ในสายตาของฮั่วจือสิงมีแต่ร่างเปี่ยมเสน่ห์ของหญิงสาวคนนี้ เจียงชั่นส่งเสียงอุทานออกมา ใบหน้าเล็กแดงก่ำ ทั้งเขินอายทั้งหวาดกลัว น้ำเสียงอ้อนวอนอย่างแผ่วเบา “สามี อย่าทำแบบนี้!” ดวงตาของฮั่วจือสิงพร่ามัว ใบหน้าดูไร้ปรานี ความร้อนแรงราวเปลวเพลิงแพร่กระจายไปทั่วห้อง แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานเข้ามา สะท้อนมายังร่างของทั้งสองคนที่อยู่บนเตียงใหญ่ ... เช้าตรู่ฮั่วจือสิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา มองไปยังเจียงชั่นที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา แล้วจูบลงบนบนริมฝีปากของเธอเบา ๆ เขาดึงแขนออกมาอย่างระมัดระวังก่อนจะเลิกผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียงไป ก่อนจะโทรศัพท์ไปยังล็อบบี้ให้นำอาหารเช้ามาส่งที่ห้อง เจียงชั่นพลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างเกียจคร้าน พื้นที่ข้างกายว่างเปล่าทำให้เธอตื่นขึ้นมา "สามี?" เธอลงจากเตียงเท้าเปล่าแล้วตามหาเขาไปทั่วทิศ ฮั่วจือสิงเข้ามาจากระเบียง เธอก็วิ่งเข้าไปในอ้อมแขนเขาทันที "เป็นอะไรไป?" เขายิ้มแล้วลูบผมของเธอ "ทำไมถึงหาผมเสียวุ่นวายแบบนี้?" เจียงชั่นย่นจมูกเล็ก ๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น มองเขาด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์
ฮั่วจือสิงชะงักไปก่อนเดินไปข้าง ๆ เธอแล้วพูดอย่างอ่อนโยน "ตอนนี้ด้านนอกประตูมีตำรวจอยู่ ปลอดภัยมาก คุณอยู่ที่นี่อย่าไปไหน ผมจะออกไม่นานก็กลับมา" เมื่อครู่นี้เขามองเห็นที่ตรงระเบียงมีคนอยู่มากมาย ไม่เพียงแต่มีตำรวจ ยังมีคนของฟางฮั่นที่เขากำชับให้ส่งมาคุ้มครองเจียงชั่น เจียงชั่นพยักหน้า บอกให้เขาระมัดระวังให้มากขึ้น หลังจากที่เขาออกไปแล้วเธอก็ตรวจสอบกลอนประตูอีกรอบหนึ่งแล้วคล้องโซ่ป้องกันเอาไว้ ฮั่วจือสิงคุ้นเคยกับโครงสร้างของโรงแรมนี้ จึงหลบหลีกคนได้ง่าย เขาขึ้นจากทางเดินมืด ๆ ไปยังชั้นดาดฟ้า ซึ่งไม่เกินไปจากที่เขาคาดการณ์เอาไว้จริง ๆ เขาอาศัยในช่วงแสงสลัวก็มองเห็นคราบเลือดตรงบันได สีหน้าของฮั่วจือสิงเปลี่ยนไป รีบวิ่งไปได้เพียงไม่กี่ก้าว คราบเลือดบางแห่งมีบางแห่งก็หายไป เขาชะลอฝีเท้าลง แล้วคอยระวังรอบ ๆ ค่อย ๆ แตะไปยังปืนพกขนาดเล็กระหว่างเอว และก็เป็นในตอนนี้ที่มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นเบา ๆ... "ใคร?" ฮั่วจือสิงตะลึงไป พบเพียงตรงที่กำบังไกลออกไปนั้นเหมือนว่าจะมีร่างคนเคลื่อนไหวอยู่ เขาตามไป ก็ตกใจเมื่อพบว่าเป็นร่างของลู่หลีซานที่ทั่วทั้งกายโชกไปด้วยเลือดนอนอยู่ตรงน
ถึงแม้ว่าเจียงชั่นจะหวาดกลัวแต่ไม่นานก็สงบลงได้ หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ ก็หันไปหยิบชุดของตัวเองออกมาจากในตู้เสื้อผ้า ฮั่วจือนิ่งอึ้งไป ไม่เข้าใจว่าเธอต้องการจะทำอะไร "ฉันมีวิธีหนึ่ง" เจียงชั่นพูดออกมาเสียงเบา "สามี คุณรีบเอาพวกนี้เปลี่ยนให้เขาเร็วเข้า ให้เขาแต่งตัวเป็นผู้หญิง!" "จากนั้นคุณก็พาเขาออกจากโรงแรมไป โดยที่ไม่มีใครสงสัย!" ฮั่วจือสิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องเร่งด่วนก็คือต้องส่งลู่หลีซานออกไป วิธีการแต่งกายเป็นผู้หญิงสามารถลองทำได้จริง ๆ!เจียงชั่นกลับเข้าไปในห้องนอน ทุกคนด้านในนั้นไม่นานก็จัดการเรียบร้อย ในตอนที่เปิดประตูออกมานั้น ลู่หลีซานก็เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าของเธอแล้วและถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตัวเล็ก แต่ว่าเสื้อผ้าของเจียงชั่นนั้นหลวมมาก อีกทั้งเป้นกระโปรงยาว ก็เลยทำให้ปกคลุมทั้งร่างกายเอาไว้เจียงชั่นเหลือบมองอยู่หลายครั้ง จากนั้นก็หยิบกิ๊บติดผมจากในกระเป๋ามาติดผมบนหัวเขา“เอาผมไปข้างหน้าเสียหน่อย…ปิดหน้าของเขาไว้!”ดูเช่นนี้แล้วก็เหมือนผู้หญิงจริง ๆฮั่วจือสิงให้อาอี้ประคองลู่หลีซาน ทั้งสองคนเดินซวนเซออกไป หากว่าไม่ได้มองให้ละเอียดแล้ว ก็ดูเหมือนคู่รักที่แยกกัน
”หน้าท้องของเขาได้รับบาดเจ็บจากมีด ถูกแทงลึกอีกนิดก็เกือบทะลุตับ บาดแผลลึกเป็นอย่างมาก ทว่าก็มีการเย็บแผลกันแล้ว”ในใจของเจียงชั่นสั่นไหว จับมือของฮั่วจือสิงแน่นโดยที่ไม่รู้ตัว“วางใจเถอะ” เสิ่นเซียวยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยล้า “ไม่เป็นอันตรายจนถึงชีวิต แต่ตอนนี้จะต้องส่งเข้าไปพักสังเกตในห้องผู้ป่วย…ทางที่ดีจะต้องมีคนคอยเฝ้าอยู่ หากว่าจู่ ๆ เกิดอะไรขึ้นมา ผมก็จะได้ทำการช่วยเหลือเป็นครั้งที่สองได้ทันเวลา”“รบกวนคุณแล้ว” ฮั่วจือสิงตบไหล่เขาอันที่จริงการที่จะส่งลู่หลีซานมาหาเสิ่นเซียวนั้น เขาเองก็รู้สึกไม่สะดวกใจเป็นอย่างมากแต่ในขณะนั้นก็ไม่มีวิธีการอื่นใดแล้วหากว่าส่งไปโรงพยาบาลทั่วไปก็เท่ากับเปิดเผยสถานะของลู่หลีซาน แต่ถ้าเป็นคลีนิคส่วนตัวทั่วไป แพทย์เหล่านั้นเกรงว่าคงจะไม่มีทักษะการแพทย์ที่ดีนัก พยาบาลเข็นลู่หลีซานเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยชายหนุ่มที่ปกติแล้วมีนิสัยอันธพาล ตอนนี้สีหน้าซีดขาวเหมือนกันกับผ้าปูที่นอน ร่างกายเต็มไปด้วยผ้าพันแผลนับไม่ถ้วนพันเอาไว้ นอนเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้นความอ่อนแอเปราะบางของชีวิตมักจะเกิดขึ้นในชั่วขณะหนึ่งเจียงชั่นมองเขาผ่านหน้าต่างกระจก อดไม่ได้ที่
“เป็นอะไรไป?” ฮั่วจือสิงมองไปยังท่าทีเจ็บปวดของเขาอย่างรู้สึกสับสน (ฉันยอมสละศักดิ์ศรีตัวเองมาเช็ดหน้าให้นาย แล้วทำไมถึงได้มีปัญหาเยอะแยะขนาดนั้นอีก!) “ไม่มีอะไร” ลู่หลีซานฝืนกระตุกมุมปาก “บาดแผลลึกมาก” ฮั่วจือสิงมองเขา “จะต้องพักรักษาให้ดี ๆ ระยะหนึ่ง ระมัดระวังอย่าเที่ยวขยับไปไหน หากว่าบาดแผลปริแตกขึ้นมา นายจะรู้สึก” “ที่นี่ที่ไหน?” “โรงพยาบาลของคุณหมอเสิ่น” “อะไรนะ?” ลู่หลีซานตื่นเต้นเสียจนอีกเพียงนิดก็เกือบจะลุกขึ้นนั่งมาแล้ว ไม่ระมัดระวังเสียจนไปดึงบาดแผลเข้า เจ็บปวดเสียจนต้องกัดฟันกรอด ฮั่วจือสิงเหลือบมองเขาอย่างเคร่งขรึม “ฉันส่งนายไปที่อื่นไม่ได้ เสิ่นเซียวเป็นคนที่รู้ตื้นลึกหนาบาง” เขาพูดเสียงต่ำ “ชีวิตนี้ของนายเป็นเขาที่ช่วยกลับมา นายจะต้องขอบคุณเขา!” ลู่หลีซานเย้ยหยันออกมา มุมปากยกรอยยิ้มขึ้น “หากว่าจำไม่ผิดแล้ว…” เขามองยังฮั่วจือสิงอย่างมีความหมาย ”ชีวิตนี้ของท่านสามตระกูลฮั่ว ก็เป็นเขาที่ช่วยเหลือเอาไว้สินะ?” สีหน้าของฮั่วจือสิงเปลี่ยนไป ดวงตาเย็นชา ระหว่างคิ้วเผยความตึงเครียดออกมา “นาย พูดอะไรกัน?” ทันใดนั้นบรรยากาศของห้องพักผู้ป่วยก็นิ่งไป อุณหภู
"ลู่หลีซาน!" ดวงตาของฮั่วจือสิงดูน่ากลัว ทั่วทั้งร่างกายเปล่งกลิ่นอายอันน่าเกรงขามออกมา "นายอยากตายหรือยังไง?" "ฮ่า ดูเหมือนคุณจะกลัวมากนะ?" ฮั่วจือสิงยกมือขึ้น แล้วคว้าเข้าที่คอของเขาทันที! ลู่หลีซานตกตะลึงไป รู้สึกได้ว่าแรงที่บีบลงบนลำคอนั้นไม่หยุดมีแต่จะเพิ่มแรงมากขึ้นและทำให้เขาหายใจลำบาก "คุณ..." ดวงตาของฮั่วจือสิงหรี่ลงเล็กน้อย ความโหดร้ายของเขานั้น ไม่ได้น้อยไปกว่าคนในเส้นทางแก๊งอันธพาลเหล่านั้นที่ลู่หลีซานเคยพบเห็น ลู่หลีซานยกมือขึ้นอย่างยากลำบากคิดที่จะคว้าข้อมือเขาเอาไว้... อย่างไรก็ตามในเวลานี้ประตูก็ถูกเปิดออก เจียงชั่นบังเอิญเข้ามาเห็นฉากนี้เข้าพอดี "สามี!" เธอตื่นตกใจ รีบเข้าไปคว้าแขนเขาเอาไว้ "คุณทำอะไรนะ?" ฮั่วจือสิงได้สติขึ้นมา จึงค่อย ๆ คลายมือออกแล้วสะบัดเขาออกไป ลู่หลีซานสำลักออกมาทันที ทั้งกลัวว่าบาดแผลจะปริขาด จึงไม่กล้าที่จะไอแรงมากนัก ขณะที่ไอออกมาก็จ้องมองไปยังฮั่วจือสิง เจียงชั่นสนใจเพียงแต่สามีของตน จึงไม่ได้ใส่ใจต่ออาการบาดเจ็บของผู้ป่วยบนเตียงเลย "สามี ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?" "เฮอะ เขาจะเป็นอะไรไปได้!" ลู่หลีซานกัดฟัน "คนสวย เมื่อก
เจียงชั่นกดมุมปากลง ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี ยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับเขาอย่างไรดี ฮั่วจือสิงก็ลุกขึ้นมาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม "ฉันจะดูแลนายเอง" สีหน้าของลู่หลีซานเปลี่ยนไป "ไม่ ที่ผมพูดถึงไม่ใช่คุณ..." "ที่นี่นอกจากเจียงชั่นแล้วก็เหลือแค่ฉัน" "...พี่ชาย" ลู่หลีซานกลั้นอยู่นาน "ไม่งั้น คุณก็เรียกอาอี้มา" "อาอี้เองก็ได้รับบาดเจ็บอยู่เล็กน้อย หลังจากที่ทำแผลเรียบร้อยแล้วฉันก็ให้เขากลับไปพักผ่อน" "..." "ไม่เป็นไร" บนใบหน้าที่เย็นชาของฮั่วจือสิง ปรากฏรอยยิ้มที่เหมือนราวกับไม่ยิ้มออกมา "ฉันสามารถดูแลนายได้" สีหน้าของลู่หลีซานซีดขาว เจียงชั่นปิดปากลอบยิ้มออกมา เธอส่งกล่องอาหารให้ฮั่วจือสิงพร้อมน้ำเสียงสดใส "สามี ฉันจะกลับไปที่ร้านก่อน อาหารคืนนี้ถ้าฉันทำเสร็จแล้วฉันจะส่งมาให้พวกคุณ คุณอยู่ที่นี่จะต้องดูแลคุณลู่ให้ดี!" ฮั่วจือสิงเม้มริมฝีปาก ทั้งสองคนมองสบตากัน แล้วยิ้มออกมาอย่างเข้าใจกัน แผ่นหลังของลู่หลีซานติดอยู่กับเตียง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเขาที่พบว่า ที่คนแก่บอกว่าสามีภรรยาที่อยู่กันมานานจะคิดหรือพูดอะไรร้องรับกันดูเหมือนว่าจะเป็นความจริง! เจียงชั่นหันหลั
รูปร่างสูงงดงามนั้นปรากฏขึ้นในสายตาเขา ลู่หลีซานอดไม่ได้ที่กำพนักวางแขนของรถเข็นเอาไว้แน่น "พาเธอมาทำไม?" ท่าทีของฮั่วจือสิงดูสงบนิ่ง "เมื่อกี้นี้นายยังพูดว่า มีอะไรที่เข้าใจผิดกันก็ให้รีบอธิบาย อย่ายื้อเอาไว้นานเกิน" "ผมพูดถึงคุณ!" ลู่หลีซานเบิกตากว้างมองเขา มุมปากของฮั่วจือสิงเหมือนมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น ก่อนจะมองไปยังเจียงชั่น แล้วโบกมือให้เธอเบา ๆ ฝีเท้าของหลินอวี่ฉิงดูหนักอึ้ง ค่อย ๆ เดินมาหาพวกเขา ยิ่งเข้าใกล้ ภาพในอดีตที่ผ่านมาเหล่านั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้นในใจ ใบหน้าของลู่หลีซานดูเย็นชา แล้วค่อย ๆ หันหลังให้ อย่างไรก็ตามในตอนที่เขากำลังโน้มตัวไปจับรถเข็นนั้น ค่อนข้างปุบปับทำให้สร้อยคอโผล่ออกมาจากชุดของโรงพยาบาล หัวใจของหลินอวี่ฉิงบีบรัด บนคอของเธอก็มีสร้อยที่เหมือนกัน หากว่าพูดให้ชัดเจนแล้วละก็นั่นไม่ใช่สร้อยคอ เป็นเพียงแค่โซ่ธรรมดาที่มีแหวนอยู่ด้วยเท่านั้น แหวนไม่ได้มีมูลค่า โซ่เองก็ไม่ใช่วัสดุดีอะไร เมื่อสวมมันมาจนถึงตอนนี้ก็เริ่มมีสีดำแล้ว หลินอวี่ฉิงจำได้ว่านี่เป็นของขวัญที่ตัวเองมอบให้ลู่หลี่ซานอย่างหน้าไม่อาย ในปีนั้นเธอมีอายุ 16 ปี เธอเก็บเงินจากอาหารเช้ามา
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั