"ใช่แล้ว ฉันดูแล้วเจ้าหมอนี่สองสามรอบก่อนหน้านั้นต่อยอยู่ดี ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะใช้ยาเสพติดไป! ตอนนี้ยาหมดฤทธิ์แล้ว เขาก็เลยเริ่มออกอาการ!” ความสงสัยในดวงตาของซูเฉินเป็นเหมือนเมฆดำที่ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ไป๋จิ่งหยวนและเย่เชินต่างก็เหงื่อตก โดยเฉพาะไป๋จิ่งหยวนที่ร้นรนจนแทบจะกระโดดออกมา ถามเย่เชินไม่หยุด "ลูกพี่สามเป็นอะไรไป!" เย่เชินกดเขาให้นั่งลงกับที่ หันมองไปรอบ ๆ เหมือนจะมองเห็นร่างของซูเฉินลาง ๆ "ชู่!" เขาส่งสัญญาณให้ไป๋จิ่งหยวนเงียบเสียงลง "ลูกพี่สามทำแบบนี้จะต้องมีเหตุผลของเขา นายก็อย่าเอะอะไป!" "หรือว่าจะเป็นเพราะว่าเจียงชั่นไม่ได้นั่งมองเขาอยู่?" เมื่อสิ้นเสียงลง สนามก็เกิดเสียงกรีดร้องดังขึ้น กู้หม่างคุกเข่าลงบนพื้น มือข้างหนึ่งปิดที่ซี่โครงด้านล่างเอาไว้ เหงื่อไหลผสมกับเลือดจากหน้าผากค่อย ๆ หยดลงมา "กู้หม่าง..." และก็เป็นในตอนนี้ ที่เจียงชั่นรีบเดินกลับมาในสนาม เมื่อมองเห็นฉากนี้เข้าก็เบิกตาค้าง! เธอตกใจเสียแทบแย่ ในสายตาของเธอกู้หม่างเป็นเหมือนกับเทพสงครามมาโดยตลอด เธอไม่เคยคิดว่าเขาจะถูกคนต่อยเสียจนเลือดไหลอาบหน้าผากมาก่อน! น้ำตาเจียงชั่นเอ่อคลอไหลลงมา ในใจเป็
ซูเฉินยังคิดที่จะพูดอะไรออกมาต่อ เสิ่นเซียวก้าวมาขวางเขาไว้ตรงหน้าประตู ส่งยิ้มเย็นชาและไม่สุภาพให้กับเขา "ประธานซู นี่..." หลายคนรอบ ๆ ตัวเขาพากันทำอะไรไม่ถูก ซูเฉินยืนอยู่กับที่ ในใจไม่ยินยอมแต่กลับทำอะไรไม่ได้ ไป๋จิ่งหยวนและเย่เชินหลบอยู่ในเงามืด ก็เห็นว่าซูเฉินกระทืบเท้า แล้วจากไปด้วยสีหน้าที่ซีดขาว เมื่อแน่ใจว่าเขาจะไม่กลับมาอีกแล้ว ไป๋จิ่งหยวนจึงรีบวิ่งออกไป แต่กลับถูกเย่เชินรั้งเอาไว้ "นายทำอะไรกัน?" "ฉันจะไปดูอาการลูกพี่สามนะสิ!" "ไม่ต้องไปแล้ว" ดวงตาของเย่เชินดูมืดมน "ด้านในนั้นมีเจียงชั่นอยู่ แล้วยังมีหมอคนนั้นอีก แค่นี้ก็พอแล้ว!" ไป๋จิ่งหยวนรู้สึกร้อนรนขึ้นมา เย่เชินตบไหล่เขาแล้วพูดออกมาเบา ๆ "หากว่านายคิดอยากจะช่วยลูกพี่สามจริง ๆ แล้วละก็ พวกเราก็ไปตรวจสอบเบื้องหลังของคนนามสกุลซูกันดีกว่า!”ไป๋จิ่งหยวนกลอกตา แล้วพยักหน้าเบา ๆ รีบตามเย่เชินเดินออกจากสนามแข่งขันไป…กู้หม่างค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ภาพที่เข้าสู่สายตาของเขาคือฉากสีขาวอันกว้างใหญ่ในห้องนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นยา ท่ามกลางความมึนงงเขาได้ยินเสียงหญิงสาวร้องไห้ดังมาเป็นระยะหัวใจของเขาบีบรัด เมื่อคิดจะ
หัวใจกู้หม่างสั่นไหว “คุณจะเก็บเอาคำพูดของฉันมาใส่ใจบ้างได้ไหม?” เจียงชั่นมองไปที่เขา “พูดไปกี่ครั้งแล้วว่าฉันขอเพียงแค่ว่าคุณจะอยู่ดีมีสุขก็เท่านั้น!” “เรื่องอื่น ฉันไม่สนใจเลย!” “ขอแค่คุณอยู่สบายดี!” เจียงชั่นที่อ่อนโยนมาโดยตลอด น้อยนักที่เปลี่ยนมามีท่าทีที่ไม่มีเหตุผลเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตามกู้หม่างก็ชื่นชอบยิ่งนัก เขามองเธอเงียบ ๆ มุมปากยกยิ้มขึ้นเบา ๆ นั่นก็เป็นรอยยิ้มบริสุทธิ์ไม่กี่ครั้งในชีวิตของเขา ในตอนนั้นเขารู้สึกกระทั่งว่าอยากที่จะบอกตัวตนที่แท้จริงกับเธอไป เธอพูดแล้ว ไม่ว่าจะยังไงเขาก็เป็นสามีของเธอ หากว่าเธอรู้ว่าตนเองไม่ใช่กู้หม่างแต่เป็นฮั่วจือสิง ก็คงจะถือว่าเขาเป็นสามีของเธอด้วยใช่ไหม? เขาสูดลมหายใจลึก ข่มความตื่นเต้นนี้ไว้ การต่อสู้แย่งชิงกับฮั่วจ่านเฮ่อนั้นยากลำบากและยาวนาน ก็เหมือนกับผลของการชกมวยที่ไม่รู้ผลลัพธ์ ตอนที่ทุกอย่างยังไม่กระจ่างแจ้ง เขาไม่อาจจะให้เธอเองก็ถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องได้ "ที่รัก" เขากุมมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ในฝ่ามือ ยิ้มออกมาจาง ๆ "คุณเชื่อผมนะ ต่อไปผมจะต้องชนะการแข่งขันได้อย่างงดงามแน่" เจียงชั่นตะลึงไป "นี่เป็นสิ่งที
ไป๋จิ่งหยวนยักไหล่ "เรื่องนี้ผมก็ไม่แน่ชัดแล้ว เรื่องในครอบครัวของพี่ ผมคงไม่อาจไปรู้ได้ละเอียดนัก" "แต่ดูเหมือนว่าท่านผู้เฒ่าระยะนี้จะมีบางอย่างที่ไม่ค่อยแน่ใจ เขาส่งคนไปที่อังกฤษ ลอบเยี่ยมกลุ่มบริษัททางการเงินทั้งหน้าของพี่ที่ต่างประเทศ หลังจากกลับมาแล้วก็เหมือนว่าจะมาระบายอารมณ์กับพ่อพี่เสียยกใหญ่..." สีหน้าของกู้หม่างเคร่งขรึมลง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย คุณปู่ตระกูลฮั่วพูดตรงไปตรงมาตลอด อีกทั้งชายชราเป็นคนคิดรอบคอบ ชอบสงสัย และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อใจฮั่วจ่านเฮ่อมากนัก แต่ถ้าหากฮั่วจ่านเฮ่อไปพูดอะไรข้างหูของเขา ก็จะต้องมีผลกระทบบ้างอย่างแน่นอน "ดูเหมือนว่า" เย่เชินขมวดคิ้ว "ลูกพี่สาม พี่หาเวลาไปเมืองหยางเฉิงสักรอบหนึ่งจะดีกว่า หากว่ามีอะไรที่เข้าใจผิดกันพวกพี่สองปู่หลานมาพูดคุยกัน อธิบายกันให้ดี ผมเดาว่าที่เขาระบายความโกรธจะต้องเป็นเพราะว่าเรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลเหยาแน่ ๆ..." "เฮ้ ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ!" ไป๋จิ่งหยวนมองมาด้วยความยินดี "พี่ก็อยู่เสียในเมืองเจียงโจวนี่แหละ อย่าไปทำให้เจียงชั่นสงสัยเลย! เอ่อ ทางที่ดีหากว่าทำให้เหยาม่านเข้าร่วมด้วย นี่จะไม่
ทันใดนั้นเธอก็คว้าเอาเข็มมาแทงที่ขาของเขา!กู้หม่างตอบสนองกลับอย่างรวดเร็ว แล้วคว้าข้อมือของเธออย่างแรง นางพยาบาลเองก็ไม่ยอมอ่อนให้ ใช้มืออีกข้างหนึ่งต่อต้านเขา เธอเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งแต่เมื่อผ่านไปหลายรอบแล้ว ก็ยังคงถูกกู้หม่างปรามเอาไว้ได้กู้หม่างจับมือเธอเอาไว้ด้านหลังอย่างง่ายดาย กดครึ่งร่างเธอเอาไว้บนเตียงจนเคลื่อนไหวไม่ได้“อ๊า เจ็บ!” หญิงสาวร้องออกมา “ปล่อยฉันนะ”กู้หม่างดึงหน้ากากอนามัยของเธอออกมาทันที“ไม่เล่นแล้วไม่เล่นแล้ว!” หญิงสาวมองเขาด้วยความโกรธ “ทุกครั้งพี่ชอบจริงจัง ไม่ยอมลงให้ฉันเลยสักนิด!”กู้หม่างยิ้มออกมาบาง ๆ แล้วถึงได้ปล่อยเธอไป หญิงสาวรีบลุกขึ้นมาแล้วยืนอยู่ไกล ๆ จากเขา ดวงตาโตทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ลูบไปยังข้อมือที่แดงก่ำเล็กน้อยกู้หม่างส่ายศีรษะอย่างหมดปัญญา “เธอมาได้ยังไง?”“พี่ได้รับบาดเจ็บ ฉันจะไม่มาได้เหรอ?”“เธอก็เลยมาทั้งอย่างนี้นะเหรอ พ่อกับป้าอวิ๋นรู้ไหม?”“ใครจะให้พวกเขามายุ่งกัน!” ใบหน้าหญิงสาวพูดทะเล้น “มีพี่คอยสนใจก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ? ฮั่วจือซินจะเป็นผู้ติดตามของฮั่วจือสิงตลอดไป พี่คงจะไม่ลืมไปหรอกนะ!”
กลับกันเป็นหลินอวี่ฉิงที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ยิ่งมองก็ยิ่งดูจะไม่ถูกต้อง "ชั่นชั่น เธอลองดูชุดพยาบาลที่หล่อนสวมใส่สิ...ทำไมถึงดูไม่เหมือนกับพยาบาลก่อนหน้าเลย?" "กระโปรงก็ดูจะสั้นจนเกินไป! เหล่อนสวมกระโปรงสั้นขนาดนี้มาที่ห้องสามีของเธอ มาเพื่อเปลี่ยนยาจริง ๆ เหรอ?" "ไม่ได้ ฉันจะต้องตามไปถามให้รู้เรื่อง!" "หลินอวี่ฉิง..." เจียงชั่นไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี "หากเขาไม่มาเปลี่ยนยาแล้วแล้วจะมาทำไม? เธอหยุดพูดเรื่องตลกได้แล้ว!" เธอเป็นคนที่ไม่คิดมากมาตลอด นอกจากนี้แล้วต้องให้มีคนจ้องจับกู้หม่างเข้าจริง ๆ กู้หม่างก็ไม่มีทางที่จะตอบรับ สำหรับความซื่อสัตย์ของสามีตัวเองเธอมั่นใจได้เต็มร้อย "เธอนี่ดีไปซะทุกอย่าง เพียงแต่การตอบสนองด้านนี้ดูจะช้าและใสซื่อจนเกินไป!" หลินอวี่ฉิงพึมพำออกมาเสียงเบา แล้วก็มองไปทางแผ่นหลังของฮั่วจือซินอีกครั้ง ลอบจดจำรูปร่างของพยาบาลคนนี้เอาไว้ ทั้งสองคนเข้าไปในห้องผู้ป่วย เจียงชั่นวางกระเป๋าเก็บอุณหภูมิไว้บนโต๊ะแล้วก็ไปดูอาการของกู้หม่าง "วันนี้รู้สึกเป็นยังไงบ้าง? เจ็บไหม?" "คุณกลายเป็นคนละเอียดอ่อนขนาดนี้เมื่อไรกัน!" กู้หม่างยิ้งออกม
เจียงชั่นใช้ชีวิตอยู่กับชายหนุ่มเช่นนี้ทุกวัน ยังสามารถปรับตัวเข้าหากันได้จริง ๆ! หลินอวี่ฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย บังเอิญกับที่ในตอนนี้เจียงชั่นกลับมาพอดี ในมือยังมีดอกไม้ช่อหนึ่งเพิ่มเข้ามา "ฉันเห็นมันในร้านดอกไม้ด้านข้างของที่จอดรถ" เจียงชั่นยิ้มออกมาสดใส "ห้องพักผู้ป่วยจะต้องมีดอกไม้เสียหน่อยถึงจะดูมีชีวิตชีวา ก่อนหน้านั้นฉันยุ่งจนลืมไป วันนี้ถึงได้เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าต้องซื้อดอกไม้!" เธอหาแจกันแก้วแล้วใส่ดอกไม้เข้าไปก่อนจะวางตรงขอบหน้าต่าง กู้หม่างเมื่อเห็นเธอเข้า ดวงตาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมาทันที เขากุมมือเล็กของเธอเบา ๆ หลินอวี่ฉิงรีบหาข้ออ้างเพื่อหลบออกไป เธอไม่ได้อยากเป็นส่วนเกินอยู่ที่นี่เสียหน่อย! ใบหน้าเล็กของเจียงชั่นแดงก่ำ ก่อนดึงมือออกมาดวงตาฉ่ำวาวจ้องมองเขาอย่างเงียบ ๆ "เมื่อคืนคุณยังไม่ได้อาบน้ำใช่ไหม? ฉันจะช่วยคุณเช็ดตัวดีกว่า" ขณะที่เธอพูดก็หันเดินออกนอกประตูไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับน้ำอุ่น หลายวันมานี้ที่กู้หม่างอยู่โรงพยาบาล ทุก ๆ วันล้วนแต่เป็นเธอที่ช่วยเช็ดทำความสะอาดร่างกายเขา เธอบิดผ้าเช็ดตัว แล้วเปิดเสื้อเขาขึ้นอย่างระมัดระวัง รอยฟกช้ำบนร่าง
“อ้อ ที่แท้คุณก็คือคุณหมอเสิ่น?”หลินอวี่ฉิงรีบเก็บมือกลับที่จะจับมือกับเขาทันที “พ่อสื่อผู้ยิ่งใหญ่ของเจียงชั่นกับกู้หม่าง?”เสิ่นเซียวไม่ได้สังเกตว่าอารมณ์ในแววตาของเธอดูจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเขามักจะรู้สึกว่าหน้าที่พ่อสื่อนี้เขาทำได้ถูกต้องและก็คิดเสมอว่าตนเองทำได้สำเร็จ เป็นการแต่งงานที่มีความสุขดังนั้นเขาจัดเสื้อกาวน์ขาว น้ำเสียงมีความภาคภูมิใจอยู่เล็กน้อย ยิ้มแล้วมองไปที่เธอ “ใช่แล้วครับ เอ่อ อันที่จริงผมเองก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไร วาสนาของำวกเขาเป็นฟ้าที่ลิขิตไว้ ผมก็เพียงแต่…”“นี่ยังไม่เรียกว่าช่วยเหลือหรอกเหรอ?” หลินอวี่ฉิงขัดคำของเขา ขึ้นเสียงสูง “คุณหมอเสิ่นช่างถ่อมตนจริง ๆ!”เสิ่นเซียวขมวดคิ้ว ถึงได้รู้สึกว่าท่าทีของเธอไม่ถูกต้อง“คุณหมอเสิ่น คุณเป็นหมอ! หน้าที่ของคุณก็คือไม่ใช่ช่วยเหลือชีวิตคนและรักษาอาการบาดเจ็บเหรอ? ทำไมถึงได้รู้สึกว่าคุณเหมือนกับคุณป้าที่ไม่มีเรื่องอะไรทำพวกนั้น ไปช่วยเขาเป็นพ่อสื่อไปทั่ว…”“การจับคู่นี่ก็ช่างมันเถอะ คุณนี่ช่างเป็นคนดีจริง ๆ!” หลิวอวี่ฉิงอดไม่ได้ที่จะพูดกระทบกระเทียบ “และด้วยเงื่อนไขของกู้หม่างนั้น คุณยกเจียงชั่นให้แต่งงานไปกับเข
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั