ฮั่วจือสิงผงะอึ้ง "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะอยู่ที่นี่" เขาตอบโดยไร้ซึ่งแววลังเล เจียงชั่นยิ้มให้ เธอคาดคำตอบเช่นนี้เอาไว้อยู่แล้ว นี่ต่างหากล่ะคือสีหน้าของผู้มีรักลึกซึ้งต่ออีกคนหนึ่ง ถ้าเป็นฮั่วจือสิงที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็จะอยู่เคียงข้างเขา แต่หลังจากการสารภาพรักอันชวนประทับใจของหยินเส่าฉิง เขาก็จากไปทันที ราวกับว่าเมื่อสักครู่ทุกอย่างเป็นแค่การแสดงเท่านั้น ฮั่วจือสิงรู้สึกหัวใจบีบรัด เมื่อเขาสบตากับเจียงชั่นก็เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น "ผมรู้แล้วล่ะ หยินเส่าฉิงเชื่อใจไม่ได้!" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเดือดดาล "ขืนจือซินยังถลำลึกอยู่แบบนี้ต่อไป วันข้างหน้าคงได้ระทมทุกข์แน่!" "อย่าเพิ่งร้อนใจไปเลย" เจียงชั่นปลอบเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ดูเหมือนว่าป้าหยุนยังไม่ล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาใช่ไหมคะ?" "ต่อให้ป้าหยุนรู้เรื่องนั้น ท่านก็คงไม่ถามอะไรให้มากความนักหรอก" ฮั่วจือสิงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "ท่านส่งเสริมความรักโดยไร้ขีดจำกัด แถมยังชิงชังเรื่องที่ลูกหลานของท่านถูกใช้เป็นเหยื่อเพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ของตระกูล" "แต่ช่องว่างระหว่างหยินเส่าฉิ
เธอไม่ใส่ใจและขณะที่กำลังจะเก็บโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋า จู่ ๆ ก็มีข้อความซึ่งไม่ระบุชื่อปรากฎอีกครั้งทันที "ผมคิดถึงคุณนะ" เจียงชั่นหัวใจเต้นกระหน่ำ จากนั้นความรู้สึกไม่สบายใจก็คืบคลานเข้าสู่จิตใจราวกับไม้เถาวัลย์ เธอยืนตรงนั้นอยู่นาน หัวสมองว่างเปล่าขาวโพลนแล้วสูดลมหายใจลึก ๆ ให้ความรู้สึกราวกับว่ากำลังจะมีเรื่องยุ่งเข้ามาพัวพันกับเธอ ชวนให้รู้สึกไม่สบายใจเอามาก ๆ บางทีอาจจะส่งผิดเหมือนกับข้อความเมื่อสักครู่นี้ก็ได้ เธอปลอบใจตัวเอง เธอเก็บโทรศัพท์ลงไปแล้วจู่ ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บจากด้านหลัง เธอจึงกระชับเสื้อคลุมแล้วรีบกลับบ้าน ... ณ ชั้นบนสุดของคฤหาสน์ตระกูลฮั่ว ฮั่วจือสิงยืนอยู่ตรงหน้าต่างบานสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดานพลางมองการจราจรอันคับคั่ง ณ เบื้องล่าง จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วนิด ๆ แล้วแววเยียบเย็นก็วูบผ่านดวงตาอันล้ำลึกของเขา "นายท่าน" ฟางฮั่นเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาพร้อมรายงานเสียงเบาว่า "จัดการเรื่องที่พักของหมอเสิ่นเรียบร้อยแล้วครับ วันนี้เขาจะมารายงานตัวที่ศูนย์วิจัยทางการแพทย์" "อืม" ฮั่วจือสิงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "ถึงแม้ว่าหมอเสิ่นจะเป็นศัลยแพทย์ แต่เข
"ฉันคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงนะ" หลินอวี่ฉิงลูบหน้าท้อง "เด็กน้อยทั้งเรียบร้อยและรู้จักเห็นใจคนอื่นมาก ๆ เลยล่ะ คนอื่นต้องเผชิญอาการสารพัดอย่างระหว่างตั้งครรภ์ช่วงแรก รวมทั้งอาเจียนและเวียนศีรษะ แต่ฉันไม่มีอาการอะไรเลย แถมยังกินอิ่มนอนหลับอีกด้วย!" "พี่อวี่ฉิง..." เจียงชั่นไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือว่าร้องไห้ดี "ไม่ใช่เด็กน้อยที่ใส่ใจพี่หรอก เป็นพี่ซานต่างหากล่ะ!" เธอมองไปทางห้องครัว ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกันอยู่นนั้น ลู่หลีซานกำลังทำอาหารสำหรับหญิงตั้งครรภ์อยู่ในห้องครัว ทั้งเนื้อสัตว์และผักต่างผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัว เต็มไปด้วยสีสันและรสชาติพร้อมเสิร์ฟในถ้วยอันแสนวิจิตรบรรจง เรียกได้ว่าสามารถใช้เป็นต้นแบบในการถ่ายทำรายการอาหารได้เลย ฮั่วจือสิงที่พิงประตูห้องครัวรู้สึกตกตะลึงเสียจนพูดไม่ออก เขานึกถึงอาหารเช้าที่เขาเคยทำให้เจียงชั่น... ขนมปังปิ้ง ไข่ดาวและโอ๊ตมีลที่ปราศจากธัญพืช... เขาคิดว่าชั่วชีวิตคงไม่สามารถทำได้อย่างลู่หลีซานเป็นแน่ "นายจะตะลึงไปขนาดนั้นทำไมกัน?" ลู่หลีซานเช็ดมือแล้วชื่นชมผลงานชิ้นเอก เมื่อมองดูแล้วก็พบว่ามีปัญหาอยู่นิดหน่อย "ไม่สิ... เมื่ออวี่ฉิงได้กลิ่น
ฮั่วจือสิงไม่สนใจความเป็นมาของเนี่ยซิน เขาโยนไม้พายที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะเสียงดังแคร๊งด้วยสีหน้าไม่นำพาใส่ใจ จากนั้นก็กอดอกแล้วยืนพิงผนังพร้อมดวงตาดำราวกับน้ำหมึกคู่หนึ่งที่เผยให้เห็นถึงอารมณ์อันเคลือบคลุม ลู่หลีซานยังคงพูดต่อไปอีกว่า "ว่ากันว่าเนี่ยซินมาจากฮ่องกง แถมตระกูลของเขาก็สนิทสนมกับเหล่ากองทัพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลงานของเขาเป็นผลมาจากความอุตสาหะของตัวเองโดยไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าไม่ใช่เพราะมีผู้มีอิทธิพลคอยหนุนหลังอยู่ เขาก็คงจะไม่โด่งดังเร็วขนาดนั้นหรอก!" ฮั่วจือสิงเหลือบมองเขาแล้วไม่พูดอะไร หลังจากนั้นสักพักเขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า "พื้นเพก็งั้น ๆ..." ลู่หลีซานได้กลิ่นไหน้ำส้มแตก[1] มาแต่ไกล "ฉันก็แค่อยากให้นายรู้เอาไว้" ลู่หลีซานกลั้นยิ้ม "มีเพียงรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งเท่านั้นแหละ นายถึงจะมีโอกาสเอาชนะได้! ถ้านายคิดจะจัดการกับเขา ทำไมถึงไม่หารายละเอียดเสียก่อนเล่า?" "ฉันจะต้องสนใจรายละเอียดของเขาไปทำไมกัน?" ฮั่วจือสิงยิ้มเยาะ "ในหยางเฉิง คำพูดของฉันเป็นประกาศิต!" "เฮ้ นายมีประกาศิตด้วยเหรอ? งั้นคุณฮั่วช่วยไปซื้อบุหรี่ให้สักซองได้ไหม?" "..." "ฉันไม่ย
เจียงชั่นหันไปมองตามทิศทางของเสียง เธอเห็นเจียงเหยาสวมชุดเกาะอกสีทองเดินนวยนาดอยู่ท่ามกลางผู้คน เหยาม่านหนิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลมีแววตาสนุกสนานคล้ายกำลังชมละคร "คุณนายฮั่วแล้วอย่างไรเล่า? เธอก็แค่เศรษฐีใหม่เท่านั้นแหละ! ในหยางเฉิงมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าตระกูลหวังขายอาหารเลี้ยงหมูน่ะ? ฮ่าฮ่าฮ่า..." เมื่อหวังเหม่ยหยุนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวตรงนี้เข้า เธอก็พลันหน้าเปลี่ยนสีทันที แขกเหรื่อหลายคนเองก็ได้ยินคำพูดนี้แล้วเผยสีหน้ายุ่งยากใจออกมา พอเทียบกับตระกูลใหญ่ตระกูลอื่น ๆ แล้ว ตระกูลหวังกลับไม่มีเส้นสายที่หยั่งรากลึกอยู่จริง ๆ ทว่าตระกูลหวังก็มั่งคั่งมากทีเดียว นอกเหนือไปจากธุรกิจด้านการเกษตร พวกเขายังมีธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย ในแวดวงสังคมชั้นสูงย่อมไม่มีใครกล้าดูถูกตระกูลหวัง ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องเศรษฐีใหม่... เจียงชั่นเหลือบมองไปทางนั้น และเจียงเหยาก็ดูอิ่มอกอิ่มใจราวกับคนโง่ เธอสรุปได้เลยว่าเจียงเหยาถูกใครสักคนหลอกใช้เป็นเป็นเหยื่ออีกแล้ว เจียงชั่นรู้สึกอับอายขายหน้านัก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเจียงเหยา แต่เธอก็มีความสัมพันธ์กับตระกูลเจีย
เกิดความโกลาหลไปทั่วทุกคนได้แต่มองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครกล้าพอที่จะเข้าไปช่วยเจียงเหยา และไม่มีใครโง่พอที่จะเข้าไปขวางทางคุณนายฮั่วที่กำลังโกรธจัดตอนนี้คนที่หาเรื่องใส่ตัวก็คือเจียงเหยาเอง“ดูเหมือนว่าคุณเจียงจะโกรธมากเลยนะ” หวังเหม่ยหยุนเอ่ยอย่างเย็นชา “ดีเลย ไวน์เย็น ๆ นี่คงจะทำให้เธอสงบลงบ้าง”เจียงเหยากรีดร้องแล้วใช้มือเช็ดใบหน้าของตัวเอง ตอนนี้เครื่องสำอางค์ก็ได้ละลายไปกับน้ำเช่นกันหญิงสาวไม่ยอมแพ้เธอเอื้อมไปหยิบเค้กที่วางด้านข้างขึ้นมา แต่ก่อนที่จะขว้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เข้ามาห้ามไว้ได้ทันหวังเหม่ยหยุนค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเธอพลางกลั้นยิ้ม ทว่าแววตากลับเคร่งขรึม“ต่อไปถ้ายังกล้าที่จะนินทาฉันลับหลังอีกแล้วฉันรู้ รับรองได้เลยว่ามันจะไม่จบง่าย ๆ”“ฉันจะดึงลิ้นเธอออกมาด้วยมือของฉันเอง คอยดู”หวังเหม่ยหยุนพาเจียงชั่นไปที่เลานจ์เพื่อแต่งหน้า“ฉันล่ะอยากจัดการผู้หญิงคนนี้มานานแล้ว” หวังเหม่ยหยุนเอ่ย ขณะที่ทาลิปสติกสีแดงอีกครั้ง ทำให้เธอดูมีพลังมากขึ้น“ทำไมฮั่วจือเหยียนถึงได้กล้าไปยุ่งกับผู้หญิงพวกนี้นะ? ความคาดหวังที่ฉันมีต่อลูกหลานตระกูลฮั่วมันมี
เหยาม่านหนิงตะลึงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับมา“อ้อ ผู้จัดการนี่เอง” เธอแสร้งยิ้มทว่าไม่เป็นธรรมชาตินัก “คุณผู้หญิงบอกว่าลืมเอาเครื่องประดับมาด้วย ก็เลยให้ฉันมาเอามันให้ แต่ฉันไม่มีบัตรเข้าห้องน่ะ”“ฉันมีบัตรสำรองค่ะ” ผู้จัดการหยิบบัตรสำรองออกมาเปิดประตูทันทีด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเจียงชั่นขยิบตาให้ป้าเฉิน ขอให้อีกฝ่ายซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าป้าเฉินเองก็เชื่อฟังในทันทีเพราะรูปร่างที่เล็กและผอมมาก หญิงสูงอายุจึงรีบเดินเข้าในตู้เสื้อผ้าในเวลาไม่นานและเหยาม่านหนิงก็เดินเข้ามาอย่างที่คิดเมื่อเห็นว่าเจียงชั่นยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง เหยาม่านหนิงก็รู้สึกพอใจ“คุณเหยา” เจียงชั่นยิ้ม “มาพักผ่อนที่ห้องนี้ด้วยเหรอคะ?”เหยาม่านหนิงตอบอย่างใจเย็น “ค่ะ”“แต่ว่าห้องนี้เป็นห้องพักส่วนตัวของน้าหยุน” เจียงชั่นเอ่ยอย่างไม่ถ่อมตัวอีกต่อไป “ถ้าอยากจะมาพักในนี้ ก็ควรจะบอกท่านก่อนไม่ใช่เหรอ?”เหยาม่านหนิงกำหมัดแน่นแล้วขยับเข้าไปจ้องเจียงชั่นใกล้ ๆก่อนหน้านี้เจียงเหยาเพิ่งจะพูดเพื่อทำให้หวังเหม่ยหยุนอับอาย ทว่ากลับไม่สำเร็จ แถมยังถูกอีกฝ่ายไล่ออกไปจากโรงแรมเสียด้วยซ้ำไร้ประโยชน์จริง ๆแผนเดิม
เมื่อเห็นว่าเหยาม่านหนิงจับเธอแน่น เจียงชั่นก็เริ่มวิตกเธอพยายามจับมือของอีกฝ่ายออกไปจากตัวเองในขณะที่กำลังยื้อยุดกันอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีสายตาเย็นชาปรากฎขึ้นในแววตาของเหยาม่านหนิงเธอกัดฟันแล้วปล่อยเจียงชั่น ก่อนจะตบหน้าซ้ายขวาของตัวเองอย่างแรงเจียงชั่นตกตะลึงในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด“เจียงชั่นจะฆ่าฉัน!”เหยาม่านหนิงตะโกนแล้วกดกริ่งสัญญาณเตือนภัย ในตอนนั้นเองที่ผู้จดการ เด็กเสิร์ฟและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างก็รีบตามหาไม่ช้าผู้คนที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงที่ได้ยินเสียงกริ่งก็กรูขึ้นมาชั้นบนเช่นกันเหยาม่านหนิงทำผมของตัวเองให้ยุ่งเหยิงแล้วแสร้งยืนตื่นตระหนกอยู่ที่หน้าประตูห้อง เมื่อเห็นฮั่วจือสิงอยู่ในฝูงชน เธอก็ร้องไห้แล้วรีบวิ่งเข้าไปหาเขาทันที“จือสิง”“จือสิง เมื่อกี้ฉันกำลังคุยอยู่กับคุณเจียง ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้เธอขุ่นเคือง..เธอก็เลยตบฉันค่ะ”ฮั่วจือสิงผลักร่างบางออกไปด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก ในแววตามีประกายบางอย่างฉายผ่านไปรวดเร็วร่องรอยของการถูกตบของเธอมันชัดเจนว่ามีรอยนิ้วมือ แก้มนวลทั้งสองบวมแดงแขกในงานมองดูท่าทีที่เขินอาย ก่อนจะกระซิบกระซาบใ
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั