จิตใจของเจียงชั่นว่างเปล่าขาวโพลนเธอรู้สึกว่าแผงอกแกร่งและอุ่นร้อนนั้นกดทับแผ่นหลังของตัวเอง จนได้ยินเสียงหัวใจเต้นโครมคราม ความเป็นชายในร่างกายของเขาค่อย ๆ เลื่อนมาโอบกอดเธอไว้แน่น เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ถึงอย่างนั้นแขนขาก็ยังแข็งเกินกว่าจะโอนอ่อนให้อีกฝ่ายมือของชายคนนั้นหยุดชะงักกะทันหัน“คุณรู้หรือเปล่าว่าผมเป็นใคร?”เจียงชั่นถึงกับสะดุ้งสิ่งที่เขาต้องการจะพูด คือเขาเป็นสามีโดยชอบธรรมของเธอ และนี่คือคืนวิวาห์ของพวกเขา เรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติระหว่างสามีภรรยาเจียงชั่นกลับตอบคำถามของเขาซื่อ ๆ ด้วยท่าทางเขินอาย “รู้ค่ะ... คุณคือกู้หม่าง”ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย มุมปากก็ยกขึ้นราวกับจะแสยะยิ้มกู้หม่าง… เฮ้อ ที่แท้เธอก็รู้ชื่อนี้น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่กู้หม่างคนนั้นส่วนเธอก็ไม่ใช่เจียงเหยาเช่นเดียวกันความจริงแล้ว เขาสามารถป่าวประกาศได้ทันทีตั้งแต่เห็นเธอเดินเข้ามา ว่าเธอไม่ใช่เจ้าสาวตัวจริง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ทราบเหตุผล แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกสาวคนโตของตระกูลเจียงจะยอมแต่งงานกับชายบ้านนอกที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวแต่มันไม่สำคัญหรอก เธอมาแต่งงานแทนคนอื่น เขาเองก็แต่งงา
เธอสวมเสื้อผ้าแล้วออกไปที่สนามหญ้า เห็นกู้หม่างออกกำลังกายในยามเช้าเช่นกันเขาเปลือยอกและถือดัมเบลด้วยมือทั้งสองข้างยกขึ้นสลับกัน กล้ามเนื้อเล็ก ๆ แข็งแกร่งทั่วร่างเป็นประกายภายใต้แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามา เขาดูเหมือนเทพแห่งดวงอาทิตย์ที่จุติลงมาจากท้องฟ้า ใบหน้าเจียงชั่นรู้สึกถึงความอบอุ่นเล็กน้อย เธอทักทายเขาว่า “ตื่นแต่เช้าเลยนะคะ!”กู้หม่างหันกลับมาและมองหน้าเธอเจียงชั่นมองไปรอบ ๆ สนามหญ้าขนาดเล็กและรกเล็กน้อย มีกระสอบทราย ถุงมือชกมวย ไม้เบสบอล ดัมเบล และสิ่งที่คล้ายกันกระจัดกระจายไปทั่ว เธอรู้สึกกังวลและไม่กล้าบอกว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่กู้หม่างอาจจะเป็นพวกใช้ความรุนแรงก็เป็นได้เธอสงสัยว่าผู้ชายคนนี้มีอารมณ์หรือท่าทีอย่างไร?เพราะได้ยินมาว่าผู้คนที่นี่เป็นคนเจ้าอารมณ์มาก เป็นเรื่องปกติที่จะทุบตีภรรยาเมื่อพวกเขามึนเมาเจียงชั่นกัดริมฝีปากตัวเอง เดินไปข้างหน้าทีละก้าวพลางถามเขาอย่างกระวนกระวาย “เอิ่ม... คุณกินข้าวเช้าหรือยัง?”“ยังเลย" ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาสองสามคำ "งั้นก็ไปทำมื้อเช้าเลยสิ”เจียงชั่นพยักหน้า หันหลังกลับแล้ววิ่งเข้าไปในห้องครัวเธอท
“แต่ฉันซักให้แล้วนะคะ!” เจียงชั่นรีบตอบกลับ “ฉันรับประกันว่าซักมาอย่างดีและสะอาดมากค่ะ ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน!”“นี่ซักแล้วเหรอ?” พนักงานยิ้มเยาะ “คุณลูกค้าคะ คุณเช่าแค่วันเดียวทำไมต้องเอาไปซักด้วย นี่คุณเช่าไว้แต่งงาน ไม่ใช่เช่าไปทำนาใช่ไหม?”เจียงชั่นมีผิวที่บางมาก สีหน้าเธอกลายเป็นสีแดงก่ำราวกับเลือดคั่งหลังจากอีกฝ่ายตอบกลับสถานการณ์ในวันแต่งงานของเธอไม่ได้ดีไปกว่าตอนไปลุยนาเลย เธอเดินไปตามถนนในชนบทที่เต็มไปด้วยโคลนท่ามกลางพายุฝน ชุดแต่งงานสีขาวและรองเท้าของเธอสกปรกและเสียหาย แต่มันเลี่ยงไม่ได้จริง ๆพนักงานมองชุดแต่งงานสลับจ้องเขม็งเธออย่างรังเกียจสลับเป็นครั้งคราว“คุณคะ ถึงยังไงชุดแต่งงานชุดนี้ก็ต้องซักแห้งเท่านั้นค่ะ!”“คุณคงรู้ใช่ไหมว่าซักแห้งหมายถึงอะไร?”เมื่อเห็นความใสซื่อไร้เดียงสาของอีกฝ่าย พนักงานจึงจงใจพูดจาเยาะเย้ยเธอต่อว่า “ตั้งแต่เราเปิดร้านนี้มา ชุดแต่งงานก็ขายหมดไปทีละชุด นี่เป็นครั้งแรกที่เราให้เช่าชุด... หึ ถ้าไม่มีเงินซื้อ หรือไม่มีปัญญาดูแล จะเช่าชุดไปแต่งให้เสียเวลาทำไม!”“จะแต่งงานโดยไม่ซื้อชุดแต่งงานไม่ได้เหรอ? กฎหมายไหนกำหนดไว้?!”ทันใดนั้นก็มีเสียง
ในร้านเกิดความเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง สามารถได้ยินแม้แต่เสียงเข็มหล่นลงพื้นได้อย่างชัดเจนคนอื่น ๆ มีสีหน้าเห็นใจพนักงานคนหนึ่งซึ่งทำสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดไปทุกที อย่างไรก็ตามในตอนนี้ผู้จัดการก็เข้ามาขยิบตาให้เธอ และขอให้เธอทำตามความปรารถนาของลูกค้า ท้ายที่สุดแล้วราคาชุดแต่งงานชุดนั้นไม่น้อยเลยกู้หม่างดูสงบนิ่ง รอยยิ้มเยาะเย้ยเผยออกมาท่ามกลางสีหน้าเย็นชาของเขาเจียงชั่นอดไม่ได้ที่จะบีบมือเขา“ช่างมันเถอะอย่าซื้อให้เปลืองเลย” เธอกระซิบกับเขา “ชุดแต่งงานนี้แพงมากและไม่มีประโยชน์…”“รูดบัตรผมได้เลย” กู้หม่างพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ของผมไม่ต้องใช้รหัสผ่าน”จากนั้นผู้จัดการและพนักงานต่างรวมตัวกันเพื่อให้บริการพวกเขากู้หม่างไปสูบบุหรี่อยู่ที่ประตู ระหว่างเจียงชั่นกำลังวัดขนาดตัวอยู่ข้างใน คราวนี้ไม่มีใครกล้าเยาะเย้ยเธอเลย พนักงานคนก่อนถูกผู้จัดการดุและยืนข้าง ๆ ไม่กล้าทำอะไรเกินเลย นักออกแบบที่เข้ามาช่วยยังคงชื่นชมเธอในสัดส่วนรูปร่างที่ดี แม้แต่ผู้จัดการก็ปฏิบัติต่อเธอในฐานะแขกผู้มีเกียรติ โดยเสิร์ฟชาและของว่างให้เธออย่างสุภาพหลังเดินออกจากร้านขายชุดแต่งงาน เจียงชั่นรู้สึกหดหู่ใจตล
กู้หม่างขมวดคิ้ว สีหน้าดูเคร่งขรึมมากขึ้น หายใจเข้าลึกและวางสายโทรศัพท์เขาเองก็ต้องการกลับไปที่หยางเฉิง แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้การกลับไปตอนนี้จะเป็นการแจ้งเตือนให้ใครบางคนรู้ โดยเฉพาะผู้ที่คิดว่าเครื่องบินส่วนตัวของเขาตกและหายสาบสูญ เพื่อก่อปัญหาอีกครั้ง และคิดหาวิธีทำร้ายเขาด้วยวิธีที่เลวร้ายมากขึ้น!“ไข่มุกหรือมุกบุก คุณชอบอันไหน?”กู้หม่างสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหันกลับมาเผชิญหน้ากับดวงตากลมโตสดใสคู่หนึ่ง เธอยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มหวานแหววเหมือนกับชานมในมือ“คุณเป็นอะไรไป?" เจียงชั่นมองเขาด้วยความสงสัย "สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย…”“ผมสบายดี” ความรู้สึกเมื่อถูกมองผ่านดวงตาคู่นี้ ทำให้รู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อยเสียงของกู้หม่างรุนแรงและเย็นชา เขามองเธออย่างเฉยเมยแล้วตอบกลับ “ดื่มเองสิ ผมไม่ชอบของหวานแบบนี้”เจียงชั่นตัวแข็งค้างอยู่อย่างนั้น ขณะถือชานมสองแก้ว หลังจากนั้นไม่นานเธอกัดริมฝีปากแล้ววิ่งตามเขาไปเธอเดินตามเขาแต่ไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไป แผ่นหลังอันกว้างใหญ่ราวกับกำแพงภูเขาน้ำแข็ง อีกฝั่งของกำแพงคือโลกที่เป็นของเขาแค่คนเดียว เธออยู่ใกล้ภูเขาลูกนี้มาก แต่ไม่สามารถข้ามมันไปได้…
กู้หม่างคาดเดาแล้วพูดต่ออย่างใจเย็น “ไปที่ห้องแล้วเปิดลิ้นชักในตู้ ข้างในมีกล่องอยู่… เอาไปเถอะ”เจียงชั่นพึมพำ “หืม” เธอทำตามคำแนะนำของเขา และพบกล่องไม้แกะสลักอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของลิ้นชัก ลวดลายบนกล่องได้รับการแกะสลักอย่างวิจิตรและสวยงาม อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ อีกด้วยกู้หม่างรับมาแล้วเปิดออก ข้างในมีเครื่องประดับทองคำหลายชิ้น มีทั้งสร้อยคอ ต่างหู แหวน โดยเฉพาะสร้อยข้อมือทองและหยก ซึ่งมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว หยกฝังด้วยทองคำให้ความรู้สึกอบอุ่นโปร่งใส เต็มไปด้วยสีสัน ทั้งยังอลังการอย่างยิ่งเจียงชั่นเบิกตากว้างและมองเขาอย่างไม่มั่นใจ“นี่มัน…”“ก่อนเราสองคนแต่งงานกัน ผมยังไม่ได้ให้ของขวัญหมั้นหมายที่ดีแก่คุณเลยนี่” กู้หม่างจับมือเธอแล้วมองด้วยสายตาเรียบเฉย “ผมตั้งใจชดเชยสิ่งเหล่านี้ให้กับคุณ ลองดูสิว่ามีอะไรอีกบ้าง หรือคุณไม่พอใจกับมันเหรอ?”มือเล็ก ๆ ของเจียงชั่นกำแน่นและคลายลง รู้สึกประหม่าเล็กน้อย เธอแอบมองใบหน้าอันเคร่งขรึมของกู้หม่าง แต่เหมือนสัมผัสได้ถึงความหวานเล็กน้อยในใจเขาเครื่องประดับทั้งหมดนี้สวยงามมาก จนไม่พบข้อบกพร่องใด ๆแต่เขามีของพวกนี้ได้อย่างไร?กู้หม่
รอยยิ้มบนหน้าเจียงชั่นแข็งทื่อ ความโศกเศร้าพัดผ่านเข้ามาในหัวใจหลินอวี่ฉิงพูดถูก การแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต เธอเพิ่งแต่งงานโดยไม่ได้คิดไตร่ตรองเลย ไม่มีแม้แต่สร้างความสัมพันธ์ที่จริงจังก่อนด้วยซ้ำ เธอไม่ได้แค่ทำลายความสุขในชีวิตตัวเองไปหรอกเหรอ?แต่...เจียงชั่นเม้มริมฝีปากและหัวเราะเบา ๆ ก่อนพูดว่า “ทำไมมันช่างน่าสังเพชจริง ๆ เลยนะ แต่ความจริงฉันเองก็ต้องขอบคุณกู้หม่าง ถ้าเขาไม่แต่งงานกับฉัน ก็คงไม่ได้สินสอดตั้งล้านกว่าบาทหรอก!”ตราบใดที่อาการป่วยของแม่เธอดีขึ้น น้องชายสามารถเข้าเรียนและใช้ชีวิตอย่างสงบสุข นี่ถือเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่สำหรับเธอแล้ว“เอาล่ะ ฉันคงไม่ติดต่อกับใครไปสักพัก!” เจียงชั่นพูดต่อก่อนวางสายโทรศัพท์อย่างเร่งรีบ “วันนี้ฉันกลับบ้านเพื่อเอาเงินส่วนของตัวเอง ไว้ฉันจะแจ้งข่าวดีให้เธอรู้อีกทีหลังได้เงินมานะ!”เจียงชั่นเก็บโทรศัพท์ในกระเป๋าเป้สะพายหลังอย่างระมัดระวัง หลังจากเดินได้ไม่นาน เธอมาถึงถนนย่านการค้าพลุกพล่านที่สุดในเจียงโจว เธอยืนอยู่ริมถนนและมองดูการจราจรแสนวุ่นวาย ระหว่างนี้เธอรู้สึกเหมือนอยู่ในอีกโลกหนึ่ง…“เฮ้ น้องสาว
“ก็บอกไปแล้วไงว่าพ่อไม่อยู่บ้าน!” เจียงเหยายิ้มอย่างภาคภูมิใจ “พ่อคงลืมไปแล้วว่าวันนี้ลูกจะกลับบ้าน! แถมเธอแต่งงานกับคนแบบนั้น คิดเหรอว่ากลับมาแล้วพ่อจะอยู่รอต้อนรับเธอ? ฮ่า ๆ ๆ นี่ยังน่าอายไม่พออีกเหรอเนี่ย!”“ฉันไม่ต้องการอะไรแบบนั้นหรอก!”เจียงชั่นเดินและหยุดอยู่ตรงหน้าเจียงเหยา “ฉันแค่ต้องการค่าสินสอด!”“ค่าสินสอด?”เจียงเหยาเลิกคิ้วขึ้นและมองเธอด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย “สินสอดอะไรของเธอ? ฉันไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ!”เจียงชั่นตกตะลึงมาก หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบหลุดจากร่างขณะนั้นความคับข้องใจ ความโกรธ และความเกลียดชังทั้งหมดถาโถมเข้ามาในหัวใจ เธอรู้ว่าตัวเองมีภูมิหลังต่ำต้อย และถูกตราหน้าว่าเป็นลูกสาวนอกกฎหมายตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิดมาในโลกใบนี้ แต่เรื่องของภูมิหลังไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถเลือกเกิดได้ แม้จะอยู่ในความมืดมนมาหลายปี เธอก็ยังพยายามอย่างหนักที่จะก้าวออกจากจุดดำมืดนี้เธอเชื่อว่าไม่มีผู้หญิงธรรมดาคนไหนที่จะเห็นด้วยกับคำขอไร้สาระแบบนี้เพื่อขอแต่งงานแทน!ทั้งหมดนี้เธอแค่อยากจะช่วยแม่ตัวเองเท่านั้นแล้วทำไมเธอถึงต้องมาสูญเสียความหวังเล็ก ๆ แบบนี้ไปด้วย!เจี
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั