"หม่อมฉันมาเข้าเฝ้าวันนี้เพราะเป็นห่วงพลานามัยพระองค์จริง ๆ เพคะ ช่วงนี้ไหนเลยจะต้องทรงสอนงานให้กับองค์ชายสามแล้วยังต้องดูฎีกาจากเหล่าขุนนางอีก""เรื่องเฟยเอ๋อร์ไม่มีอะไรให้เราเหนื่อยทั้งสิ้น โอรสเราผู้นี้หัวไวแถมยังเฉลียวฉลาดใช่ย่อย"ได้ยินคนรักของตนเอ่ยชมลูกของศัตรูเช่นนี้ใครจะไปทนได้ จางปิงกุ้ยเฟยถึงกับกัดเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อความคุมอารมณ์โกรธที่สุมในอก"ไม่น่าเชื่อว่าคนหลังเขาอย่างองค์ชายสามจะมีพรสวรรค์มากมายเช่นนี้ สมแล้วที่เป็นโอรสของมังกรผู้ยิ่งใหญ่เช่นฝ่าบาท"แม้จะเป็นการฝืนเชยชมคนที่เกลียดแต่เวลาเช่นนี้นางต้องทำให้แนบเนียนที่สุดเพื่อเอาใจพระสวามี"พูดได้ดี พูดได้ดี"นี่ฝ่าบาททรงหลงใหลพระโอรสพระองค์นี้มากมายเช่นนี้เชียวหรือ ถึงว่าวันนั้นถึงได้ตำหนิซินเอ๋อร์จนอับอายต่อหน้าอี้เฟยเช่นนั้นในใจทีแต่ความเคียดแค้นเพิ่มทวี เสียงแห้ง ๆ จากฝ่าบาทดังขึ้นนางจึงรีบเทน้ำชาถ้วยใหม่ส่งให้คนคอแห้งจิบ"อืม ชานี้เลิศรสจริงหากเฟยเอ๋อร์ได้ดื่มคงผ่อนคลายไม่น้อย"เฟยเอ๋อร์ เฟยเอ๋อร์ เฟยเอ๋อร์! เป็นชื่อนี้อีกแล้ว ช่วงนี้รู้สึกว่าในใจของฝ่าบาทจะมีเพียงแค่ชื่อโอรสที่เกิดจากเขาและอดีตฮองเฮาเท่านั้น"เช
"พี่ห้าดุข้าทำไม"แม้ปีนี้องค์ชายอี้หยังจะถึงวัยสวมกวานได้แล้วแต่นิสัยเขากลับทำตัวไม่โตสักที ทำให้จางปิงกุ้ยเฟยไม่ค่อยใส่ใจโอรสพระองค์นี้นัก"แม่กับพี่ห้ากำลังคุยเรื่องสำคัญ เจ้าออกไปเล่นกับนางกำนัลก่อนไป""ขอรับ ไปกันเจ้ากระต่ายผู้น่าสมเพช ข้าไม่น่าพรากเจ้าออกมาจากครอบครัวเจ้าเลย"องค์ชายสิบอี้หยังเอื้อนเอ่ยเห็นใจและสำนึกผิดต่อกระต่ายที่อยู่ในมือ"เจ้านี่ใจอ่อนเสียจริง สงสารได้แม้กระทั่งสัตว์ที่เกิดมาเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์ งั้นก็เอาไปปล่อยให้มันกลับไปอยู่กับครอบครัวมันไกล ๆ เลยไป"องค์ชายอี้ซินผู้พี่ส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นน้องชายจิตใจอ่อนแอเกินกว่าจะเกิดมาเป็นบุรุษเยี่ยงนี้"เจ้ากระต่ายไม่มีครอบครัวแล้ว ก่อนที่ข้าจะเอาตัวมันมาข้าคิดว่ามันต้องหนีกลับไปหาครอบครัวมันเช่นเดิมจึงจัดการเผาโพรงพวกมันจนมอดไหม้ ตัวอื่น ๆ ล้มตายบ้าง กระจัดกระจายหนีตายกันบ้างจนเหลือมันตัวเดียว"ให้มันได้เช่นนี้สิถึงจะเรียกว่าสายเลือดเดียวกัน"เสด็จแม่ ลูกมีแผนแล้วพ่ะย่ะค่ะ"ได้ยินสิ่งที่ผู้น้องเล่าสมองถึงกับแล่นขึ้นมาทันที"หยังเอ๋อร์กลับตำหนักไปก่อนเถิด เอากระต่ายตัวนั้นไปเลี้ยงให้อ้วนพลี เพราะมันช่วยให้พี่ใหญ่
"น่าขายหน้ายิ่งนัก หม่อมฉันแอบท่านพ่อเรียนเพลงกระบี่นี้เท่าใดก็ยังรำกระบี่ไม่สง่าคล่องแคล้วเช่นผู้อื่นสักที""ใครบอกเจ้า ท่วงท่าเมื่อครู่ของเจ้าสวยงามที่สุดแล้ว ทำให้ข้านึกถึงสหายผู้หนึ่ง"หัวใจนางกระตุกวูบ แม้จะเป็นบทเพลงกระบี่ทั่วไป แต่นางคิดว่าการร่ายรำเมื่อครู่คือตัวตนของเฟิงซูเหยามิใช่ฟ่างเซียนเซียน องค์ชายห้าที่เคยร่วมรำกระบี่คู่กับนางเมื่อชาติที่แล้วต้องสังเกตมันได้แน่"องค์ชายห้ารำกระบี่เป็นด้วยหรือเพคะ หม่อมฉันได้ยินมาว่าพระองค์สนใจแต่งกาพย์กลอนกับว่าราชการมากกว่า"แม้ใจใจจะหวาดหวั่นแต่เฟิงซูเหยาก็แก้ไขสถานการณ์พาองค์ชายอี้ซินไขว้เขวไปทางอื่นอย่างไร้พิรุธ"ขนาดสตรีเช่นเจ้าที่ร่างกายอ่อนแอแต่เด็กยังทำได้ ข้าดูไร้แววพอจะจับกระบี่บ้างเลยหรือไร"เฟิงซูเหยาก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการขออภัยคนตรงหน้า"หม่อมฉันมิกล้าเพคะ ไม่ทราบว่าสหายที่องค์ชายเอ่ยถึงเมื่อครู่คือผู้ใดกันเพคะ""สหายข้าเป็นสาวงามผู้หนึ่ง หากแต่วาสนานางน้อยด่วนจากข้าไปเมื่อสองเดือนก่อนนี่เอง""พระองค์คงอาลัยอาวรณ์แม่นางผู้นั้นมาก"ในคำถามนั้นมีแต่ความเคียดแค้นในใจแต่ต้องกักกั้นความเคียดแค้นไว้แสดงออกว่าเป็นสตรีไร้เดียง
"แล้วองค์ชายสามเล่า""ขอยืมสตรีของท่านพี่แค่วันเดียว คนใจกว้างเช่นเขาคงไม่ว่ากระไร""หม่อมฉันขอปรึกษาเรื่องนี้กับองค์ชายสามก่อนนะเพคะ""ตามสบาย"เหตุใดนางรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นอี้ซินผู้นี้ยิ่งเป็นพวกไร้พิษมิใช่ชายอยู่ด้วย"เช่นนั้นข้ากลับก่อนแล้วกัน ปิ่นนั้นเหมาะกับเจ้ามาก วันงานข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะเลือกเป็นหนึ่งในเครื่องประดับไปงาน"เฟิงซูเหยามิได้ตอบกลับ นางทำเพียงคลี่ยิ้มบาง ๆ แล้วน้อมส่งผู้มาเยือนคล้อยหลังองค์ชายอี้ซิน ความว้าวุ่นในใจทำให้นางต้องรีบไปหารือกับอีกคน"อาถัง อาถัง เจ้าอยู่แถวนี้หรือไม่"เฟิงซูเหยาตะโกนเรียกหาสาวใช้ ไม่นานคนถูกเรียกรีบวิ่งเข้ามาทันที"อาถังอยู่นี่เจ้าค่ะ คุณหนูเป็นอะไรหรือเจ้าคะ""สั่งคนเตรียมรถม้า ข้าจะไปพบองค์ชายอี้เฟย"อาถังได้รับคำสั่งเสร็จจึงเร่งออกไปจัดการทันที"ครั้งนี้เจ้าคิดชั่วอันใดอีกนะ องค์ชายห้า"เสียงแผ่วเบามีแต่ความกังวลในอก นางต้องคิดให้ออกเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องร้ายจนแผนการล้างแค้นในครั้งนี้ผิดพลาดไปด้วยตำหนักสนธยา..."เจ้าคิดเห็นเช่นไรกับของสองสิ่งนี้"องค์ชายอี้เฟยเอ่ยถามเฟิงซูเหยาที่เพิ่งเดินทางมาถึง
"เจ้ามิโกรธข้าใช่หรือไม่ที่ไม่รีบบอกเรื่องนี้""หม่อมฉันหรือจะกล้า เป็นเช่นนี้ดีแล้วเพคะ รู้น้อยคนใต้เท้าเหม่ายิ่งปลอดภัย"ปลอดภัยตอนที่ยังมีประโยชน์หรอกนะ หากนางทวงแค้นจากเจ้านายเก่าเขาได้สำเร็จ โทษตายที่เคยขีดไว้นางย่อมสนองให้เขาตามปณิธานที่ตั้งไว้ดังเดิม"ข้าเคยปิดหูปิดตารับใช้คนชั่วมาหลายปี บัดนี้ข้าตาสว่างแล้ว หากมีสิ่งใดที่พอช่วยพวกท่านได้ข้ายินดีทำ""เจ้าคงมิพลิกลิ้นในภายหลังใช่หรือไม่"ไป๋เจิ้นหยางถามได้สะใจสตรีนางเดียวที่อยู่ตรงนี้เสียจริง"ข้าขอสาบานต่อสวรรค์ หากเหม่าทันหักหลังองค์ชายสามและมิตรสหาย ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ไม่ตายดี"เฟิงซูเหยาแอบลอบยิ้มในใจสวรรค์กำหนดชะตาเจ้าไว้แล้วถึงได้ส่งนางกลับมาเกิดใหม่เร็วเช่นนี้อย่างไรเล่า"งั้นท่านช่วยพวกข้าคิดที เหตุใดตำหนักกุ้ยเฟยที่ไม่เคยคิดเชิญองค์ชายสามไปร่วมงานฉลองวันประสูติกุ้ยเฟยสักครั้งถึงได้ส่งเทียบเชิญนี้มา"ไป๋เจิ้นหยางเป็นหัวเรือออกคำถามอย่างตรงไปตรงมา"เรื่องนี้แปลกจริง ๆ งานเฉลิมฉลองของกุ้ยเฟยไม่เคยเชิญองค์ชายพระองค์อื่นด้วยเทียบเชิญเช่นนี้ นอกจากฝ่าบาทจะรับสั่งเป็นราชโองการให้องค์หญิงและองค์ชายพระองค์อื่นเข้าร่วมงานด้วยพระอ
"ล่อเสือออกจากถ้ำ""เพคะ" เฟิงซูเหยาพยักหน้าให้อี้เฟยที่เดาถูก"จะไม่หยามเกียรติไปหน่อยหรือ ส่งคนค้นตำหนักองค์ชายลับหลังเช่นนี้""ข้าไม่เคยมีเกียรติสำหรับคนพวกนั้นอยู่แล้ว"อี้เฟยรีบตอบศิษย์พี่เขาด้วยเสียงเรียบเฉย"เช่นนั้นข้าน้อยคงอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ข้าน้อยไม่อยากนำความเดือดร้อนมาสู่พระองค์"เหม่าทันสำนึกผิดยามนี้ก็สายไปเสียแล้ว แม้แต่จะกลับตัวกลับใจสวรรค์ยังไม่เมตตา"ใต้เท้าเหม่าจะไปที่ใดไม่ได้เจ้าค่ะ"เฟิงซูเหยารีบห้ามคนกลัวตายที่พูดเหมือนเป็นห่วงผู้อื่น"เหตุใดคุณหนูสามถึงได้ห้าม หากองค์ชายห้ามาค้นตำหนักแล้วเจอตัวข้าเข้าจริง ๆ องค์ชายสามต้องทรงเดือดร้อนเป็นแน่""หากท่านหายตัวไปแล้วเกิดถูกจับได้ขึ้นมาเท่ากับเข้าแผนที่คนพวกนั้นอยากให้เป็น""แผนอันใด" ไป๋เจิ้นหยางถาม"ยิงเกาทัณฑ์เดียวได้เหยี่ยวสองตัว""ถูกต้องเพคะ"อี้เฟยหลักแหลมนักเขาตอบสิ่งที่อยู่ในใจเฟิงซูเหยาออกมาถูกหมด"หากเป็นเช่นนั้นจริง องค์ชายห้าช่างเป็นบุรุษเจ้าเล่ห์ คิดจะถอนรากถอนโคนศัตรูทั้งหมดด้วยการลงมือแค่ครั้งเดียว"ไป๋เจิ้นหยางว่าแล้วก็ขยาดคนที่เขาพูดถึง โชคดีที่ไม่ได้เป็นมิตรสหาย ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีหน้าสู่ผ
"ข้าขอตัวไปสนทนากับเหล่าขุนนางแทนเสด็จแม่สักประเดี๋ยวพะย่ะค่ะ"สายตาดุจเหยี่ยวมองเห็นสตรีนางหนึ่งที่นั่งอยู่กับบรรดาลูกหลานขุนนางตามชั้นบรรดาศักดิ์ที่จัดลำดับไว้จึงปลีกตัวออกมาหวังไปหานางวันนี้เฟิงซูเหยาเข้างานมาพร้อมกันกับองค์ชายสามก็จริง ทว่านางรู้จักเจียมตัวจึงขอนั่งตรงนั้นเพื่อไม่ให้อี้เฟยถูกเหล่าขุนนางตำหนิได้ว่าพาสตรีต่ำศักดิ์ร่วมวงอาหารกับเชื้อพระวงศ์"แม่ฝากเจ้าเป็นธุระให้ด้วย"จางปิงกุ้ยเฟยรีบกช่าวบอกโอรสแล้วหันมารั้งองค์ชายอี้เฟยที่เตรียมจะเอ่ยขัดคออีกคนเอาไว้"องค์ชายสามทรงให้เกียรติมางานเล็ก ๆ ของข้าในวันนี้ช่างเป็นวาสนายิ่งนัก"แม้น้ำเสียงจะให้เกียรติ แต่ในใจนางกลับตรงกันข้าม"กุ้ยเฟยทรงกล่าวเกินไปแล้ว ข้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบพระทัยพระนางที่ส่งเทียบเชิญไปให้""เฟยเอ๋อร์ เจ้าได้ชาผู่เอ๋อร์และโสมพันปีที่พ่อสั่งให้กุ้ยเฟยนำไปให้หรือยัง"จางปิงกุ้ยเฟยถูกตัดหน้าแย่งคนคุยอีกแล้ว เหตุใดวันนี้วันสำคัญของนางผู้เป็นพระสวามีถึงไม่สนใจดูดำดูดีนางสักหน เอาแต่แย่งคุยกับโอรสที่ไม่เคยชุบเลี้ยงราวกับไม่เห็นหัวนางและลูกคนอื่น ๆ"หม่อมฉันได้รับแล้ว ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา"ทุกครั้งท
"องค์ชายโปรดระวังตัว อย่าดื่มสุราจากไหอื่นที่กุ้ยเฟยและองค์ชายห้าไม่ดื่มเด็ดขาด""ข้าเข้าใจแล้ว""ตอนนี้หม่อมฉันจะพักอยู่ที่นี่จนกว่าพิษจะสลาย""เจ้าอยู่คนเดียวได้ หรือว่าจะให้ข้าเรียกต้าลู่มาอยู่เป็นเพื่อน"เหล่าองครักษ์ส่วนตัวจะถูกกันให้อยู่คุ้มกันด้านนอกเขตชายป่าห่างไปครึ่งลี้[1]จะมีเพียงองครักษ์ของฮ่องเต้ที่ให้รักษาพระองค์อยู่ใกล้ ๆ ระยะ 10 ผิง[2]"หม่อมฉันอยู่ได้เพคะ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น พระองค์ต้องปกป้องฝ่าบาทเป็นอันดับแรก"เหตุใดจู่ ๆ นางถึงได้พูดเหมือนเป้าหมายครั้งนี้มิใช่ตนแต่เป็นเสด็จพ่อเขาเช่นนี้"เจ้ารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนิมิตรล่วงหน้าอีกแล้วหรือ"ความสามารถรู้เห็นล่วงหน้ามีที่ไหนกัน ตอนนี้นางมีแค่ลางสังหรณ์เท่านั้นจึงได้เตือนออกไป"เพคะ ขออย่าให้เป็นดั่งที่หม่อมฉันคิดเลย"นางเผลอกุมมืออี้เฟยเอาไว้จนเขาสัมผัสได้ว่าฝ่ามือนางช่างเย็นแต่เหงื่อกลับออกเต็มมือ"หากเกิดอะไรขึ้น ข้าจะปกป้องเสด็จพ่อรวมถึงเจ้า"ดวงตาสีรัตติกาลสบมองดวงตาสีประหลาดที่ยากจะหาได้จากมนุษย์ทั่วไปอย่างหลากหลายความรู้สึก'หากเกิดอะไรขึ้นในครั้งนี้หม่อมฉันจะขอใช้ชีวิตปกป้องพระองค์เช่นกัน'ชาติก่อนนางเกือบฆ
ภายในฐานทัพของศัตรู เฟิงซูเหยาทำร้ายทหารของข้าศึกเพื่อชิงชุดของฝั่งนั้นมาใส่จะได้เดินไปไหนมาไหนในฐานทัพศัตรูได้ง่าย ๆ"ช้าก่อน!"เสียงนายกองที่เดินลาดตระเวนผ่านมารั้งไว้"พลทหารลาดตระเวนกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด"เฟิงซูเหยาได้ยินคำถามคิดครู่หนึ่งจึงดัดเสียงให้ใหญ่ตอบ"ข้าน้อยจะไปเข้าห้องน้ำขอรับ"เฟิงซูเหยาตอบแต่ไม่หันหน้ากลับไป"เจ้าเป็นทหารใหม่หรือถึงไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทิศทางใด"คนถูกถามในชุดที่ปลอมตัวอยู่ถึงกับเลิ่กลั่ก หูที่แสนดีได้ยินเสียงทหารด้านหลังชักกระบี่ขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่เชื่อใจนางแล้วมือแน่งน้อยค่อย ๆ หยิบเข็มพิษที่ซ่อนไว้ในผ้ารัดข้อมือออกมาเตรียมซัดใส่ศัตรู ทว่า..."อั่ก!"เสียงหล่นตุ้บของร่างกำยำดังขึ้นทำเอานางรีบหันกลับไปดู"อาเฟย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นฝีมือผู้ใดเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจเล็กน้อย"ท่านมาได้เยี่ยงไร"เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ทักทายกลับจึงรีบวิ่งเข้าไปใกล้แล้วชวนคุย"หากข้ามาช้างานแต่งอีกสามวันข้างหน้าคงไร้เจ้าสาวเคียงข้างไปแล้ว"อี้เฟยพูดตัดพ้อใบหน้าเงียบขรึม"ท่านช่างพูดเกินไปเมื่อครู่ข้าคนเดียวก็เอาอยู่"เฟิงซูเหยาย่นจมูกทำท่าทางแง่งอนใส่อีกคน"เอาอยู่น่
“เช่นนั้นช่วยป้าล้างผักตรงนั้นแล้วกัน”เสิ่นอี้มองตาเด็กน้อยก็รู้แล้วว่านางคงมีความทุกข์ในใจจึงไม่ใส่ใจถามสิ่งที่เฟิงพูดค้างคาเอาไว้ต่อ“วันนี้ท่านป้าจะทำกับข้าวเลี้ยงฉลองหรือเจ้าคะ”เฟิงมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วนางเห็นความเป็นอยู่ของทั้งสองคนว่ากินอยู่เช่นไร พอมาวันนี้เห็นของที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้านางรู้ในทันทีว่าต้องเป็นของที่ทำเพื่อเลี้ยงฉลองแน่นอน“วันนี้วันเกิดเฟยเอ๋อร์”เฟยเอ๋อร์หรืออี้เฟยดรุณที่เป็นคนยื่นมือพาเฟิงน้อยคนนี้ออกมาจากตรอกน่ากลัวแห่งนั้น“ข้ามิรู้ว่าวันนี้วันเกิดเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้เตรียมของขวัญไว้”เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณสำหรับนาง วันสำคัญเช่นนี้เฟิงยังตอบแทนอี้เฟยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ช่างไม่สมกับที่เขาให้ชีวิตใหม่นางเอาเสียเลย“ไม่ต้องคิดมาก งั้นวันนี้ป้าจะสอนเฟิงทำอาหารโปรดเฟยเอ๋อร์ดีหรือไม่”เฟิงพยักหน้าอย่างระรื่น นางไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญที่เป็นสิ่งของเสมอไป หากเป็นการทำอาหารแม้รสชาติจะไม่ได้เลิศรสเท่ากับพ่อครัวแม่ครัวที่อื่น แต่นางก็จะตั้งใจเรียนรู้และทำให้เขาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดในวันนี้“ทานสิ”เฟิงคะยั้นคะยอให้บุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารลองทานอา
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กเสียงหอบเหนื่อยที่ดังเบาแทบจะไม่ให้ใครได้ยินแม้แต่ตัวเองดังขึ้นเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษกำลังวิ่งหลบไปตามต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อหลีกหนีการตามล่าของกองโจรที่แสนน่ากลัวเฟิงเสี้ยว“รอยเท้ามันมาทางนี้ อย่าให้มันหนีรอดไปไหนได้”เสียงหนึ่งในกลุ่มโจรที่ออกตามล่าเด็กน้อยผู้นี้ดังขึ้นร่างบอบบางคุดคู้อยู่ด้านหลังโขดหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะจนเป็นสีเดียวกับต้นไม้เพื่ออำพลางไม่ให้ถูกโจรกลุ่มนั้นตามล่าเข้า“เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าแอบซ่อนอยู่แถวนี้”รองหัวหน้ากองโจรเฟิงเสี้ยวเอ่ยชื่อของนักโทษหลบหนีเสียงเรียบเย็นดรุณีน้อยได้แต่ขดตัวสั่นแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ“ออกมาเถอะน่า ประมุขเฟิงรอเจ้าอยู่”เสียงอีกคนที่ออกตามล่าเอ่ยเรียกอีกแรง“ไม่ ข้าไม่ออก ข้าไม่อยากกลับไปฆ่าคนอีกแล้ว”เฟิงน้อยเอ่ยอย่างรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาสิบปีมานี้ แม้คนในกองโจรเฟิงเสี้ยวจะดีกับนาง แต่ก็ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น เห็นดรุณีน้อยฉลาดหัวไว สอนอะไรก็เก่งกาจไปเสียหมด ไม่ว่าจะเรื่องพิษ เรื่องต่อสู้ เฟิงผู้นี้ไม่เคยทำให้ประมุขแห่งกองโจรนี้ผิดหวังสักเรื่อง เพราะแบบนี้เขาเลยไม่ยอมเสียหมากตัวนี้ให้หนีออกไปจากกองโจรแห่งนี้“ระวังต
"อั่ก! จ...เจ้า"ดวงตาอี้ซินเบิกโพลง เลือดมากมายค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากและจมูก เฟิงซูเหยาที่ถูกกระบี่ของเขาแทงไหปลาร้าก็มีสภาพไม่ต่างจากอี้ซินเช่นกัน"รสชาติของมีดเล่มนี้ยามปักที่อกท่านเป็นเช่นไรบ้างเพคะ คุณชาย"เฟิงซูเหยากระซิบออกมาแผ่ว ๆ นางเรียกอี้ซินอย่างที่เคยเรียกตอนเป็นเฟิงซูเหยา ทำเอาคนที่คุ้นชินทั้งเหตุการณ์ทั้งสรรพนามที่เคยถูกเรียกหลุบตามองนางด้วยแววตาสั่นไหว"ตอนที่ข้าปักมันลงบนอกด้วยมือของข้าเองท่านรู้หรือไม่ว่ามันไม่เจ็บปวดเลย เพราะตอนนั้นหัวใจข้าได้ตายลงก่อนที่ข้าจะแทงขั้วหัวใจตัวเองแล้ว"เฟิงซูเหยาพรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างที่นางอยากเล่าในชาติที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสให้เขาฟังด้วยความขมขื่น"เจ้าเป็นใครกันแน่"อี้ซินฝืนรวบรวมแรงทั้งหมดเอื้อมมือที่แสนจะหนักอึ้งขึ้นมากระชากผ้าปิดหน้าของสตรีตรงหน้าออกดวงตาเขาสับสนปนวูบไหวเมื่อใบหน้านี้คือใบหน้าของฟ่างเซียนเซียน แต่ประโยคที่นางเอ่ยกับตนกลับเป็นเหตุการณ์ของอีกคนที่นางผู้นี้ไม่มีวันรู้ว่าวันนั้นเมื่อสองเดือนก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"คุณชายคงกำลังสับสนใช่หรือไม่ว่าข้ารู้เรื่องราวของเฟิงซูเหยาได้เช่นไร"รอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดพรายขึ้นบนใบหน้าสว
"อย่าคิดหนี อ๊ะ!"เฟิงซูเหยาตั้งใจจะตามสามคนนั้นไปแต่ถูกฉินเทาเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อนเสียงกระบี่ทั้งสองฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายจวบจนเฉินเทาเพลี่ยงพล้ำเสียท่าถูกเฟิงซูเหยาปลิดชีพ"สุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์ สุดท้ายเจ้าก็ตายอย่างโดดเดี่ยวอย่างน่าเวทนา"นางกล่าวอย่างสมเพชร่างไร้ลมหายใจของฉินเทา จากนั้นจึงเร่งตามสามคนนั้นไปเพื่อไม่ให้เสียเวาไปมากกว่านี้มีดสั้นที่นางเก็บไว้กับตัวถูกขว้างออกไปแต่พลาดเป้า"เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยเสียจริง อยากรู้นักว่พวกนั้นจ้างวานเจ้าเท่าใดถึงยอมเสี่ยงตายขนาดนี้"เมื่อหนีไม่พ้นอี้ซินมีเพียงทางเลือกเดียวคือหันหน้าเผชิญกับนักฆ่าสาวที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้"อย่าใช้นิสัยตนเองตัดสินผู้อื่น ไม่มีผู้ใดจ้างวานข้าทั้งนั้น หากแต่วันนี้ข้าจ้องการคิดบัญชีแค้นกับท่านด้วยเหตุผลส่วนตัว""ข้าไม่เคยรู้จักนักฆ่าเช่นเจ้ามาก่อน"หึ! แน่แหละที่เขาไม่รู้จักนางในร่างของผู้อื่นเช่นนี้"ท่านไม่รู้จักข้าแล้วเช่นไร ขอเพียงข้าจดจำความแค้นที่ท่านเคยมอบให้ข้าแต่เพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว"เฟิงซูเหยาไม่อยากเปลืองน้ำลายยิ่งกว่านี้ นางตั้งท่ากระบี่วสันหวนคืนทันที อี้ซินเห็นท่วงท่าของเพลงกระ
"ดาบนี้ตอบแทนที่ท่านพ่อชุบเลี้ยงข้ามาด้วยความเลือดเย็น"เฟิงซูเหยากระซิบแผ่วเบาข้างหูเฟิงเสี้ยวที่ถามว่านางเป็นใครเพียงแค่ได้ยินถ้อยคำนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ"จ...เจ้า เจ้ายังไม่ตาย"น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาจนเฟิงซูเหยาเองก็แทบจะไม่ได้ยิน"ข้าจะตายก่อนได้แก้แค้นคนชั่วช้าเช่นพวกท่านได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงที่ส่งออกมามีแต่ความเคียดแค้น"จ...เจ้า ..เฮือก!"มีคำพูดมากมายที่เฟิงเสี้ยวอยากเอ่ยแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเฟิงซูเหยาแทงกระบี่เข้าไปจนสุดด้ามปลิดลมหายใจเขาจนสิ้นในครั้งเดียว"แม่นางระวัง!"เฟิงซูเหยาที่ไม่ทันระวังตัวเกือบถูกมีดจากฉินเทาปลิดชีพไปแล้ว โชคดีที่ได้ฟ่างเสวียนสวี่ร้องเตือน"ยานี้ช่วยถอนพิษได้"นางรีบยื่นขวดยาถอนพิษที่พกติดตัวมาเผื่อให้ฟ่างเสวียนสวี่ก่อนจะรีบปลีกตัวหนีไปปิดบัญชีแค้นในครั้งนี้หมับ!ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนด้วยฝ่ามือแกร่งของฟ่างเสวียนสวี่เอง"เซียนเอ๋อร์ นั่นเจ้าใช่หรือไม่"บิดาที่ไหนกันจะจำเพียงแววตาของบุตรสาวตนเองไม่ได้ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเพียงแววตาของฟ่างเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังประมุขเฟิงเขาก็จับได้ในทันทีเฟิงซูเหยาไม่มีเ
"ซินเอ๋อร์แม่เปลี่ยนแผนแล้ว"คราแรกนางก็หวังจะไว้ชีวิตพระสวามีผู้นี้ให้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขจนแก่ตายอยู่หรอก แต่เพราะในใจเขายังไม่เคยลืมเกาเสิ่นอี้ผู้นั้นนางจะสงสารเขาไปไย"เสด็จแม่หมายความเช่นไร""ปล่อยเสือเข้าป่าสักวันมันต้องแว้งมากัดเรา มิสู้ตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อวันข้างหน้าที่นอนหลับสบายตา"ได้ยินมารดาพูดเช่นนั้นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมก็ผุดพรายขึ้น"จริงของท่านแม่ ปล่อยเสือบาดเจ็บหนีตายเข้าป่าสักวันแผลมันก็หายและตามมาเอาคืนพวกเรา""ศิษย์น้องระวังตัวด้วย"ไป๋เจิ้นหยางเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเตือนสติอี้เฟยที่อยู่ใกล้องค์ชายห้าที่สุด"มาปิดบัญชีแค้นกันเถอะ พี่สาม"เสียงชักกระบี่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพียงเมื่อทหารของฝ่ายฝ่าบาทและคนของกองโจรเฟิงเสี้ยวต่างเตรียมพร้อมเข้าห่ำหั่นกันเฟิงซูเหยาที่ปลอมตัวปะปนอยู่ในกลุ่มกองโจรลอบหาโอกาสเข้าไปแก้แค้นคนที่ผลักไสให้นางถึงแก่ความตายหากแต่โจรก็คือโจร คนพวกนั้นเล่นสกปรกเมื่อควันสีเทาลอยคละคลุ้งทั่วตำหนักหอมหมื่นบุปผาอย่างไม่ให้ฝ่ายอี้เฟยได้ป้องกันตัว"ระวังควันพิษ"เฟิงซูเหยารีบตะโกนบอกก่อนจะลงกระบี่ปลิดชีพคนของกองโจรที่หันไปเล่นงานนางเมื่อรู้ว่าเป็นไ
"เหม่าทัน เจ้าคนชั่ว เจ้าจับหยังเอ๋อร์ลูกข้าไป"ทันทีที่จางปิงเห็นโอรสองค์เล็กที่ตามหาไม่พบเดินเข้ามาพร้อมเหม่าทันนางร้อนใจทันที"ใต้เท้าเหม่าทันจะทำการใด"ไป๋เจิ้นหยางถามขึ้นเพราะสิ่งที่เหม่าทันทำอยู่มิได้อยู่ในแผนการในครั้งนี้ แผนของพวกเขาคือให้เหม่าทันเฝ้าองค์ชายอี้หยังเอาไว้ หากพวกเขาพลาดพลั้งเสียท่าค่อยนำตัวองค์ชายสิบมาแลก"กุ้ยเฟย ท่านอยากได้องค์ชายสิบกลับไปหรือไม่"เหม่าทันไม่สนใจคำถามไป๋เจิ้นหยางสักนิด เขาตะโกนถามจางปิงที่ยืนตัวสั่นเทาเมื่อแผนทุกอย่างที่นางวางไว้ดิบดีถูกศัตรูทั้งหลายขัดขวาง"อยากฆ่าก็ฆ่า เจ้าจะพูดพล่ามเพื่ออันใด""เสด็จพี่"อี้หยังได้ยินเช่นนั้นรู้สึกปวดร้าวไปทั้งใจแม้ตลอดมาพวกเขาจะไม่เคยเห็นตนในสายตา แต่อี้หยังยังเชื่อว่าครอบครัวต้องไม่ทิ้งเขา แต่นี่กระไร ถ้อยคำที่พี่ชายเอ่ยบอกแก่ศัตรูมิได้มีความเป็นห่วงเขาสักนิด"เอาสิใต้เท้าเหม่า ท่านกล้าฆ่าคนจริงหรือ"กระบี่ในมือเหม่าทันสั่นเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดมาเขาตัดสินโทษประหารผู้คนมาก็เยอะแต่ไม่เคยลงมือเชือดคอผู้อื่นด้วยตัวเองสักครั้งเดียว พอถูกองค์ชายอี้ซินท้าทายเช่นนี้เขายิ่งประหม่าและกลัวการฆ่าคนขึ้นมาจับใจ"โอ๊ย!
"เจ้าคือ..."ตั้งแต่ออกปราบกองโจรนี้ ไม่เคยมีผู้ใดเคยพบหน้าประมุขของกองโจรเฟิงเสี้ยวสักคน เลยไม่แปลกที่เสวียนสวี่จะไม่รู้จักเขา"ข้าคือสามีของฮูหยินรองเจ้าอีกคนอย่างไรเล่า"น้ำเสียงที่แสนหยามเกียรติดังขึ้นฟ่างเสวียนสวี่เกือบจะชักกระบี่ออกมาหากไม่ถูกต้าลู่ที่ยืนเคียงข้างห้ามเอาไว้ก่อน"แค้นข้าหรือว่าเสียหน้าที่ต้องทนเลี้ยงเลือดเนื้อผู้อื่นจนวันที่นางตายเช่นนี้""เจ้าคนชั่วช้า!""ท่านแม่ทัพใหญ่ใจเย็น ๆ ก่อนขอรับ"ต้าลู่รีบห้ามฟ่างเสวียนสวี่ที่ตอนนี้โกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่"นี่แค่เรื่องเดียวที่แม่ทัพใหญ่รับรู้ยังรับแทบไม่ได้ หากท่านรู้ความจริงเรื่องบุตรสาวคนโตจะไม่กระอักเลือดตายก่อนเลยหรือ""บุตรสาวคนโต เจ้ารู้จักฟ่างเฉียนเฉียนลูกข้าได้เช่นไร"ฟ่างเสวียนสวี่ถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาตกใจไม่น้อยที่โจรชั่วช้ารู้จักบุตรสาวคนโตของเขาที่เกิดได้ไม่กี่วันก็หายตัวไป"นอกจากรู้จัก ข้ายังเปรียบเสมือนพ่อของนางอีกด้วย""เจ้าหมายความเช่นไร"หว่างคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน จ้องหน้าประมุขเฟิงเสี้ยวอย่างกดดันให้เขารีบพูดต่อ"เจ้าคิดว่าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกจะหายออกจากจวนใหญ่โตมีข้ารับใช้เ