“ที่คุณบอกว่ามันสายไปแล้วเมื่อกี้หมายความว่ายังไง?” เวินเหลียงเอ่ยถามขึ้น “พวกเขาเริ่มหาเรื่องคุณแล้วเหรอ?”“ครั้งนี้ฉันเดินทางไปเมืองจิง ตั้งใจไปที่บ้านตระกูลฮั่วโดยเฉพาะ ประธานใหญ่ฮั่วรับปากแล้วว่าจะไม่ตอแยเธอกับถังซือซืออีก”เวินเหลียงกระตุกรอยยิ้มมุมปาก การกระทำของฟู่เจิงรวดเร็วมากจริง ๆ “เพราะงั้น...”“เพราะงั้นหลินเจียหมิ่นก็ได้ข่าวจากประธานใหญ่ฮั่วแล้ว แต่ยังตัดสินใจด้วยตัวเอง ถ้าเธอตอบตกลง ความพยายามของฉันก็เสียเปล่าสิ”ฟู่เจิงชำเลืองมองเธอทีหนึ่งเวินเหลียงเบือนสายตาอย่างลุกลี้ลุกลน ยังคงพูดออกมาอย่างมีเหตุผล “ทำไมคุณไม่รีบบอกฉันให้มันเร็ว ๆ ล่ะ ถ้าคุณบอกฉัน ฉันก็คงจะไม่...”“ถ้าฉันบอกกับเธอเร็ว ๆ แล้วเธอจะรับความช่วยเหลือของฉันเหรอ?”เวินเหลียง: “...”เธอถอนหายใจเฮือกหนึ่งอาจเป็นไปได้ จริง ๆ ไม่จำเป็นต้องขีดเส้นกับฟู่เจิงให้ชัดเจนขนาดนั้นก็ได้เพราะว่าสิ่งที่เธอติดค้างเขา ยากจะคืนให้ทั้งหมด ขืนติดค้างไปมากกว่านี้ก็ไม่รู้จะคืนยังไงแล้วก็เหมือนกับบางคน ตอนที่ติดเงินหลายพันบาท ก็พยายามคิดหาวิธีคืนเงิน จนกระทั่งติดไปหลายหมื่นหลายแสน กระทั่งนอนราบเฉย ๆ ไปเลย อยากจะทำย
ลมหายใจของเวินเหลียงหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ เธอไม่มีกะจิตกะใจจะไปคิดแล้วว่าทำไมตัวเธอถึงเป็นแบบนี้ ขณะสวมกอดผู้ชายที่หุ่นราวกับนายแบบแถวหน้าตรงหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะลูบคลำลมหายใจของฟู่เจิงติดขัด เขาโอบกอดร่างบิดไปบิดมาของเวินเหลียงไว้แน่นเมื่อรถยนต์แล่นเข้าไปในลานจอดรถชั้นใต้ดิน เขาก็รีบอุ้มเวินเหลียงลงมาจากรถและเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างอดรนทนไม่ไหวฟู่เจิงอุ้มเวินเหลียงไปยังชั้นสิบเก้าบ้านของตนเลยในขณะนั้นป้าหวังกำลังทำความสะอาดอยู่ในห้องรับแขก ส่วนฟู่ซือฝานกำลังเข้าห้องน้ำอยู่ในห้องน้ำเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ป้าหวังก็เงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นเพียงฟู่เจิงเดินเข้ามาพร้อมอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในอ้อมอก เขามุ่งตรงไปที่ห้องนอนเลยป้าหวังเพียงชำเลืองมองทีหนึ่ง ก็จำได้ในทันทีว่านั่นคือเวินเหลียง เธอเหงื่อออกเต็มศีรษะ หน้าแดงก่ำไปหมด ราวกับเป็นไข้กึ่งหนึ่ง ป้าหวังรีบวางไม้กวาดแล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณผู้ชาย นี่คุณผู้หญิงเป็นไข้เหรอคะ? ฉันจะไปเอายาลดไข้มานะคะ”ทีแรกฟู่เจิงคิดจะเอ่ยปากห้าม ทว่าเมื่อคำพูดมาอยู่ข้างปากแล้วเขากลับเปลี่ยนคำพูดเสียอย่างนั้น “เอาไปให้ที่ห้องนอนนะครับ แล้วก็เอากาน้ำอุ่นเข
เช้าตรู่ ขณะฟู่เจิงตื่นนอน เวินเหลียงยังคงหลับสนิทป้าหวังกำลังเก็บของเล่นของฟู่ซือฝานอยู่ เมื่อเห็นฟู่เจิงออกมาจากห้องรับแขก ก็ยังคิดว่าเขาดูแลเวินเหลียงจนดึกดื่น พอเวินเหลียงไข้ลดแล้วก็ไปนอนที่ห้องรับแขกครู่หนึ่งฟู่เจิงพูดกำชับกับป้าหวังว่า “วันนี้ให้คนมาจัดการเอาผ้าปูที่นอน ผ้าห่มแล้วก็ฟูกที่นอนไปทิ้งหน่อยนะครับ”ป้าหวังเผยสีหน้าสงสัยออกมา ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร ฟู่เจิงอธิบายอย่างคิดจะปิดบังทว่ามันกลับยิ่งเด่นชัดออกมาว่า “เครื่องดื่มหกเลอะข้างบนเปียกไปหมดเลยน่ะครับ”“ได้ค่ะ คุณผู้ชาย” ป้าหวังขานรับ หมายมั่นปั้นมือว่าหลังจากให้คนเอาผ้าปูที่นอน ผ้าห่มและฟูกที่นอนไปทำความสะอาดแล้ว ตนจะเอากลับไปใช้ที่บ้านของเหล่านั้นทำมาจากวัสดุดี ๆ ทั้งสิ้น แพงมากทีเดียว ขืนทิ้งไปเสียดายของขนาดไหนฟู่เจิงมีเงินเยอะใช้สุรุ่ยสุร่าย ของบางอย่างยังดี ๆ อยู่แท้ ๆ แต่เอาไปโยนทิ้งเสียอย่างนั้น ป้าหวังจึงเก็บของเหล่านั้นกลับไปใช้ที่บ้านราวกับเก็บขยะ“แล้วก็ มื้อเช้าไม่ต้องเรียกเธอนะครับ ให้เธอนอนต่อไปอีกหน่อย”“ได้ค่ะ” ป้าหวังพยักหน้า เป็นหวัดเป็นไข้ต้องนอนพักผ่อนเยอะ ๆ ถึงจะดีขึ้น ต่อให้คุณผู้ชายไม่กำช
ฟู่ซือฝานอึ้งทึ่งไปเลยทำไมถึงมีผู้หญิงอยู่ในห้องรับแขกได้นะ?ในวินาทีนั้น สมองน้อย ๆ ของฟู่ซือฝานครุ่นคิดไปเยอะแยะมากมาย เยอะจนสมองใกล้จะระเบิดแล้วเธอนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อคืนตอนที่เธอจะเข้าไปในห้องนอนหลัก คุณลุงขวางเธอเอาไว้แต่ก็เหมือนไม่ได้ขวาง แถมยังบอกว่าเขาเหนื่อยแล้ว ไม่อยากเล่นเป็นเพื่อนเธอ...ดูท่าคงเพราะไม่อยากให้เธอรู้ว่ามีผู้หญิงอยู่ข้างในผู้หญิงคนนั้นต้องไม่ใช่ป้าสะใภ้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นคุณลุงคงไม่มีปฏิกิริยาแบบนั้น และป้าสะใภ้จะเป็นฝ่ายออกมาเล่นเป็นเพื่อนเธอก่อนคุณย่าหวังบอกว่า เมื่อคืนคุณลุงนอนในห้องรับแขก แต่ผู้หญิงคนนั้นก็อยู่ในห้องรับแขกเหมือนกันพวกเขานอนด้วยกันเหรอ?แม้ฟู่ซือฝานจะยังเด็ก แต่ก็รู้ว่าผู้ชายผู้หญิงจะนอนด้วยกันได้มีแต่ต้องเป็นสามีภรรยากันเท่านั้นฉะนั้นคุณลุงเปลี่ยนใจแล้วเหรอ?ฟู่ซือฝานไม่กล้าเชื่อ เธอปิดประตูแล้วหมุนตัวไปดูที่ห้องนอนหลัก ไม่แน่ว่าคุณย่าหวังอาจเข้าใจผิด เมื่อคืนคุณลุงอาจจะนอนที่ห้องนอนหลักก็ได้เมื่อประตูห้องนอนหลักถูกเปิดออก ข้างในข้าวของระเกะระกะไปหมด เสื้อผ้าผู้ชายและเสื้อผ้าผู้หญิงกองอยู่เต็มพื้นฟู่ซือฝานสิ้นหวัง
ดวงตากลมโตของฟู่ซือฝานเบิกโพลง ปากเล็ก ๆ เผยอเล็กน้อยทำไม...ทำไมถึงเป็นคุณป้าสะใภ้ไปได้?เวินเหลียงพลิกตัวพลางขมวดคิ้วมุ่น ผ้าห่มหล่นลงมา บนซอกคอเรียวยาวขาวผ่องเต็มไปด้วยรอยประทับสตรอว์เบอร์รีในวินาทีนั้นฟู่เจิงพลันกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที กลัวจะทำเด็กเสียคน จึงรีบอุ้มฟู่ซือฝานออกไป แล้วปิดประตูอย่างเบามือ “เห็นคุณป้าของเธอแล้วใช่ไหม?”“...อืม” ฟู่ซือฝานก้มหน้า นิ้วชี้ทั้งสองจิ้มกัน“งั้นไหนตอนนี้พูดมาซิ เมื่อกี้มันอะไรกัน?”“อือ...คุณลุงคะ คุณลุงซื้อของฝากมาให้หนูไม่ใช่เหรอคะ? คืออะไรเหรอคะ?” ฟู่ซือฝานเปลี่ยนเรื่องทันที“ฟู่ซือฝาน” ฟู่เจิงตะคอกด้วยน้ำเสียงขึงขัง“หา? คุณลุง? คุณลุงเรียกหนู?” เจ้าตัวน้อยเบิกตาโพลงมองเขาอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่เมื่อฟู่เจิงเห็นเธอแกล้งโง่ ก็เดือดดาลจนหัวเราะออกมา “ไม่ต้องเอาแล้วของฝากน่ะ”“อ๊า คุณลุงไม่นะ!” ใบหน้าน้อย ๆ ของฟู่ซือฝานยู่เข้าด้วยกัน เธอรีบโอบคอของฟู่เจิงเอาไว้ แล้วจูบลงบนหน้าเขาสองสามที “คุณลุง คุณลุงดีที่สุดแล้ว”“ลุงไม่ดีเลยสักนิด เมื่อกี้เธอยังไม่ยอมให้ลุงกอดอยู่เลย บอกจะเอาแต่คุณป้า”ฟู่ซือฝานฉีกยิ้มอย่างเป็นกังวลออกมาใน
ฟู่เจิงคิดว่าหลินเจียหมิ่นเป็นคนวางยาเธอเวินเหลียงพิมพ์ใส่ในโทรศัพท์ให้ฟู่เจิงอ่าน: “ฉันไม่ได้กินน้ำกับอาหารที่ร้านอาหารเลย”เธอดื่มน้ำที่กองถ่ายไปเยอะมาก ทว่าในกองถ่ายใครจะทำร้ายเธอล่ะ?แถมเธอก็ไม่ได้แข่งขันกับนักแสดงเหล่านั้นเลย ในสายตาของคนนอกก็มีตระกูลฟู่เป็นที่พึ่งอยู่ คงไม่มีใครคิดไม่ตกมาจัดการเธอหรอกฟู่เจิงเอ่ย “ยาประเภทนั้น ไม่แน่ว่าจะต้องกินเข้าไปทางปากอย่างเดียว เป็นไปได้ว่าอาจจะเข้าไปในร่างกายผ่านวิธีกลิ่นหอมละเหย”ในใจของเวินเหลียงเต้นตึกตัก ๆ ตอนที่เธอเข้าไปในห้องรับรองห้องนั้น เธอได้กลิ่นหอมโชยมาจริง ๆแต่เธอก็ยังไม่เชื่ออยู่เล็กน้อยเธอเป็นลูกสาวที่หลินเจียหมิ่นตั้งท้องและคลอดมาสิบเดือนเลยนะ!ต่อให้หลินเจียหมิ่นไม่ชอบเธอ แต่เธอมีความจำเป็นต้องทำร้ายเธอเพื่อช่วยหลินอี้หน่วนเลยเหรอ?“ฉันจะไปดูที่ร้านอาหารอีกที”ฟู่เจิงอ่านตัวอักษรที่เวินเหลียงพิมพ์ออกมาแล้วก็ลุกขึ้นไปหยิบกุญแจรถ “ไป ฉันจะพาเธอไปเอง”ทั้งสองคนมาถึงยังร้านอาหารเมื่อคืนแห่งนั้น เวินเหลียงเดินเข้าไปยังห้องรับรองห้องเดียวกับเมื่อคืน กลิ่นหอมไม่เหมือนกับของเมื่อคืนเลยสักนิดของตอนนี้ต่างหากถึงเป็นก
