วิดีโอกับรูปภาพแตกต่างกัน ต้องนำฟีลลิ่งของภาพ การเล่าเรื่องราว ตรรกะ จุดเด่นของสไตล์ตัวผลิตภัณฑ์และการกำหนดตลาดกลุ่มเป้าหมายมาควบรวมกัน พร้อมทั้งสอดคล้องกับการตัดสินความงามของคนส่วนมาก ถึงจะส่งผลต่อการโปรโมตส่วนแผนงานภาพโฆษณาและวิดีโอโปรโมต กาเลนยังไม่ได้ตอบกลับ จนกระทั่งเมื่อวาน กาเลนส่งเลขามาแจ้งทั้งสามคน บอกว่าวันนี้จะประชุมมุ่งเน้นเรื่องแผนงานวิดีโอกับพวกเขาพวกเวินเหลียงทั้งสามคนมาถึงยังชั้นแผนกการตลาดตามเวลาที่นัดไว้ เลขาให้พวกเขาไปนั่งที่ห้องประชุมก่อนเวินเหลียงพยักหน้าขานรับ และเดินเข้าไปในห้องประชุมพร้อมกับช่างภาพอีกสองคนในจังหวะนี้เอง เสียงลิฟต์ก็ดัง ‘ติ๊ง’ ขึ้นมาเสียงหนึ่ง และหยุดที่ชั้นแผนกการตลาดหญิงสาวทันสมัยคนหนึ่งออกมาจากด้านในเวินเหลียงชำเลืองมองทีหนึ่ง จากนั้นฝีเท้าก็เป็นอันต้องชะงักไปไม่คิดเลยว่าผู้มาเยือนจะเป็นอิเลียเธอมาทำอะไรที่นี่?อิเลียเองก็เห็นเวินเหลียง เธอหันไปแสยะยิ้มอย่างมั่นใจให้เวินเหลียง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานผู้อำนวยการแผนกการตลาดในใจของเวินเหลียงเต้นตึกตัก ๆในใจเธอเกิดลางสังหรณ์ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย อิเลียมาเพราะเธอเ
ทว่าเวินเหลียงก็ยังไม่วางใจเมื่อเห็นกาเลนลุกขึ้นออกไปจากห้องประชุม เวินเหลียงก็พูดกับช่างภาพอีกคนว่า “พวกคุณกลับไปก่อนเลยค่ะ ฉันมีธุระกับกาเลนนิดหน่อย”พูดพลางเธอก็สาวเท้าก้าวตามกาเลนไปอย่างรวดเร็วกาเลนเบือนตัวมองเธอทีหนึ่ง เดินหน้าไปด้วยพลางถามไปด้วยว่า “เฟย์ คุณยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอ?”เวินเหลียงฉีกยิ้ม “ขอละลาบละล้วงถามคุณหน่อยนะคะ เมื่อกี้คุณอิเลียมาหาผู้อำนวยการ คุณรู้ไหมคะว่าเรื่องอะไร?”กาเลนมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง “รู้ครับ ผู้อำนวยการบอกผมแล้ว เขาบอกว่า คุณอิเลียใช้ชื่อเสียงของตระกูลวิลสันมาขู่เขา ให้เขาเปลี่ยนตัวช่างภาพ”สีหน้าของเวินเหลียงซีดเผือด “แล้วผู้อำนวยการว่ายังไงบ้างคะ?”“ผู้อำนวยการจะว่าอะไรได้ครับ? แน่นอนว่าก็ต้องฟังหูซ้ายทะลุหูขวาน่ะสิ! เราจะเลือกช่างภาพคนไหน มันไปเกี่ยวอะไรกับเธอ? ต่อให้ตระกูลวิลสันจะใหญ่คับฟ้าแค่ไหน ก็ก้าวก่ายเรื่องภายในบริษัทเราไม่ได้ นอกเสียจากพ่อของเธอมาด้วยตัวเอง”เมื่อได้ยินกาเลนพูดแบบนี้ เวินเหลียงก็ถอนลมหายใจหนัก ๆ เฮือกหนึ่ง“งั้นก็ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณคุณแล้วก็ผู้อำนวยการด้วยนะคะ”เวินเหลียงรู้สึกโชคดีเป็นอย
คนในพื้นที่ชอบมานอนอาบแดดกันแถมยังเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ชายหาดมีคนมารวมตัวมากมาย ผู้ชายเปลืองร่างกายท่อนบน ส่วนผู้หญิงสวมบิคีนี รวมกลุ่มกันกระจายเป็นกระจุก บางคนก็เล่นน้ำริมหาด บางคนก็กินบาร์บีคิว บางคนก็ฝังตัวเองเข้าไปในทรายเพื่ออาบแดด ขณะที่เวินเหลียงมาถึง ก็เห็นบนชายหาดเต็มไปด้วยเรือนร่างขาวผ่องเมื่อทอดสายตามองไป ก็มองจนเธอตาลายไปหมด ละสายตาไม่ได้เลยเธอหรี่ตามองประเมินไปทั่ว มองอยู่สองสามนาที ท้ายที่สุดถึงได้หาเงาร่างของเบลล่าเจอเบลล่าสวมชุดบิคีนีสีชมพู กำลังนั่งอยู่บนทรายใต้ร่มบังแดด ใต้ลำตัวปูผ้าลายสก๊อตเอาไว้ผืนหนึ่ง ตรงกลางผ้ามีตะกร้าใบเล็ก ๆ หนึ่งใบ ในตะกร้าใส่ของกินเอาไว้เวินเหลียงค่อย ๆ เข้าไปใกล้ ๆ เห็นเพียงผมสีทองของเบลล่าแผ่สยายไปตามลม ใต้แสงแดดราวกับผ้าไหมอย่างนั้นเธอขาวผ่องไปทั้งตัว บนต้นขาขาวจนเห็นเส้นเลือดดำ เรือนร่างสง่างาม เอวบางเล็ก ส่วนอกสะบึ้ม ซาลาเปาขาวผ่องสองลูก ถูกผ้าสีชมพูห่อหุ้มเอาไว้ เผยให้เห็นร่องลึกออกมาเส้นหนึ่งเวินเหลียงลอบทอดถอนใจอยู่ในใจ อยากจะเอามือไปบีบจริง ๆข้าง ๆ เบลล่ายังมีเพื่อนที่สวมบิคีนีอีกสองคน หุ่นของแต่ละคนร้อนแรงเป็นอย่าง
เขามองเวินเหลียงอย่างรังเกียจ รู้สึกเพียงไม่คุ้มแทนฟู่เจิงเขาไม่ชอบเวินเหลียงจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้ขอให้ฟู่เจิงต้องคบกับฉู่ซืออี๋เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าหลังฟู่เจิงเลือกเวินเหลียง ฟู่เจิงจะต้องตกสู่ความอันตราย ส่วนเวินเหลียงกลับใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลอยู่เมืองนอกและไม่รู้ว่าหลังจากที่ฟู่เจิงรู้ ในใจจะรู้สึกนึกเสียใจกับการเลือกของตัวเองหรือเปล่าเวินเหลียงมองสีหน้าของลู่ฉางคง รู้สึกน่าขำเล็กน้อย “เขาจะอยู่ในเรือนจำหรือเปล่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย? คุณเป็นเพื่อนสนิทของเขา ถ้ารู้สึกแค้นเคืองกับความไม่ยุติธรรม เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเขาขนาดนี้ แล้วทำไมยังมาขลุกตัวอยู่กับสาว ๆ อยู่ที่นี่อีกล่ะ?”ลู่ฉางคงสำลัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อว่า “เกี่ยวอะไรกับเธองั้นเหรอ? อาเจิงทำเพื่อเธอไปตั้งเท่าไร เธอพูดแค่คำเดียวก็คิดจะชำระล้างความบริสุทธิ์?! ฉันรู้อยู่แล้วเชียว เธอมันคนจิตใจยากแท้หยั่งถึง อาเจิงช่างตาบอดจริง ๆ ที่มาชอบเธอ”ถูกฟู่เจิงหลอกเล่นกับความรู้สึก แล้วยังต้องมาถูกเพื่อนของฟู่เจิงกล่าวโทษแบบนี้อีก ในใจของเวินเหลียงทั้งเจ็บปวดและเคียดแค้น สองมือที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่นแต่เธอไม่อยากทะเลาะกับลู่ฉ
ทว่าลู่ฉางคงดันบอกว่า เขาไปเจอฉู่ซืออี๋มา ฉู่ซืออี๋บอกว่าเธอกับฟู่เจิงไม่ได้คืนดีกันนี่มันเรื่องอะไรกันแน่?อารมณ์ของลู่ฉางคงไม่เหมือนกำลังพูดโกหกอยู่เฮ้อ ไม่คิดแล้วเวินเหลียงส่ายหน้า ก่อนจะสลัดความคิดแสนยุ่งเหยิงออกไปถึงยังไงไม่ว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไง ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเที่ยงวันจันทร์ ฮั่วคงเฉิงเลี้ยงข้าวเวินเหลียงคราวก่อนเจอกันแบบรีบเร่ง ไม่ทันได้พูดอะไร ครั้งนี้ทั้งสองคนมีเวลาได้พูดคุยกันแล้วเวินเหลียงเล่าเรื่องชีวิตที่เพิ่งมาถึงที่นี่กับเขา ตั้งแต่ความแปลกใหม่ในตอนนี้ ความสงสัย จนกระทั่งตอนนี้ก็พอคุ้นเคยคร่าว ๆ แล้ว และมีการค้นพบใหม่บางอย่างเป็นครั้งคราวฮั่วตงเฉิงเองก็ถ่ายทอดประสบการณ์การใช้ชีวิตเล็กน้อย พร้อมฉวยโอกาสพูดถึงเรื่องตลกที่ก่อขึ้นตอนตนเพิ่งมาถึงที่นี่ในตอนนั้นทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติไม่รู้พูดกันไปถึงตรงไหน จู่ ๆ ฮั่วตงเฉิงก็เอ่ยขึ้นว่า “เธอรู้เรื่องที่ฟู่เจิงถูกจับแล้วใช่ไหม?”เวินเหลียงคิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ เขาจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เธออึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า “รู้ค่ะ”“คิดยังไง?” ฮั่วตงเฉิงเงยหน้ามองเวินเหลียงเวินเหลียงก้มห
“ใช่ พวกเขากำลังแสดงละครกันอยู่”เวินเหลียงหัวเราะอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง “ลู่ฉางคง คุณคิดว่าฉันหลอกง่ายใช่ไหม? งั้นคุณบอกฉันมาหน่อยสิว่าพวกเขาแสดงละครกันเพื่ออะไร?”“เพื่อขีดเส้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอาเจิง เพื่อไม่ให้เธอพลอยติดร่างแหไปด้วย อาเจิงคาดการณ์ถึงขั้นในวันนี้เอาไว้แล้ว เลยเตรียมตัวก่อนล่วงหน้า”ขณะที่ได้รู้ความจริง ลู่ฉางคงตกตะลึงเป็นอย่างมากฟู่เจิงถูกเวินหลียงทำให้หลงจนเสียสติไปแล้ว จนกระทั่งมาถึงขั้นนี้ แถมยังคิดแทนเวินเหลียงอีกต่างหากฟู่เจิงเผชิญอันตรายคนเดียวได้ ขอเพียงแค่ให้เวินเหลียงปลอดภัยทว่าลู่ฉางคงทนเห็นเขาต้องทนรับความอยุติธรรมพรรค์นี้ไม่ได้ แถมยังต้องถูกเวินเหลียงเข้าใจผิดอีก ต้องบอกเรื่องราวความจริงให้เวินเหลียงรู้เมื่อเวินเหลียงรู้ถึงความรู้สึกของฟู่เจิง ต้องซาบซึ้งจนเลอะเลือนไปหมดแน่!เวินเหลียงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขำขัน“เธอขำอะไร?” เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ปฏิกิริยาที่ตนต้องการ ลู่ฉางคงก็ไม่เข้าใจ“ฉันขำที่คุณกระทั่งโกหกยังทำไม่เป็น เสียเวลามาตั้งนานคิดคำโกหกได้แค่เหตุผลแบบนี้เหรอ? คุณคิดว่าฉันจะเชื่อไหม?”บนใบหน้าเธอเขียนคำว่า ‘โ
ฉะนั้น เวินเหลียงจะไม่ทำอะไรเป็นอันขาดรอไปก็แค่นั้นถ้าสิ่งที่ลู่ฉางคงพูดเป็นความจริง ถ้าอย่างนั้นแล้วหลังฟู่เจิงออกมาก็คงมาหาเธอถ้าเขาออกมาไม่ได้...ก็ค่อยว่ากันเวินหลียงกลับมาถึงใต้ตึกอะพาร์ตเมนต์ เจอกับห้องข้าง ๆ กำลังย้ายกระเป๋าสัมภาระลงมาบนใบหน้าของเวินเหลียงราบเรียบ ทว่าในใจกลับดีใจเป็นอย่างมากในที่สุดก็ย้ายออกไปแล้วเพื่อนข้างห้องของเวินเหลียงเป็นนักดนตรีที่มักจะไปเปิดหมวกบนถนนอยู่บ่อย ๆ เขาจับไมโครโฟนสร้างความสุขให้ตัวเองจนกระทั่งถึงตอนดึกดื่นเที่ยงคืนเป็นประจำ ทำให้ตอนกลางคืนเวินเหลียงนอนหลับไม่เต็มอิ่มบ่อยครั้งฉะนั้นที่เหม่อลอยตอนประชุมครั้งก่อน เธอไม่ได้โกหกทั้งหมดเวินเหลียงไปเตือนเพื่อนบ้านห้องข้าง ๆ อยู่สองสามครั้งจนใจที่ห้องข้าง ๆ หน้าหนา วันที่เตือนก็เพลาลงไปหน่อยทว่าวันต่อมาก็กลับไปเป็นอย่างเดิม ทำให้เวินเหลียงเดือดดาลเป็นอย่างมากแต่คิดไม่ถึงเลยว่า จู่ ๆ เพื่อนบ้านจะย้ายออกไปเวินเหลียงกระทั่งเดินเท้ายังเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายขึ้นมา พลางฮัมเพลงไปด้วยเพื่อนบ้านย้ายลังกระดาษหนักอึ้ง เหนื่อยจนเหงื่อออกเต็มศีรษะเมื่อเห็นท่าทางครึ้มอกครึ้มใจของเวินเหลีย
นัยน์ตาเวินเหลียงประกายความสงสัย ทว่าพลันสลัดความคิดนี้ทิ้งไปทันที และมุ่งหน้าไปยังสำนักพิมพ์นิตยสารในหน้านิตยสารไม่ได้มีเพียงแค่ภาพของนักแสดงเท่านั้น ยังมีบทสัมภาษณ์และการอธิบายอีกด้วยแทรกภาพใช้ให้เข้ากับบทสัมภาษณ์ ต้องมีพลังในการแสดงออกทว่าทีมนักแสดงเองก็มีสไตล์ที่ตัวเองต้องการเช่นกัน จึงพาช่างแต่งหน้ามาเองเมื่อเห็นว่าเวินเหลียงเป็นผู้หญิงที่อายุยังน้อยมาก ๆ แถมยังเป็นคนต่างชาติอีก ผู้จัดการของนักแสดงก็เห็นความกังวลลึก ๆเขากลัวว่าหากเวินเหลียงถ่ายออกมาไม่ดี ถ่ายออกมาพัง จึงถามหัวหน้ากองบรรณาธิการว่ายังมีช่างภาพคนอื่นอีกไหมหัวหน้ากองบรรณาธิการปลอบผู้จัดการ เอ่ยขึ้นว่า “เพื่อนเก่า นายอย่าเพิ่งร้อนใจไปเลยนะ เฟย์เองก็เป็นช่างภาพสาวที่ฝีมือดีคนหนึ่ง นายให้เธอลองก่อนนะ รับรองว่านายต้องพอใจแน่นอน”อันที่จริงในใจของหัวหน้ากองบรรณาธิการเองก็ไม่มั่นใจเช่นกัน ก่อนหน้านี้เฟย์ถ่ายรูปส่วนบุคคลมา ทว่าเงื่อนไขของมือสมัครเล่นกับดาราไม่เหมือนกัน การนำเสนอภาพก็แตกต่างกันออกไปเช่นกันทว่าเรียกเธอมาแล้ว จะให้เธอกลับไปอีกก็ไม่ได้ผู้จัดการรู้ว่าหัวหน้ากองบรรณาธิการไม่ใช่คนที่ชอบพูดอะไรมั่วซ
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง