“นอกจากลาออก”“ไม่ใช่เรื่องนี้”“เธอว่ามาสิ”“ที่ฉันต้องการก็คือ ในด้านการประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์เอ็มคิวทั้งหมดหลังจากนี้ ฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเหมือนอย่างแต่ก่อนเอง เป็นยังไง?”ฟู่เจิงวางตะเกียบ มองเธอแล้วก็ไม่พูดอะไรเวินเหลียงแสยะยิ้ม ทานอาหารต่อไปอย่างเอื่อยเฉื่อย “ถือซะว่าฉันไม่ได้พูดก็แล้วกัน”เธอรู้อยู่แล้วเชียวว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้เขากำลังป้องกันเธออยู่ โดยใช้อู๋หลิงมาถ่วงดุลเธอเขาไม่เชื่อใจเธอเลยสักนิด ไม่เชื่อว่าเธอจะไม่มีทางพุ่งเป้าเล่นงานฉู่ซืออี๋“เธอขออย่างอื่นได้นะ”“ไม่เอาค่ะ”ที่เธอต้องการฟู่เจิงก็ให้ไม่ได้ฟู่เจิงมองเธอพลางขมวดคิ้ว ก่อนจะเงียบไปทานข้าวจนกระทั่งใกล้หมดเวลาพัก ฟู่เจิงถึงพูดขึ้นมาว่า “ตอนค่ำ คุณปู่คุณย่าเรียกให้พวกเราไปกินข้าวที่บ้านใหญ่”เวินเหลียงพยักหน้า “ฉันรู้แล้ว”คงเป็นเพราะเรื่องที่ฟู่เจิงและฉู่ซืออี๋ติดอันดับการค้นหาร้อนแรง คุณท่านรู้ถึงการเคลื่อนไหวของฟู่เจิง จึงรอให้ฟู่เจิงกลับมาจากการไปทำงานนอกสถานที่ก่อนแล้วค่อยเรียกพวกเขาไปบ้านใหญ่เมื่อทานข้าวเสร็จเวินเหลียงก็วางตะเกียบลง “ขอบคุณที่เลี้ยงนะคะประธานฟู่ ฉันกินเส
คนใช้ยกอาหารอย่างอื่นออกมาคุณหญิงกำลังตักน้ำซุปให้เวินเหลียงและฟู่เจิงดื่มอย่างดีอกดีใจ “อาเหลียง อาเจิง พวกเธอต้องกินเยอะ ๆ นะ นี่น่ะย่าตุ๋นให้พวกเธอเป็นพิเศษเลยนะ รีบชิมเร็วเข้าสิ”“คุณย่า คุณย่ารีบมานั่งกินเถอะค่ะ”เวินเหลียงเอ่ย ระหว่างที่ก้มหน้า ทันใดนั้นกลิ่นเลี่ยนของน้ำซุปก็เตะขึ้นจมูก เธอควบคุมไม่อยู่ จึงรีบวิ่งไปห้องน้ำอย่างรวดเร็ว แล้วอาเจียนออกมา“อาเหลียง เป็นอะไรไป?” คุณหญิงคิดถึงปฏิกิริยาของเวินเหลียงเมื่อครู่ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความตกตะลึง “ให้ตายเถอะ อาเหลียงคงไม่ได้มีน้องแล้วใช่ไหม?”ฟู่เจิงส่ายหน้าอย่างใจเย็น “ไม่ใช่ครับ ช่วงนี้กระเพาะอาหารของเธอไม่ดี ต้องงดอาหารแล้วก็กินยาตลอด”“หา? แบบนี้นี่เอง? พวกแกไปตรวจดูที่โรงพยาบาลหรือยัง?” คุณหญิงกระวนกระวายใจ“อาเหลียงไปมาแล้วครับ” ฟู่เจิงเอ่ยครั้นได้ยินฟู่เจิงพูดแบบนี้ ท้ายที่สุดคุณหญิงถึงได้วางใจเธอจ้องตาทั้งสองข้างของฟู่เจิงอย่างเข้มงวดเพราะหวังดี “แกนะแก แต่งงานกันมาสามปีไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย ทำไมแกถึงไม่มีน้ำยาเลยนะ?”ฟู่เจิง “...”เมื่อเวินเหลียงบ้วนปากเสร็จก็ออกมาจากห้องน้ำ จากนั้นก็ดันซุปออกไปข้าง ๆ “
เวินเหลียงชี้ไปที่ห้องน้ำภายในห้อง “ฉันใช้ห้องน้ำเสร็จแล้ว คุณไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาเถอะ”ฟู่เจิงหยิบชุดนอนแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำภายในห้องน้ำที่แยกพื้นที่เปียกและพื้นที่แห้งทุกที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นหอมของครีมอาบน้ำนั่นคือกลิ่นที่อยู่บนตัวของเวินเหลียงพวกมันผ่านทางปลายจมูกของฟู่เจิง ไหลขึ้นไปบนสมองตามเส้นประสาททุกเส้นในร่างกายของฟู่เจิงยิ่งร้อนดังนั่งบนกองไฟจนยากจะอดกลั้นเอาไว้ขึ้นเรื่อย ๆ ครั้นเขาหลับตาในหัวก็เต็มไปด้วยภาพที่เขากับเวินเหลียงกอดและนัวเนียกันก่อนหน้านี้เวินเหลียงนั่งอยู่บนเตียงไถโทรศัพท์เล่นอย่างฉาบฉวย/สบาย ๆ ขณะที่กำลังจะเตรียมตัวนอนนั้น จู่ ๆ ก็ตระหนักได้ว่าฟู่เจิงเข้าไปในห้องน้ำพักหนึ่งแล้ว ทว่ากลับไม่ได้ยินเสียงน้ำเลยเวินเหลียงสงสัย เธอจึงเลิกผ้าห่มออกแล้วเดินไปที่ประตูห้องน้ำ ได้ยินเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยและถี่แว่วดังมาจากด้านในผ่านไปสองสามนาที ทันใดนั้นเวินเหลียงก็ตระหนักได้ว่าฟู่เจิงทำอะไรอยู่ในห้องน้ำ สีหน้าของเธอพลันแดงระเรื่อขึ้นมา ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปบนเตียงผ่านไปครู่หนึ่งในห้องน้ำถึงได้มีเสียงน้ำหยดเปาะแปะดังขึ้นมา ทว่าไม่นานก็หยุดลง ฟู่เจิง
เวินเหลียงไม่ได้พูดอะไรอีกภายในห้องเงียบสงัดลง เหลือเพียงแค่เสียงลมหายใจของทั้งสองคนเวินเหลียงไม่รู้ว่าฟู่เจิงหลับหรือยัง เธอนอนอยู่บนเตียงโดยไม่กระดุกกระดิกใด ๆ ความง่วงเมื่อครู่ถูกสลายไปตั้งนานแล้ว ในสมองตื่นตัวสุด ๆนอนนิ่ง ๆ อยู่นานเกินไป ร่างกายแข็งทื่อไปเล็กน้อย เธอจึงพลิกตัวทีหนึ่งไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ฟู่เจิงเกร็งคอแล้วกระแอมสองสามที “เวินเหลียง?”เวินเหลียงไม่ส่งเสียงใด ๆฟู่เจิงสูดลมหายใจลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนจะเลิกผ้าห่มลงจากเตียงไปอย่างเบามือ จากนั้นเดินไปทางห้องน้ำเสียงน้ำซู่ ๆ ซ่า ๆ ดังขึ้นอีกครั้งผ่านไปครู่หนึ่ง ฟู่เจิงก็เดินออกมาจากห้องน้ำทั้งห่อตัวด้วยผ้าขนหนู เงาร่างที่อยู่บนเตียงเปลี่ยนท่าทาง“ฉันทำเธอตื่นเหรอ?” เขานั่งลงข้างเตียงก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“เปล่า” เวินเหลียงส่ายหน้า“นอนไม่หลับ?”“อืม”“ฉันเล่าเรื่องภาษาเยอรมันให้เธอฟังดีไหม?”“อืม ขอบคุณ”ฟู่เจิงพูดได้สี่ภาษาคือภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่นและภาษาเยอรมันก่อนหน้านี้เวลาที่เธอนอนไม่หลับ เขาก็จะเล่าเรื่องภาษาเยอรมันให้เธอฟังเธอไม่เข้าใจภาษาเยอรมัน ทว่าเมื่อฟังน้ำเสี
“ซืออี๋ ผมเคยรับปากคุณ ว่าจะคบกับคุณอย่างแน่นอน คุณวางใจนะ ผมจะไม่มีวันผิดสัญญากับคุณเด็ดขาด”“แต่ว่าคุณมีภรรยาอยู่แล้ว คุณแต่งงานแล้ว คุณไม่ใช่ของฉันแล้ว คุณเห็นฉันเป็นใคร? ถ้าฉันรู้เร็วกว่านี้ว่าคุณแต่งงานไปแล้ว ฉันจะไม่มีวันติดต่อคุณเด็ดขาด แล้วก็ไม่มีวันคบกับคุณด้วย คุณจะให้ฉันเผชิญหน้ากับอาเหลียงยังไง?” ฉู่ซืออี๋น้ำตาไหลอาบเต็มหน้า“ผมเป็นคนทำผิดต่อเธอ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ ผมตัดสินใจทำหนังสือสัญญาการหย่ากับเธอแล้ว เดี๋ยวก็จะไปเอาใบสำคัญการหย่ากัน”“ซืออี๋ คุณเชื่อผมอีกครั้งโอเคไหม? ผมจะไม่ผิดสัญญาแน่นอน”“จริงเหรอคะ?” ฉู่ซืออี๋ถามขึ้นอย่างขลาดกลัว“จริงสิ” ฟู่เจิงพยักหน้ารับรองทันใดนั้นฉู่ซืออี๋ก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของฟู่เจิง พลางร้องไห้เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งเสียงอู้อี้ว่า “อาเจิง ฉันตัดใจเลิกกับคุณไม่ได้ ฉันตัดใจเลิกกับคุณไม่ได้จริง ๆ ถ้าจะให้ฉันเลิกกับคุณ ไม่สู้ให้ฉันตาย ๆ ไปซะดีกว่า”ฟู่เจิงกอดฉู่ซืออี๋ ก่อนจะตบหลังเธอเบา ๆ พลางปลอบ“ประธานฟู่ ฉันมีเรื่องอยากจะเตือนคุณหน่อย” หวังเหยียนยืนพูดอยู่ข้าง ๆ“อะไรเหรอ?”“คุณอย่าลืมนะคะ ว่าซืออี๋เป็นดารา ถ้าเรื่องการแต่งงานของคุ
“แกดูที่แกทำอยู่ตอนนี้สิมันเรียกว่าอะไรกัน! เช้าตรู่มาไม่สนใจแม้แต่จะกินข้าว ฉันยังคิดว่าแกไปบริษัท ไม่นึกเลยว่าแกจะไปหาฉู่ซืออี๋? ทำเป็นหูทวนลมไม่ฟังคำพูดของปู่ใช่ไหม ในสามปีมานี้อาเหลียงทำผิดกับแกตรงไหน?”“ถ้าตอนแรกแกไม่คิดจะรับผิดชอบจนถึงที่สุด ก็ไม่ต้องแต่งงานกับเธอสิ ที่ตอนแรกปู่ยกเธอให้แกไป ก็เป็นเพราะอยากให้แกทำให้เธอมีความสุข ตอนนี้แกจะให้ปู่มองหน้าอาเหลียงยังไง?”ฟู่เจิงเงียบไปครู่หนึ่ง “คุณปู่ครับ ผมสัญญาว่าหลังจากนี้จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้ว เพียงแต่ผมหวังว่าครั้งต่อไปก่อนจะทำอะไรช่วยปรึกษากับผมก่อนได้ไหมครับ”...เวินเหลียงตื่นสายมากแล้ว แม่บ้านของบ้านใหญ่ทำอาหารเช้าให้เวินเหลียงใหม่โดยเฉพาะอีกชุดหนึ่งหลังเธอกินอาหารเช้าเสร็จก็สิบโมงแล้ว มาไม่ทันเวลาเข้างาน เวินเหลียงก็เลยอยู่เป็นเพื่อนคุณท่านและคุณหญิงที่บ้านใหญ่ไปเลย จากนั้นก็ทานข้าวเที่ยงที่บ้านใหญ่อีกมื้อหนึ่งก่อนจะออกมา คุณหญิงหยิบบัตรเชิญให้เวินเหลียงใบหนึ่ง “นี่เป็นบัตรเชิญของงานเลี้ยงการกุศลอ็อยเลอร์ เขาส่งมาให้ฉัน ยายแก่อายุมากปูนนี้แล้วอย่างฉันเอาเจ้านี่ไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร? เธอไปกับอาเจิงเถอะ
หกโมงเย็น เวินเหลียงเลิกงานแล้วก็ตรงดิ่งไปรอฟู่เจิงที่โรงจอดรถใต้ดินทันทีไม่นานฟู่เจิงเองก็ลงมาคนขับรถพาทั้งสองคนไปสตูดิโอแปลงโฉมส่วนตัวแห่งหนึ่งแต่งหน้าเสร็จ ทำผมเสร็จ เวินเหลียงก็มาเปลี่ยนชุดด้านใน จากนั้นเธอก็เดินยกกระโปรงออกมาฟู่เจิงทำผมเสร็จแล้ว กำลังนั่งรออยู่บนโซฟา ครั้นได้ยินเสียงเขาก็เงยหน้าขึ้นไปมอง อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปเล็กน้อยหญิงสาวแต่งหน้าอย่างประณีต ดวงตาดอกท้อทั้งสองข้างฉีกยิ้มหน่อย ๆ มีความน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก บนริมฝีปากทาลิปสติกสีเดียวกับอายแชโดว์ ทั้งเร่าร้อนและสวยเย้ายวนผมของเธอไม่ได้ทำทรงที่ดูเว่อวังอะไร ปล่อยสยายลงมาเหมือนปกติ ทั้งสองข้างม้วนเป็นลอนเล็กน้อย เพื่อทำทรงหน้าเธอสวมชุดราตรีสายเดี่ยวสีฟ้าสีเดียวกับน้ำ หัวไหล่มน ๆ ทั้งสองข้างเปลือยอยู่ด้านนอก ขับจนผิวขาวใสของเธอดุจเครื่องลายครามเวินเหลียงเดินไปตรงหน้าเขา ก่อนจะหมุนตัวทีหนึ่ง “ผมทรงนี้ใช้ได้ไหมคะ?”ฟู่เจิงได้สติกลับมาพลางพยักหน้า เขามองรองเท้าที่อยู่ใต้เท้าของเวินเหลียง “ข้อเท้าของเธอเพิ่งหายดีใส่รองเท้าส้นสูง จะไม่สบายตัวเอาหรือเปล่า?”“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”“เปลี่ยนเป็นส้นเตี้ยดีกว่าไ
หญิงสาวมองข้อเท้าเธอทีหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดมากอะไร เธอนั่งลงข้างเวินเหลียง ก่อนจะใช้ศอกกระทุ้งเวินเหลียง “ฉันชื่อซูเฉิน คุณล่ะชื่ออะไร?”“เวินเหลียง”ซูเฉินขยับเข้ามาข้างตัวเวินเหลียง แล้วกระซิบว่า “เมื่อกี้ฉันเห็นคุณเข้ามากับฟู่เจิง ทำไมคุณถึงรู้จักกับเขาได้ล่ะ?”เวินเหลียงเบือนหน้าไปมองซูเฉิน จากนั้นมองประเมินเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าซูเฉินแต่งตัวดูแล้วดูแพงและมีราคามาก แต่ความจริงนั้นเป็นคอลเลกชันที่ตกรุ่นไปแล้ว กระเป๋าที่สะพายอยู่ที่แขน เป็นคอลเลกชันเก่าของแบรนด์ที่คนไม่ค่อยนิยมใช้กันเห็นเวินเหลียงเงียบ ซูเฉินก็ถามต่อว่า “ดูจากการแต่งตัวแล้ว ฟู่เจิงคงจ่ายเงินให้คุณไม่น้อยเลยใช่ไหม? คนมีเงินอย่างพวกเขาเหล่านี้อ่อยค่อนข้างยากใช่ไหม?”“เรื่องนี้ฉันไม่ทราบค่ะ”“อย่าทำแบบนี้สิ ถ่ายทอดประสบการณ์ให้ฉันสักหน่อยสิ? คุณไม่รู้ ของฉันคนนี้น่ะใจแคบมาก ช่วยเขามาตั้งนานนม เขาเพิ่งจะพาฉันมาออกงานเลี้ยงนี่แหละ ฉันอยากเขี่ยเขาทิ้งตั้งนานแล้ว”“ฉันไม่ทราบค่ะ ฉันไม่ได้อ่อยเขา” เวินเหลียงยกแก้วเหล้าและขนมหวานแล้วลุกเดินหนีออกไป ก่อนจะหาที่นั่งตำแหน่งใหม่เมื่อซูเฉินเห็นดังนั้น เธอก็แค่นเสียงฮึทีหน
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง