บรรดานักข่าวต่างรัวชัตเตอร์อย่างบ้าคลั่งพร้อมกับสายตาของแต่ละคนที่กระหายข่าวเพราะคิดไม่ถึงว่าคำตอบของดาราสาวจะฟาดกลับไปที่อดีตแฟนหนุ่มของเธอโดยตรงราวกับว่าไม่ใช่เธอถูกหักหลังแต่กลายเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เคยเป็นเรื่องจริงตั้งแต่แรก
“คุณอัยย์ช่วยขยายความเรื่องนี้หน่อยได้ไหมคะ”
“ก็ง่าย ๆ ค่ะ อัยย์กับคุณชานนท์ดูเหมือนว่าจะคบกันเพราะเราทำงานร่วมกันและโด่งดังมาจากละครเรื่องเดียวกัน อีกอย่างเรื่องงานพรีเซนเตอร์หลาย ๆ งานก็ออกร่วมกันบ่อย ที่จริงพวกเราไม่เคยมีฝ่ายไหนออกมาบอกมาก่อนเลยนะคะว่ากำลังคบกันอยู่ พี่ ๆ ว่าจริงไหมคะ”
ครั้งนี้กลายเป็นนักข่าวเองที่กำลังถูกตบหน้าเพราะเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพราะนักข่าวที่มักจะเขียนข่าวไปกันเองเพื่อจะให้ข่าวของตัวเองขายได้ ซึ่งครั้งนี้ทำให้หมออย่างกวีภพนับถือเธอที่สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่บีบคั้นและกดดันแบบนี้ได้ดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ความนิ่งและความเด็ดขาดของเธอทำให้เขารู้สึกสนใจเธอมากขึ้น
“แล้วถามได้ไหมคะว่าเจ้าของหัวใจที่คุณอัยย์พูดถึงคือใคร”
“เรื่องนี้… คงต้องถามว่าคนคนนั้นอยากจะให้อัยย์เปิดตัวเขาหรือเปล่าเพราะเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัวและเป็นคนลึกลับ ไม่แน่นะคะอาจจะเป็นคนใกล้ตัวพี่ ๆ ก็ได้ใครจะรู้ เอาล่ะค่ะเรื่องที่ต้องตอบก็ตอบกันไปหมดแล้ว ดังนั้นวันนี้อัยย์คงต้องขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะคะเพราะคุณหมอของอัยย์ค่อนข้างจะเข้มงวดเรื่องสุขภาพและอาการบาดเจ็บมาก ๆ เลยล่ะค่ะ”
บรรดานักข่าวหันไปมองคุณหมอหนุ่มสุดหล่อที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ แต่ละคนเริ่มคิดแล้วว่าคนที่อัยเรศพูดถึงอาจจะไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือคุณหมอสุดหล่อข้าง ๆ เธอนั่นเอง
“หรือว่า….”
“ขอบคุณพี่ ๆ นักข่าวทุกท่านเลยนะคะขอจบการแถลงข่าวเอาไว้แค่นี้เชิญดื่มน้ำและทานเบรกกันก่อนกลับได้เลยนะคะ”
ระรินทำหน้าที่ส่งกองทัพนักข่าวออกจากห้องแถลงข่าวพร้อมกับทีมงานในบริษัท ส่วนอัยย์เมื่อกลับเข้ามาในห้องพักและอาบน้ำเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมตัวไปสแกนสมองอีกครั้งถึงกับนั่งเหม่อลอยซึ่งกวีภพคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะสลับอารมณ์ได้รวดเร็วขนาดนี้
“คุณไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหววันนี้ผมจะเลื่อนไปก่อน”
“ได้เหรอคะ อัยย์รู้สึกเหนื่อยมากจนแทบไม่อยากทำอะไรเลยค่ะ ถ้าเลื่อนได้ก็ขอบคุณมากนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้ให้ วันนี้คุณพักผ่อนไปก่อน”
“คุณหมอเป็นห่วงอัยย์เหรอคะ”
“ผมแค่รู้สึกทึ่งมากกว่าที่คุณสามารถรับมือพวกคนกระหายข่าวได้ดีขนาดนั้นด้วยท่าทางนิ่ง ๆ และเด็ดขาด แต่คิดว่ามันคงจะใช้พลังงานมากเลยสินะครับถึงได้ถึงกับหมดแรงขนาดนี้”
“คุณหมอจะให้อัยย์ไปให้เลือดคนไข้เมื่อไหร่ก็แจ้งมาที่พี่รินได้เลยนะคะ วันนี้คุณช่วยอัยย์ไว้คิดว่าหลังจากนี้คุณหมอคงจะอยู่ไม่สุขเป็นแน่ อีกอย่างเรื่องที่เราคบกันคงจะถูกประโคมข่าวออกไปหลังจากวันนี้”
“ผมไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่ไล่ไปก็จบถ้าไม่ฟังก็แจ้งตำรวจจับใช้กฎหมายจัดการ ผมไม่เสียเวลาพูดมากกับคนพวกนี้หรอก”
“คนที่เด็ดขาดไม่ใช่ฉันแน่ค่ะ แต่เป็นคุณหมอต่างหาก”
“คุณทานข้าวก่อนเดี๋ยวพยาบาลคงจะเอายาหลังอาหารมาให้ คืนนี้ก็พักผ่อนมาก ๆ”
“ถ้าอยากให้อัยย์หายไว ๆ คุณหมอก็มาอยู่เป็นเพื่อนอัยย์สิคะ”
“ผมรับปากแค่เป็นแฟนปลอม ๆ ให้คุณผ่านจากช่วงเวลานี้ไปได้เท่านั้นแต่ไม่ได้รับปากว่าจะเป็นมากกว่านั้น ขอตัวก่อน”
“ถ้าไม่ออกงานกับอัยย์และไปไหนมาไหนด้วยกันบ้าง ใครจะเชื่อล่ะคะว่าคุณหมอกับอัยย์เป็นแฟนกัน”
“ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้พูดแบบนี้”
“ก็คุณหมอไม่ได้ถามนี่คะ แล้วอีกอย่างคุณหมอก็น่าจะเข้าใจความหมายของคำว่า “แฟน” ไม่ใช่เหรอคะว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง"
“นี่คุณหลอกผมเหรอ”
“เปล่านะคะอัยย์ไม่ได้หลอกอะไรคุณหมอเลย บอกทุกอย่างที่ต้องทำแต่คุณไม่ฟังและคุณเองที่บอกว่าผมรู้แล้ว แค่นี้ใช่ไหม จำได้ไหมคะ”
“ผม!!”
“ที่รักคะ อัยย์อยากดื่มน้ำ”
กวีภพถึงกับกะพริบตาถี่ ๆ กับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของดาราสาวตรงหน้าเขาที่ส่งยิ้มแบบกวน ๆ มาให้ คิดไม่ถึงเลยว่าการรับปากช่วยเธอไปนั้นจะกลายเป็นการผูกมัดตัวเองแบบนี้ แม้ว่าเขาจะบอกเธอว่ายังโสดและไม่มีแฟนก็ตาม
“ถ้ารู้แบบนี้บอกไปว่ามีแฟนก็สิ้นเรื่องแล้ว”
“อะไรนะคะ ไหนน้ำของอัยย์ล่ะคะวันนี้อัยย์ใช้เสียงมากไปหน่อยก็เลยคอแห้ง”
กวีภพเทน้ำและแกะหลอดพร้อมกับส่งให้เธอด้วยสีหน้าที่เย็นชา ที่จริงใบหน้าของเขาก็เป็นแบบนี้ตลอด ไม่เคยยิ้มและพูดดี ๆ กับใครแม้ว่าคนตรงหน้าจะเป็นคนไข้ แต่เพราะความพูดตรงของเขาทำให้หลาย ๆ คนชอบเขาที่เป็นแบบนี้ เพราะเสน่ห์ของหมอกวีภพคือความนิ่ง สุขุมและเย็นชานี่แหละ
วันถัดมา
ข่าวที่อัยเรศมีเจ้าของหัวใจแล้วเป็นข่าวดังกลบกระแสของชานนท์และนีน่าจนไม่มีใครสนใจเรื่องของทั้งสองคน แม้แต่ลูกค้าที่กำลังจะจ้างทั้งคู่เป็นพรีเซนเตอร์ก็แจ้งระงับมาทางบริษัทเพราะข่าวฉาวของทั้งคู่ที่เกิดขึ้นอีกทั้งยังให้ความสนใจไปที่อัยเรศและอยากจะให้เหลือเพียงอัยย์เป็นพรีเซนเตอร์แค่คนเดียว
อีกทั้งทางโรงพยาบาลในตอนนี้ข่าวเรื่องที่คุณหมอสุดหล่อของแผนกอายุรกรรมกับดาราสาวซึ่งเป็นหมอกับคนไข้ก็เริ่มโด่งดังจนเป็นที่พูดถึงทั้งโรงพยาบาล
“พรุ่งนี้ผมจะเซ็นให้คุณออกจากโรงพยาบาล”
“ทำไมล่ะคะอัยย์ยังไม่หายดีคุณก็พูดเองว่าต้องนอนอย่างน้อยอีกหนึ่งสัปดาห์”
“แต่ตอนนี้ทั้งโรงพยาบาลเอาแต่สนใจเรื่องข่าวของคุณ อีกอย่างทั้งเจ้าหน้าที่ หมอและพยาบาลก็เริ่มวุ่นวายกับพวกนักข่าวและแฟน ๆ ของคุณที่เข้า ๆ ออก ๆ จนพวกเขาแทบจะไม่ได้ทำงาน ทางที่ดีคุณออกไปรักษาตัวที่บ้านก่อนดีกว่าเอาไว้ค่อยนัดมาตรวจก็พอ”
“แล้วถ้าอัยย์จะต้องนัดกับคุณล่ะคะ”
“ถ้าว่างก็ไป ถ้าไม่ว่างก็ไม่ไป”
“เอ๊ะ แต่ว่าคุณรับปากอัยย์แล้วนะคะว่า…”
“เรื่องแรกผมอธิบายกับคุณไปแล้วว่าผมเป็นหมอ เวลาของผมไม่ได้แน่นอนแต่คุณก็เป็นคนบอกเองว่าไม่เป็นไร เรื่องที่สองก็คือเราตกลงกันเอาไว้แล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายงานของอีกฝ่ายจนน่าอึดอัดและไม่ต้องทำตัวติดกันตลอดเวลา”
“แต่ว่า…”
“อีกอย่างคุณเป็นคนพูดเองว่าหากไม่จำเป็นผมก็ไม่ต้องออกงานคู่กับคุณทุกงาน คุณกับผมมีข้อตกลงกันเท่านี้เพื่อแลกกับเลือดของคุณที่จะช่วยผู้ป่วยของผม”
“แต่ว่าการเล่นละครมันก็ต้องเล่นให้สมบทบาทนะคะ "คุณแฟน" คุณคงไม่ลืมนะคะว่าถ้าหากคุณเล่นไม่ดีพอฉันก็มีสิทธิ์ที่จะหยุดความช่วยเหลือเช่นกัน"
“ผมคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะกล้าเอาเรื่องนี้มาต่อรองกับผม เดิมทีคิดว่าคุณจะเป็นคนที่เชื่อถือได้และเป็นคนที่จิตใจดีเสียอีก”
อัยเรศหุบยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปสบตากับเขาใกล้ ๆ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักแสดงก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดในแววตาที่เธอส่งมาให้เขาเป็นอย่างดี แม้ว่าเขาจะไม่เคยรู้ว่าเธอเคยผ่านอะไรมาก็ตาม
“เมื่อโลกมันไม่ได้ใจดีกับฉันแล้วทำไมฉันจะต้องใจดีกับคนทั้งโลกด้วย ในเมื่อคนเราอยู่ได้ด้วยข้อตกลงก็แค่ใช้มันเพื่ออยู่ร่วมกันมันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอคะ…. ที่รัก”
