เจียงชั่นขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างไรก็ตามยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา ก็พบว่าใบหน้าของผู้ช่วยนั้นเปลี่ยนไปทันที“นี่ นักข่าวเฝิงต้า!” ผู้ช่วยรีบวิ่งออกมาจากเคาท์เตอร์เพื่อต้อนรับ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ลมอะไรถึงได้หอบคุณมาที่นี้ได้? ฮาฮาฮา…”เสียงหัวเราะดังชัดทำใหเจียงชั่นรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาผู้ช่วยแทบจะวิ่งออกไปต้อนรับนักข่าว เจียงชั่นเหลือบมองออกไป ชายคนนั้นเป็นรุ่นพี่ที่มีชื่อเสียงในวงการ และมีความใกล้ชิดกับคนมีชื่อเสียงในวงการมากมาย“รีบเข้ามาด้านในเถอะ!” ผู้ช่วยพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม เมื่อเดินผ่านเจียงชั่นไปก็ไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่ ที่ใช้ไหล่กระแทกเธอเข้าอย่างแรง“นักข่าวเฝิงต้ามาแล้ว คุณยังไม่รู้อีก ที่นี่ชอบมีนักข่าวตัวเล็ก ๆ ที่ไม่ประเมินความสามารถตัวเองเข้ามาก่อความวุ่นวายบ่อย ๆ! เฮ่อ ยังดีที่วันนี้เนี่ยซินของพวกเรามีเวลาว่าง ถึงได้มารอสัมภาษณ์พิเศษกับคุณ!”“งานเขียนที่ยอดเยี่ยมของคุณ ต้นฉบับของคุณมีครั้งไหนที่ไม่ได้รับความนิยมบ้าง? ฮ่าฮ่า…”ทั้งสองคนเดินเข้าไปแล้ว มีเพียงเจียงชั่นยืนอยู่ด้านนอก มือเล็ก ๆ กำหมัดแน่นฮั่วจือสิงก้าวออกมากุมมือเธอเอาไว้ แล้วยิ้มออกมาจาง ๆ “พ
“อืม” เจียงชั่นพยักหน้าออกมาฮั่วจือสิงมองไปยังเขา ส่วนลึกของดวงตาเผยความรักออกมา เขากุมมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ในฝ่ามือตัวเอง“อีกเดี๋ยวเขาจะพาคุณเข้าไป แผนสัมภาษณ์ที่คุณนอนดึกทำมาจะเสียเปล่าไม่ได้”“อะไรนะ?” เจียงชั่นเบิกตาโตคุณลุงวัยกลางคนตรงหน้านี้ดูเหมือนว่าจะซื่อสัตย์และใจดี ไม่เหมือนกับคนที่ทำงานอยู่ในวงการบันเทิง“วางใจเถอะ” ฮั่วจือสิงหัวเราะออกมาเบา ๆ “ผู้จัดการห่าวมีประสบการณ์เป็นอย่างมาก”เมื่อดื่มชานมจนเสร็จแล้ว เจียงชั่นที่ลุกขึ้นยืนที่หน้าประตูสตูดิโอของเนี่ยซินอีกครั้งเธอสูดลมหายใจเข้าลึก เดินเข้าไปอย่างมั่นใจ สบสายตากับผู้ช่วยเหล่านั้นอีกครั้ง“นี่” ผู้ช่วยกินเมล็ดแตงโมไปพลางยิ้มเย้ยหยันออกมา “มีคนบางคนทำตัวเหมือนแมลงวัน ไล่ยังไงก็ไล่ไม่พ้น!”“เราบอกคุณไปแล้วว่าเนี่ยซินของพวกเรา ตารางเวลางานไม่มีเหลือว่างแล้ว คุณก็ยังไม่ยอมไปอีก?!”“แต่เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะเห็นนักข่าวคนหนึ่งเดินเข้าไป” ท่าทีของเจียงชั่นดูไม่ถ่อมตนหรือเอาแต่ใจเลยแม้แต่น้อย “อีกอย่าง ฉันก็เพียงแต่อยากจะนัดเวลาเท่านั้น หวังว่าคุณเนี่ยจะให้โอกาสสัมภาษณ์กับฉันสักครั้ง…”“คุณเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น
สีหน้าของสวีเหยียนเปลี่ยนไป เหงื่อเม็ดใหญ่ปรากฏขึ้นบนหน้าผากผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินแล้วก็ตัวสั่นเทา จากนั้นก็ได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธของสวีเหยียนขึ้นมาทันที “มานี่สิ!”สองขาของเธออ่อนแรงลงทันที แม้ว่าจะจับโต๊ะไว้ก็ยังยืนได้ไม่มั่นคง อย่าพูดถึงเรื่องเดินไปด้านหน้าเขาเลย“สวี…ผู้อำนวยการสวี…” สีหน้าของผู้ช่วยซีดขาว จ้องมองเจียงชั่นด้วยความตกตะลึงเธอคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่เธอเย้ยหยันนั้น จะมีที่มาใหญ่โตถึงขนาดนี้แม้แต่ผู้จัดการห่าวก็ยังต้องนอบน้อมให้กับเธอ!“ฉัน ฉันไม่ได้…”“ยังจะกล้าแก้ตัวอีก!” สวีเหยียนจ้องมองเธออย่างดุร้าย “เนี่ยซินจากที่ไม่มีชื่อเสียงอะไรจนมาถึงวันนี้ล้วนต้องอาศัยอะไร? ในเมื่อเป็นนักแสดงแล้ว เขาก็ไม่เคยทำตัวหยิ่งผยอง! ไม่เคยที่จะดูถูกคนอื่น!”“ฉันไม่คิดเลยว่า ข้างกายเขาจะมีคนแบบนี้อยู่! ช่างอันตรายจริง ๆ…”“ใช่แล้ว” ผู้จัดการห่าวหัวเราะออกมาเบา ๆ “นี่เพราะได้พบกับคุณเจียงของพวกเรา หากว่าเปลี่ยนเป็นนักข่าวคนอื่นแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะเขียนใส่สีตีไข่จนกลายเป็นอะไรไปบ้าง!”สวีเหยียนเหงื่อท่วมตัวไปกันใหญ่เขาอยู่ในวงการบันเทิงกับเนี่ยซินมาหลายปี เขารู้
แต่ว่า…ไม่ทันรอให้เธอได้ตื่นเต้นนานนัก เธอก็กระโดดเข้าใส่อ้อมแขนที่คุ้นเคยนั้นเจียงชั่นได้สติขึ้นมา มองสบไปยังดวงตาที่ลึกล้ำของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อครู่นี้เธอยังคงนึกอยู่ว่า การสัมภาษณ์ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก รอจนเมื่อจบการสัมภาษณ์ ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดความเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย และไม่แน่ว่าตัวเองอาจจะมีโอกาสได้รับเงินเดือนและได้เลื่อนตำแหน่งก็เป็นได้ส่วนท่านสามก็จะเป็นคนสำคัญในเส้นทางการเลื่อนตำแหน่งของเธอ!ดวงตากลมโตของเธอแวววาว ยิ้มออกมาอย่างสดใส เธอโอบรอบคอเขาแล้วเขย่งเท้าขึ้นจูบบนใบหน้าของเขา!ฮั่วจือสิงที่เดิมทีมาเพื่อ “ถามหาความผิด”จู่ ๆ ก็ถูกความร้อนแรงที่ประดังเข้ามาอย่างไม่รู้ถูกผิดเข้า จนยืนมองเธออย่างว่างเปล่า“คุณ…เป็นอะไรไป?”“อะไรกัน?” เจียงชั่นเบิกตากว้างขึ้น “ฉันจูบคุณหน่อยไม่ได้เหรอ?”“ฮั่วจือสิง “...”“ทำไมถึงต้องเคร่งขรึมถึงขนาดนั้นด้วย?” มือเล็ก ๆ ของเธอจับใบหน้าของเขาแล้วมองซ้ายมองขวา ก่อนยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน “คุณตั้งใจมารอฉันที่นี้เหรอ? เฮ่อเฮ่อ…แต่ว่าฉันจะต้องกลับไปที่บริษัทอีกรอบหนึ่ง เพื่อทำโอที อาศัยตีเหล็กตอนยัง
จริง ๆ เลย ทำไมถึงได้ดุถึงขนาดนี้เจียงชั่นจ้องมองไปยังใบหน้าดำเคร่งนั้นของเขาที่เหมือนว่าจะบีบออกมาเป็นน้ำหมึกได้ ก็อดไม่ได้ที่จะแอบบ่นออกมาก่อนหน้านั้นไม่ใช่ว่าอารมณ์ของชายหนุ่มนั้นก็ดีอยู่หรอกเหรอ แต่ทำไมระยะนี้ถึงได้ดูไม่แน่นอนขึ้นมา ไม่ทันทำอะไรก็จ้องมองเธอด้วยความโกรธจัด…เจียงชั่นเม้มปาก ร่างกายที่อ่อนนุ่มราวกับไม่มีกระดูกของเธอแนบชิดติดร่างกายของเขา กลิ่นหอมอ่อนหวานกระโจนเข้าจมูกสติของฮั่วจือสิงค่อย ๆ แตกสลายลง หมดสิ้นความไม่พอใจเธอพูดเสียงอ่อนโยน “เนี่ยซินถามถึงความสัมพันธ์ของฉันกับคุณจริง ๆ เพราะว่ายังไงเสียก็เป็นผู้จัดการห่าวที่พาฉันเข้าไป ส่วนผู้จัดการห่าวก็เป็นคนของคุณ ก่อนเข้าไปยังพูดถึงเรื่องจำพวกถ่ายภาพยนตร์อะไรพวกนั้นอีก”ฮั่วจือสิงส่งเสียง “อืม” อย่างเบื่อหน่ายออกมาเป็นเขาที่ให้ผู้จัดการห่าวออกหน้าพูดไปอย่างนั้นเองข้อแรก การพูดแบบนี้ทำเพื่อยกสถานะเจียงชั่นให้สูงขึ้น ให้คนของสตูดิโอพวกนั้นไม่กล้าดูถูกเธอข้อสอง นั่นก็เท่ากับบอกทุกคนถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจียงชั่นเนี่ยซินมาจนถึงทุกวันนี้ได้ย่อมเป็นคนที่มีความคิดเฉียบแหลม แน่นอนว่าต้องเข้าใจกับความใ
“คุณ…” เธอเองก็พูดออกมาจริง ๆ นั่นแหละ!เจียงชั่นกัดริมฝีปาก ไม่มีวิธีอื่นแล้ว หลุมที่ตัวเองขุดเอาไว้ต่อให้เหนื่อยเจียนตายก็ต้องกลบให้เต็มเพียงแต่ชายหนุ่มมีตาทิพย์อยู่จริง ๆ เหรอ ทำไมถึงได้รู้ทุกครั้งว่าเธอได้รับเงินเดือนแล้ว?เธอยิ้มออกมาแต่ภายนอกแล้วหยิบเอทีเอ็มเงินเดือนออกมา เงินเดือนเพิ่งเข้าได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้อง…“อืม อย่างนี้ถูกจะพอคุยกันได้” ฮั่วจือสิงเอื้อมมือออกไปรับมาปลายนิ้วของเจียงชั่นกำแน่น แล้วบีบเอทีเอ็มเงินเดือนนั่นเอาไว้แน่นอย่างไม่อยากจะปล่อยมันไปฮั่วจือสิงเกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ เขาหัวเราะออกมาก่อนจะดึงเอทีเอ็มเงินเดือนใบนั้นมาอย่างแรง!“เอามาน่า!” เขามองเธอด้วยความได้ใจ ยิ้มออกมาอย่างบ้าคลั่ง “คุณบอกเองนี่ว่าจะเลี้ยงผมเอง!”“ฮั่วจือสิง คุณช่วยพูดจากให้มีเหตุผลหน่อยได้ไหม?!” ถึงคราวเจียงชั่นพูดออกมาอย่างไม่ได้รับความยุติธรรม “คุณมีเงินมากถึงขนาดนั้นยังจะต้องให้ฉันเลี้ยงคุณอีก!”“ฉึก…” จู่ ๆ ฮั่วจือสิงก็กุมท้อง ย่อตัวลง ท่าทีดูเจ็บปวดเจียงชั่นตะลึงไป รีบถามเขาออกมา “คุณเป็นอะไร?”“ผมยังไม่เคยบอกคุณเหรอ ว่าผมเป็นโรคกระเพาะ?”“ไม่เคย…”“ตอนนี้มัน
ฮั่วจือสิงสงบสติอารมณ์ ก่อนจะสั่งให้ฟางฮั่นส่งเจียงชั่นกลับบริษัทไปก่อนเมื่อกลับมายังสิงหย่วนแล้ว เขาก็กดโทรศัพท์กลับไปยังเบอร์ที่อังกฤษทางด้านปลายสายนั้นเป็นตอนเช้าตรู่ ทางปลายสายนั้นมีเสียงแทรกออกมาเล็กน้อย คิดว่าฟู่ซิ่วอวี้คงจะเริ่มวุ่นวายแล้ว“แม่” ฮั่วจือสิงส่งเสียงเรียกอยากนอบน้อม “หาผมมีเรื่องอะไร?“อืม ตอนนี้ฉันอยู่ที่สนามบิน” ฟู่ซิ่วอวี้พูดออกมาอย่างเรียบเฉย “อีกสิบชั่วโมงก็จะมาถึงหยางเฉิงแล้ว แกส่งคนมารับฉันด้วย”“อะไรนะ?” เขาตื่นตกใจขึ้นมา“อะไร ไม่ต้อนรับงั้นเหรอ?”“เปล่าหรอก” ฮั่วจือสิงไม่นานก็สงบลงตั้งแต่ที่พ่อกับแม่เขาหย่ากันแล้ว แม่ก็มาหยางเฉิงไม่กี่ครั้ง ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เธอเติบโตมาตั้งแต่เล็ก อีกทั้งยังมีความทรงจำไม่ดีมาจากครอบครัวของอดีตสามีอีก ถึงแม้ว่าจะมีเลือดเนื้อเชื้อไขอยู่ที่นี่ แต่บุคลิกของฟู่ซิ่วอวี้ ไม่มีทางที่จะยอมประนีประนอมเพราะลูกชายแน่เพราะฉะนั้นตั้งแต่เล็กจนโตจะเป็นฮั่วจือสิงที่ไปอังกฤษบ่อยครั้งกว่าตอนนี้จู่ ๆ ฟู่ซิ่วอวี้ก็มาหยางเฉิง บางทีอาจจะมีเพียงแค่เหตุผลเดียว…ฮั่วจือสิงหรี่ตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วถามตรงประเด็น “แม่ ที่มาค
หลินอวี่ฉิงหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย ยิ้มออกมาจาง ๆ“ทำไมพูดว่าจะจัดก็จัดเลยกัน?” ฮั่วจือสิงมองไปที่พวกเขาสองคน “ลู่หลีซาน นายเพิ่งจะสร้างตัวในหยางเฉิง ยังมีความสัมพันธ์มากมายที่ต้องดูแบ ต่อไปจะต้องยุ่งวุ่นวายมาก จัดงานแต่งงานมนช่วงเวลานี้ จะไม่เป็นการรีบร้อนเกินไปเหรอ?”“ไม่ได้ รอไม่ได้แล้ว!” ลู่หลีซานยิ้มกว้างออกมา “หากว่ารออีกต่อไปก็คงต้องจัดพร้อมกับงานเลี้ยงครบรอบหนึ่งเดือนของลูกแล้ว!”“อะไรนะ?” เจียงชั่นกับฮั่วจือสิงยิ่งประหลาดใจมากยิ่งขึ้นหลินอวี่ฉิงยืนยันออกมาด้วยตัวเอง “ฉันท้องจริง ๆ แต่เพิ่งจะได้สองเดือน”เจียงชั่นรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แล้วมองรอบตัวอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่าร่างกายของเธอไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ยังคงสูงเรียวยาว ใครจะรู้ว่าในท้องเธอมีลูกอยู่กัน?!“หลินอวี่ฉิง พี่ทำไมไม่บอกฉันก่อนหล่ะ!”“เขาบอกว่าสามเดือนแรกยังไม่แน่นอน ไม่อาจป่าวประกาศออกไปได้” หลินอวี่ฉิงยิ้มออกมา “แต่ว่าตอนนี้เธอรู้ก็ไม่สายไปหรอก ยังไงเธอก็เป็นแม่บุญธรรมของลูกฉัน เธอหนีไม่พ้นหรอก!”“ใครจะหนีกัน? ฉันยังต้องเตรียมของขวัญชุดใหญ่เอาไว้ให้ลูกชายบุญธรรมอีก!”“เธอรู้ได้ยังไงว่าเป็นลูกชาย? ฉันอย
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั