีใครช่วยเธอชี้แจง? ก็อาเจิงไม่อนุญาตยังไงล่ะ เขาไปหาคุณปู่กับคุณย่าเอง แถมยังเหยียบทุกสัญญาณที่จะชี้แจง เธอรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนี้? เพราะเขาจะไม่ยอมให้ฉันแบกรับชื่อมือที่สามไง ในใจของเขา ฉันต่างหากที่เป็นภรรยาของเขา คนที่เขารักที่สุด!”“ส่วนเธอ ในใจเขาเธอเป็นแค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไร ผลักออกไปเป็นโล่กำบังให้ฉันได้ทุกเมื่อ ในใจของเขา เธอนั่นแหละที่เป็นมือที่สาม! ในเรื่องของความรัก คนที่ไม่ถูกรักถึงจะเป็นมือที่สาม!”หัวสมองเวินเหลียงดังวิ้ง ๆเธอไม่อยากเชื่อเธอเปิดโทรศัพท์มือถือค้นหาไลน์แบบมือไม้พัลวัน เลื่อนดูข้างล่าง หาห้องแชตของถังซือซือพอเห็นตัวหนังสือแปลกหน้าใน
เธอก็อยากให้คุณปู่มีความสุขในช่วงนี้เหมือนกัน เธอจะเล่นละครเป็นเพื่อนเขา เธอจะไม่ตื้อเขาหัวใจของเธอจะไม่มีความหวัง และจะไม่ผิดหวังเห็นปฏิกิริยาของเวินเหลียง ฉู่ซืออี๋ปลอดโปร่งโล่งสบายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ “เวินเหลียง ตอนนี้เธอน่าจะเข้าใจแล้วนะ เธอไม่ใช่อะไรสำหรับอาเจิงทั้งนั้น คนในดวงใจของอาเจิงคือฉัน ต่อให้ตอนนี้เขารับปากว่าจะอยู่กับเธออย่างสันติเพื่อสุขภาพของคุณปู่ แต่สุดท้ายเขาก็จะอยู่กับฉันอยู่ดี ฉันรู้ว่าเธอชอบเขา ดังนั้นเธอหวงแหนช่วงเวลาสุดท้ายนี้ให้ดีเถอะ ฉันรับรองนะว่าจะไม่แย่งชิงกับเธอ”เวินเหลียงหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก “คุณพูดจบหรือยังคะ? ถ้าพูดจบแล้วฉันขอตัวก่อนนะ”จะว่าเธอล้มเหลวก็ดี ไร้ความสามารถก็ช่าง ตอนนี้เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อสักนิด“เดี๋ยว” ฉู่ซืออี๋ฉุดมือเธอไว้เวินเหลียงสะบัดเธอออกด้วยความรำคาญ“ว้าย...”ได้ยินเสียงฉู่ซืออี๋กรีดร้องแล้วเอียงตัวไปด้านข้างเกือบจะล้มไม่รู้ว่าฟู่เจิงปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไร รีบประคองฉู่ซืออี๋อย่างทันทีทันใด ถามด้วยความเป็นห่วง “ซืออี๋ คุณไม่เป็นไรนะ”เห็นชายหล่อหญิงสวยตรงหน้า เวินเหลียงรู้สึกเพียงน่าขำเธอช่างน่าหัวเราะ
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง