“นี่..” “พี่สาว” เจียงชั่นก้าวไปข้างหน้า “เราทุกคนต่างก็นามสกุลเจียง มาจากครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าจะมั่งคั่งหรือเจอเรื่องร้ายก็เหมือนกัน ถ้าพี่ทำให้ฉันอับอาย ก็เหมือนกับทำให้พ่ออับอายไปด้วย ถ้าครั้งหน้าอารมณ์เสียอีก มาหาฉันได้ ในที่ที่ไม่มีใครเห็นพี่สามารถทุบตีหรือดุด่าฉันได้เลย แต่อย่าดึงให้พ่อต้องลงมาอับอายต่อหน้าคนมากมายอีกเลยนะ”ใบหน้าของเจียงเหยาซีดลงพลางจ้องมองเจียงชั่นนิ่งทุกคำพูดของเจียงชั่นมันแทงเข้าไปในใจ ไม่ว่าเจียงเหยาจะโง่แค่ไหนก็ไม่กล้าที่จะโจมตีอีกฝ่ายอย่างในตอนนี้“ฮ่าฮ่า ไม่คิดมาก่อนเลยนะว่าน้องสาวที่มักจะต่อต้านโลกอย่างเธอจะกลายมาเป็นแม่พระผู้มีความเมตตาต่อศัตรูแบบนี้”เจียงชั่นจึงเอ่ยทีละคำอย่างชัดเจนและเย็นชา “ฉันก็แค่อยากทำดีกับพี่สาวของฉันก็เท่านั้น”เจียงเหยาจึงตะคอกกลับก่อนจะเดินจากไปเจียงชั่นมองแผ่นหลังของผู้เป็นพี่สาว โดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าภาคภูมิใจของเจียงหมิงหยวนก่อนที่จะรู้สึกเศร้าขึ้นมาเล็กน้อยเธอและเจียงเหยาเป็นเพียงเบี้ยเท่านั้น ไม่ว่าแพ้หรือชนะจะไปมีประโยชน์อะไร?“พ่อคะ” เธอเอ่ยเบา ๆ “หนูขอกลับไปทำงานก่อนนะคะ”“ได้สิ” เจียงหมิงหยวนยิ้ม
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”“ปะ เปล่าหรอก” เธอตอบเงียบ ๆในขณะที่กำลังกินบะหมี่ เธอก็แอบมองเขาที่กำลังทำหน้ามุ่ย ก่อนจะเอ่ยเสียงเบามาก ๆ “คุณคำนวณวันแม่นเกินไปแล้วนะ...”เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะรู้ว่าประจำเดือนของเธอหมดไปแล้ว?ใบหน้าสวยของเจียงชั่นแดงขึ้น ก่อนจะมองเขาด้วยความโกรธปนเขินอายฮั่วจื่อสิงรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะคิดอยู่นานแค่กินบะหมี่ทำไมหน้าแดง?ฮั่วจื่อสิงกระแอมไอสองครั้งแล้วมองไปที่คนตรงหน้า พลางอดยิ้มไม่ได้ “ดูท่าช่วงนี้คงจะคุ้นชินกับตระกูลเจียงแล้ว คุณมีเรื่องดีใจอะไรอยู่ใช่ไหม?”เมื่อเจียงชั่นได้อยินอย่างนั้น แววตาก็หม่นลง เธอค่อย ๆ วางตะเกียบและชามลงบนโต๊ะก่อนจะบอกเรื่องราวให้ชายหนุ่มฟังทุกอย่าง รวมถึงเรื่องที่เจียงเหยามาหาเรื่องที่ล็อบบี้ด้วยฮั่วจื่อสิงตั้งใจฟังอย่างเงียบ ๆ เขาพอจะนึกภาพออกว่าเธอจะรู้สึกโดดเดี่ยวและทำอะไรไม่ถูกเวลาอยู่ที่ครอบครัวนั้น แม้จะเป็นธุรกิจของเธอเอง แต่สถานการณ์ของเธอก็ยากเกินกว่าใครจะเข้าใจแต่นี่เป็นวิธีเดียวของเจียงชั่นเธอไม่สามารถกลัวหรือยอมรับความพ่ายแพ้ได้และเขาก็พร้อมจะยืนเคียงข้างเธอเสมอ“ที่รัก” เจี
ท่อนแขนแกร่งกอดเธอเอาไว้แน่น เจียงชั่นจึงมองเข้าไปในดวงตาคมกริบนั้นแล้วจำได้ว่าเขาพูดว่า “กินก่อนแล้วค่อยทำธุระ..”ทันใดนั้นใบหน้าของเจียงชั่นก็เปลี่ยนเป็นสีแดง หัวเล็ก ๆ ก้มงุดลงที่อกกว้างนิ่งแล้วเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา“ที่รัก” เธอเอ่ย “เรา..เรารออีกสักพักเถอะนะ”ฮั่วจื่อสิงตกตะลึง “แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”“ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะ..โอ๊ย ยังไงก็พักไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ฉันอิ่มเกินไปค่ะ”ฮั่วจื่อสิงใช้เวลาสักพักก่อนจะโต้ตอบ เขากลั้นรอยยิ้มเอาไว้แล้วเอ่ยน้ำเสียงแหบพร่า “ผมอยากจะพาคุณออกไปข้างนอก”เจียงชั่นตกตะลึงแล้วมองเขาด้วยแววตาเป็นประกาย“คุณ...”ฮั่วจื่อสิงแตะหัวเล็ก ๆ นั่นเบา ๆเป็นไปได้ไหมที่เธอจะเหนื่อยมากจนมีการตอบสนองแบบนั้นมาอัตโนมัติ? ทันทีที่พูดว่าจะทำธุระ เธอก็คิดทันทีว่า...ทำไมเป็นคนแบบนี้ล่ะเนี่ยชายหนุ่มเม้มปากแล้วไม่สามารถซ่อนความตั้งใจภายในเอาไว้ได้เจียงชั่นกำหมัดแล้วตีคนตัวโตแรง ๆ“กู้หม่าง!”“โอเค” เขาบีบมือเล็กเบา ๆ “ผมกำลังพูดเรื่องธุระจริง ๆ อยากจะพาคุณไปที่ที่หนึ่ง”“จะไปไหนคะ?”“คุณอิ่มอยู่ไม่ใช่หรือไง?” เขาหัวเราะ “เดี๋ยวจะพาออกไปย่อย”.......เจียงชั่นเปล
ฮั่วจื่อสิงมองเธอเงียบ ๆทันใดนั้นเจียงชั่นก็พยายามอ่านความซับซ้อนในแววตาของเขา หัวใจเต้นรัวแล้วมีเหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นมาบนฝ่ามือ ในขณะที่ปากบางก็เม้มเอาไว้แน่นจากนั้นไม่นานถึงได้ยินเสียงทุ้มของเขาเอ่ย“ผมใช้เวลาค้นหาร้านนี้อยู่นานแล้วก็ได้เจรจากับเจ้าของบ้านหลายครั้ง ก่อนที่จะตกลงเช่าแล้วตกแต่งใหม่”เจียงชั่นตกใจเล็กน้อย“คุณบอกผมว่าอยากเปิดร้านกาแฟ” เขาสัมผัสใบหน้าสวยอย่างอ่อนโยน “ผมก็เลยเก็บมันไว้ในใจเสมอ”“ผมใช้เวลาว่างมองหาร้านอยู่หลายที่ เพื่อเปรียบเทียบร้านที่เหมาะสมที่สุดและตรงความต้องการของคุณที่สุด”“ที่รัก” เสียงทุ้มเต็มไปด้วยเสน่ห์ “ผมไม่ได้มีความสามารถอะไร แต่ผมพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณได้ในสิ่งที่ต้องการ ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้คุณได้มันมา”หัวใจของเจียงชั่นสั่นไหว ก่อนจะบีบมือเขาแน่นขึ้น“ใช้เงินไปเยอะมากใช่ไหม?”“ก็มากนิดหน่อย” หากบอกว่าน้อยเธอคงจะไม่เชื่อเขาเป็นแน่ จึงเริ่มพูดอย่างจริงจังมากขึ้น “โบนัสจากการแข่งขัน รวมกับเงินเดือนและส่วนแบ่งของธุรกิจผมช่วงนี้ เอามารวมกันมันก็เลยเพียงพอ”เจียงชั่นรู้สึกเป็นทุกข์ในใจเล็กน้อยเธอรู้ว่าหลังจบเกมเขาทำเงินไ
"สามี นี่คือคุณหนูฮั่ว ฮั่วจือซิน ครั้งที่แล้วเคยช่วยฉันเอาไว้" "จือซิน นี่คือ..." "ฉันรู้แล้ว" ฮั่วจือซินยกมือขึ้นโอบรอบคอของเจียงชั่น ก่อนจะยิ้มให้ฮั่วจือสิง "นี่คือสามีของคุณ กู้หม่าง!" "สวัสดีค่ะพี่เขย!" "สามี?" เจียงชั่นใช้มือแตะแขนเขา "จือซินกำลังทักทายคุณอยู่นะ!" ฮั่วจือสิงเหลือบมองไปทางฮั่วจือซินพลางส่งเสียง "อืม" ออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะหันไปด้านหลังเคาน์เตอร์บาร์เพื่อดูอุณหภูมิของเตาอบ เจียงชั่นขมวดคิ้วออกมาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา พลางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าของฮั่วจือซิน เธอจะรู้สึกว่าพวกเขาสองสามีภรรยาดูแลแขกได้ไม่ดีไหม "จือซิน ขอโทษด้วยนะ" เธอยิ้มขอโทษแล้วพูดออกมา "สามีของฉันปกติแล้วก็เคร่งขรึมมาก ไม่ค่อยกะตือรือร้นกับผู้คนมากนัก...แต่ว่าหากเธอกับเขาทำความรู้จักกันสักระยะก็จะรู้เอง ว่าเขาเป็นคนที่ดีมาก ๆ!" ฮั่วจือซินกลั้นยิ้มแล้วพยักหน้า ตั้งแต่เล็กจนโต ฮั่วจือสิงมักโดนลุงรองเรียกว่า "เด็กเหลือขอ" ส่วนในสายตาของคนอื่นในตระกูลเขาคือ "ราชานรกหน้าเย็น" "ยมบาลผู้ชั่วร้าย" แต่ในสายตาเจียงชั่นแล้วกลับกลายเป็นคนดี ดูเหมือนว่าพี่ชายของเธ
ฮั่วจือสิงทำปากตอบกลับไป “อยากเจ็บตัวเหรอ!” ฮั่วจือซินยิ้มออกมา ก่อนจะกินคุ๊กกี้แครนเบอรรี่ไปคำโต เศษคุ๊กกี้ตกกระจายไปทั่ว เจียงชั่นไปรดน้ำต้นไม้ในสวนดอกไม้ ฮั่วจือสิงเดินไปข้าง ๆ น้องสาวทำสีหน้าเคร่งขรึม "กินเสร็จแล้วก็เก็บกวาดเอาเอง!" ฮั่วจือซินถูกเสียงที่ดังขึ้นกะทันหันนี้ทำให้ตกใจเข้า เธอกลืนขนมที่อยู่ในปากนั้นเข้าไป ถึงแม้ว่าเธอจะลังเลแต่สุดท้ายก็ยังเกรงกลัวต่อความยิ่งใหญ่ของพี่ชาย เธอหยิบไม้กวาดจากมือของพี่ชายมาอย่างเชื่อฟังแล้วค่อยๆ ทำความสะอาด "พี่ ตอนนี้พี่ใช้ได้นี่" เธอทำงานไปพลางพร้อมกับไม่ลืมที่จะหยอกล้อพี่ชาย "ห้าข้อของชายหนุ่มที่ดี ความกตัญญูยี่สิบประการของสามี พี่มีครบหมดทุกข้อแล้วสินะ?" ฮั่วจือสิงเหลือบมองเธอ ฮั่วจือซินหัวเราะออกมา หลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จแล้วก็ไม่ลืมที่จะนำคุ๊กกี้ที่เหลือใส่ถุง "จะเอาไปให้ใคร?" ฮั่วจือสิงพูดออกมาอย่างเย็นชา ฮั่วจือซินตะลึงไป มือถือถุงอยู่นั้นกำแน่น แย่แล้ว ถูกมองออกเข้าแล้ว ไม่รู้ว่าพี่ชายของเธอเติบโตมาได้อย่างไรถึงได้มีดวงตาคู่สว่างใสเหมือนเครื่องเอ็กซเรย์ ไม่ว่าอะไรปิดบังเขาไม่ได้…“ฉัน…”ฮั่วจือซินพยายา
ฮั่วจือสิงจ้องมองมาด้วยความโกรธ เขาถูกคำพูดของเธอทำให้สำลักจนพูดไม่ออก เจ้าเด็กนี่ยังคงเช็ดน้ำตาต่อไป “ฉันอายุสิบแปดแล้วยังไง…ใครกำหนดไว้ว่าอายุสิบแปดจะมีความรักไม่ได้? ในตอนที่พี่อายุสิบแปด เหยาม่านหนิงก็เข้ามาพัวพันกับพี่ไม่น้อยนี่?” “ฮั่วจือซินหากว่าเธอยังกล้าพูดออกมาอีกประโยคหนึ่ง!” พลังอันสะเทือนเลื่อนลั่นของฮั่วจือสิงทำให้ทั่วทั้งห้องเหมือนตกอยู่ในสูญญากาศ ฮั่วจือซินได้ยินเพียงเสียงหัวใจเล็กของตัวเองที่เต้นรัว เธอก้มหน้าลงอย่างอับอาย สิบนิ้วประสานเข้าด้วยกันอย่างสงบ ก่อนจะกัดริมฝีปาก ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ในตอนนี้เจียงชั่นก็นำหลินอวี่ฉิงและเสิ่นเซียวเดินเข้ามา ด้านหลังยังตามมาด้วยเย่เชิน พวกเขาล้วนแต่มายินดีในวันเปิดร้านใหม่กัน ฮั่วจือสิงสูดลมหายใจลึก พยายามที่จะปรับรอยยิ้มให้ดูเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด แล้วทักทายออกไป เขาทักทายออกมาอย่างสุภาพ ดูมีท่าทีของเจ้าบ้านชาย เจียงชั่นยืนอยู่ข้าง ๆ เขา หญิงสาวตัวเล็กใบหน้าดูชื่นชม ท่าทีที่หลงใหลนั้นทำให้หลินอวี่ฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เจียงชั่นได้สติขึ้นมา ใบหน้าเล็ก ๆ แดงก่ำ เธอเม้มริมฝีปากก่อนจะหันหล
ไป๋จิ่งหยวนขยี้ตาอย่างแรง ก่อนจะส่ายศีรษะเมื่อกี้นี้เห็นผีแล้วหรืออย่างไร?คนเก็บขยะคนนั้น…ถึงแม้ว่าจะเห็นผ่าน ๆ เท่านั้น แต่โครงหน้านั้น เห็นได้ชัดว่าเหมือนกันกับฮั่วจือสิง!“เหล่าไป๋? ไป๋จิ่งหยวน!” เย่เชินร้องตะโกนเรียกเขาออกมาจากปลายสาย “ นายยังไม่ตกน้ำไปใช่ไหม?”ไป๋จิ่งหยวนไม่ได้ตอบกลับ สายโทรศัพท์ก็ยังลืมที่จะวางไปแล้วรีบตามคนผู้นั้นไปด้วยความงุนงง คนคนนั้นรับรู้ได้ว่ามีคนตามมาด้านหลัง ก็เร่งความเร็วฝีเท้าของเขาขึ้นบางทีเขาอาจจะเพราะคุ้นเคยกับที่นี้ซึ่งล้วนเป็นถนนบนภูเขา เขาเลี้ยวไปมาสองสามครั้งก็หายไปไป๋จิ่งหยวนยืนอยู่ที่เดิม ยืนแข็งค้าง มือเท้าเย็นชาตรงกันข้ามกับที่พักบ่อน้ำพุร้อนนั้นอยู่ห่างจากภูเขาหมิงหวงไปไม่ไกล แต่พื้นที่ตรงกลางนั้นเป็นพื้นที่สาธารณะไม่ได้อยู่ในขอบเขตอำนาจของตระกูลฮั่วส่วนที่เขาตกปลาอยู่เมื่อครู่นั้น เขาไม่ได้พกบอดี้การ์ดติดตัวมา ตอนนี้คิดจะตามไปก็ตามไปไม่ทันชายจรจัดที่ค้นหาถังขยะอยู่นั้น กลับหายไปแล้ว…“ฮัลโหล!” เย่เชินใช้มือป้องโทรศัพท์ก่อนจะตะโกนเสียงต่ำ “เหล่าไป๋ ตกลงแล้วนายเป็นอะไรไป?”“ไม่ ไม่มีอะไร” หลังจากที่ไป๋จิ่งหยวนสงบลง ก็สูดล
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั