“คุณจะไปห้องรับแขกไม่ใช่เหรอ? รีบไปเร็วเข้าสิ!”เวินเหลียงรีบเก็บผ้าขนหนูขึ้นมา แล้วเอามือปิดหน้าอกเอาไว้เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็สบเข้ากับนัยน์ตาดำขลับลึกซึ้งทั้งสองของฟู่เจิง ล้ำลึกอย่างกับจะกลืนกินเธอเข้าไปอย่างนั้นเวินเหลียงอึ้งไปใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าค่อย ๆ เข้ามาใกล้ขึ้น ลมหายใจอุ่นรดอยู่บนดวงหน้าของเธอเธอหลับตาลงอย่างไม่อาจควบคุมได้ขณะหลับตาก็รับรู้ได้ว่าตรงหน้ามืดมน ถูกบดบังแสงเอาไว้ทว่ากลับไม่ประทับจูบลงมาสักทีเวินเหลียงจึงลืมตาขึ้นมาทว่าฟู่เจิงถอยหลังออกไปหลายก้าวตั้งนานแล้ว “ขอโทษนะ ฉันจะไปห้องรับแขกแล้ว เธอก็รีบพักผ่อนเร็ว ๆ ก็แล้วกัน”เขายืนอยู่นอกประตู หลับตาลง พยายามสลัดภาพเมื่อครู่ที่อยู่ในหัวออกไปเขาเกือบจะจูบเธอแล้วเชียวเขาบ้าไปแล้วจริง ๆเดี๋ยวเขาก็จะหย่ากับเวินเหลียงและจะได้ไปคบกับซืออี๋แล้ว แตะต้องตัวเวินเหลียงอีกได้ยังไงกัน...เขาปลอบตัวเอง เรือนร่างของเวินเหลียงยั่วยวน ยืนเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้าเขา และเขาก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง มีการตอบสนองทางสรีระก็เป็นเรื่องปกติฟู่เจิงนวดระหว่างคิ้ว…ได้ยินเสียงปิดประตูหนัก เวินเหลียงยืนแข็งทื่ออยู่ท
เวินเหลียงรีบหลับตาลงโดยพลัน ทำทีแกล้งเป็นหลับจงมองไม่เห็นเธอ จงมองไม่เห็นเธอ จงมองไม่เห็นเธอ เธอแอบคิดอยู่ในใจทว่าร่างกายกลับสั่นหงึกเล็กน้อย เผยความรู้สึกของเธอออกไปอย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องสงสัยเลยเสียงฝีเท้าของชายหนุ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆเขาเดินมาทางเตียงหัวใจของเวินเหลียงเต้นระรัวแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้วทันใดนั้นเธอก็เย็นวาบไปทั้งตัว ผ้าห่มถูกเลิกออกเวินเหลียงตกใจจนแข็งทื่อไปในฉับพลัน เธอหลับตาปี๋ สองขาเหยียดตรง คิดอยู่ในใจเงียบ ๆ ฉันหลับอยู่ ฉันหลับอยู่ขอแค่ฉันไม่เห็นหน้าเขา เขาก็จะไม่ฆ่าฉัน“ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้หลับ ลืมตามามองฉันสิ ไม่งั้นข่มขืนเสร็จแล้วฆ่าทิ้งแน่” ชายหนุ่มกระซิบข้างหูเวินเหลียงในหัวของเวินเหลียงว่างเปล่า เธอลืมตาขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฉันลืมตาแล้ว คุณอย่าฆ่าฉันนะ คุณอย่าฆ่า...”พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง เธอเห็นใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างชัดเจนถ้าไม่ใช่ฟู่เจิงแล้วจะเป็นใครไปได้?สีหน้าของเวินเหลียงแข็งทื่อไปหมด บนดวงหน้ามีความกลัวอยู่เล็กน้อย ทำอะไรไม่ถูกนิดหน่อย และมีความอิหลักอิเหลื่อบางส่วนเธอลืมไปเสียสนิทว่าฟู่เ
เมื่อฉู่ซืออี๋เงยหน้าขึ้นมา เธอก็ตะโกนเรียกอย่างดีอกดีใจ “อาเจิง!”ฟู่เจิงสาวเท้ายาวก้าวเข้ามา ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป “ระวัง!”เวินเหลียงได้ยินเสียง เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็รู้สึกได้ว่ามีแรงมหาศาลมาผลักตัวเองออกไปเสียง “ตึง” ดังขึ้นเสียงหนึ่งชั้นวางของที่อยู่อีกด้านหล่นลงมาบนพื้น ส่งเสียงตึงออกมาเวินเหลียงล้มลงไปกองกับพื้น รู้สึกเพียงว่าข้อเท้าของตัวเองมีความเจ็บแปลบเสียดกระดูกแผ่ซ่านออกมา “ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า” ฟู่เจิงกอดฉู่ซื่ออี๋เอาไว้ พร้อมทั้งพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง“อาเจิง ฉันกลัวจะแย่อยู่แล้ว โชคดีที่คุณมาได้ทันเวลา โชคดีที่คุณมารับฉันเอาไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อกี้คุณดึงฉันไว้ ฉันคงถูกหล่นทับไปแล้ว” ฉู่ซื่ออี๋พิงอยู่ในอ้อมอกของฟู่เจิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว“อันตรายมาก เมื่อกี้ชั้นวางของนี่อยู่ห่างเธอไม่กี่เซนติเมตร โชคดีที่ประธานฟู่มือไว”หวังเหยียนเดินเข้ามาพูด “ขอบคุณประธานฟู่มากจริง ๆ นะคะ ถ้าไม่ได้ประธานฟู่ ซืออี๋คงได้รับบาดเจ็บไปแล้ว”ภาพตรงหน้าบาดตาเวินเหลียงเป็นอย่างยิ่งเธอเย็นยะเยือกไปทั้งตัว กระทั่งไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ข้อเท้าเลย
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร เวินเหลียงตื่นมาท่ามกลางความมืด อย่างแรกที่สัมผัสได้คือได้กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเวินเหลียงลืมตาขึ้นมา มองไปรอบ ๆ เธอจึงรู้แล้วว่าตัวเองอยู่ในห้องพักผู้ป่วยที่โรงพยาบาล“เวินเหลียง เธอตื่นแล้วเหรอ? รู้สึกยังไงบ้าง?”เมื่อเห็นเวินเหลียงลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เข้ามาในตาคือใบหน้าอันหล่อเหลาของฟู่เจิงมือของเวินเหลียงวางบนบริเวณท้องของตัวเองโดยไม่รู้ตัว“ค่อยยังชั่ว” เธอมองไปนอกหน้าต่าง ฟ้ามืดลงแล้วในจังหวะนี้เอง ก็มีเสียงจ๊อก ๆ ดังขึ้นมาจากท้องของเธอสองที“หิวแล้วใช่ไหม ฉันให้คนเอาของกินมาให้สักหน่อยดีไหม?”“กลัวว่าจะช้าเกินไป ตอนนี้ฉันหิวมาก ๆ คุณลงไปซื้อให้ฉันหน่อยได้ไหม?” เวินเหลียงเบือนหน้ามองเขาฟู่เจิงเพิ่งเคยเห็นเวินเหลียงทำสีหน้าเชื่อฟังและอ่อนโยนแบบนี้เป็นครั้งแรก เขาพยักหน้าตามสัญชาตญาณ “ได้ ฉันจะไปซื้อให้ เธออยู่ในห้องพักผู้ป่วยเพียงลำพังก็ระวังด้วยนะ มีเรื่องอะไรก็เรียกพยาบาล ห้ามลุกจากเตียงตามอำเภอใจเป็นอันขาด”เวินเหลียงพยักหน้าหลังฟู่เจิงออกไป เวินเหลียงรีบกดกริ่ง ไม่นานก็มีพยาบาลเดินเข้ามา “คนไข้อยากได้อะไรเหรอคะ? หรือว่าไม่สบายตัวตรงไหนหรือเปล่า
เพื่อหลีกเลี่ยงความลำบากในการขึ้นลงบันได เธอจึงอยู่ในห้องนอนบนชั้นสองตลอดโดยไม่ออกมาจากห้องเลยหากจะกินข้าวก็ให้แม่บ้านเอาขึ้นไปให้เธอในขณะนี้เวินเหลียงกำลังง่วนอยู่กับการจัดการงาน เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เธอก็นึกว่าเป็นแม่บ้านที่เอาข้าวมาให้ จึงพูดโพล่งออกไปว่า “วางไว้บนโต๊ะก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวฉันค่อยกิน”“กินข้าวก่อนแล้วค่อยทำงานเถอะ ไม่เสียเวลาเท่าไรหรอก” น้ำเสียงของฟู่เจิงแว่วดังมาเมื่อเวินเหลียงเงยหน้าขึ้น ถึงได้เห็นว่าฟู่เจิงเป็นคนเอาอาหารมาให้เธอ “คุณเลิกงานแล้วเหรอ”“อืม”เวินเหลียงปิดโน้ตบุ๊กลง ฟู่เจิงเอาอาหารไปวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าเวินเหลียง จากนั้นก็ลงไปกินข้าวรอเมื่อเธอกินข้าวเสร็จแล้ว เขาถึงขึ้นมาเก็บถ้วยชามและตะเกียบให้เวินเหลียงอีกครั้งขณะที่ขึ้นมาอีกครั้ง ในมือของฟู่เจิงมีกระเป๋าอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมาหนึ่งใบ ข้างในใส่ยาบางส่วนของเวินเหลียงเอาไว้ในนั้นไม่ได้มีเพียงยาที่ทางโรงพยาบาลสั่งมาให้เท่านั้น ยังมียาบรรเทาอาการ “กระเพาะอาหารแปรปรวน” ด้วยเห็นฟู่เจิงหยิบยาเหล่านั้นออกมาทีละซอง ๆ ในใจของเวินเหลียงก็เต้นตึกตัก ๆ นิ้วมือจับชายเสื้อเอาไว้แน่นฟู่เจิงหยิบขวด
“ผมจะพยายามกลับมา” ฟู่เจิงเอ่ย“คุณฉู่เป็นอะไรเหรอ?” เวินเหลียงรวบรวมพลังใจถามขึ้นมาในใจของเธอมีการคาดเดาเอาไว้ตั้งนานแล้ว ฟู่เจิงไปคราวนี้ไม่กลับมาอย่างแน่นอน เหมือนอย่างเมื่อวานไม่รู้ว่าฉู่ซืออี๋เรียกเขาไปด้วยเหตุผลอะไร? ตั้งสองวันติดต่อกันแล้วฟู่เจิงหันหลังกลับไปมองเธอ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “เวินเหลียง ก่อนหน้านี้คุณไม่เคยถามมากมายขนาดนี้เลยนี่”เวินเหลียงสีหน้าซีดขาว “ฉันเจ็บเท้ามาก ๆ คุณช่วย...”“อาการบาดเจ็บที่เท้าคุณก็ไม่ได้รุนแรงอะไร มีเรื่องอะไรก็เรียกแม่บ้าน”น้ำเสียงของฟู่เจิงเย็นชา เขาเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาเวินเหลียงมองเงาเบื้องหลังของเขา ในใจขมขื่นสุดขีดเธอสลัดศักดิ์ศรีอันแข็งแกร่งของเธอออกมาอย่างยากลำบาก เผยให้เห็นความอ่อนโยนเล็กน้อย ทว่าเขากลับบอกว่าเธอเรื่องมากในตอนที่คนคนหนึ่งไม่สนใจใยดีคุณ ต่อให้คุณจะเผยความอ่อนแอออกไปมากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์เดิมทีเขาอยากจะหย่าอยู่แล้ว เธอมีสิทธิ์อะไรไปถาม?เธอเลอะเลือนไปเอง แค่ฟู่เจิงเอายาให้เธอกิน เธอก็ลุ่มหลงจนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครไปแล้วหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วแต่สิ่งที่ทำให้เวินเหลียงนึกไม่ถึงเลยก็คือ ก
“นี่ยังเรียกว่าไม่รุนแรงอีกเหรอ? ทำอีท่าไหนถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้?”“อาจเป็นเพราะฉันโชคร้ายเอง ช่วงนี้ดวงตกนิดหน่อยน่ะ” เวินเหลียงพูดไปพลางหัวเราะ“นี่ สองสามวันนี้ที่ฉันหยุดพัก แม่ฉันจะไปวัดพอดีเลย หรือให้เขาช่วยขอยันต์ป้องกันภัยมาให้เธอสักผืนดีไหม?”“ดีแน่นอน!” เวินเหลียงสลับมาใช้กล้องหน้า“นี่ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนเหรอ? ในเมื่อเธอมาไม่ได้ ให้ฉันไปเยี่ยมเธอแทนดีไหม? เธออยากกินอะไร? ฉันจะได้ซื้อติดไม้ติดมือไปให้เธอสักหน่อย สะดวกไหม?” โจวอวี่แสร้งถามเปรย ๆเวินเหลียงกับโจวอวี่เป็นเพื่อนเล่นในวัยเด็กกันก็จริง ทว่าเพิ่งโคจรกลับมาเจอกันอย่างเป็นทางการเมื่อปีที่แล้วนี่เอง และเป็นเพราะเหตุผลด้านการทำงานของโจวอวี่ที่ยุ่งผิดปกติ เจอกันส่วนตัวเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง แทบจะทุกครั้งล้วนแล้วแต่นัดกันทานข้าวข้างนอก หรือไม่เวินเหลียงก็ไปเยี่ยมพ่อแม่ของโจวอวี่ที่บ้านโจวอวี่ กลับกันโจวอวี่ไม่รู้สถานการณ์ทางฝั่งของเวินเหลียงเลย รู้เพียงแค่ว่าเธอถูกตระกูลฟู่รับไปเลี้ยงเมื่อโจวอวี่เสนอว่าจะมาเยี่ยมเธอ แน่นอนว่าเวินเหลียงย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ถึงยังไงตอนนี้ฟู่เจิงก็ไม่อยู่บ้านสักหน่อยเธอยิ้มพร้อมทั้ง
เวินเหลียงกลับไปห้องนอนอีกครั้งเพื่อนอนกลางวันบ่ายสามกว่า ๆ ฟู่เจิงก็กลับมาจากข้างนอกด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง เขาตรงดิ่งเข้าไปในห้องครัว แล้วรินน้ำให้ตัวเองแก้วหนึ่ง หลังจากนั้นก็ชำเลืองไปเห็นกองของขวัญที่อยู่ตรงมุมห้องครัวอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะถามขึ้นว่า “ป้าหวัง วันนี้มีคนมาเหรอ?”ป้าหวังตอบไปตามความจริง “เพื่อนของคุณผู้หญิงค่ะ”ป้าหวังทำท่าเหมือนอยากจะพูดต่อแต่ก็ชะงักไปฟู่เจิงมองเธอ “แล้วยังไงต่อ?”“คุณผู้หญิงให้ฉันเรียกเธอว่าคุณหนูต่อหน้าเพื่อนของเธอ”ฟู่เจิงขมวดคิ้วเข้าหากัน “เพื่อนของคุณผู้หญิงเป็นผู้ชายเหรอ?”“ใช่ค่ะ”ในใจของฟู่เจิงมีลางสังหรณ์ว่า เพื่อนที่มาบ้านในวันนี้คือคนที่เวินเหลียงชอบถึงขั้นเสแสร้งว่ายังไม่ได้แต่งงานต่อหน้าคนคนนั้น ดูท่าเวินเหลียงคงชอบเขามากจริง ๆ เดาว่าคงกลัวคนคนนั้นจะรังเกียจเธอเพราะฐานะการแต่งงานครั้งที่สองของเธอฟู่เจิงบีบแก้วน้ำพลางดื่มน้ำไปหนึ่งอึก แล้วถามต่อว่า “ผู้ชายคนนั้นเป็นยังไงบ้าง? ผมหมายถึงรูปร่างหน้าตา”“เหมือนจะเป็นดาราดังคนหนึ่งที่อยู่ในทีวีนะคะ”ป้าหวังไม่ค่อยได้ดูละครเรื่องใหม่ ๆ มากนัก รู้สึกแค่ว่าคุ้นหน้าคุ้
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง