“ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้!” ในใจของฟู่เจิงเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก รีบตอบกลับ“อย่าเพิ่งให้อาเหลียงรู้เรื่องนะครับ”“ฉันเข้าใจ”ก่อนออกไป ฟู่เจิงก็กลับไปที่ห้องนอนหลักอีกครั้ง “อาเหลียง ที่บริษัทยังมีงานบางส่วนที่ต้องส่งมอบ ฉันต้องไปสักเดี๋ยว”“ไปเถอะ ที่บ้านมีป้าหวังอยู่เป็นเพื่อนฉันทั้งคน” เวินเหลียงไม่ได้คิดอะไรมาก …ฟู่เจิงรีบไปโรงพยาบาล ไฟห้องฉุกเฉินยังสว่างอยู่คุณหญิงและป้าแม่บ้านนั่งรออยู่บนเก้าอี้ด้านนอก“คุณย่า!” ฟู่เจิงรีบเดินไปตรงหน้าคุณหญิง เขาเป็นกังวลและร้อนใจสุด ๆ “เกิดอะไรขึ้นครับ? ทำไมจู่ ๆ คุณปู่ถึง...”คุณหญิงถอนหายใจด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ไม่ยอมตอบแต่ป้าแม่บ้านมองฟู่เจิงทีหนึ่ง “วันนี้ตอนเช้าคุณฉู่มาที่บ้าน ไม่รู้ว่าพูดอะไรกับคุณท่าน...จากนั้นคุณท่านก็มารู้เรื่องบริษัทอีก แล้วจู่ ๆ ก็...”ฟู่เจิงเม้มปาก นัยน์ตาประกายความดุเดือดออกมาสายหนึ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจลึก ๆ เฮือกหนึ่ง แล้วเดินไปที่ปากทางหนีไฟ ต่อสายโทรออก “เช้าวันนี้ฉู่ซืออี๋ปรากฏตัวไปที่บ้านใหญ่ตระกูลฟู่ รีบไปตามหาตัวเธอเดี๋ยวนี้!”“ครับ”หลังวางสาย ฟู่เจิงก็กลับไปยังพื้นที่นั่งรอ เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
หลังเขาวางสาย ก็หมุนตัวไป เห็นฟู่เจิงนั่งเฉย ๆ อยู่บนเก้าอี้คนเดียว นัยน์ตาทั้งสองดูเหม่อลอย มองไปข้างหน้าตาไม่กะพริบ ราวกับป้ายหินอย่างนั้นฟู่เยว่เดินไป ตบที่ไหล่เขาเบา ๆ “อาเจิง”ฟู่เจิงได้สติกลับมา มองนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของฟู่เยว่ แล้วเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งน้ำเสียงแหบพร่า “พี่ใหญ่ ผมไม่เป็นไร”แค่ในเวลาเพียงชั่วครู่ยังไม่กลับมากระปรี้กระเปร่าคุณท่านสำหรับฟู่เจิงแล้วนั้น ก็เหมือนเวินหย่งคังสำหรับเวินเหลียงเขาไม่รู้ว่าแม่ของตัวเองเป็นใคร และจำรูปร่างหน้าตาของพ่อตัวเองไม่ได้แล้วนับตั้งแต่เขาเริ่มจำความได้ ก็อยู่ข้างกายคุณท่านมาตลอดคุณท่านและคุณหญิงเป็นคนเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ แม้จะห่างกันหนึ่งรุ่น ทว่ายิ่งเหมือนพ่อแม่ของเขา“ทางอาเหลียง จะบอกเธอไหม?”“ตอนนี้ปิดไว้ก่อนก็แล้วกัน ตอนนี้อาการครรภ์ของเธอยังไม่คงที่ ผมกลัวว่าเธอจะรับไม่ได้” สายตาฟู่เจิงมองไปไกลแม้เขาจะรู้ดีว่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คงปิดไปได้ไม่นาน“ก็ดี”“พี่ใหญ่ พี่รอง มีนักข่าวมา” ฟู่เซิงชี้ไปที่ที่ไม่ไกล“เรียกรปภ. มาขวางพวกเขาเอาไว้ก่อน เดี๋ยวฉันจะเรียกบอดีการ์ดมา” ฟู่เยว่เอ่ยวันนี้ประธานกรรมการใหญ่
หัวใจของเวินเหลียงหยุดเต้นไปในฉับพลันอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เริ่มเต้นตึกตัก ๆ ขึ้นมาไม่หยุดคงจะเป็นการกลั่นแกล้งของใครบางคนใช่ไหม?แต่ในช่วงเวลานี้ แฟลตฟอร์มต่าง ๆ ก็ดันทยอยดันข่าวนี้ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เธอสุ่มกดเข้าไปอันหนึ่ง ล้วนเป็นรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้นฟู่เจิงที่อยู่ในข่าว ยังสวมชุดเดียวกับตอนที่ออกไปด้วยฉะนั้น เขาไปโรงพยาบาลจริง ๆคุณปู่ คุณปู่จากไปแล้ว?!คุณปู่ที่รักและเอ็นดูเธอจากไปแล้ว!ข่าวนี้มาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว หัวใจของเวินเหลียงราวกับถูกหมัดหนักต่อยเข้ามาอย่างจัง มิหนำซ้ำยังปล่อยหมัดหนักมาต่อยซ้ำแล้วซ้ำเล่า จมูกเธอฟุดฟิด ขอบตาพลันแดงระเรื่อขึ้นมา น้ำตาคลอเส้นสายตาเลือนรางทั้ง ๆ ที่เมื่อสองสามวันก่อนตอนที่คุณปู่มาหาเธอ สุขภาพยังดีอยู่แท้ ๆ!ทั้ง ๆ ที่สองสามวันก่อนคุณปู่ยังพูดอยู่เลยว่าจะต้องอยู่รอลูกของเธอลืมตาขึ้นมาดูโลก และรออุ้มเหลนอย่างแน่นอน! ทำไมจู่ ๆ ถึง...ไม่ ไม่สิ ยังไม่ทันได้เห็นลูกของเธอลืมตาขึ้นมาดูโลกเลย คุณปู่จะตัดใจจากไปได้ยังไงกัน!เวินเหลียงซี๊ดจมูก ก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่งจากเตียง แล้วตะโกนว่า “ป้าหวังคะ เรียกคนขับรถมาหน่อย ฉันจ
ในตอนนี้ศพของคุณท่านก็ถูกส่งไปยังหอจัดพิธีงานศพแล้ว ภายใต้การจัดแจงของฟู่เยว่ จัดการแต่งหน้าศพเป็นครั้งสุดท้าย และใส่เสื้อผ้าที่เตรียมไว้ก่อนตายในห้องโถงตั้งศพเองก็กำลังอยู่ในระหว่างการตกแต่งขณะใกล้จะถึงหอจัดพิธีงานศพ ฟู่เจิงก็คว้ามือของเวินเหลียงมาจับเอาไว้ แล้วกำชับว่า “พอถึงแล้ว เธอต้องอยู่แค่ข้างกายคุณปู่นะ เรื่องอื่นอะไรไม่ต้องทำทั้งนั้น เข้าใจไหม?”“อืม”ซูชิงอวิ๋นสวมชุดสีขาวมาเรียบร้อยแล้ว รออยู่ตรงหน้าปากประตูหอจัดพิธีงานศพ เมื่อเห็นว่าฟู่เจิงและเวินเหลียงมา ก็ส่งชุดไว้ทุกข์สีขาวให้สองชุดหลังสวมชุดไว้ทุกข์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซูชิงอวิ๋นก็เป็นฝ่ายเสนอมาเข็นวีลแชร์เอง แล้วพูดว่า “น้องรอง เธอไปจัดการเรื่องงานเถอะ เดี๋ยวฉันจะคอยดูแลอาเหลียงเอง”“รบกวนพี่สะใภ้ใหญ่แล้วนะครับ” ฟู่เจิงค้อมตัวลงแล้วกำชับกับเวินเหลียงอีกทีว่า “ถ้ารู้สึกไม่สบายตัวก็ไม่ต้องฝืน ต้องรีบบอกฉันนะ ฉันไปจัดการเรื่องงานก่อน”“โอเค”ฟู่เจิงรีบสาวเท้าก้าวออกไป ซูชิงอวิ๋นเข็นเวินเหลียงไปที่ห้องพัก เห็นขอบตาของเวินเหลียงแดง เธอก็พูดปลอบว่า “อาเหลียง ไม่ต้องทุกข์ใจไปเลยนะ คนเราต้องเจอเรื่องแบบนี้กันอยู่แล้ว ค
ขอบตาของเวินเหลียงแดงก่ำขึ้นมาอีกแล้ว “หนูไม่เคยโทษคุณปู่เลยค่ะ...”เธอรู้ว่าคุณปู่ก็มีความยากลำบากของตัวเองในตอนแรกที่ฟู่เจิงเข้ารับตำแหน่งประธานบริหารของกรุ๊ป อายุยังน้อยเกินไป คณะกรรมการบริษัทหลายคนไม่ยอมรับเขา เกิดการปะทะกันขึ้นมาต่าง ๆ นานาประธานกรรมการบางคนเอะอะ ๆ ก็ไปร้องเรียนกับคุณท่านหลังคุณท่านสอดมือครั้งแรก ฟู่เจิงขยายการดำเนินงานในกรุ๊ปได้ยากลำบากเป็นอย่างมาก เผชิญกับอุปสรรคซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อเหล่าประธานกรรมการเห็นว่าการร้องเรียนได้ผล สองสามวันทีก็มาหาคุณท่านอีกแล้วนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคุณท่านก็ไม่สอดมืออีกเขาเองก็เพิ่งได้รู้ในตอนนั้น ในตอนที่ฟู่เจิงเป็นประธานบริหารกรุ๊ปแล้ว ฟู่เจิงไม่ใช่หลานที่เขาจะถ่ายทอดคำสอนสุ่มสี่สุ่มห้าได้ฟู่เจิงต้องยืนหยัดอยู่ในบริษัทให้ได้ ต้องสร้างความน่าเกรงขามให้เพียงพอ เขาเองก็ต้องปกป้องฟู่เจิง สนับสนุนเขาอย่างแน่วแน่ และไม่ขัดขวางเขาเพราะฟังคำพูดของพวกประธานกรรมการ ไม่อย่างนั้นเหล่าประธานกรรมการและบรรดาพนักงานไม่เห็นฟู่เจิงที่อยู่ในตำแหน่งประธานบริหารอยู่ในสายตาแน่นอนและเมื่อเรื่องราวเป็นไปเช่นนี้ คุณท่านจึงทำได้เพียงตอบโต้เล
เวินเหลียงมองสองที สุดท้ายก็ยังอ้าปาก แล้วงับหมูสามชั้นเข้าไปในปากเชฟมีฝีมือ แม้จะเป็นหมูสามชั้นแต่ก็ไม่เลี่ยนเลยสักนิด เมื่อครู่เป็นเพราะความเสียใจเวินเหลียงจึงไม่รู้สึกอยากอาหาร แต่ก็เพื่อลูกจึงกินไปสองคำ ไม่นึกว่าพอกินแล้วก็จะกินไปเกินครึ่งเลยทั้ง ๆ ที่กินอิ่มแล้ว แต่ตอนนี้กลับอดไม่ได้ที่จะกินอาหารที่ฟู่เจิงคีบมาให้หลังตั้งท้อง นอกจากอาการแพ้ท้องในช่วงก่อนหน้านี้แล้วนั้น ช่วงนี้ความอยากอาหารเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อฟู่เจิงเห็นว่าเวินเหลียงชอบ ก็คีบมาให้เธออีกสองชิ้นหลังเวินเหลียงกินไปสามชิ้น เห็นฟู่เจิงยังคีบมาอีก เธอก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “ฉันกินอิ่มแล้วจริง ๆ คุณกินไปเถอะ”“ไม่กินแล้วเหรอ?”“ไม่กินแล้ว”ฟู่เจิงวางตะเกียบลง จากนั้นก็อุ้มเวินเหลียงขึ้นมาจากวีลแชร์ ก่อนจะวางเธอไปบนโซฟา แล้วหยิบผ้าห่มมาคลุมบนตัวเธอ “งั้นก็นอนสักเดี๋ยวสิ”เวินเหลียงยันตัวขึ้นอย่างจนใจ พลางมองฟู่เจิง “สองวันนี้คุณก็ไม่ได้นอนเลย คุณมานอนด้วยกันสิ”เมื่อได้ยินว่าเวินเหลียงเป็นห่วงตน นัยน์ตาของฟู่เจิงก็เปล่งประกาย เขาพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “โอเค”หลังกินข้าวกล่องเสร็จ ฟู่เจิงก็โยนขยะทิ้งไป แล้วนอ
“คุณผู้หญิง เรากลับไปกันเถอะค่ะ” ในตอนที่ป้าหวังหยิบผ้าขนหนูและกล่องเก็บอุณหภูมิออกมาจากด้านใน อู๋หลิงก็ออกไปแล้วเมื่อได้เห็นสีหน้าทั้งตกตะลึงและทั้งเจ็บปวดของเวินเหลียง อู๋หลิงก็เบิกบานใจเป็นอย่างมาก ครั้นบรรลุเป้าหมายแล้วเธอก็จากไปอย่างพอใจทว่าเวินเหลียงกลับกำหมัดแน่น นั่งอยู่ที่เดิมเงียบไม่พูดไม่จาเห็นเวินเหลียงไม่ตอบสนอง ป้าหวังก็ตะโกนเรียกเสียงหนึ่ง “คุณผู้หญิงคะ?”เวินเหลียงได้สติกลับมา เธอถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ถึงจะพยักหน้า “อืม กลับไปก่อน”ป้าหวังมองสีหน้าของเวินเหลียงทีหนึ่ง รู้สึกแค่ว่าคุณผู้หญิงราวกับจะแตกต่างไปจากเมื่อครู่เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ ป้าหวังจะประคองเวินหลียงขึ้นไปข้างบน แต่เวินเหลียงปฏิเสธ เธอนั่งลงบนโซฟาแล้วเอ่ยว่า “ฉันจะรอฟู่เจิงกลับมา”ป้าหวังพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วรีบไปทำงานของตัวเองบ่ายสามกว่า ๆ รถยนต์สีดำก็แล่นเข้ามาในลานของคฤหาสน์ฟู่เจิงดับรถ พิงอยู่บนพนักพิงเบาะ พลางยกมือที่สวมนาฬิกาเหล็กขึ้นมาบีบหว่างคิ้ว ก่อนจะชักกุญแจรถออกแล้วเปิดประตูลงจากรถไปเมื่อเขาเยื้องย่างขายาว ๆ ทั้งสองเข้ามาในห้องรับแขกอย่างมั่นคง ก็เห็นเวินเหลียงนอนตะแคงอยู
เธอหลับตา สีหน้าเคร่งขรึม พลางเช็ดน้ำตาบนหน้าลวก ๆ พร้อมทั้งมองหน้าฟู่เจิงแล้วเอ่ยว่า “ฉันจะไปเจอฉู่ซืออี๋”“อย่าหาเรื่องสิ ตอนนี้เธอต้องพักผ่อนเยอะ ๆ นะ!”เวินเหลียงฟังหูซ้ายทะลุหูขวา เธอนั่งตัวตรง “ฉันจะไปเจอฉู่ซืออี๋ ฉันจะไปถามเธอให้กระจ่าง! ฉันจะไปแก้แค้นให้คุณปู่!”เห็นฟู่เจิงไม่สะทกสะท้าน เวินเหลียงจึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปข้างนอก “คุณไม่ให้ฉันเจอ ฉันก็จะไปเจอด้วยตัวเอง!”“อาเหลียง!”ฟู่เจิงเดินมาตรงหน้าเวินเหลียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยื่นแขนไปขวางเธอเอาไว้ “ตอนนี้ฉู่ซืออี๋ไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล เธอหนีออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่สองสามวันก่อน ไม่มีเบาะแสเลย ฉันส่งคนไปตามหาตัวเธอแล้ว เธอกลับขึ้นไปพักชั้นบนก่อนเถอะ รอหาตัวฉู่ซืออี๋เจอแล้ว ฉันจะบอกเธอทันที!”เวินเหลียงราวกับได้ยินเรื่องตลกอะไรบางอย่าง เธอขำอย่างเย็นชาเสียงหนึ่งพลางมองฟู่เจิง “คุณจะตัดใจยอมให้เธอไปจากคุณได้เหรอ? จนถึงตอนนี้คุณก็ยังปกป้องเธออยู่? ทำไม? กลัวว่าฉันจะฆ่าเธอหรือไง?”เดิมทีเวินเหลียงก็ไม่เชื่อคำพูดของฟู่เจิงอยู่แล้ว เธอจงใจเดินออกไปข้างนอกฟู่เจิงกอดเวินเหลียงเอาไว้ “เธอใจเย็นก่อนสิ!”เวินเหลียงพยายามดิ้น
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง