เวินเหลียงเงยหน้าขึ้น เห็นเพียงเมิ่งเซ่อสาวเท้าก้าวเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมถือแก้วไวน์ในมือ “พี่ เป็นพี่จริง ๆ ด้วย ผมยังคิดว่าตัวเองมองผิดไปแล้วซะอีก!”เวินเหลียงยิ้มให้เขา นัยน์ตาดอกท้อยิ้มจนโค้งขึ้น นัยน์ตาเปล่งประกายไปด้วยแสงวิบวับ “ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่เหมือนกันล่ะ?”ถ้าเมิ่งเซ่อรู้ว่าวันนี้เธอมากับฟู่เจิง เขาจะ...นัยน์ตาของเมิ่งเซ่อเหม่อลอย“เมิ่งเซ่อ?”“อ๋อ...เพื่อนสมัยเรียนผมเชิญผมมาน่ะ” เมิ่งเซ่อได้สติกลับมา หน้าแดงก่ำเล็กน้อย ขนตางอนยาวกระพือ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “พี่ แล้วพี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”เวินเหลียงเอ่ยขึ้นทั้งสีหน้าคงเดิม “ได้รับการ์ดเชิญ ว่างไม่ได้ติดธุระอะไรก็เลยมาน่ะ”พูดจบเธอก็กวาดสายตามองไปในโถงอย่างแยบยลเงาคนในโถงมากมาย คนกระจายเป็นกระจุก บดบังสายตาของเวินเหลียงมิดคงเป็นเพราะเมิ่งเซ่อไม่เห็นว่าฟู่เจิงก็อยู่ในงานด้วย จึงไม่ได้มีความคิดสงสัยอะไร “ผมเองก็เหมือนกัน พี่ครับ พี่อยากกินอะไรไหม? เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้”“ฉันไปกับนายก็แล้วกัน” เวินเหลียงลุกขึ้น พร้อมเดินไปโซนอาหารกับเมิ่งเซ่อเธอกลัวว่าตอนเมิ่งเซ่อไปหยิบอาหารไม่ทันระวังไปเห็นฟู่เจิงเข้า เลยท
เงาร่างสูงใหญ่กำลังครอบคลุมเธอ ความรู้สึกกดดันพุ่งขึ้นสุดปรอทกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งคละคลุ้งออกมาจากตัวของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า เวินเหลียงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย พลางกลั้นลมหายใจเอาไว้เมื่อได้ยินเสียงล็อกประตู เธอก็เสียวสันหลังวาบ พยายามควบคุมสติเอาไว้ แล้วชิงลงมือก่อน เธอเอ่ยออกมาด้วยเหตุผลเต็มประดาอย่างเต็มปากเต็มคำ “คุณบ้าไปแล้วเหรอ? คุณลากฉันมาทำอะไรในนี้เนี่ย?!”ฟู่เจิงเม้มปากแน่น นัยน์ตาทั้งสองลึกอย่างกับหลุมดำ จ้องเธอตาไม่กะพริบเวินเหลียงถูกเขาจ้องจนเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในใจ เธอออกแรงผละเขา ทว่าผละยังไงเขาก็ไม่กระดุกกระดิกเลยแม้แต่น้อยริมฝีปากบางของเขากระตุกขึ้นมา เผยให้เห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยรอยยิ้มหนึ่ง “เธอไม่รู้? แล้วทำไมพอเธอเห็นฉันเธอต้องวิ่งหนีด้วย?”เวินเหลียงมองนัยน์ตาของเขา หน้าไม่แดงใจไม่เต้น “ฉันวิ่งหนีตรงไหนไม่ทราบ?”“อ๋อเหรอ? ไม่ได้วิ่งหนี?” นัยน์ตาของฟู่เจิงเต็มไปด้วยการหยอกล้อ น้ำเสียงเคร่งขรึม ลูกกระเดือกสุดเซ็กซี่ขยับขึ้นลง เวินหลียงส่ายหน้าราวกับเขย่าป๋องแป๋ง “เปล่าซะหน่อย”ฟู่เจิงหัวเราะออกมาเสียงหนึ่ง ทว่านัยน์ตากลับยิ่งหม่นหมองลงเรื่อย ๆ “ในเมื่อเ
เขารู้สึกได้ว่า มือใหญ่ ๆ ของตัวเองถูกสั่งการไม่หยุดแล้ว เขาปล่อยข้อมือของเวินเหลียงอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้เวินเหลียงยังคิดว่าเขาจะปล่อยเธอไปทว่าวินาทีต่อมา ตรงหน้าอกก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมา...เขาปลดแขนเสื้อปาดไหล่ของชุดพิธีการเธอลงมาข้างหนึ่ง มือใหญ่เริ่มทำการลูบคลึงนุ่มมากจริง ๆ“...อื้ออื่ม...”เธอเปล่งเสียงครางเบา ๆ ออกมาจากในลำคอโดยไม่ทันได้ระวังตัวเสียงหนึ่งบรรยากาศคลุมเครือเร่าร้อนทว่าทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าแว่วดังขึ้นมาจากด้านนอก ฝีเท้านั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำคนคนนั้นกดมือจับประตูลง ทว่าเปิดประตูไม่ออกชายหนุ่มด้านนอกถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “ขอถามหน่อยครับ ข้างในมีคนอยู่หรือเปล่า? รบกวนเปิดประตูหน่อยได้ไหมครับ?”มือของเวินเหลียงที่พาดอยู่บนไหล่ฟู่เจิงหยุดผละปฏิเสธ เธอไม่กล้ากระดุกกระดิกฟู่เจิงแข็งทื่อไปทั้งตัว พลันได้สติกลับมาเขาเบิกตาโพลง พลางสบตากับเวินเหลียงในระยะใกล้นัยน์ตาของเธอทั้งใสทั้งงดงาม ตาดำตาขาวแยกกันชัดเจน ราวกับอัญมณีที่จมอยู่ในน้ำกลีบปากของทั้งสองคนประกบติดกัน แลกลมหายใจซึ่งกันและกัน ไม่มีใครกระดุกกระดิกตัวเลยผ่านไปนานแล้วชายหนุ่ม
เธอแค่อยากมาจัดการเสื้อผ้าที่ห้องน้ำสักหน่อย ใครจะไปรู้ได้ว่าออกมาจะเจอฉากภาพแบบนี้เข้าโชคร้ายชะมัดในใจของเวินเหลียงหงุดหงิดถึงขั้นยากจะพรรณนาออกมา เธอรีบหมุนตัวเดินออกไปเลยเห็นเงาเบื้องหลังของเวินเหลียง ฟู่เจิงรีบตามไปทันที“ฟู่เจิง!”อู๋หลิงคว้าแขนของเขาเอาไว้ เธอยังคิดจะพูดอะไรอีก ทว่าฟู่เจิงกลับพลิกมือสลัดเธอออกไป…“พี่ พี่กลับมาแล้วเหรอ”โซนพักผ่อนภายในห้องโถง เมื่อเมิ่งเซ่อเห็นเงาร่างของเวินเหลียง บนหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมาเวินเหลียงกระตุกยิ้มมุมปาก “ขอโทษนะ ฉันมีธุระนิดหน่อย ต้องขอตัวก่อนนะ”“มีคนมารับพี่หรือเปล่า?”“ไม่มี”เมิ่งเซ่อรีบลุกขึ้น “ถ้างั้น พี่ครับ ผมไปส่งพี่ดีไหม?!”เวินเหลียงอยากจะปฏิเสธไปตามสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อคำพูดขึ้นมาอยู่ข้างปากแล้วเธอกลับเปลี่ยนคำพูดซะงั้น “โอเค”บนหน้าของเมิ่งเซ่อปกปิดความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ “เดี๋ยวผมไปแจ้งกับพนักงาน ให้พวกเขาส่งรถมาคันหนึ่งก่อนนะครับ”“อืม”เมื่อฟู่เจิงเดินเข้ามาในโถง ก็เห็นเงาร่างของเวินเหลียงและเมิ่งเซ่อเดินเคียงคู่กันออกไปเขายืนอยู่ไกล ๆ สีหน้าเย็นชา ความเย็นยะเยียบชั้นหนึ่งแผ่ปกคลุมไปทั่วร่างกายในดวงต
“ปล่อย!” เวินเหลียงพยายามแงะนิ้วของเขาออก แต่ไม่ว่าแงะยังไงก็แงะไม่ออก“อาเหลียง ฉันรักเธอ ฉันรักเธอจริง ๆ เธอไม่รู้ ตอนเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่น เธอไม่รู้หรอกว่าในใจฉันมันอิจฉาแค่ไหน เสียใจแค่ไหน...”เวินเหลียงยิ้มอย่างเย็นชาทีหนึ่ง “ฟู่เจิง คุณทำแบบนี้มันมีความหมายเหรอ? คุณรู้หรือเปล่าเถอะว่ารักคืออะไร? รักคือการให้ ไม่ใช่การครอบครอง! ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ฉันกำลังจะเริ่มชีวิตใหม่ คุณปล่อยฉันไปไม่ได้เหรอ? เป็นเพราะแค่ฉันไม่ตกลงที่จะแต่งงานใหม่กับคุณ คุณก็เลยจะตามรังควานฉันไปทั้งชีวิต?”ฟู่เจิงชะงักไปทั้งตัว ในใจราวกับถูกมีดทิ่มแทงเข้าไปอย่างแรง และหมุนวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เลือดเอาแต่ไหลทะลักออกมาเขาก้มหน้า พลางมองเวินเหลียงด้วยความโศกเศร้า ราวกับกลืนทรายลงคอไปกำมือหนึ่ง น้ำเสียงของเขาแหบพร่าไร้ที่เปรียบ “เป็นเมิ่งเซ่อ?”เธอจะชอบเมิ่งเซ่อได้ยังไง?!เมิ่งเซ่อคู่ควรกับเธอที่ไหน?!“ใช่”มุมปากฟู่เจิงเผยรอยยิ้มขื่นขมออกมารอยยิ้มหนึ่ง ในน้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงการวิงวอนเอาไว้ “อาเหลียง เธอเลิกโกหกฉันได้แล้ว เธอจะชอบเมิ่งเซ่อได้ยังไง?”“เหอะ!” เวินเหลียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมาเสียงหนึ่ง “ค
เสียงฝีเท้าแว่วดังขึ้นมาจากด้านหลัง เสียงนั้นไกลออกไปขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งหายลับไปเวินเหลียงหลับตาลง พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ตรงคอขยับขึ้นลง เธอขึ้นลิฟต์ไปเงียบ ๆฟู่เจิงเคยบอกรักเธออยู่หลายครั้งหลายหน เธอไม่รู้แล้วว่าเขากำลังโกหกเธอ หรือว่าพูดความจริงกันแน่ทว่ามันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วเธอมองตัวเองที่สะท้อนออกมาจากผนังลิฟต์ ไม่รู้ว่าเบ้าตาของเธอเริ่มแดงขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรฟู่เจิงเจ้าคนสารเลวนี่ ต้องจงใจแน่ ๆก่อนไปยังมีหน้ามาพูดเรื่องพวกนั้นอีก คงพูดเพราะคิดจะทำให้เธอใจอ่อนแน่ ๆหึ เธอไม่มีวันใจอ่อนหรอกเวินเหลียงยืนอยู่เงียบ ๆ ในลิฟต์ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร เธอได้สติกลับมา ถึงตระหนักได้ว่าเวลาในการขึ้นลิฟต์ครั้งนี้มันนานอยู่หน่อย ๆเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมอง ลิฟต์ยังอยู่ที่ชั้นหนึ่ง...เธอลืมกดเลขชั้นเห็นผีเข้าจริง ๆ แล้วเวินเหลียงกดชั้นหลังเข้ามาในห้อง เธอก็ถอดเสื้อคลุมขนสัตว์ออกไปแขวนบนราวเสื้อผ้าก่อน จากนั้นค่อยเปลี่ยนรองเท้าฟู่ซือฝานยังไม่นอน เธอนั่งดูการ์ตูนอยู่บนโซฟา เมื่อเห็นเวินเหลียงกลับมา ฝานฝานก็มองมาที่เธอทั้งอึ้งกิมกี่ “คุณป้า คุณป้าสวยจังเลย!”
เขายังสวมชุดตัวเมื่อวานอยู่ ด้านบนเสื้อผ้ายับยู่ยี่ไปหมด ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงอยู่หน่อย ๆ ทั้งตัวคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้าหึ่งฟู่ซือฝานรังเกียจถึงขั้นหลบ มือน้อย ๆ ทำท่าปักตรงหน้าจมูก พลางเบะปาก “คุณลุง คุณลุงตกลงไปในถังเหล้าเหรอ?!”ฟู่เจิง “...”“คุณลุงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ มีเรื่องอะไรเดี๋ยวค่อยมาคุยกัน”ฟู่เจิงเดินขึ้นไปยังชั้นสองเลยฟู่ซือฝานมองเงาเบื้องหลังของเขา แล้วก็ยักไหล่อย่างจนใจยังต้องให้เดาอีกเหรอ?เมื่อคืนคงทะเลาะกับคุณป้ามาแน่ ก็เลยไปดื่มเหล้าเพื่อให้ลืมความทุกข์คนเดียวหลังฟู่เจิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เขาก็เดินลงมาพลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมไปด้วย จากนั้นเดินไปนั่งลงข้างฟู่ซือฝาน “คุณป้าเธอเป็นคนพาเธอมาส่งเหรอ?”ฟู่ซือฝานพยักหน้า “อืม คุณลุง เมื่อวานคุณลุงทะเลาะกับคุณป้าใช่ไหม?”มือที่กำลังเช็ดผมอยู่ของฟู่เจิงชะงักไป เขาก้มหน้าลงแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง “เขาได้พูดอะไรกับเธอหรือเปล่า?”“คุณป้าบอกว่า ถ้าหนูพูดถึงคุณลุงต่อหน้าคุณป้าอีก คุณป้าจะเกลียดหนูเหมารวมไปกับคุณลุงด้วย”“งั้นเธอก็เลิกพูดถึงลุงต่อหน้าป้าได้แล้ว ลุงเคยบอกแล้วว่า ไม่ว่าผู้ใหญ่จะเป็นยังไงกัน ก
ฟู่เจิงตบไหล่ของฟู่ซือฝาน นัยน์ตาพลางประกายแสงดำมืดออกมาสายหนึ่งเวินเหลียงชอบเมิ่งเซ่อแล้วยังไง?เธอชอบความสดใส ความหล่อและความมีชีวิตชีวาของเมิ่งเซ่อ แต่หากเมิ่งเซ่อไปข้องเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่น ถ้าเป็นแบบนั้นข้อดีทั้งหมดของเขาก็จะไร้ประโยชน์ขึ้นมาในทันที!ฟู่เจิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วส่งข้อความไปหาลู่เย่าเขาเล่นเป็นเพื่อนฟู่ซือฝานตลอดทั้งบ่าย ตอนเย็นถึงได้รับข้อความตอบกลับของลู่เย่าฟู่เจิงอ่านข้อความ ก่อนจะปิดโทรศัพท์ แล้วพูดกับฟู่ซือฝานว่า “ฝานฝานตอนกลางคืนยังอยากนอนกับคุณป้าไหม?”“อยากค่ะ!” ฟู่ซือฝานพยักหน้าราวกับไก่จิกข้าวสารเธอชอบนอนกับคุณป้ามาก ๆ“งั้นลุงไปส่งเธอตอนนี้ดีไหม?” ฟู่เจิงถามขึ้นเขาครุ่นคิด ระยะเวลาหนึ่งเดือนสั้น ๆ อาศัยแค่เขา ยากจะให้ฟู่ซือฝานตอบตกลงที่จะอยู่ต่อแต่ถ้ามีเวินเหลียงเข้ามาด้วยอีกคนก็ต่างไปแล้วโดยเฉพาะหากฟู่ซือฝานนอนกับเวินเหลียงทุกวัน จะยิ่งรู้สึกผูกพันลึกซึ้งมากขึ้น หลังชินแล้ว เธอยังคิดอยากไปจากที่นี่อีกไหม?“อืม ๆ”ฟู่เจิงเก็บเสื้อผ้าให้ฟู่ซือฝานเพิ่มอีกสองสามตัว ก่อนจะพาเธอไปส่งที่ย่านบ้านเวินเหลียงเวินเหลียงอยู่บ้านพอดีเมื่อไ
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง