"แต่นั่นเป็นเพียงความคิดโง่ ๆ ของหม่อมฉัน เพราะสุดท้ายหม่อมฉันก็ต้องตายด้วยความหวังที่ไม่เป็นจริง"น้ำเสียงของนางช่างเจ็บปวดยิ่งนักเมื่อหวนนึกถึงอดีตที่เป็นเฟิงซูเหยาในวันนั้น"เอาเถอะ ๆ เรื่องร้าย ๆ ได้ผ่านไปแล้ว ราชครูซ่ง ได้ฤกษ์ขอพรพระจันทร์หรือยัง"ฮ่องเต้หวังเหลียนจงไม่อยากให้งานขอพรพระจันทร์ในวันนี้ต้องมีเรื่องหดหู่ใจเข้ามาเป็นลางร้ายจึงรีบเรียกราชครูซ่งเหยียนมาถามไถ่"ทูลฝ่าบาท ใกล้ฤกษ์ดีที่จะขอพรพระจันทร์แล้ว เชิญเสด็จชั้นบนหอคอยพ่ะย่ะค่ะ"ในที่สุดคนที่นางต้องการให้องค์ชายอี้เฟยพบหน้าก็มีบทบาทกับเขาเสียที ดูท่าแล้วงานมงคลเช่นขอพรพระจันทร์ในค่ำคืนนี้คงจะกลายเป็นงานรำลึกความหลังที่แสนโหดร้ายเมื่อยี่สิบปีก่อนแทนเสียแล้วบัดนี้เป็นเวลายามห้าย[1] เป็นเวลาที่พระจันทร์เคลื่อนตัวขึ้นสูงกลางท้องฟ้าในยามค่ำคืนหอชมจันทร์ที่สูงจากพื้นดินถึงเจ็ดชั้นทำให้มองเห็นพระจันทร์กลมเด่นดวงใหญ่ราวเอื้อมถึงด้วยฝ่ามือเปล่า"คืนนี้พนะจันทร์ส่องประกายเจิดจรัสดั่งเช่นบุญบารมีเสด็จพ่อที่แผ่ไพศาล" องค์ชายสิบอี้หยังกล่าวเอาใจพระบิดา"หยังเอ๋อร์ช่างเจรจาเช่นพี่ชายเจ้านัก"องค์ชายอี้หยังและองค์ชายอี้ซินเกิดจา
"ข้าจำได้แล้ว พูดถึงเรื่องนี้แล้ว เมื่อยี่สิบปีก่อนพระจันทร์ก็กลมโตดวงใหญ่กว่าทุกปีเช่นนี้ ต่างกันตรงที่ปีนั้นพระจันทร์ไม่ได้สวยเด่นเช่นปีนี้เพราะสีของพระจันทร์แดงฉาน มองแล้วคล้ายสีของโลหิตที่ไหลอาบพระจันทร์ดวงนั้นไว้""จริงด้วย ๆ วันนั้นเป็นวันประสูติขององค์ชายสาม ท่านราชครูซ่งยังทำนายไว้ว่าเด็กที่เกิดในวันนั้นเป็นดาวแห่งหายนะ"สำเร็จตามแผนที่เฟิงซูเหยาวางไว้ สิ่งที่นางต้องการในการชมจันทร์วันนี้คือพาทุกคนที่อยู่ในงานชมจันทร์หวนพูดถึงเรื่องราวเมื่อยี่สิบปีก่อนออกมา"น่าเสียดายที่ตอนนั้นเซียนเซียนยังมิเกิดเลยไม่ได้ฟังคำทำนายของท่านราชครูซ่งทั้งหมด"รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นบาง ๆ ครู่หนึ่ง สายตาเฉี่ยวคมปราดมองไปที่ราชครูซ่งเหยียนที่มองไปยังจางปิงกุ้ยเฟยราวร้อนรนเมื่อมีคนพูดถึงเรื่องในปีนั้นขึ้นมา"อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยมันผ่านไปเถิด เรื่องร้าย ๆ อย่าเอามาถกเถียงในวันมงคลเช่นนี้ไม่ดีกว่าหรือเพคะฝ่าบาท" จางปิงกุ้ยเฟยรีบเอ่ยขึ้น"ทูลเสด็จพ่อ ลูกเองก็อยากฟังกับหูอีกสักครั้งว่าปีนั้นถูกทำนายไว้เช่นไรบ้าง ไม่ทราบว่าเสด็จพ่อจะทรงอนุญาตได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"ในเมื่อเฟิงซูเหยาเคยบอกให้เขาหาความจริงเ
"ข้ากับแม่นางไม่เคยมีความแค้นใดต่อกัน เหตุใดถึงได้กล่าวหาว่าข้ากุเรื่องคำทำนายนั้นขึ้นมาเช่นนี้"ราชครูซ่งเห็นท่าทางสับสนของฝ่าบาทจึงรีบกล่าวว่าตนเองถูกใส่ร้าย"เพราะมีคนใช้วิธีเดียวกันกับหม่อมฉัน วางยาให้คนทั้งวังเห็นพระจันทร์สีเลือดขึ้นมา""บังอาจ! จับตัวนางผู้นี้โทษฐานใส่ร้ายราชครูซ่ง"จางปิงกุ้ยเฟยรีบสั่งการ"เซียนเซียนมิได้ใส่ร้ายท่านราชครูว่าเป็นคนวางยา เซียนเซียนเพียงแค่ต้องการคืนความเป็นธรรมให้องค์ชายสามเพคะ"อี้เฟยมองสตรีข้างกายด้วยแววตาหลากหลายความรู้สึกเป็นเพียงสตรีบอบบางไร้ซึ่งวรยุทธ์แต่กลับเด็ดขาด เด็ดเดี่ยวสู้กับผู้มีอำนาจเพียงเพื่อปกป้องเขา"ทูลเสด็จพ่อ เซียนเอ๋อร์นางมิได้ตั้งใจวางยาพระองค์และคนอื่น ๆ ก่อนจะลงโทษนางลองให้ทหารสืบหาความจริงก่อนค่อยตัดสินโทษก็มิสาย"องค์ชายอี้เฟยรีบคุกเข่าร้องขอแทนเฟิงซูเหยา"ข้าเหนื่อยแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยหารือเรื่องนี้กันอีกที"สิ้นเสียงกล่าวนี้เป็นอันบ่งบอกว่าเรื่องนี้ฮ่องเต้เช่นเขาต้องสืบหาความจริงแน่ ทำเอาคนที่กลัวความผิดถึงกับนั่งไม่ติดพื้น"น้อมส่งฝ่าบาท"เสียงเหล่าขุนนางต่างกล่าวส่งเสด็จเมื่อฮ่องเต้เสด็จกลับตำหนัก ทิ้งให้งานชมจันท
"เจ้าออกไปก่อนแล้วก็ห้ามให้ใครเข้ามาเป็นอันขาด""เพคะ"เมื่อมาถึงที่นัดหมาย พระนางรีบไล่นางกำนัลคนสนิทออกไปดูต้นทางทันที เหลือเพียงแค่นางกับซ่งเหยียนอยู่กันเพียงลำพังในห้องรับรองที่ลับตาผู้คน"ว่าธุระของท่านมาเถิด" เสียงเรียบเฉยเอ่ยขึ้น"กุ้ยเฟยได้ยินสิ่งที่คุณหนูสามทูลต่อฝ่าบาทแล้ว ข้าเพียงแค่อยากทูลถามเกี่ยวกับแผนการรับมือแผนต่อไป"คิ้วโก่งโค้งกระตุกขึ้นครั้งหนึ่งก่อนจะปรายสายตาสวยคมมองมาทางราชครูซ่งเหยียน"ท่านเชื่อคำพูดของสตรีสามัญชนนางนั้นหรือ""พระนางทรงเห็นกับตาแล้วว่าแม่นางฟ่างใช้วิธีเดียวกับที่พวกเราเคยใช้กันเมื่อยี่สิบปีก่อน""เบาเสียงท่านด้วย"จางปิงกุ้ยเฟยเตือนสติราชครูซ่งเหยียนที่เผลอเสียงดังเพราะควบคุมความกังวลของตนเองไม่ได้"ผู้ใดจะกล้ามาเป็นพยาน เมื่อยี่สิบปีก่อนเป็นแค่อดีตไปแล้ว ไร้พยายาน ไร้หลักฐาน จะมีผู้ใดมาเอาผิดท่านได้ หากท่านราชครูไม่ลนลานเดินเข้าไปในกับดักของนางผู้นั้นกับองค์ชายสามเสียเอง"ราชครูซ่งเหยียนได้ยินคำกล่าวเตือนสติจึงฉุกคิดขึ้นมาได้"คงเพราะข้าหวาดระแวงคำพูดนางจนเกินไป""ข้าถึงได้มาเตือนสติท่านอย่างไรเล่า เรื่องตั้งยี่สิบปี ข้าไม่พูด ท่านไม่เอ่ย ผู้ใ
ตอนนี้เป็นเวลายามจื่อ[1] ภายในคุกหลวงมีหนึ่งสตรีหนึ่งบุรุษถูกคุมขังเอาไว้คนละห้อง ทว่าทั้งสองกลับนั่งพิงหลังกันผ่านไม้กั้นห้องคุมขังด้วยความเหม่อลอย"ยาที่เจ้าใช้มีชื่อหรือไม่ แล้วเหตุใดคุณหนูสามเช่นเจ้าถึงมีของแบบนั้น"องค์ชายอี้เฟยครุ่นคิดอยู่นานว่าจะถามคำถามนี้ดีหรือไม่ แต่หากเขาไม่ถามมันเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่อกร้อนใจใคร่รู้จนต้องถามออกมา"ยานั้นเป็นสมุนไพรที่สกัดขึ้นมาจากกองโจรภูเขาเพคะ"เฟิงซูเหยาไม่อยากจะคิดถึงกองโจรที่ว่าเพราะทุกครั้งที่นางนึกถึง ความโหดเหี้ยม ความทรมานที่นางได้รับในสถานที่แห่งนั้นตั้งแต่รู้ความจนสิบขวบกลับมากัดกินความทรงจำให้นางหวาดกลัว"กองโจรเฟิงเสี้ยว?"กองโจรภูเขาที่เขารู้จักคงมีเพียงแค่ชื่อนี้กองโจรที่ปล้นฆ่าโหดเหี้ยม เล่ห์เหลี่ยมจัด ทุกครั้งที่กองกำลังทหารเข้าไปจับกุมมักหนีรอดและคลาดกันทุกครั้งราวกับหยั่งรู้ว่ามีทหารดักซุ่มรอจับพวกมันอยู่"เพคะ""แล้วเจ้าได้มันมาจากที่ใด"เป็นคำถามที่ยากจะตอบวันที่เฟิงซูเหยาวางยาเจินเม่ยก่อนขึ้นศาล นางได้ส่งสาส์นลับไปยังกองโจรเฟิงเสี้ยวเพื่อขอซื้อยาพลางตามา"พลังหยั่งรู้ที่เจ้าได้มาหรือ"เฟิงซูเหยาเงียบไปนาน องค์ชายอี้
"ข่าวใหญ่มาแล้วข่าวใหญ่"เสียงคนส่งข่าวสารประจำเมืองถังเหลียนดังกึกก้องท้องตลาดในยามเช้าของวันนี้"ข่าวใหญ่อันใดเล่า หมูออกลูกเป็นไก่ จะเกิดอาเพสอีกหรือกะไร"เสียงชาวบ้านนางหนึ่งเหน็บแนมคนส่งข่าว"ข่าวนี้ใหญ่กว่าที่เจ้าว่ามาอีก เมื่อเช้ามีขุนนางในราชสำนักตาย"เกิดเสียงฮือฮาขึ้นเป็นวงกว้างเมื่อคนส่งข่าวล้วงเอากระดาษจากทางการที่ปิดประกาศไว้ออกมากางโชว์"ราชครูซ่งเหยียนปลิดชีพหนีความผิดฐานใส่ร้ายองค์ชายสามหวังอี้เฟยและอดีตฮองเฮา"คนส่งข่าวอ่านเนื้อความในประกาศให้ชาวบ้านทั่วไปที่ส่วนมากไม่รู้หนังสือฟัง"ข้าว่าแล้วเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ"เสียงชาวบ้านต่างออกความเห็น ต่างคนต่างอวดว่าตนรู้เรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อนทั้ง ๆ ที่น้อยคนนักจะรู้ความจริงเรื่องที่องค์ชายสามและอดีตฮองเฮาถูกเนรเทศออกจากวัง"ข้ารู้ดีกว่าพวกเจ้าอีก เขาลือกันว่าเพราะตอนนั้นฝ่าบาทคิดว่าองค์ชายสามไม่ใช่เลือดเนื้อของพระองค์จึงขับไล่ทั้งสองพระองค์ออกจากวัง"เสียงราวกระซิบเอ่ยเบา ๆ เพราะกลัวจะมีทางการได้ยินตนจะถูกลงโทษฐานหมิ่นเบื้องสูง"คนหนอคน รู้น้อยกว่าหางอึ่งยังอยากอวดฉลาด"ไป๋เจินหยางที่เดินผ่านกลุ่มชาวบ้านเกิดได้ยินพอดีจึงไ
"นิทราไร้เสียง"เหม่าทันที่ด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ห่าง ๆ ได้ยินสิ่งที่เฟิงซูเหยาพูดถึงกับคิ้วขมวดเพราะน้อยคนนักที่จะรู้จักยาพิษชนิดนี้ไม่ถูก ๆ ต้องบอกว่ามีแค่สองคนที่รู้จักพิษชนิดนี้ดีหนึ่งคือ...คนที่ตายไปแล้วส่วนอีกหนึ่ง...คือคนที่ยังมีลมหายใจอยู่หรือว่านี่จะเป็นฝีมือของเขาผู้นั้น"มันคือพิษชนิดใดเหตุใดข้าเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้" ไป๋เจิ้นหยางถามอย่างใคร่รู้"นิทราไร้เสียง เป็นยาพิษชนิดหนึ่งที่สกัดขึ้นมาด้วยสมุนไพรพิษเก้าชนิด กลั่นในเตาหลอมยาเก้าวันเก้าคืน ไร้สี ไร้กลิ่น ผู้ที่ดื่มยานี้เข้าไปจะดูเหมือนหลับไหลสู่ห้วงนิทรารมย์ และไม่สามารถตื่นขึ้นมาให้มีเสียงเอื้อนเอ่ยอีกตลอดกาล"เฟิงซูเหยาอธิบายอย่างฉะฉาน ทำเอาไป๋เจิ้นหยางที่ปากไวหลุดปากขึ้น"หากข้าไม่รู้จักคุณหนูสามมาก่อนคงคิดว่าท่านคือผู้ทำยาพิษนี้ขึ้นมาเสียแล้ว"ไป๋เจิ้นหยางเข้าใจถูกแล้ว นางนี่แหละที่เป็นผู้สกัดยาพิษนิทราไร้เสียงนี้ขึ้นมาเองกับมือ"อย่าสนใจคนปากเสียเลย เจ้าพูดต่อเถิด"แม้ลึก ๆ อี้เฟยจะสงสัยเช่นศิษย์พี่เขา แต่ความเงียบแล้วเรียนรู้คนที่เราสงสัยเป็นวิธีจับพิรุธที่แยบยลของอี้เฟยไป๋เจิ้นหยางถูกขัดคอได้แต่ทำท่าทีขยับปากบ่นกล
"เรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อนเราเพิ่งเกิดคงไม่รู้แจ้งอันใดมาก อาจต้องสืบสาวเอาจากผู้ที่เกิดก่อนแล้ว"ใช่ว่าอี้เฟยจะคิดเช่นศิษย์พี่เขาไม่ได้ เพียงแต่ปีนั้นเขาเพิ่งลืมตาดูโลกเป็นวันแรกก็ถูกขับไล่ออกจากวังหลวงจึงไม่รู้ว่าในรั้วในวังผู้ใดจะได้ผลประโยชน์จากการกระทำนี้หากเพราะมีคนใส่ร้ายเขากับพระมารดามากกว่าหนึ่งชีวิตของราชครูซ่งแล้ว อี้เฟยคงปล่อยให้คนตายเพียงคนเดียวช่วยให้คนที่อยู่เบื้องหลังลอยนวลไม่ได้เช่นกันครั้งนี้เขาคงต้องผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเกาเสิ่นอี้มารดาผู้ให้กำเนิดเสียแล้วแม้เขาจะไม่แค้นบิดา แต่เขาจะต้องล้างมลทินให้ตนและมารดาที่ล่วงลับไปแล้วกลับมาบริสุทธิ์อีกครั้งให้จงได้"คนที่จะบงการราชครูซ่งได้นั้นหม่อมฉันว่าต้องมิใช่คนธรรมดานะเพคะ"เฟิงซูเหยาหว่านล้อมให้สองบุรุษที่เหมือนกับเคว้งคว้างกลางทะเลหาที่ยึดเกาะไม่ได้คิดตามนางหากไม่ใช่อยู่ในร่างฟ่างเซียนเซียน นางคงเปิดโปงคนที่อยู่เบื้องหลังให้ทั้งสองคนฟังไปแล้ว"จะว่าไปแล้ว องค์ชายอี้ซินก็เกิดปีเดียวกับเจ้ามิใช่หรือ"ไป๋เจิ้นหยางสบตาศิษย์น้องของเขาที่ในแววตานั้นราวกับคิดเช่นเดียวกับตนเช่นกัน"ศิษย์พี่คิดว่า..."ไม่จำเป็นต้องเอ่ยอันใดออก
ภายในฐานทัพของศัตรู เฟิงซูเหยาทำร้ายทหารของข้าศึกเพื่อชิงชุดของฝั่งนั้นมาใส่จะได้เดินไปไหนมาไหนในฐานทัพศัตรูได้ง่าย ๆ"ช้าก่อน!"เสียงนายกองที่เดินลาดตระเวนผ่านมารั้งไว้"พลทหารลาดตระเวนกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด"เฟิงซูเหยาได้ยินคำถามคิดครู่หนึ่งจึงดัดเสียงให้ใหญ่ตอบ"ข้าน้อยจะไปเข้าห้องน้ำขอรับ"เฟิงซูเหยาตอบแต่ไม่หันหน้ากลับไป"เจ้าเป็นทหารใหม่หรือถึงไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทิศทางใด"คนถูกถามในชุดที่ปลอมตัวอยู่ถึงกับเลิ่กลั่ก หูที่แสนดีได้ยินเสียงทหารด้านหลังชักกระบี่ขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่เชื่อใจนางแล้วมือแน่งน้อยค่อย ๆ หยิบเข็มพิษที่ซ่อนไว้ในผ้ารัดข้อมือออกมาเตรียมซัดใส่ศัตรู ทว่า..."อั่ก!"เสียงหล่นตุ้บของร่างกำยำดังขึ้นทำเอานางรีบหันกลับไปดู"อาเฟย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นฝีมือผู้ใดเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจเล็กน้อย"ท่านมาได้เยี่ยงไร"เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ทักทายกลับจึงรีบวิ่งเข้าไปใกล้แล้วชวนคุย"หากข้ามาช้างานแต่งอีกสามวันข้างหน้าคงไร้เจ้าสาวเคียงข้างไปแล้ว"อี้เฟยพูดตัดพ้อใบหน้าเงียบขรึม"ท่านช่างพูดเกินไปเมื่อครู่ข้าคนเดียวก็เอาอยู่"เฟิงซูเหยาย่นจมูกทำท่าทางแง่งอนใส่อีกคน"เอาอยู่น่
“เช่นนั้นช่วยป้าล้างผักตรงนั้นแล้วกัน”เสิ่นอี้มองตาเด็กน้อยก็รู้แล้วว่านางคงมีความทุกข์ในใจจึงไม่ใส่ใจถามสิ่งที่เฟิงพูดค้างคาเอาไว้ต่อ“วันนี้ท่านป้าจะทำกับข้าวเลี้ยงฉลองหรือเจ้าคะ”เฟิงมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วนางเห็นความเป็นอยู่ของทั้งสองคนว่ากินอยู่เช่นไร พอมาวันนี้เห็นของที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้านางรู้ในทันทีว่าต้องเป็นของที่ทำเพื่อเลี้ยงฉลองแน่นอน“วันนี้วันเกิดเฟยเอ๋อร์”เฟยเอ๋อร์หรืออี้เฟยดรุณที่เป็นคนยื่นมือพาเฟิงน้อยคนนี้ออกมาจากตรอกน่ากลัวแห่งนั้น“ข้ามิรู้ว่าวันนี้วันเกิดเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้เตรียมของขวัญไว้”เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณสำหรับนาง วันสำคัญเช่นนี้เฟิงยังตอบแทนอี้เฟยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ช่างไม่สมกับที่เขาให้ชีวิตใหม่นางเอาเสียเลย“ไม่ต้องคิดมาก งั้นวันนี้ป้าจะสอนเฟิงทำอาหารโปรดเฟยเอ๋อร์ดีหรือไม่”เฟิงพยักหน้าอย่างระรื่น นางไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญที่เป็นสิ่งของเสมอไป หากเป็นการทำอาหารแม้รสชาติจะไม่ได้เลิศรสเท่ากับพ่อครัวแม่ครัวที่อื่น แต่นางก็จะตั้งใจเรียนรู้และทำให้เขาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดในวันนี้“ทานสิ”เฟิงคะยั้นคะยอให้บุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารลองทานอา
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กเสียงหอบเหนื่อยที่ดังเบาแทบจะไม่ให้ใครได้ยินแม้แต่ตัวเองดังขึ้นเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษกำลังวิ่งหลบไปตามต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อหลีกหนีการตามล่าของกองโจรที่แสนน่ากลัวเฟิงเสี้ยว“รอยเท้ามันมาทางนี้ อย่าให้มันหนีรอดไปไหนได้”เสียงหนึ่งในกลุ่มโจรที่ออกตามล่าเด็กน้อยผู้นี้ดังขึ้นร่างบอบบางคุดคู้อยู่ด้านหลังโขดหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะจนเป็นสีเดียวกับต้นไม้เพื่ออำพลางไม่ให้ถูกโจรกลุ่มนั้นตามล่าเข้า“เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าแอบซ่อนอยู่แถวนี้”รองหัวหน้ากองโจรเฟิงเสี้ยวเอ่ยชื่อของนักโทษหลบหนีเสียงเรียบเย็นดรุณีน้อยได้แต่ขดตัวสั่นแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ“ออกมาเถอะน่า ประมุขเฟิงรอเจ้าอยู่”เสียงอีกคนที่ออกตามล่าเอ่ยเรียกอีกแรง“ไม่ ข้าไม่ออก ข้าไม่อยากกลับไปฆ่าคนอีกแล้ว”เฟิงน้อยเอ่ยอย่างรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาสิบปีมานี้ แม้คนในกองโจรเฟิงเสี้ยวจะดีกับนาง แต่ก็ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น เห็นดรุณีน้อยฉลาดหัวไว สอนอะไรก็เก่งกาจไปเสียหมด ไม่ว่าจะเรื่องพิษ เรื่องต่อสู้ เฟิงผู้นี้ไม่เคยทำให้ประมุขแห่งกองโจรนี้ผิดหวังสักเรื่อง เพราะแบบนี้เขาเลยไม่ยอมเสียหมากตัวนี้ให้หนีออกไปจากกองโจรแห่งนี้“ระวังต
"อั่ก! จ...เจ้า"ดวงตาอี้ซินเบิกโพลง เลือดมากมายค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากและจมูก เฟิงซูเหยาที่ถูกกระบี่ของเขาแทงไหปลาร้าก็มีสภาพไม่ต่างจากอี้ซินเช่นกัน"รสชาติของมีดเล่มนี้ยามปักที่อกท่านเป็นเช่นไรบ้างเพคะ คุณชาย"เฟิงซูเหยากระซิบออกมาแผ่ว ๆ นางเรียกอี้ซินอย่างที่เคยเรียกตอนเป็นเฟิงซูเหยา ทำเอาคนที่คุ้นชินทั้งเหตุการณ์ทั้งสรรพนามที่เคยถูกเรียกหลุบตามองนางด้วยแววตาสั่นไหว"ตอนที่ข้าปักมันลงบนอกด้วยมือของข้าเองท่านรู้หรือไม่ว่ามันไม่เจ็บปวดเลย เพราะตอนนั้นหัวใจข้าได้ตายลงก่อนที่ข้าจะแทงขั้วหัวใจตัวเองแล้ว"เฟิงซูเหยาพรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างที่นางอยากเล่าในชาติที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสให้เขาฟังด้วยความขมขื่น"เจ้าเป็นใครกันแน่"อี้ซินฝืนรวบรวมแรงทั้งหมดเอื้อมมือที่แสนจะหนักอึ้งขึ้นมากระชากผ้าปิดหน้าของสตรีตรงหน้าออกดวงตาเขาสับสนปนวูบไหวเมื่อใบหน้านี้คือใบหน้าของฟ่างเซียนเซียน แต่ประโยคที่นางเอ่ยกับตนกลับเป็นเหตุการณ์ของอีกคนที่นางผู้นี้ไม่มีวันรู้ว่าวันนั้นเมื่อสองเดือนก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"คุณชายคงกำลังสับสนใช่หรือไม่ว่าข้ารู้เรื่องราวของเฟิงซูเหยาได้เช่นไร"รอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดพรายขึ้นบนใบหน้าสว
"อย่าคิดหนี อ๊ะ!"เฟิงซูเหยาตั้งใจจะตามสามคนนั้นไปแต่ถูกฉินเทาเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อนเสียงกระบี่ทั้งสองฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายจวบจนเฉินเทาเพลี่ยงพล้ำเสียท่าถูกเฟิงซูเหยาปลิดชีพ"สุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์ สุดท้ายเจ้าก็ตายอย่างโดดเดี่ยวอย่างน่าเวทนา"นางกล่าวอย่างสมเพชร่างไร้ลมหายใจของฉินเทา จากนั้นจึงเร่งตามสามคนนั้นไปเพื่อไม่ให้เสียเวาไปมากกว่านี้มีดสั้นที่นางเก็บไว้กับตัวถูกขว้างออกไปแต่พลาดเป้า"เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยเสียจริง อยากรู้นักว่พวกนั้นจ้างวานเจ้าเท่าใดถึงยอมเสี่ยงตายขนาดนี้"เมื่อหนีไม่พ้นอี้ซินมีเพียงทางเลือกเดียวคือหันหน้าเผชิญกับนักฆ่าสาวที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้"อย่าใช้นิสัยตนเองตัดสินผู้อื่น ไม่มีผู้ใดจ้างวานข้าทั้งนั้น หากแต่วันนี้ข้าจ้องการคิดบัญชีแค้นกับท่านด้วยเหตุผลส่วนตัว""ข้าไม่เคยรู้จักนักฆ่าเช่นเจ้ามาก่อน"หึ! แน่แหละที่เขาไม่รู้จักนางในร่างของผู้อื่นเช่นนี้"ท่านไม่รู้จักข้าแล้วเช่นไร ขอเพียงข้าจดจำความแค้นที่ท่านเคยมอบให้ข้าแต่เพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว"เฟิงซูเหยาไม่อยากเปลืองน้ำลายยิ่งกว่านี้ นางตั้งท่ากระบี่วสันหวนคืนทันที อี้ซินเห็นท่วงท่าของเพลงกระ
"ดาบนี้ตอบแทนที่ท่านพ่อชุบเลี้ยงข้ามาด้วยความเลือดเย็น"เฟิงซูเหยากระซิบแผ่วเบาข้างหูเฟิงเสี้ยวที่ถามว่านางเป็นใครเพียงแค่ได้ยินถ้อยคำนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ"จ...เจ้า เจ้ายังไม่ตาย"น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาจนเฟิงซูเหยาเองก็แทบจะไม่ได้ยิน"ข้าจะตายก่อนได้แก้แค้นคนชั่วช้าเช่นพวกท่านได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงที่ส่งออกมามีแต่ความเคียดแค้น"จ...เจ้า ..เฮือก!"มีคำพูดมากมายที่เฟิงเสี้ยวอยากเอ่ยแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเฟิงซูเหยาแทงกระบี่เข้าไปจนสุดด้ามปลิดลมหายใจเขาจนสิ้นในครั้งเดียว"แม่นางระวัง!"เฟิงซูเหยาที่ไม่ทันระวังตัวเกือบถูกมีดจากฉินเทาปลิดชีพไปแล้ว โชคดีที่ได้ฟ่างเสวียนสวี่ร้องเตือน"ยานี้ช่วยถอนพิษได้"นางรีบยื่นขวดยาถอนพิษที่พกติดตัวมาเผื่อให้ฟ่างเสวียนสวี่ก่อนจะรีบปลีกตัวหนีไปปิดบัญชีแค้นในครั้งนี้หมับ!ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนด้วยฝ่ามือแกร่งของฟ่างเสวียนสวี่เอง"เซียนเอ๋อร์ นั่นเจ้าใช่หรือไม่"บิดาที่ไหนกันจะจำเพียงแววตาของบุตรสาวตนเองไม่ได้ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเพียงแววตาของฟ่างเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังประมุขเฟิงเขาก็จับได้ในทันทีเฟิงซูเหยาไม่มีเ
"ซินเอ๋อร์แม่เปลี่ยนแผนแล้ว"คราแรกนางก็หวังจะไว้ชีวิตพระสวามีผู้นี้ให้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขจนแก่ตายอยู่หรอก แต่เพราะในใจเขายังไม่เคยลืมเกาเสิ่นอี้ผู้นั้นนางจะสงสารเขาไปไย"เสด็จแม่หมายความเช่นไร""ปล่อยเสือเข้าป่าสักวันมันต้องแว้งมากัดเรา มิสู้ตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อวันข้างหน้าที่นอนหลับสบายตา"ได้ยินมารดาพูดเช่นนั้นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมก็ผุดพรายขึ้น"จริงของท่านแม่ ปล่อยเสือบาดเจ็บหนีตายเข้าป่าสักวันแผลมันก็หายและตามมาเอาคืนพวกเรา""ศิษย์น้องระวังตัวด้วย"ไป๋เจิ้นหยางเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเตือนสติอี้เฟยที่อยู่ใกล้องค์ชายห้าที่สุด"มาปิดบัญชีแค้นกันเถอะ พี่สาม"เสียงชักกระบี่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพียงเมื่อทหารของฝ่ายฝ่าบาทและคนของกองโจรเฟิงเสี้ยวต่างเตรียมพร้อมเข้าห่ำหั่นกันเฟิงซูเหยาที่ปลอมตัวปะปนอยู่ในกลุ่มกองโจรลอบหาโอกาสเข้าไปแก้แค้นคนที่ผลักไสให้นางถึงแก่ความตายหากแต่โจรก็คือโจร คนพวกนั้นเล่นสกปรกเมื่อควันสีเทาลอยคละคลุ้งทั่วตำหนักหอมหมื่นบุปผาอย่างไม่ให้ฝ่ายอี้เฟยได้ป้องกันตัว"ระวังควันพิษ"เฟิงซูเหยารีบตะโกนบอกก่อนจะลงกระบี่ปลิดชีพคนของกองโจรที่หันไปเล่นงานนางเมื่อรู้ว่าเป็นไ
"เหม่าทัน เจ้าคนชั่ว เจ้าจับหยังเอ๋อร์ลูกข้าไป"ทันทีที่จางปิงเห็นโอรสองค์เล็กที่ตามหาไม่พบเดินเข้ามาพร้อมเหม่าทันนางร้อนใจทันที"ใต้เท้าเหม่าทันจะทำการใด"ไป๋เจิ้นหยางถามขึ้นเพราะสิ่งที่เหม่าทันทำอยู่มิได้อยู่ในแผนการในครั้งนี้ แผนของพวกเขาคือให้เหม่าทันเฝ้าองค์ชายอี้หยังเอาไว้ หากพวกเขาพลาดพลั้งเสียท่าค่อยนำตัวองค์ชายสิบมาแลก"กุ้ยเฟย ท่านอยากได้องค์ชายสิบกลับไปหรือไม่"เหม่าทันไม่สนใจคำถามไป๋เจิ้นหยางสักนิด เขาตะโกนถามจางปิงที่ยืนตัวสั่นเทาเมื่อแผนทุกอย่างที่นางวางไว้ดิบดีถูกศัตรูทั้งหลายขัดขวาง"อยากฆ่าก็ฆ่า เจ้าจะพูดพล่ามเพื่ออันใด""เสด็จพี่"อี้หยังได้ยินเช่นนั้นรู้สึกปวดร้าวไปทั้งใจแม้ตลอดมาพวกเขาจะไม่เคยเห็นตนในสายตา แต่อี้หยังยังเชื่อว่าครอบครัวต้องไม่ทิ้งเขา แต่นี่กระไร ถ้อยคำที่พี่ชายเอ่ยบอกแก่ศัตรูมิได้มีความเป็นห่วงเขาสักนิด"เอาสิใต้เท้าเหม่า ท่านกล้าฆ่าคนจริงหรือ"กระบี่ในมือเหม่าทันสั่นเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดมาเขาตัดสินโทษประหารผู้คนมาก็เยอะแต่ไม่เคยลงมือเชือดคอผู้อื่นด้วยตัวเองสักครั้งเดียว พอถูกองค์ชายอี้ซินท้าทายเช่นนี้เขายิ่งประหม่าและกลัวการฆ่าคนขึ้นมาจับใจ"โอ๊ย!
"เจ้าคือ..."ตั้งแต่ออกปราบกองโจรนี้ ไม่เคยมีผู้ใดเคยพบหน้าประมุขของกองโจรเฟิงเสี้ยวสักคน เลยไม่แปลกที่เสวียนสวี่จะไม่รู้จักเขา"ข้าคือสามีของฮูหยินรองเจ้าอีกคนอย่างไรเล่า"น้ำเสียงที่แสนหยามเกียรติดังขึ้นฟ่างเสวียนสวี่เกือบจะชักกระบี่ออกมาหากไม่ถูกต้าลู่ที่ยืนเคียงข้างห้ามเอาไว้ก่อน"แค้นข้าหรือว่าเสียหน้าที่ต้องทนเลี้ยงเลือดเนื้อผู้อื่นจนวันที่นางตายเช่นนี้""เจ้าคนชั่วช้า!""ท่านแม่ทัพใหญ่ใจเย็น ๆ ก่อนขอรับ"ต้าลู่รีบห้ามฟ่างเสวียนสวี่ที่ตอนนี้โกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่"นี่แค่เรื่องเดียวที่แม่ทัพใหญ่รับรู้ยังรับแทบไม่ได้ หากท่านรู้ความจริงเรื่องบุตรสาวคนโตจะไม่กระอักเลือดตายก่อนเลยหรือ""บุตรสาวคนโต เจ้ารู้จักฟ่างเฉียนเฉียนลูกข้าได้เช่นไร"ฟ่างเสวียนสวี่ถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาตกใจไม่น้อยที่โจรชั่วช้ารู้จักบุตรสาวคนโตของเขาที่เกิดได้ไม่กี่วันก็หายตัวไป"นอกจากรู้จัก ข้ายังเปรียบเสมือนพ่อของนางอีกด้วย""เจ้าหมายความเช่นไร"หว่างคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน จ้องหน้าประมุขเฟิงเสี้ยวอย่างกดดันให้เขารีบพูดต่อ"เจ้าคิดว่าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกจะหายออกจากจวนใหญ่โตมีข้ารับใช้เ