กวีภพมองเธอกลับไปอีกครั้ง ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกผิดนิด ๆ แล้วที่เผลอไปรับปากรับเลือดจากเธอเพื่อช่วยคนไข้ของเขาซึ่งรอการรักษา แม้จะไม่เร่งด่วนแต่กรุ๊ปเลือดพิเศษนี้ก็หายากมากจริง ๆ อัยเรศถึงกับส่งเลือดให้ที่แผนกอายุรกรรมตรวจจึงพบว่ามันเป็นเลือดหายากและช่วยชีวิตคนไข้ของเขาได้เธอจึงใช้เรื่องนี้มาสร้างเงื่อนไขให้เขาช่วยเธอ“คุณน่ากลัวมากกว่าที่ผมคิด”“เอาล่ะค่ะคุณหมอ วันนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยแล้วคงต้องขอเวลาพักผ่อนสักหน่อย”เธอเดินกลับไปที่เตียง เขาหันไปเรียกเธออีกครั้ง“คุณอัยย์”เธอเพียงแค่หันข้างให้เขาเพราะไม่อยากเห็นสายตาสมเพชที่เขาส่งมาให้ เธอรู้ตัวดีว่าตัวเองกำลังหลอกใช้ความเป็นหมอของเขาเพื่อทำตามความต้องการของเธอ แต่ในตอนนี้เขาเป็นเพียงคนเดียวที่เหมาะสมกับเรื่องนี้ที่จะช่วยเธอ ขอเพียงผ่านช่วงเวลาสัญญาพรีเซนเตอร์คู่กับชานนท์อีกสี่เดือน เธอก็จะปล่อยเขาไปเป็นอิสระ“คุณหมอจะเปลี่ยนใจมานอนเฝ้าอัยย์เหรอคะ”“ผมหวังว่าคุณจะใช้วิธีนี้ทำร้ายผมแค่คนเดียว จากนี้อย่าให้ใครโชคร้ายเหมือนผมอีก”กวีภพเดินออกจากห้องของเธอไป อัยเรศที่เดินไปและเซจนเกือบจะนั่งที่เตียงไม่ไหวก็รีบหันไปคว้าเตียงคนป่วยเอาไว้ น้ำ
“ไม่ได้นะ แจ้งตำรวจไม่ได้ ปล่อยผมนะ!! อัยย์ บอกไปสิว่าคุณเป็นคนยั่วโมโหผมก่อนทำให้ผมต้องลงมือ”แต่อัยเรศตอนนี้หน้าซีดเผือดและเริ่มกะพริบตาถี่ ๆ พร้อมกับหายใจติดขัดจนหมอกวีภพตกใจ“รีบเอากระโถนมาเร็ว ๆ เข้า!!”“ค่ะคุณหมอ”พยาบาลวิ่งเข้าไปเอากระโถนก่อนที่อัยเรศจะอาเจียนออกมาเพราะเธอถูกต่อยเข้าไปที่ท้องหลายครั้งและตอนนี้แทบจะหายใจไม่ออก หมอกวีภพค่อย ๆ อุ้มเธอขึ้นไปที่เตียงและรีบเช็ดเลือดที่มุมปากของเธอออก“ไม่ต้องกลัวนะเขาทำร้ายคุณไม่ได้แล้ว ทำไมไม่มีคนเฝ้าคนไข้!! พวกคุณมัวทำอะไรกันอยู่!!”“คือว่า… คุณระรินออกไปข้างนอก ไม่คิดว่าญาติคนไข้จะ…”อาการสะอึกสะอื้นจนเกือบจะเหมือนชักกระตุกของอัยเรศทำให้เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันรุนแรงจนเขารับไม่ได้ ไม่ใช่ในฐานะแฟนปลอม ๆ ของเธอแต่เพราะเธอเป็นผู้หญิงและอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชายซึ่งเขาไม่มีทางยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปง่าย ๆ“คุณไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ผมจะเอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุด”“หม…อ….หมอ…หายใจ…ไม่ ออ..ก…หายใจ…ไม่ออก”“ผมรู้ ๆ คุณรอเดี๋ยวนะผมจะรีบจัดการให้ เครื่องช่วยหายใจกำลังมาคุณต้องพักนะผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”เธอส่ายหน้าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาพร้อมกับเลือด
สีหน้าของชานนท์ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าถือดีเมื่อสักครู่กลายเป็นกลัวเพราะคำพูดของกวีภพที่เรียบและสุขุมแม้แต่ระรินเองก็ยังรู้สึกสะใจ กวีภพหันไปมองหน้าชานนท์อีกครั้ง แม้ว่าเขาพึ่งจะรู้จักอัยเรศแต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าคนอย่างชานนท์ไม่เหมาะสมกับอัยเรศจริง ๆผู้ชายคนนี้มีดีแค่หน้าตานอกนั้นไม่มีอะไรเลย ใครจะไปติดกล้องวงจรปิดในห้องคนไข้ จะมีก็แค่ทางเดินเท่านั้นแต่เพราะคำพูดของหมอกวีภพทำให้คนโง่อย่างชานนท์ติดกับได้ทันที“พี่รินช่วยผมด้วยผมไม่ได้ตั้งใจนะ ก็อัยย์ยั่วโมโหผมก่อนเธอใช้คำพูดดูถูกผม ก็เลย…”“ไม่ว่าจะยังไงคุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายคนอื่นเพียงเพราะอีกฝ่ายใช้คำพูดยั่วยุคุณ หนึ่งคือคุณเป็นคนมาเยี่ยมและเธอเป็นคนป่วย สองคือในฐานะที่เป็นผู้ชาย ไม่ควรลงมือกับผู้หญิงผมในฐานะเจ้าของไข้ของคุณอัยเรศ สารวัตรครับเรื่องนี้ผมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเพราะมันเป็นเรื่องความปลอดภัยในโรงพยาบาล”“ครับคุณหมอ”“เดี๋ยวก่อนนะครับผมมีสิทธิ์ที่จะประกันตัวนะคุณหมอคุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ให้ตำรวจมาจับผมแบบนี้มันเสียหาย”“คุณไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องการทำผิดของคุณเป็นคดีความแบ่งเป็นสองเรื่อง เรื่องแรกคดีทำร้ายร่างกายระหว่าง
สองสัปดาห์ผ่านมาชานนท์ราวกับถูกตัดอนาคตเพราะตัวเขาเอง ข่าวของเขาดังจนเป็นกระแสและคนที่เกี่ยวข้องต่างก็ถูกดองงานเกือบทั้งหมดรวมถึงนีน่าที่เป็นคู่ควงคนล่าสุดด้วยแต่เหมือนว่าเธอจะรู้ทันเพราะเธอรีบหันไปคว้าพระเอกดาวรุ่งมาควงทันทีหลังจากที่มีข่าวของชานนท์ออกมา“คัท! เยี่ยมมากครับ”“ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะผู้กำกับ”“เยี่ยมไปเลยคุณอัยย์ คิดไม่ถึงว่าจะใช้เวลาน้อยกว่าที่คิดนี่ถ้าไม่ได้มืออาชีพอย่างคุณผมคงไม่ทันแสงสวย ๆ บนยอดตึกแบบนี้แน่ ๆ ครั้งหน้าคงต้องเจอกันอีก”“ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ ยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ”“เอา ๆ เก็บของ ๆ”วันนี้เป็นงานถ่ายโฆษณาสั้นและเป็นงานพรีเซ็นเตอร์ซึ่งมีสัญญายาวนานถึงสองปี ซึ่งอัยเรศได้งานนี้มาหลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาล “อัยย์ เลิกงานแล้วเหรอ”รินยกมือถือขึ้นมาให้เธอดู อัยย์ยิ้มและเข้าใจได้ทันที“ไปกันได้เลยค่ะพี่ริน ที่นี่เสร็จแล้วขออัยย์ไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ”“ได้สิ ไปเถอะพี่ไปด้วย”จากเรื่องในครั้งนั้นระรินก็แทบจะไม่ปล่อยให้อัยย์ไปไหนมาไหนคนเดียวอีกเลย พวกเธอแม้ว่าจะเป็นผู้หญิงแต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายง่าย ๆ อีกอย่างตอนนี้ยิ่งหลังจากมีเรื่องครั้งก่อนทางบริษัทก็จ้าง
“ไม่อยู่แล้วเหรอคะ ไม่เป็นไรค่ะไม่ใช่เรื่องด่วนอะไรขอตัวก่อนนะคะ”“ค่ะ สวัสดีค่ะ”อัยเรศเดินออกมาจากแผนกทันทีพร้อมกับเดินไปกดลิฟต์และเดินลงไปพบกับระริน กวีภพที่ยืนแอบอยู่ห้องด้านหลังเคาน์เตอร์เดินออกมาพร้อมกับหันมาคุยกับพยาบาล“ขอบคุณนะคุณบิว”“ไม่เป็นไรค่ะคุณหมอ”ว่าแล้วคุณหมอก็เดินเข้าห้องไปท่ามกลางความแปลกใจของพยาบาลที่แผนกแต่ก็ไม่มีใครกล้าจะถามพยาบาลบิวสักคน เพราะเธอเองก็หันมามองหน้าทุกคนราวกับจะบอกว่าไม่รู้เรื่องเช่นกันแผนกยา“อัยย์เป็นยังไงบ้าง”“เขาไม่อยู่ที่แผนก พยาบาลบอกว่าออกไปแล้ว”“อะไรนะไปแล้วเหรอ”“ช่างเถอะนัดเอาไว้วันศุกร์แต่วันนี้ต้องไปกินอาหารเติมพลังก่อนนะเพราะเสียเลือดมาก ไม่อยากจะเป็นลมตอนถ่ายงานพรุ่งนี้”“ไปเถอะ คงไม่มีอะไรหรอก”“ค่ะ” แต่นับตั้งแต่วันนั้นทุกครั้งที่เธอติดต่อกวีภพไปเขาก็ไม่เคยรับสายเธออีกเลยอีกทั้งยังไม่ยอมตอบไลน์และไม่ติดต่อกลับ แม้ว่าอัยย์จะไปหาเขาที่โรงพยาบาลก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยพบเลยสักครั้งวันศุกร์“อัยย์ เอายังไงดีล่ะ”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เราไปด้วยกันก็ถือว่าเป็นคู่เหมือนกัน ไปเถอะค่ะพี่ริน”“ไม่เป็นอะไรแน่นะอัยย์”“จะพูดยังไงดีล่ะคะ อัยย์คิ
อัยเรศส่งยิ้มหวานที่ร้ายกาจเป็นกระสุนนัดสุดท้ายที่ฆ่าศัตรูตรงหน้าได้อย่างแม่นยำ หากเป็นปืนนัดนี้เธอยิงเข้าไปที่กลางหน้าผากของอีกฝ่าย เป็นกระสุนเก็บชีวิตของแท้โดยไม่มีโอกาสให้ได้พูดสั่งลา“พวกคุณมักจะใช้ชีวิตจอมปลอมแบบนี้นี่เอง เหนื่อยไหมที่ต้องแสดงละครตลอดเวลา”“พูดธุระของคุณมาเถอะค่ะ คุณต้องการอะไรถึงได้มาในคืนนี้ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธไปแล้ว"“เลิกงานแล้วไปกับผม”“ไปไหน”“วันนี้ผมช่วยคุณหนึ่งครั้งคุณต้องรับปากเงื่อนไขของผมอีกหนึ่งครั้ง”“แต่ครั้งก่อนฉันให้เลือดคุณไปสองถุง”“นั่นไม่พอสำหรับการผ่าตัด”“อ่อ… ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง”หมอกวีภพเบือนหน้าหนี เขายังเป็นฝ่ายเสียรู้เธออีกจนได้แต่ก็ต้องยอมรับว่าการจะหลอกคนอย่างอัยเรศได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยหากว่าไม่ได้เตรียมแผนมาก่อน ดูจากการที่เธอซัดนีน่าเมื่อกี้นี้ก็รู้แล้วว่าเธอเหนือชั้นมากกว่านีน่าอยู่หลายขุม“ที่คุณมาที่นี่เพราะต้องการเลือดของฉันเหรอคะ”“เปล่า”“ถ้าอย่างนั้นเพราะอะไร”“แค่มีเรื่องให้ช่วย”“ถ้าฉันไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรฉันจะช่วยได้ยังไง”เขาหันรีหันขวางและหมดทางเลือกจึงได้ดึงเธอมาด้านในซึ่งเป็นที่ที่เงียบพอที่จะคุยกันพวกเ
กวีภพนิ่งไปเมื่อมองไปที่อัยเรศที่กำลังคุยกับผู้กำกับหลายคนและดาราคนอื่น ๆ ในวง แม้สายตาเธอจะมองหาเขาอยู่ก็ตาม“คุณบอกว่าเธอไม่โกหกผมงั้นเหรอ แต่สิ่งที่เธอทำไม่ต่างอะไรกับการหลอกใช้ผมเลย”“หลอกใช้เหรอคะ คุณหมอคิดว่าอัยย์หลอกใช้อะไรคุณงั้นเหรอคะทั้งเรื่องชานนท์ที่เข้าไปทำร้ายเธอ ครั้งนั้นเธอไม่คิดด้วยซ้ำว่าชานนท์จะถึงขั้นลงมือทำร้ายเพราะอัยย์คิดว่าชานนท์คือสุภาพบุรุษมาตลอด คุณหมอรู้ไหมคะว่าทุกวันนี้อัยย์ยังคงนอนฝันร้ายและมักจะตกใจตื่นเพราะเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลาสองสามเดือนที่ผ่านมา”“อะไรนะ แล้วทำไมเธอถึงไม่เคยพูดถึงเลย อาการพวกนี้ต้องรักษาทำไมคุณถึงปล่อยเอาไว้แบบนี้”“รินไม่รู้ว่าระหว่างพวกคุณเกิดปัญหาอะไรขึ้นซึ่งก่อนหน้านี้อัยย์ก็ไม่ค่อยเป็นแล้ว แต่หลังจากวันที่เธอไปบริจาคเลือดก็กลับมานอนผวาตกใจตื่นอีก เธอพยายามจะไม่กินยานอนหลับแต่บางครั้งรินก็จำเป็นต้องให้เธอนอนพักมากพอเพราะต้องทำงาน”“เธอไม่เคยปรึกษาผมเรื่องแบบนี้เลย เวลาที่คุยกันก็มักจะคุยแต่เรื่องทั่ว ๆ ไปและเรื่องงาน”“อัยย์เป็นคนแบบนี้แหละค่ะ แม้แต่เรื่องที่เธออัดคลิปเสียงของชานนท์เอาไว้รินก็พึ่งจะรู้ไม่นานนี้เองเพราะเธอไม่ยอมบอก
“อะไรนะ!! อัยย์เหรอ ไม่ใช่…”ทุกคนเริ่มหันไปมองที่นีน่าที่ยืนกำหมัดแน่นอยู่หน้าเวที ตอนนี้แสงไฟส่องมาที่อัยย์และพิรัชย์เธอหันไปมองหมอกวีภพที่ยืนนิ่งราวกับก้อนหินและระรินที่สะกิดอยู่ข้าง ๆ “อัยย์ ทุกคนมองอยู่”“เอ่อ… คุณพิรัชย์คะเรื่องนี้ควรจะต้องคุยกันก่อนไหมคะ ทำแบบนี้มันดูจะลัดขั้นตอนเกินไปหน่อยนะคะ”“ไม่ต้องห่วงครับวันนี้ผมแค่ทาบทามดู หากคุณให้เกียรติขึ้นไปลองสวมสร้อยเพชรชุดนั้นบนเวทีก็ถือว่าผมประสบความสำเร็จแล้ว ที่เหลือก็ปล่อยให้ทางบริษัทจัดการต่อ”“แต่ว่า…”หมอกวีภพหันมาโอบรอบเอวเธอและหันมาสบตาพิรัชย์ ซึ่งอีกฝ่ายเองก็ดูจะไม่ได้ยอมแพ้แต่อย่างใดและยังส่งยิ้มแบบกวน ๆ มาให้ทั้งคู่อีกด้วย“ไปเถอะที่รัก งานนี้คุณเป็นคนสำคัญนะครับไม่ต้องเกรงใจผมเพราะนี่คืองานของคุณ ผมไว้ใจคุณอยู่แล้ว”หมอกวีภพก้มลงหอมแก้มเธอหนึ่งครั้งเรียกแสงชัตเตอร์จากบรรดานักข่าวได้มากกว่าพิรัชย์เอ่ยปากขอให้เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์เสียอีก แม้ว่าจะตกใจกับการทำแบบนี้ของหมอเย็นชาอย่างเขาแต่อัยย์ก็ยอมรับว่าเธอใจสั่นและหวั่นไหวไปกับสัมผัสนั้นเสียแล้ว“ก็ได้ค่ะ ในเมื่อคุณไม่ว่าเราก็ควรจะให้เกียรติเจ้าของงานรออัยย์อยู่นี่นะคะเด
ร่างบางในชุดซีทรูสีดำถูกอุ้มมาวางที่เตียงแต่เขากลับไม่ได้กระชากอย่างที่บอก ชุดมีรอยแหวกที่หน้าอกและเขาก็ไม่ต้องเสียเวลาดึงออกเพราะสามารถดูดดื่มหน้าอกสวยของเธอได้เลย“ซี๊ด…อ๊าา ที่รัก เสียวจังเลย อื้อ ดีจัง”“อืมม ชุดนี้ดีจังเลยนะ ไหนขอดูหน่อยสิ”ข้างล่างก็ดูเหมือนว่าจะมีรอยแหวกโดยไม่ต้องเสียแรงกระชากแต่ตอนนี้มันเริ่มจะเปียกแล้ว ชุดนอนที่พึ่งสวมถูกถอดออกจนหมดเพื่อง่ายสำหรับการสำรวจแต่ชุดซีทรูนั้นยังไม่ถูกกระชากจนถึงตอนนี้“อ๊าา หมอคะ อย่าดึงแรงมันเสียว อ๊าาา อื้อ…”“เมียจ๋า แฉะขนาดนี้เลยนะชุดนี้คุณใส่แล้วสวยมาก”“อ๊าา หมอคะ!! คุณ…สอดมาเลยเหรอ อ๊าา จุก…เสียว อ๊าา หมอ!!”เขากระแทกรัว แท่งแกร่งเสียดสีกับกางเกงชั้นในที่ถูกแหวกยิ่งทำให้สัมผัสของเขาร้อนรุ่มมากกว่าเดิมก่อนจะหันมาดูดดึงที่หน้าอกเธออีกครั้ง“หมอคะอัยย์ทนไม่ไหวแล้วช่วยด้วย”“เมียจ๋า ผมมาแล้วว อาา…”บั้นท้ายที่ถูกดึงขึ้นจนลอยเพื่อกระแทกย้ำ ๆ ส่งให้ทั้งคู่ถึงสวรรค์พร้อมกัน ตอนนี้เองที่ชุดซีทรูถูกถอดออกอย่างเบามือ“ไม่กระชากแล้วเหรอคะ”“ไม่แล้ว เอาเก็บไว้ใส่ครั้งหน้า ไม่สิ ผมว่าเราไปหาซื้อแบบนี้มาอีกดีกว่า”“ไม่นะคนบ้า อื้อ…..อื้มม
งานแต่งงาน “เจ้าสาวโยนช่อดอกไม้นะครับ หนึ่ง… สอง… สาม”คนที่รับได้คืออัยเรศตามที่คาดเอาไว้ กวีภพหันมายิ้มและปรบมือให้พร้อมกับส่ายหัว ไม่คิดว่าคู่หมั้นสาวจะรับช่อดอกไม่ได้อีกครั้ง“ช่อที่สองแล้วนะครับคุณหมอเห็นทีครั้งนี้คงต้องแต่งแล้วล่ะครับ”“คุณพิรัชย์ครับ อย่าลืมสิครัวว่าคุณต้องรีบทำแหวนแต่งงานให้พวกเราก่อน”“เรื่องนั้นไม่ลืมแน่ครับแต่ว่าดูเหมือนว่าครั้งนี้คุณอัยย์จะจริงจังนะครับเนี่ย รีบตามมานะครับ นี่ของผมเข้าเดือนที่สามแล้ว”“อะไรนะครับนี่... คุณริต้า…”“ครับ ผมรีบน่ะครับใครให้เธอเอาแต่เดินสายทำงานไม่สนใจผมล่ะครับก็มัดมือชกทำให้ท้องซะจะได้พักยาว ๆ จากนี้ก็ไม่มีใครแย่งแล้ว”“งั้นผมจะต้องจำไปใช้บ้างแล้ว อัยย์ไม่ยอมหยุดทำงานนี่ขนาดว่าผม….”กวีภพเงียบไป พิรัชย์รู้ดีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงหันมามองหมอที่เริ่มไม่มั่นใจในตัวเองเสียแล้ว“คุณยังฉีดยาให้เธออยู่สินะ ผมขอแนะนำแบบนี้นะครับหมอ”ทั้งคู่กระซิบกันพร้อมกับกวีภพที่หันมายิ้มน้อย ๆ ให้คนมีประสบการณ์มาก่อนอย่างพิรัชย์ที่ล่วงหน้าแต่งงานแบบสายฟ้าแลบกับนางแบบสาวจนช็อกวงการธุรกิจไปเมื่อสองเดือนก่อน ซึ่งในงานนั้นอัยเรศก็รับช่อดอกไม้เ
“สวัสดีค่ะ เรียกอัยย์เฉย ๆ ก็ได้ค่ะ ยินดีด้วยนะคะคุณมุกที่การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี”“นี่หมอชลวัตรเจ้าของไข้และเป็นคู่หมั้นของน้องมุก”“สวัสดีค่ะคุณหมอ”“คุณอัยย์จำผมไม่ได้เหรอครับ”“คะ”อัยย์กับหมอภพหันมามองหน้ากันซึ่งเธอมั่นใจว่าเธอไม่เคยพบแพทย์แผนกอื่นนอกจากหมอภพมาก่อนเลยในโรงพยาบาล“เราเคยพบกันเหรอคะ”“นานมาแล้วครับ ผมกับคุณอัยย์เดินชนกันที่หน้าร้านอาหารแต่ตอนนั้นผมไม่คิดว่าหมอภพจะรู้จักคุณอัยย์”“ร้านอาหาร… วันนั้น!! เป็นคุณหมอเองเหรอคะ”“ร้านอาหาร อย่าบอกว่าคือวันที่…”“ใช่ค่ะวันนั้นแหละ”หมอภพหันมาลูบศีรษะของแฟนสาวของเขาด้วยความเอ็นดู หากเธอรออีกนิดเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมดนั่นคงไม่เกิดขึ้นสินะ แค่เสี้ยววินาทีจริง ๆ “วันนั้นผมเห็นคุณอัยย์รีบ ๆ เดิมทีก็จำไม่ได้แต่มุกบอกว่าเธอเป็นแฟนคลับคุณอยู่ผมเลยจำได้จากป้ายโฆษณาทั่วเมือง…มุก ร้องไห้ทำไมครับ”ทุกคนหันไปมองที่มุกดาที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่ที่โต๊ะด้วยความตกใจเธอนั่งร้องไห้และมองมาที่อัยเรศและหันไปกระตุกแขนคู่หมั้นหนุ่ม“มุกจะเก็บเอาไว้บอกคุณแม่ คุณพ่อ ไม่สิ ๆ ป้าแหววและคนที่บ้าน บอกลูกบอกหลานด้วย ในตัวของมุกมีเลือดของคุณอัยย์ ดาราที่
“ที่จริงจะบอกว่าพิรัชย์เป็นฝ่ายทิ้งก็ไม่ได้หรอก เพราะตั้งแต่ตอนแรกถ้าจะให้พูดจริง ๆ ยัยเด็กนั่นเอาแต่ตามเขาอยู่ฝ่ายเดียวต่างหาก สุดท้ายเหมือนว่าจะมีคนปล่อยคลิปหลุดของเธอกับเสี่ยคู่แข่งของแอลจิวเวอร์รี่ออกมาคุณพิรัชย์ก็เลยใช้เรื่องนี้สั่งห้ามไม่ให้เธอเข้ามาวุ่นวายกับเขาอีก”“อะไรนะ คลิปหลุดงั้นเหรอ”“ใช่ คือถ้าเป็นแค่คลิปกับคนทั่วไปเขาก็คงไม่สนใจหรอกแต่นี่ดันไปนอนกับฝ่ายคู่แข่งทางการค้าของเขาเธอคิดว่าคนอย่างคุณพิรัชย์จะยอมร่วมงานกับคนที่ยอมนอนกับศัตรูของเขาเหรอ”“แล้วเรื่องที่ฝรั่งเศสล่ะ”“ก็ถูกจับเข้าคุกไปเจ็ดวันไม่มีใครกล้าไปประกันตัวเธอออกมาเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเกี่ยวข้องกับคนร้าย อีกอย่างพอกลับมาบริษัทก็ฉีกสัญญาทิ้งทันทีเพราะว่าเธอทำผิดกฎ ตอนแรกทำท่าว่าจะไม่ยอมแต่พอเอาเรื่องกฎหมายมาคุยก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่กล้าพูดอะไรอีก คงขยาดกับคุกน่ะ”“เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้”“เอาเถอะ ตอนนี้เธอดีขึ้นแล้วฉันก็เบาใจ”“ขอบใจนะริต้า”“ยัยเพื่อนเลิฟ มากอดอีกที”ทั้งสองคุยกันอยู่พักใหญ่จนหมอกวีภพกลับเข้ามาอีกรอบ พวกเขาเชิญเธอไปทานข้าวหลังจากที่อัยเรศออกจากโรงพยาบาล ริต้ารับปากก่อนจะกลั
“คุณคิดมากไปแล้วค่ะ อัยย์กับคุณพิรัชย์เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น”“ก็ได้ ในเมื่อคุณบอกว่าแค่เพื่อนร่วมงานผมก็จะเชื่อคุณ ข้าวคงจะมาแล้วเดี๋ยวผมจะเอาเข้ามาให้” สามวันที่อัยเรศต้องนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล คุณหมอกวีภพแทบจะไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมเธอเลยเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องระหว่างที่เขาต้องทำงาน แม้ว่าพยาบาลในแผนกจะคอยช่วยเขาเป็นหูเป็นตาแทนก็ยังไม่พ้นที่หมอภพจะต้องวิ่งมาห้องพักผู้ป่วยในทุก ๆ สองชั่วโมง“ฉันมาเยี่ยมอัยเรศ”“แต่ว่า...”“ฉันเป็นนักแสดงสังกัดเดียวกับเธอ”“เชิญครับ”ประตูห้องคนไข้เปิดออกพร้อมกับกระเช้าเยี่ยมไข้ที่นางแบบสาวชื่อดังเดินถือมา รปภ. หน้าห้องยอมให้เธอเข้ามาเพราะคิดว่าทั้งสองน่าจะรู้จักกันดีแต่เขาก็โทรแจ้งหมอกวีภพทันทีเช่นกัน“อะไรกันนี่สภาพแม่ดาราสาวคนดังร้อยพรีเซ็นเตอร์คนนั้นที่มีป้ายบิลบอร์ดทั่วกรุงเทพฯ งั้นเหรอ”อัยย์หันมามองหน้าและยิ้มเหยียดส่งให้คนที่พึ่งเดินกรีดกรายเข้ามาพร้อมกับกระเช้าผลไม้“ทำไมล่ะจะมาเพื่อสมน้ำหน้าฉันหรือยังไงเห็นว่าฉันป่วยแบบนี้คงสะใจแล้วสินะ วันนี้มาเพื่อความสะใจหรือยังไง”“สำคัญขนาดนั้นเลยสินะ หึ ฉันก็แค่รีบมาดูใจนึกว่าใกล้จะตายแล้
อัยเรศสลดลงเพราะไม่คิดว่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ที่รู้มามันจะไม่เป็นอย่างที่คิด เธอตัดสินเขาไปแล้วจากเรื่องที่เธอเห็น คิดและรับรู้มา จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่กล้ามองหน้าเขา“เงยหน้าขึ้นมา”“คุณหมออยากพูดอะไรก็พูดมาสิคะ”“ทำไมละทีแบบนี้ไม่กล้าสบตางั้นเหรอ”“ถ้าไม่พูดอัยย์จะนอนแล้ว”“อย่าหนีสิ มาหนีตอนนี้ไม่คิดว่ามันช้าไปหน่อยเหรอคุณหนีผมมาได้เกือบสามเดือนเลยนะดูสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเราสองคน ไม่รู้สึกผิดยังไม่เท่าไหร่แต่เอาแต่หนีแบบนี้มันไม่เหมือนเด็กไปหน่อยเหรอ”“ไม่ได้หนีสักหน่อย”“งั้นจะฟังได้แล้วใช่ไหม”“ได้แล้ว”หมอหน้านิ่งดึงเก้าอี้เข้ามานั่งข้าง ๆ เตียงคนไข้สุดดื้อที่พ่วงตำแหน่งแฟนก่อนจะดึงมือของเธอมาจับเอาไว้ ตอนนี้อัยเรศไม่สามารถขัดขืนเขาได้เพราะเขาจะไม่ยอมให้เธอได้แผลงฤทธิ์อะไรต่อหน้าเขาอีก“อย่าคิดจะหนีอีกเชียว ฟังให้ดี”“ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ”“ผมกับมุกดาเราสองคนโตมาด้วยกัน พ่อแม่สนิทกันก็เลยเคยทาบทามเรื่องหมั้นหมายแต่พวกเราต่างคนต่างเติบโตมาและผมก็ไม่ได้ชอบเธอแบบนั้น มุกดาเองก็เช่นกัน”“….”อัยย์เริ่มกัดปากตัวเองเพราะเธอเริ่มอายที่เข้าใจผิดมาร่วมสามเดือนกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแล
“อาการอื่นไม่มีปัญหาแต่ว่าเธอยังมีไข้และร่างกายอ่อนแอมาก ต้องนอนพักรักษาตัวที่นี่”“คุณหมอคะแต่ว่า...”“เรื่องงานผมคิดว่าคุณคงเคลียร์ได้ ผมไม่ยอมให้เธอออกจากโรงพยาบาลจนกว่าอาการเธอจะดีขึ้น”“เข้าใจแล้วค่ะ”“หากว่าเธอจะโกรธก็ให้มาคุยกับผมเพราะผมเป็นหมอเจ้าของไข้ ไม่มีข้อต่อรอง คุณรินคุณใช้งานแฟนผมหนักเกินไปแล้ว”“ที่ไหนละคะ ทางนั้นรับงานไม่พักคุณหมอไม่รู้จริง ๆ เหรอคะว่าทำไมอัยย์ถึงได้ป่วยแบบนี้”“พี่ริน… น้ำ”หมอภพรีบวิ่งไปที่เตียงผู้ป่วยทันทีเมื่อได้ยินเสียงของอัยย์ที่ตื่นขึ้นมา เธอได้ยินเสียงคุยกันแต่จับใจความไม่ได้จึงได้พยายามเรียกระริน“ค่อย ๆ นะไม่ต้องลุกเดี๋ยวผมปรับจะเตียงให้”อัยย์ที่ยังลืมตาไม่เต็มที่ค่อย ๆ กะพริบตาขึ้น เหมือนว่าเธอจะหลับไปนานมากและเมื่อเตียงค่อย ๆ ถูกปรับขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยแต่อัยย์ก็ยังไม่ได้ลืมตามามอง“ค่อย ๆ นะนี่หลอด อย่าพึ่งดื่มเร็ว ค่อย ๆ จิบ”เธอทำตามเสียงนั้นเพราะหมดเรี่ยวแรงที่จะพูดและเหมือนกับว่ายังฝันอยู่ ฝันว่ามีเขามาดูแลเธออยู่ใกล้ ๆ ฝันว่าได้นอนหนุนตักและอ่านบทละครและงานในวันหยุดอย่างที่เคยเป็นเมื่อหลายเดือนก่อน“พอแล้ว”“ตอนนี้คุ
คำพูดของเธอทำเขาอึ้งไป เขารู้ว่าเธอต้องตรวจสอบประวัติของมุกดาแต่ไม่คิดว่าจะรู้ถึงขนาดนี้แต่ทำไมถึงไม่ถามเขาสักคำว่ามันเกิดอะไรขึ้น“คุณรู้แล้วเหรอ”“ใช่ค่ะแต่นั่นไม่ใช่ความผิดใครเพราะฉันยินดีที่จะบริจาคเลือดอยู่แล้ว ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ไม่เกี่ยวกับฉัน”“แล้วทำไมคุณต้องโกรธมากขนาดนี้”“คุณก็ลองนึกกลับไปสิคะ ว่าทำไมฉันถึงตัดสินใจแบบนี้ขอตัวนะคะน้ำหวานคงรออยู่”“เดี๋ยว อัยย์ ผมขอโอกาส…”“พอเถอะค่ะคุณหมอ เราอย่าเกี่ยวข้องกันอีกเลย การทำงานของเรา ชีวิตส่วนตัวของพวกเราและความเข้าใจกันมันแทบจะไม่มีเลย คุณเป็นหมอส่วนฉันเองก็ไม่ได้มีเวลาที่จะตามอธิบายกับคุณได้ทุกเรื่องเวลาที่คุณหึงหรือไม่พอใจ เวลาการทำงานของคุณยุ่งจนแทบจะไม่มีเวลา ส่วนฉันต้องทำงานกับคนมากหน้าหลายตาไม่อยากระแวงว่าวันไหนคุณจะก่อเรื่องเพราะความหึงของคุณอีก”“คุณตัดสินใจแบบนี้จริง ๆ เหรอ”“ค่ะ ฉันคิดมาดีแล้ว”มือของเขาค่อย ๆ ปล่อยจากแขนของเธอก่อนที่อัยเรศจะเดินออกจากห้องไป หมอภพค่อย ๆ ยืนมองและกัดกรามแน่น เธอไม่ได้โกรธเขาที่ไม่บอกเรื่องมุกดา ไม่ได้โกรธที่เขาไปกินข้าวกับมุกดา แต่โกรธเพราะคิดว่าเขาโกหกเธอว่าในวันนั้นเขาต้องเข้า
“พี่อัยย์วางไปแล้วเหรอคะอาหมอ”“คงจะแบบนั้นแหละพี่อัยย์น่าจะไม่สบายเราอย่าไปรบกวนเธอเลยนะ ว่าแต่วันนี้รู้สึกยังไงบ้างยังเจ็บแผลอยู่ไหม”หลังจากที่เขาพบเธอที่ร้านอาหารเขาก็พยายามติดต่อเธอไปหลายครั้งแต่ดูเหมือนว่าอัยเรศจะตัดทุกทางการติดต่อของเขาจนหมด แม้แต่ไลน์ก็ไม่เปิดอ่านสิ่งเดียวที่เขาคิดคือเธอคงบล็อกเขาไปเรียบร้อยแล้วและไม่ให้โอกาสเขาแม้แต่จะได้อธิบายกับเธอ“อาหมอทะเลาะกับพี่อัยย์เหรอคะ”“เปล่านี่ครับทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ”“ก็พี่อัยย์ป่วยแต่ไม่มาโรงพยาบาลให้คุณอารักษาก็แสดงว่าพวกคุณทะเลาะกัน พี่อัยย์โกรธคุณอาสินะคะ”“น้ำหวาน ไม่เอาสิลูกเรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่”“คุณแม่ แต่ว่าพี่อัยย์ไอบ่อยมากและเสียงของพี่อัยย์ก็แหบจนไม่มีเสียงเลยนะคะแต่พี่อัยย์ก็ยังพยายามคุยกับน้ำหวาน ถ้าพี่อัยย์ป่วยหนักจะทำยังไงคะ”“เอาล่ะคนเก่ง อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ รอแผลแห้งอีกสามวันและเปลี่ยนผ้าพันแผลนะครับ”“ขอบคุณค่ะอาหมอภพ”กวีภพเดินออกมาจากห้องพักฟื้น สิ่งที่น้ำหวานพูดก็ดูจะไม่ใช่เรื่องผิดเพราะเขาก็ได้ยินเสียงเธอแวบหนึ่งและทันได้เห็นเธอที่แปะแผ่นแก้ไข้เอาไว้ หากว่าเธอป่วยจริง ๆ เขาก็คงทนไม่ได้และต้