ในใจของเจียงชั่นตึงเครียดขึ้นมา เธอหันกลับไปมองสบตากับอันอัน อันอันเองก็ใช้สายตาตึงเครียดมองเธอ"ทำไมหล่อนจะต้องเรียกหาเธอกัน?" อันอันขมวดคิ้วออกมา "จะต้องมีเจตนาไม่ดีแน่! เจียงชั่น เธอจะต้องระวังนะ!""อืม ไม่เป็นไรหรอก" เจียงชั่นยิ้มออกมาอย่างใจเย็นแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของเฉิงเซียวเซียวเฉิงเซียวเซียวจงใจเปิดม่านรอบทิศของห้องทำงานขึ้น แม้แต่ประตูก็เปิดเอาไว้เช่นกัน เพื่อที่จะให้คนที่อยู่ข้างนอกมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในนี้ได้อย่างชัดเจนเจียงชั่นรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง ดูเหมือนว่าเฉิงเซียวเซียวไม่ได้คิดที่จะจัดการเธอเพราะอย่างไรแล้วก็มีสายตาหลายคู่จับตามองอยู่"เจียงชั่น ท่านนี้คือประธานซูจากเฉิงกวงกรุ๊ป" เฉิงเซียวเซียวแนะนำออกมาด้วยรอยยิ้ม "ประธานซู เธอก็คือคนที่มียอดขายสูงที่สุดของบริษัทเราในเดือนนี้!"เจียงชั่นยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพยักหน้าทักทาย แต่ยิ่งมองท่าทีของเฉิงเซียวเซียว ก็ยิ่งรู้สึกเห็นด้วยกับคำของอันอันไม่มีเจตนาที่ดีแน่...ซูเฉินเป็นชายวัยกลางคนที่ดูอ่อนโยน ตั้งแต่ที่เจียงชั่นเข้าประตูมา สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่แหวนบนนิ้วมือของเธอ และก็ไม่ได้เลื่อนสายตาไปที่
เจียงชั่นนำซูเฉินเดินเข้าไปในห้องประชุมคนเหล่านั้นที่รวมตัวกันอยู่ที่ประตูห้องของเฉิงเซียวเซียว ต่างก็มีท่าทียินดีที่ได้เห็นภัยพิบัติของคนอื่น“ผู้อำนวยการเฉิงต้องการจะให้ประธานซูบอกว่าแหวนของเจียงชั่นเป็นเพียงแก้วสีเขียวก็เท่านั้น ใครจะรู้ว่าที่เธอสวมนั้นเป็นมรกตแท้! ท้ายที่สุดแล้วยังโดนแย่งเอาลูกค้าไปอีก!” มีคนหัวเราะเสียงเบาพูดออกมา “นี่ไม่ใช่เรียกว่าสูญเสียทั้งต้นทั้งดอกหรอกเหรอ?”“ใช่ นี่เรียกว่าขโมยไก่ไม่สำเร็จแล้วยังเสียข้าวสารไป!”“ฮาฮา…”เฉิงเซียวเซียวยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น สมองดูว่างเปล่า โมโหเสียจนตัวสั่นเทิ้มเธอเดินเข้าห้องไปแล้วปิดประตูลงเสียงดังปังผู้คนที่อยู่ด้านนอกพากันแยกย้ายไป แต่เสียงหัวเราะยังคงดังก้องไปทั่วสำนักงาน ปกติแล้วคนเหล่านั้นก็ไม่พึงพอใจกับท่าทีที่หยิ่งยโสของเฉิงเซียวเซียวอยู่แล้ว แต่เพราะว่าลุงของเธอเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ก็เลยต้องอดทนเอาไว้วันนี้เมื่อเห็นเธอมีท่าทีที่น่าสังเวช พวกเขาก็พากันมีความสุขอย่างยิ่ง…เจียงชั่นไปส่งซูเฉินจนถึงหน้าประตูของบริษัท เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วบอกลากับเขา จากนั้นก็ลูบที่แหวนบนนิ้วมือเบา ๆนี่เป็นมรกตจริง ๆ อ
วันนั้นยังไม่มีใครรู้ว่า เพราะอะไรที่เฉิงเซียวเซียวออกไปแล้วกลับมาใบหน้าทั้งสองข้างถึงบวมเป่ง มุมปากยังมีเลือดไหลออกมาท่าทางน่าอับอายนั้นช่างเหมือนกับวันนั้นที่ฟางจินหยางถูกต่อยตีหากว่าเชื่อมโยงทั้งสองเรื่องเข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาดแล้ว ไม่นานก็รู้ว่าต้องเกี่ยวกับเจียงชั่น เพราะว่าปกติแล้วเจียงชั่นเป็นที่ชื่นชอบมาก บุคลิกก็ดูอ่อนโยน ทำงานก็ก้าวหน้า ต่อให้เจียงชั่นจะตบเฉิงเซียวเซียวเข้าจริง ๆ ทุกคนเองก็จะคิดว่าเฉิงเซียวเซียวบีบบังคับคนดีจนเกินจะทนต่อไปไหวบวกกับยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน เมื่อทุกคนพูดถึงแล้วก็ผ่านไปไม่จริงจังนักนอกจากนี้แล้วถึงแม้ว่ากล้องวงจรปิดจะจับภาพเอาไว้ไม่ได้ ทุกฉากกลับถูกเย่เชินมองเห็นเข้าในตอนนั้นเย่เชินกำลังจัดการธุระอยู่ที่สำนักงานกฏหมายใกล้ ๆ เขามองเห็นเจียงชั่นตบคน ช่างเป็นภาพที่ยากจะพบเห็นได้ในร้อยปีเขารีบรายงานไปหากู้หม่าง ไม่รู้ตัวว่าไปเหมือนไป๋จิ่งหยวนเข้าแล้ว แต่ละคำของเขาเต็มไปด้วยน้ำเสียงแบบเดียวคุณชายไป๋ “พี่สาม ภรรยาของพี่นี่ช่างเป็นเหมือนพริกสุดเผ็ดจริง ๆ ฝ่ามือนั้นไม่พูดไม่จาก็ฟาดลงไปเลย! ปากก็ร้องตะโกนว่าหากยังกล้าพูดถึงสามีเธอ จุดจบก็ยิ่ง
กู้หม่างหายใจติดขัด แล้วกอดเธอแน่นในอ้อมแขนทันทีเอวเรียวของเธอ ถุกเขารวบจับเข้ามาด้วยมือเดียว ส่วนมืออีกข้างหนึ่งเชยคางของเธอขึ้นเบา ๆเขามองที่ดวงตาของเธอ รูม่านตาใสราวกับน้ำพุ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเผยอแล้วค่อย ๆ ปิดลง ราวกับกำลังหลอกล่ออยู่เงียบ ๆกู้หม่างรู้สึกได้ถึงความร้อนระอุที่มีในร่างกายเจียงชั่นหลบสายตาที่ร้อนแรงของเขา ใบหน้าเล็กแดงก่ำ ลมหายใจเร็วขึ้น เขารู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าอก หัวใจเต้นแรง ความเป็นชายที่แข็งแกร่งของเขา…เธอรู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองอ่อนแรงลง ก่อนที่เขาจะจูบลงมา เธอก็ผลักเขาออกอย่างอ่อนโยน“อย่าค่ะ” เธอยิ้มออกมาอย่างเขินอาย “ฉันยังต้องทำอาหารอีก”กู้หม่างหยุดลง ดวงตาลึกล้ำส่องประกายดำมืด“กลางคืนเถอะ…” เจียงชั่นส่งเสียงออกมาทั้งเบาแผ่ว ไม่ง่ายเลยที่จะเอ่ยสามคำนี้ออกมา เธอเขินอายจนใบหน้าแดงก่ำ“ตอนค่ำคุณไม่ต้องนอนที่โซฟาแล้ว ไม่สบายตัว คุณมานอนในห้องเถอะ”กู้หม่างตะลึงไปนี่คงจะเป็นคำพูดที่เธอพูดออกมาได้ไพเราะที่สุดแล้ว…เขาพยายามอย่างยิ่งที่กลั้นยิ้มเอาไว้ นิ้วมื้อไล้ผ่านติ่งหูแดงก่ำของเธอไปแล้วพูดออกมาเสียงแหบบางเบา “ได้”หลังจากมื้อเย็น กู้หม่างก
ในตอนที่เขาอายุสิบหกปีนั้น ก็ได้เข้าเรียนยังวอร์ตันหนึ่งในสามของโรงเรียนทางธุรกิจของโลก เป็นทายาทของตระกูลฮั่วที่ถูกตั้งความหวังเอาไว้สูงหากว่าไม่ใช่เพราะภายหลังติดกับดักแผนการของผู้อื่นเข้าจนต้องเจอเหตุการณ์เครื่องบินตก เขาในตอนนี้ก็คงจะได้ครอบครองอำนาจของฮั่วกรุ๊ปแล้วเมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของเจียงชั่น เขาจึงทำได้เพียงแค่ตอบไปด้วยรอยยิ้มและความเงียบงันเจียงชั่นทำหน้ามุ่ย ทันใดนั้นก็เกิดความคิดแวบเข้ามาในหัว ในตอนที่เขาอายุสิบหกอาจจะพบเข้ากับคนที่ไกลเกินเอื้อมอะไรทำนองนั้นไหมนะ? ว่ากันผู้ชายมักจะลืมรักแรกได้ยาก ในตอนที่เพิ่งจะพูดถึงเรื่องของตอนอายุสิบหกนั้นยังดูตื่นเต้นอยู่ แต่พูดเพียงแค่ครึ่งหนึ่งก็ไม่พูดเสียแล้ว เห็นได้ชัดว่าคงจะไม่อยากให้เธอรู้…นอกจากเรื่องความรักแล้ว ก็คงจะไม่มีอะไรที่จะอธิบายได้ดียิ่งกว่าแล้วดวงตาของเจียงชั่นมีร่องรอยของความเหงาแวบผ่านมา ในเมื่อเขาไม่อยากพูด เธอก็ไม่ถามอีกแต่เรื่องนี้กลับสร้างปมเล็ก ๆ ขึ้นในใจเธอเธอเดินเข้าไปในห้องนอนเงียบ ๆ แล้วเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ ก่อนจะหยิบผ้าห่มออกมาปูบนโซฟาในห้องนั่งเล่นกู้หม่างตะลึงไปชั่วอ
คืนนั้นเจียงชั่นเองก็แทบจะนอนไม่หลับด้านหนึ่งเป็นกังวลหยิ่นเฉิง อีกด้านหนึ่งถูกคำว่า “ความรักในช่วงวัยนั้น” รบกวนเข้า บวกกับนอนบนโซฟาเป็นครั้งแรก พลิกไปมาก็ยังนอนไม่หลับ จนกระทั่งใกล้จะฟ้าสางถึงได้ค่อย ๆ หลับไปอย่างไรก็ตามหลับไปได้ไม่นาน ก็ถูกเสียงดังรบกวนเข้าจนตื่นเมื่อลืมตาขึ้นมอง กู้หม่างก็เปลี่ยนชุดเตรียมจะออกไปข้างนอกแล้ว หยิ่นเฉิงเองก็จัดกระเป่าเรียนเรียบร้อย ตามมาด้านหลังของกู้หม่าง“พวกคุณสองคนจะไปไหน?” เจียงชั่นประหลาดใจกู้หม่างแต่งตัวแปลก ๆ เขาสวมชุดสีดำพร้อมสวมหมวก ไม้ในมือที่แกว่งไปมาคือสิ่งที่เขามักใช้ออกกำลังกายที่บ้านทันใดนั้นเธอก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี“คุณจะไปต่อยตีอย่างนั้นเหรอ?”กู้หม่างมองเธอแต่ไม่ได้พูดอะไรเจียงชั่นร้อนรน ดูเหมือนว่าเขาจะไปต่อสู้จริง ๆ หลังจากแต่งงานกัน ทุกครั้งการต่อสู้ที่เขาเจอมักจะเกี่ยวข้องกับเธอ และทุกครั้งที่เธอกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา แล้วเขาจะต้องกลับไปเข้าคุกอีก...ไม่ว่าครั้งนี้จะเป็นอย่างไร เธอก็ไม่ยอมให้เขาใช้กำลังอีกต่อไป!“เรื่องครั้งนี้คุณไม่ต้องสนใจ” กู้หม่างพูดเสียงต่ำ “คนพาลพวกนั้น หากไม่ทำให้ได้รับความลำบากบ้า
เจียงชั่นค่อย ๆ เดินเข้ามาจากด้านข้าง สีหน้าหนักแน่นสงบนิ่งกู้หม่างตอนนี้เข้าใจถึงเจตนาของเธอแล้วเธอถ่ายภาพหลักฐานที่ชัดเจนถึงการกลั่นแกล้งกันหน้าโรงเรียน ส่วนนักเรียน ม.ปลายทั้งหลายนี้มีอายุเกินสิบหกปีไปแล้ว ในทางกฏหมายสามารถรับโทษทางอาญาได้ขอเพียงแค่มอบหลักฐานนี้ให้กับตำรวจ เมื่อมีการฟ้องร้อง นักเรียนเหล่านี้จะต้องมีประวัติเสียหายไปตลอดชีวิตสายตาเย็นชาของเจียงชั่นกวาดมองไปที่คนเหล่านั้น“พวกนายคงไม่ได้รังแกหยิ่นเฉิงแค่คนเดียวสินะ?” เธอพูดออกมาอย่างระมัดระวัง “ฉันแจ้งตำรวจไปแล้ว รอตำรวจมาก็ตรวจสอบทุกอย่างให้ชัดเจน”ทุกอย่างล้วนแต่ถูกเจียงชั่นควบคุมเอาไว้คนเหล่านั้นถูกตำรวจเอาตัวไป และตามขั้นตอนการสอบสวนตามปกติแล้ว คนเหล่านั้นสารภาพความจริงว่า โทษทัณฑ์ถูกกำหนด ไม่นานก็ได้ผลที่น่าพึงพอใจในที่สุดเจียงชั่นก็สามารถระบายความแค้นให้กับหยิ่นเฉิงได้แล้ว “พี่สาม ภรรยาของพี่นี่เก่งจริง ๆ” เย่เชินมีเพื่อนอยู่ในกรมตำรวจ หลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้ไปแล้ว ก็อดไม่ได้ที่ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมา “ผมว่าเมื่อเธอพบเรื่องต่าง ๆ เข้าแล้วดูจะใจเย็นกว่าพี่เยอะ และยังรู้กฏหมายเป็นอย่างดี การกระทำนี
เจียงชั่นปวดท้องอย่างมาก เธอลางานหนึ่งวันไม่ได้ไปทำงานอย่างไรก็ตามนอนอยู่ที่บ้านก็ไม่ได้ดีขึ้น แต่เมื่อเธอตื่นมาในตอนเช้าก็ได้กลิ่นยาสมุนไพรจีนลอยออกมาจากห้องครัวเจียงชั่นฝืนตัวเองลงมาจากเตียง เดินไปที่ประตูห้องครัวก็เห็นกู้หม่างวุ่นวายอยู่ด้านในบนโต๊ะนั้นมีอาหารเช้าที่เขาเตรียมเอาไว้ให้เธอ มีไข่ดาว ขนมปังปิ้ง และยังชามซีเรียลที่ไม่มีซีเรียลอยู่เลยช่างยากสำหรับผู้ชายที่ไม่เคยจะเข้าครัวมาก่อนเจียงชั่นยิ้มขมขื่น ยืนพิงตรงกรอบประตูห้องครัวแล้วพูดกับเขาเสียงเบา “คุณทำไม่เป็น ให้ฉันทำเถอะ”กู้หม่างนิ่งอึ้ง หันกลับไปมองเธอ “ตื่นแล้วเหรอ? คุณไม่สบายใช่ไหม กินอาหารเช้าเสร็จแล้วก็กลับไปนอน ที่นี่ปล่อยให้ผมจัดการเอง”“คุณกำลังทำอะไรอยู่?”"เอ่อ... ผมกำลังทำซุปให้คุณ" กู้หม่างวุ่นวายอยู่ "คุณไปพักผ่อนเถอะ อีกเดี๋ยวซุปเสร็จแล้วผมจะเอาไปให้คุณ!”เจียงชั่นเม้มริมฝีปาก หัวใจของเธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา แต่ในใจก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ก่อนหน้านั้นเขาจะเคยใส่ใจ “คนที่อยู่ในใจ” ไหมนะ?เด็กชายอายุสิบหกปีเต็มไปด้วยเลือดร้อน จะต้องเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น...เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ รอยยิ้มบนริม
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั