“คุณเป็นหมาพันธุ์เทดดีกลับชาติมาเกิดเหรอ?!!”เวินเหลียงขยับปลายเท้าไปด้านหน้าอีกหน่อย แล้วโยกย้ายส่วนก้นออกมาจากตัวเขาอย่างยากลำบากทว่าฟู่เจิงรีบแนบตัวเข้ามา ก่อนจะแนบเข้าไปข้างหูเธอแล้วเป่าลมเบา ๆ “คุณก็มีอารมณ์ไม่ใช่เหรอ?!”“ไม่!” นัยน์ตาเวินเหลียงเปล่งประกาย รีบปฏิเสธทันควัน “คุณรีบปล่อยฉันเลยนะ”“ไม่งั้นเหรอ?” ฟู่เจิงถามกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงน่าดึงดูดกระแทกอยู่ตรงแก้วหูของเวินเหลียง เกือบทำเธอหลงเสน่ห์ไปแล้วเชียวเวินเหลียงปกป้องที่นาผืนน้อยไว้อย่างแน่นหนา พลางเกร็งคอส่ายหน้า “ไม่”ฟู่เจิงที่อยู่เบื้องหลังเงียบไปเขาไม่ปริปากเอ่ยออกมาแม้แต่คำเดียว เวินเหลียงกลับยิ่งเป็นกังวลไปทั้งเนื้อทั้งตัว เธอจึงทำเป็นดิ้นลองเชิงจู่ ๆ ฟู่เจิงเอ่ยขึ้นมาว่า “งั้นให้ฉันตรวจสอบดูก่อน”เวินเหลียงเบิกตาโพลง เดือดพล่านจนกระทืบเท้า “นี่จะตรวจสอบยังไงล่ะ?!!”“เรามาพนันกันว่าเธอมีอารมณ์หรือเปล่า ถ้าฉันแพ้ หลังจากนี้ฉันจะไม่มาตามตอแยเธออีกเด็ดขาด”ฟู่เจิงพูดต่อว่า “แน่นอนว่า ถ้าฉันชนะ คืนนี้จะต้องตามใจฉันทั้งคืน เธอคิดว่ายังไง?”“ไม่ยังไงทั้งนั้น! ทำไมฉันต้องพนันกับคุณด้วย?”“เธอไม
เวินเหลียงหยุดฝีเท้า “...”เยี่ยมไปเลย“ตามฉันมาสิ”หลังฟู่เจิงพูดประโยคนี้จบ เขาก็เดินเลยเวินเหลียงไปเดินนำหน้าเวินเหลียงแอบกลอกตาขาวเงียบ ๆ แล้วเดินตามไปมาถึงยังหน้าประตูห้อง เมื่อฟู่เจิงเปิดประตูออก ก็ได้ยินเสียงของฟู่ซือฝานแว่วดังมาจากในห้อง และตามมาด้วยเสียงของการ์ตูน “คุณลุง คุณลุงกลับมาแล้วเหรอคะ! คุณป้าล่ะ?”“คุณป้าอยู่ข้างหลังน่ะ”ฟู่เจิงยืนอยู่ตรงประตู พลางหันหน้าไปมองเวินเหลียงอย่างสมใจเวินเหลียงจ้องเขาทีหนึ่ง ถึงเดินไปข้างหน้า พลันแฝงรอยยิ้มไว้บนหน้าในทันที “ฝานฝาน อามาแล้ว!”“คุณป้า! หนูอยากแช่ออนเซ็นกับคุณป้า!”ฟู่ซือฝานฉีกยิ้มจนคิ้วโค้งลงมา วิ่งมาตรงหน้าเวินเหลียงทั้งสวมถุงเท้าอยู่“โอเค ป้าจะไปแช่ออนเซ็นกับเธอนะ” เวินเหลียงยิ้มพร้อมตอบรับ ก่อนจะถอดเสื้อโค้ตออกไปแขวนบนราวแขวนเสื้อ พลางมองฟู่เจิงอย่างเย็นชา “เสื้อผ้าฉันล่ะ?”มีฟู่ซือฝานอยู่ด้วย คิดว่าฟู่เจิงคงไม่กล้าทำอะไรเธอหรอกฟู่เจิงยิ้มถุงกระดาษที่อยู่บนโซฟาขึ้นมา แล้วยัดใส่เข้าไปในอ้อมอกของเวินเหลียง พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างหน้าตาเฉยว่า “เวินเหลียง ฉันเพิ่งจะค้นพบ เธอไปเรียนทักษะเปลี่ยนหน้ามาจากไหน? ฉันว่า
เวินเหลียงมองฟู่ซือฝานที่อยู่ข้าง ๆ พลางเงียบไปสองสามวินาที “ไม่กินได้ไหม?”ฟู่ซือฝานส่ายศีรษะน้อย ๆ พลางกะพริบตา “ฝานฝานหิวแล้ว”เวินเหลียงทำได้เพียงบีบพุงน้อย ๆ แสนเจ้าเนื้อของเธอ แล้วลุกขึ้นออกไปจากสระออนเซ็นเธอใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดน้ำที่ตัวคร่าว ๆ ก่อน จากนั้นก็สวมชุดคลุมอาบน้ำทับและผูกเชือกจนแน่น เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูออกไปฟู่เจิงนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก กำลังมองโน้ตบุ๊กตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ราวกับกำลังทำงานอยู่เวินเหลียงเห็นขนมว่างอยู่บนโซฟา จึงเดินมาหยิบพร้อมลวดถามไปว่า “ไอแพดอยู่ไหน?”ฟู่เจิงยังคงมองหน้าจอ ไม่สนใจเธอเวินเหลียงขมวดคิ้ว พลางเดินหน้าไปยื่นมือปัด ๆ ตรงหน้าฟู่เจิง “สนใจหน่อย ฟู่เจิง ไอแพดล่ะ? ฝานฝานอยากเล่น”ฟู่เจิงเงยหน้าขึ้นมา “ไอแพดอยู่ในกระเป๋าเอกสารบนราวแขวนเสื้อฉัน”เมื่อเวินเหลียงเดินไปล้วงไอแพดออกมาจากกระเป๋าเอกสาร เธอก็ได้ยินเสียงของฟู่เจิงแว่วดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง “ขอโทษนะครับ หลานสาวผมซนนิดหน่อย...”เธอเลิกคิ้วขึ้น พร้อมถือไอแพดเดินกลับไป แล้วเปรยถามขึ้นว่า “ฟู่เจิง คุณรู้จักพูดขอโทษฉันด้วยเหรอ นี่ไม่เ
ฟู่ซือฝานนั่งลงข้างสระ เท้าน้อย ๆ แช่อยู่ในสระ พลางกอดไอแพดดูการ์ตูน พร้อมกับกินของว่างที่วางอยู่ข้างมือไปด้วย ครึ้มอกครึ้มใจสุด ๆทั้งสองคนแช่ออนเซ็นมาครึ่งบ่าย ฟู่ซือฝานไม่อยากแช่ต่อแล้ว จึงเอาผ้าขนหนูมาห่อตัวแล้วเดินกอดไอแพดออกไปเลยเวินเหลียงยืนสองจิตสองใจอยู่ข้างสระเพิ่งแช่ออนเซ็นเสร็จ สบายไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว แต่เธอยังไม่อยากใส่เสื้อผ้าทว่าขืนเธอสวมชุดคลุมอาบน้ำออกไป ไม่แน่ว่าฟู่เจิงไอ้โรคจิตนั่นจะคิดหาวิธีมารวบรัดเธออีกท้ายที่สุดเวินเหลียงก็ยังตัดสินใจสวมใส่เสื้อผ้า ผลลัพธ์คือหลังออกไปถึงพบว่าฟู่เจิงไม่ได้อยู่ในห้องรับแขก ราวกับจะออกจากห้องไปแล้วเยี่ยมเลยเวินเหลียงโยนชุดคลุมอาบน้ำลงไปในตะกร้าผ้าสกปรก แม่บ้านของที่นี่จะเก็บไปซักและฆ่าเชื้อเองส่วนชุดว่ายน้ำ เวินเหลียงมองอย่างรังเกียจทีหนึ่ง ก่อนจะโยนลงถังขยะไปเลยเมื่อถึงเวลากินข้าว ฟู่เจิงกลับมาจากข้างนอก พร้อมถืออาหารค่ำสำหรับสามคนกลับมาด้วยเขาเห็นเวินเหลียงเปลี่ยนกลับไปใส่เสื้อผ้าของตัวเองแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งสามคนก็นับว่ายังกินมื้อค่ำอย่างสนิทสนมกลมเกลียวกันฟู่ซือฝานเริ่มมีอาการง่วงนอนแล้วนิดหน่อย ห
เสียง ‘ตุ้บ’ ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ราวกับโทรศัพท์ร่วงหล่นลงบนพื้น เสียงคนจากปลายสายเลือนรางฟังไม่ชัด อยู่ไกลจากโทรศัพท์มาก ๆเวินเหลียงขมวดคิ้วพลางเอ่ย “เมิ่งเซ่อ นายอยู่ไหน?”เสียงกึกกักแว่วดังขึ้นมา ผ่านไปนานสองนานแล้วก็ไม่มีคนตอบกลับ“เมิ่งเซ่อ?”น้ำเสียงของเมิ่งเซ่อฟังดูเหมือนอกจะแตกให้ได้แล้ว ลุกลี้ลุกลนประหม่าเป็นอย่างมาก พูดจาสะเปะสะปะ “...พี่ครับ...พี่ครับ...ผม...ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ผม...”น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาราวกับไร้เรี่ยวแรง กระทั่งสั่นเครืออยู่หน่อย ๆ พร้อมสะอึกสะอื้นในเงาเบื้องหลังยังแฝงมาด้วยเสียงร้องไห้ของหญิงสาวอยู่เลือนรางในใจของเวินเหลียงรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมิ่งเซ่อเธอเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็นว่า “เมิ่งเซ่อ นายเป็นลูกผู้ชายอกสามศอก เวลาเจอเรื่องอะไรเข้าอย่าเพิ่งลุกลี้ลุกลน ใจเย็น ๆ ก่อนนะ”“ตอนนี้นายใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ดูเครื่องหมายข้าง ๆ โทรศัพท์ภายในที่อยู่หัวเตียง ข้างบนมีเลขห้องอยู่ แล้วบอกฉันมา”ผ่านไปสองสามวินาที เมิ่งเซ่อก็ตอบมาว่า “0305”“โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ นายใจเย็น ๆ ก่อนนะ คิดดี ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”ห้องของพนักงานบริษัทที่มา
ฉะนั้นจึงไม่มีใครรู้เรื่องที่เมิ่งเซ่อไม่ได้กลับมาทั้งคืน?เวินเหลียงนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะเงยหน้ามองเมิ่งเซ่อสีหน้าเขาเต็มไปด้วยความกังวล มือทั้งสองกำชายเสื้อไว้แน่น กระสับกระส่าย “พี่ครับ พี่จะเชื่อผมจริง ๆ ใช่ไหม...”“ไม่ต้องร้อนใจไป นายนั่งลงก่อน แล้วนึกย้อนให้ดีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง” เวินเหลียงเอ่ยเมิ่งเซ่อนั่งลงตรงหน้าเวินเหลียง พลางขมวดคิ้ว พยายามหวนนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนสุดกำลัง “เมื่อคืนผมดื่มไปเยอะ กลับมาได้ยังไงผมยังไม่รู้เลย...ทุกคนต่างกำลังดื่มเหล้าคารวะกัน ผมเองก็ดื่มไปสองสามแก้ว ไม่คิดว่าจะเมาขนาดนั้น...”“ความทรงจำสุดท้ายของนายหยุดอยู่ตอนไหน?”เมิ่งเซ่อหลับตาลง ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว “ผมเองก็จำไม่ค่อยได้ เหมือนว่าเพื่อร่วมงานจะดื่มเหล้าคารวะให้ผม...”เวินเหลียงเอ่ยถามขึ้น “นายรู้ตั้งแต่ก่อนเกิดเรื่องแล้วหรือว่าเปล่าว่าเซี่ยมู่อยู่ห้อง 0305?”เมิ่งเซ่อรีบส่ายหน้าราวกับสั่นป๋องแป๋ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจว่า “ไม่รู้ครับ! พี่ครับ ผมไม่รู้เรื่องจริง ๆ นะครับ พี่ต้องเชื่อผมนะครับ วันนั้นเธอไปเจอนักเลงสองสามคนเข้า ผมเข้าไปช่วยเธอเอาไว้ เธอเป็นลมไป ผมเลยพาเธอไปส่งท
เวินเหลียงชะงักไปครู่หนึ่ง “จริงเหรอ?”เมิ่งเซ่อไม่ได้ดื่มไปเท่าไร แล้วจะเดินเข้าไปผิดห้องได้ยังไง?“อืม ถ้าเธอไม่เชื่อก็ลองถามคนอื่นดูสิ”“งั้นพวกพี่เลิกดื่มกันแล้วกลับกี่โมง?”“เอ่อ...ฉันเองก็จำไม่ค่อยได้แล้ว ดื่มเยอะเกินไป กลับมาได้ยังไงยังไม่แน่ใจเลย”“โอเค ต่อไปก็ดื่มให้มันน้อย ๆ หน่อย มันไม่ดีต่อสุขภาพ”“นี่มันไม่มีทางเลือกนี่? อันที่จริง ผู้ชายดื่มในงานเลี้ยงก็เป็นเรื่องปกติ มนุษยสัมพันธ์นี่นา เธอไม่จำเป็นต้องไปคิดเล็กคิดน้อยกับเขาเพราะเรื่องนี้หรอก” ฟู่เซิงเอ่ย“โอเค ฉันรู้แล้ว ขอบคุณพี่สามด้วยที่พี่คอยดูแลเขา พี่พูดมาขนาดนี้แล้ว ฉันจะยังไปคิดเล็กคิดน้อยกับเขาได้ยังไง? เอาละ ฉันไม่รบกวนพี่แล้ว บ๊ายบาย”“บาย”หลังวางสาย เวินเหลียงก็มองหน้าจอโทรศัพท์พลางคิดไปเรื่อยเปื่อยเมิ่งเซ่อบอกว่าเขาดื่มจนเมา ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นฟู่เซิงบอกว่าเมิ่งเซ่อดื่มไปไม่เยอะแถมกล้องวงจรปิดก็ดันมาขัดข้องอีกนี่มันจะว่าบังเอิญก็บังเอิญไม่บังเอิญก็ไม่บังเอิญไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง เธอก็จะเชื่อเพียงเมิ่งเซ่อ เพราะเธอยังต้องการเขาทว่าเดินตามรอยความผิดฟู่เจิงอีกแล้ว เธอต้องทำเป็นเมิ
...เวินเหลียงไปซื้ออาหารเช้าสองชุดที่ร้านอาหาร จากนั้นก็มาเคาะประตูห้องเมิ่งเซ่อเมิ่งเซ่อเปิดประตูออกอย่างอดรนทนไม่ไหว ทั้งดีใจและทั้งกลัว “พี่ ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว”เวินเหลียงเดินเข้าไป “ฉันเดาว่าตอนนี้นายคงไม่มีกะจิตกะใจจะไปร้านอาหาร เลยช่วยซื้ออาหารเช้ามาให้นายชุดหนึ่ง”เธอวางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะ “ฉันไปห้องควบคุมกล้องวงจรปิดมาแล้ว เรื่องที่มันบังเอิญก็คือ เมื่อคืนกล้องวงจรปิดของตึกหลักดันขัดข้องพอดี”เมิ่งเซ่ออธิบายอย่างลุกลี้ลุกลน “พี่ครับ ผมไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ ผมมีความสามารถจะไปพังกล้องวงจรปิดเสียที่ไหน...”“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนี้ นายอย่าคิดมากไป ฉันถามฟู่เซิงมาแล้ว เขาบอกว่านายดื่มจนเมาจริง ๆ...ช่างเถอะ นายกินข้าวก่อน กินข้าวเสร็จก็สงบสติอารมณ์ให้ดี ฉันเองก็จะพิจารณาให้ละเอียด”พิจารณาอะไรให้ละเอียด?ต้องพิจารณาให้ละเอียดว่าจะคบกับเขาต่อไปไหมแน่ ๆเมิ่งเซ่อเป็นกังวลขึ้นมา “พี่ครับ ขอโทษนะครับ ๆ พี่อย่าเลิกกับผมเลยนะโอเคไหม ผมไม่อยากเลิกกับพี่จริง ๆ!”เขาสะบัดฝ่ามือลงบนหน้าของตัวเองอย่างแรงสองที “เป็นความผิดผมเอง ต้องโทษผม! ทำไมผมต้องดื่มมากขนาดนั้นด้วย! ผมสมควร