แผนการล้มเหลว เดิมทีหลินเจียหมิ่นคิดจะกลับเมืองจิงเลย ทว่าถูกฮั่วจวินซานขวางเอาไว้ฮั่วจวินซานบอกว่า “พรุ่งนี้ฉันจะไปเจียงเฉิงพอดี ถึงเวลานั้นเราค่อยกลับมาพร้อมกัน”หลินเจียหมิ่นกำลังจะตอบตกลง ทว่าได้ยินฮั่วจวินซานพูดขึ้นอีกว่า “จริงสิ ฉันจะพาอี้หน่วนไปด้วย หาเวลาไปขอโทษขอโพยเวินเหลียงซะ ถึงยังไงเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของอี้หน่วน ถึงเวลานั้นเธอก็ไปเป็นเพื่อนอี้หน่วน แล้วก็กระชับความสัมพันธ์ของเธอแม่ลูกซะ”หลินเจียหมิ่นเบิกตาโพลงอย่างเหลือเชื่อ เธอเผยอปากเล็กน้อย พยายามรักษาความนิ่งเอาไว้ “จวินซาน คุณเองก็รู้นิสัยขี้โมโหของอี้หน่วน...”อีกอย่างคือ เพราะเรื่องเมื่อคืน เกรงว่าเวินเหลียงคงจะมองเธอออกจนทะลุปรุโปร่งแล้ว จะมาผูกความสัมพันธ์แม่ลูกลึกซึ้งกับเธอได้ยังไงกัน?ฮั่วจวินซานตัดบทคำพูดของเธอ “ก็ไอ้เพราะนิสัยขี้โมโหของเขานี่แหละ เพราะงั้นถึงต้องอบรบสั่งสอนให้ดี ๆ ให้เธอรู้จักว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ เธอทำแบบนี้มีแต่ทำให้เขาเสียนิสัย”“...ค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ แต่ว่าทางเวินเหลียง เธอเข้าใจฉันผิดไปเยอะมาก ฉันคิดว่าคงจะไม่ยอมผ่อนปรนง่าย ๆ แน่”“นี่ ขอแค่เธอปฏิบัติกับเขาดี ๆ นาน ๆ ไป
เมื่อนึกถึงเงาร่างสูงตระหง่านดั่งต้นสน คนที่มีอนาคตสดใสคนนั้น รู้จักแบกรับหน้าที่มีความรับผิดชอบ หลินอี้หน่วนยิ่งชอบเขามากขึ้นเรื่อย ๆทว่าเมื่อนึกถึงว่าการแบกรับของฟู่เจิงก็เพื่อเวินเหลียงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาของหลินอี้หน่วนพลันดูดุร้ายขึ้นในทันใดทำไมกัน?ทำไมเวินเหลียงถึงได้รับความชอบจากฟู่เจิงและพี่ตงเฉิงในเวลาเดียวกัน?ทำไมหลังหย่ากันไปแล้วฟู่เจิงถึงยังรักเวินเหลียงสุดจิตสุดใจขนาดนั้น?ถ้าฟู่เจิงไปทวงคืนความยุติธรรมถึงที่หลังจากที่เธอได้รับความยากลำบากแบบนี้ได้บ้าง เธอคงรู้สึกมีความสุขมากแน่ ๆ “งั้นคุณอาคะ คุณอาจะกระชับความสัมพันธ์แม่ลูกกับเวินเหลียง แล้วรับเธอกลับมาบ้านตระกูลฮั่วจริง ๆ เหรอคะ?” หลินอี้หน่วนเขย่าแขนของหลินเจียหมิ่น พร้อมเอ่ยถามขึ้นทั้งเบะปาก“แน่นอนว่าไม่อยู่แล้ว ต่อให้ฉันจะอยาก แต่เวินเหลียงคงไม่ตกลงแน่นอน เขาไม่ใช่คนโง่สักหน่อย เธอวางใจได้เลย จะไม่มีใครมาแย่งของของเธอไปแน่นอน”หลินอี้หน่วนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “คุณอา คุณอาดีกับหนูจริง ๆ”หลินเจียหมิ่นยิ้มแย้ม จากนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ รอยยิ้มบนหน้าพลันแข็งทื่อไป เธอตบหลังมือของหลินอี้ห
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง