เจียงชั่นเอียงศรีษะ ร่อยรอยของความเฉยเมยปรากฎขึ้นบนใบหน้าสวย“ฉันตัดสินใจที่จะปฏิเสธค่ะ”เธอเอ่ยอย่างไม่ลังเลซึ่งคำตอบนี้ก็เกินความคาดหมายของฮั่วจื่อสิงเล็กน้อยทว่าเขาก็ยังเคารพในการตัดสินใจของเธอเสมอมา“ฉันเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ธรรมดาตั้งแต่เด็ก” เจียงช่านพิงเขาแล้วพูดเบา ๆ “พ่อของฉันเปรียบเสมือนหุ่นเชิด แม่ก็มีสภาพจิตใจที่ไม่ปกตินัก ฉันก็เลยต้องดูแลน้องชาย ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องอดทนต่อการกลั่นแกล้งสารพัดจากเจียงเหยาและน้าหยางจวน ไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วครอบครัวเจียงให้อะไรกับฉันบ้าง”“ครอบครัวไม่เคยให้ความอบอุ่นกับฉันเลย แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานให้ครอบครัวเจียงเหมือนกัน” เธอเงยหน้ามองเขา “ฉันเป็นภรรยาคุณแล้วนะคุณกู้ ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับครอบครัวนั้นอีกต่อไป ซ้ำพ่อยังจะให้ฉันกลับไปด้วยวัตถุประสงค์ที่แอบแฝงอีก”“ที่รัก...” มือเล็ก ๆ คล้องเอวสอบเอาไว้ “ฉันแค่อยากให้เราสองคนมีชีวิตที่ดีและมีความสุขนะ”ฮั่วจื่อสิงลูบแผ่นหลังบาง แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเห็นอกเห็นใจได้อย่างเต็มที่ แต่เขาก็พอจะเข้าใจว่าการที่เด็กคนหนึ่งต้องเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ปกตินั้นเป็นอย่างไ
สีหน้าที่บูดบึ้งภายใต้หมวกสีดำถูกเปิดเผยขึ้น ดวงตาชั่วร้ายและเย็นชา ยังคงแสดงความดูถูกฮั่วจื่อสิงสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวทักทาย “คุณลู่”“ว่าไงนะ?” ลู่หลี่ซานประหลาดใจเล็กน้อยพลางเยาะเย้ย “นี่ฉันได้ยินถูกหรือเปล่าวะ เรียกฉันว่า ‘คุณลู่’งั้นเหรอ?”ฮั่วจื่อสิงยิ้มเบา ๆ ดวงตาเคร่งขรึมเย็นชาเขามีกลิ่นอายความดุร้ายอยู่รอบตัว ใครก็ตามที่อยู่ใกล้ ๆ ก็มักจะรู้สึกได้ รวมถึงตัวลู่หลี่ซานเองก็ด้วยความรู้สึกนี้ทำให้ลู่หลี่ซานไม่สบายใจนัก“ไอ้เด็กนี่คงลืมไปแล้วสินะว่าตอนที่ต้องถือรองเท้าฉันเอาไว้มันรู้สึกยังไง?” เขาตบไหล่ฮั่วจื่อสิง “โธ่ ทำไมต้องแกล้งทำเป็นคนมีการศึกษาด้วยวะ”ทว่าทันทีที่มือของลู่หลี่ซานแตะที่ไหล่ของฮั่วจื่อสิง ชายหนุ่มก็คว้ามือของอีกฝ่ายไว้อย่างแรงลู่หลี่ซานสะดุ้งแต่ก็ยังคงรักษาท่าทีที่สงบ พยายามดึงมือออก“กู้หม่าง!” เขาคำราม “แกจะทำอะไร?”ฮั่วจื่อสิงยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนจะหักข้อมืออีกฝ่ายด้วยมือเดียวทันใดนั้นความเจ็บปวดก็พุ่งจี๊ดเข้าสู่หัวใจของลู่หลี่ซาน ดวงตาดุร้ายแดงก่ำมองไปที่ฮั่วจื่อสิงอย่างเอาเรื่อง“ระวังคำพูดของคุณด้วยคุณลู่” ชายหนุ่มเอ่ยทีละคำ “
“ถ้าอย่างนั้นลูกสาวคนโตก็ไม่มีอำนาจอะไรล่ะสิ?”“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน..แต่พูดง่าย ๆ คือครั้งที่แล้วลูกสาวคนโตโกงไปหลายสิบล้านอยู่นะ ท่านประธานโกรธมาก แล้วเขาจะจัดการยังไงต่อล่ะเนี่ย?”เจียงชั่นเองก็ได้ยินบทสนทนาเหล่านั้นแต่พยายามที่จะไม่สนใจกู้หม่างไม่ได้บอกหรือไงว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ควรจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างใจเย็น ยิ่งมีแผนที่ดีเท่าไรก็จะยิ่งรับมือได้ดียิ่งขึ้น เวลาที่ตื่นตระหนกผู้คนมักจะตัดสินใจอย่างขาดสติเมื่อเจียงชั้นนึกถึงผู้เป็นสามี เธอก็คลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ สีหน้าเริ่มผ่อนคลายมากขึ้นการประชุมคณะกรรมการได้เริ่มขึ้นตามกำหนดเจียงหมิงหยวนแนะนำเจียงชั่นสั้น ๆ ในที่ประชุม รวมถึงจัดเตรียมงานที่เกี่ยวข้องให้กับเธอ ผู้ถือหุ้นทุกคนต่างก็พากันเก็บข้อสงสัยต่าง ๆ ไว้ในใจ พยายามแสดงออกว่าต้อนรับเธออย่างเต็มที่สุดท้ายสถานการณ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครรู้อยู่ในที่ของตัวเองถือว่าเป็นการกระทำที่ฉลาดที่สุดในตอนนี้หลังการประชุมผู้คนเริ่มทะยอยเดินออกไปทีละคน ส่วนเจียงชั่นก็เก็บข้าวของเดินตามหลังผู้เป็นพ่อออกไป เพื่อทำความคุ้นเคยกับสถานที่ทำงานใหม่ทว่าทันทีที่ไปถึง
แน่นอนว่าเจียงหมิงหยวนที่ยืนอยู่ตรงบันไดนั้นมีสีหน้าที่ดูน่ากลัวมากขึ้นเลขาที่ต้องการจะเกลี้ยกล่อมเองก็โดนมือของเขาหยุดเอาไว้เขาอยากจะได้ยินว่าลูกสาวสองคนกำลังจะพูดอะไร“พี่” เจียงชั่นเอ่ยอย่างสงบ “ตั้งแต่ตอนแรกทำไมเป็นฉัน ที่ต้องแต่งงานออกไปพี่ไม่รู้เหตุผลจริง ๆ เหรอ? ถ้าไม่ใช่ว่าพ่อรักและหวงพี่ คนที่แต่งงานออกไปตอนนั้นทำไมต้องเป็นฉันล่ะ?”“ไม่เหมาะที่จะมาพูดเรื่องครอบครัวในบริษัทแบบนี้ ฉันว่าหยุดแค่นี้เถอะ”ในขณะที่เจียงชั่นพูดแบบนั้นเธอก็กำลังจะเข้าไปในลิฟต์ แต่เจียงเหยากลับวิ่งไปข้างหน้าเสียก่อน“ทำไม ไม่กล้าเถียงต่อกับฉันหรือไง?” หญิงสาวดูไร้เหตุผล “เรื่องของแกล่ะ อ้าว ตอนนี้ไม่กล้าพูดออกมาแล้วงั้นเหรอ แกมันเลวแต่แกล้งทำตัวอ่อนแอ แสดงธาตุแท้ออกมาสิ”เจียงชั่นรอให้อีกฝ่ายว้าวุ่นเธอเหลือบมองไปข้างหน้าแล้วเยาะเย้ย “นี่พี่ ฉันจะมีเรื่องอะไรกัน? พ่อรักพี่แล้วก็อยากจะมอบทั้งบริษัทให้กับพี่ด้วย ฉันก็แค่มาทำงานเพื่อปูทางไว้ให้ก็เท่านั้น”“เยี่ยมจริง ๆ ใครจะไปรู้ว่าแกกำลังวางแผนอะไรอยู่?”“ฉันมาทำงานเพื่อรับใช้พี่สาวของฉัน”ยิ่งเจียงเหยายิ่งกดดันมากเท่าไร ท่าทีของเจียงชั่นก็ย
“นี่..” “พี่สาว” เจียงชั่นก้าวไปข้างหน้า “เราทุกคนต่างก็นามสกุลเจียง มาจากครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าจะมั่งคั่งหรือเจอเรื่องร้ายก็เหมือนกัน ถ้าพี่ทำให้ฉันอับอาย ก็เหมือนกับทำให้พ่ออับอายไปด้วย ถ้าครั้งหน้าอารมณ์เสียอีก มาหาฉันได้ ในที่ที่ไม่มีใครเห็นพี่สามารถทุบตีหรือดุด่าฉันได้เลย แต่อย่าดึงให้พ่อต้องลงมาอับอายต่อหน้าคนมากมายอีกเลยนะ”ใบหน้าของเจียงเหยาซีดลงพลางจ้องมองเจียงชั่นนิ่งทุกคำพูดของเจียงชั่นมันแทงเข้าไปในใจ ไม่ว่าเจียงเหยาจะโง่แค่ไหนก็ไม่กล้าที่จะโจมตีอีกฝ่ายอย่างในตอนนี้“ฮ่าฮ่า ไม่คิดมาก่อนเลยนะว่าน้องสาวที่มักจะต่อต้านโลกอย่างเธอจะกลายมาเป็นแม่พระผู้มีความเมตตาต่อศัตรูแบบนี้”เจียงชั่นจึงเอ่ยทีละคำอย่างชัดเจนและเย็นชา “ฉันก็แค่อยากทำดีกับพี่สาวของฉันก็เท่านั้น”เจียงเหยาจึงตะคอกกลับก่อนจะเดินจากไปเจียงชั่นมองแผ่นหลังของผู้เป็นพี่สาว โดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าภาคภูมิใจของเจียงหมิงหยวนก่อนที่จะรู้สึกเศร้าขึ้นมาเล็กน้อยเธอและเจียงเหยาเป็นเพียงเบี้ยเท่านั้น ไม่ว่าแพ้หรือชนะจะไปมีประโยชน์อะไร?“พ่อคะ” เธอเอ่ยเบา ๆ “หนูขอกลับไปทำงานก่อนนะคะ”“ได้สิ” เจียงหมิงหยวนยิ้ม
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”“ปะ เปล่าหรอก” เธอตอบเงียบ ๆในขณะที่กำลังกินบะหมี่ เธอก็แอบมองเขาที่กำลังทำหน้ามุ่ย ก่อนจะเอ่ยเสียงเบามาก ๆ “คุณคำนวณวันแม่นเกินไปแล้วนะ...”เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะรู้ว่าประจำเดือนของเธอหมดไปแล้ว?ใบหน้าสวยของเจียงชั่นแดงขึ้น ก่อนจะมองเขาด้วยความโกรธปนเขินอายฮั่วจื่อสิงรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะคิดอยู่นานแค่กินบะหมี่ทำไมหน้าแดง?ฮั่วจื่อสิงกระแอมไอสองครั้งแล้วมองไปที่คนตรงหน้า พลางอดยิ้มไม่ได้ “ดูท่าช่วงนี้คงจะคุ้นชินกับตระกูลเจียงแล้ว คุณมีเรื่องดีใจอะไรอยู่ใช่ไหม?”เมื่อเจียงชั่นได้อยินอย่างนั้น แววตาก็หม่นลง เธอค่อย ๆ วางตะเกียบและชามลงบนโต๊ะก่อนจะบอกเรื่องราวให้ชายหนุ่มฟังทุกอย่าง รวมถึงเรื่องที่เจียงเหยามาหาเรื่องที่ล็อบบี้ด้วยฮั่วจื่อสิงตั้งใจฟังอย่างเงียบ ๆ เขาพอจะนึกภาพออกว่าเธอจะรู้สึกโดดเดี่ยวและทำอะไรไม่ถูกเวลาอยู่ที่ครอบครัวนั้น แม้จะเป็นธุรกิจของเธอเอง แต่สถานการณ์ของเธอก็ยากเกินกว่าใครจะเข้าใจแต่นี่เป็นวิธีเดียวของเจียงชั่นเธอไม่สามารถกลัวหรือยอมรับความพ่ายแพ้ได้และเขาก็พร้อมจะยืนเคียงข้างเธอเสมอ“ที่รัก” เจี
ท่อนแขนแกร่งกอดเธอเอาไว้แน่น เจียงชั่นจึงมองเข้าไปในดวงตาคมกริบนั้นแล้วจำได้ว่าเขาพูดว่า “กินก่อนแล้วค่อยทำธุระ..”ทันใดนั้นใบหน้าของเจียงชั่นก็เปลี่ยนเป็นสีแดง หัวเล็ก ๆ ก้มงุดลงที่อกกว้างนิ่งแล้วเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา“ที่รัก” เธอเอ่ย “เรา..เรารออีกสักพักเถอะนะ”ฮั่วจื่อสิงตกตะลึง “แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”“ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะ..โอ๊ย ยังไงก็พักไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ฉันอิ่มเกินไปค่ะ”ฮั่วจื่อสิงใช้เวลาสักพักก่อนจะโต้ตอบ เขากลั้นรอยยิ้มเอาไว้แล้วเอ่ยน้ำเสียงแหบพร่า “ผมอยากจะพาคุณออกไปข้างนอก”เจียงชั่นตกตะลึงแล้วมองเขาด้วยแววตาเป็นประกาย“คุณ...”ฮั่วจื่อสิงแตะหัวเล็ก ๆ นั่นเบา ๆเป็นไปได้ไหมที่เธอจะเหนื่อยมากจนมีการตอบสนองแบบนั้นมาอัตโนมัติ? ทันทีที่พูดว่าจะทำธุระ เธอก็คิดทันทีว่า...ทำไมเป็นคนแบบนี้ล่ะเนี่ยชายหนุ่มเม้มปากแล้วไม่สามารถซ่อนความตั้งใจภายในเอาไว้ได้เจียงชั่นกำหมัดแล้วตีคนตัวโตแรง ๆ“กู้หม่าง!”“โอเค” เขาบีบมือเล็กเบา ๆ “ผมกำลังพูดเรื่องธุระจริง ๆ อยากจะพาคุณไปที่ที่หนึ่ง”“จะไปไหนคะ?”“คุณอิ่มอยู่ไม่ใช่หรือไง?” เขาหัวเราะ “เดี๋ยวจะพาออกไปย่อย”.......เจียงชั่นเปล
ฮั่วจื่อสิงมองเธอเงียบ ๆทันใดนั้นเจียงชั่นก็พยายามอ่านความซับซ้อนในแววตาของเขา หัวใจเต้นรัวแล้วมีเหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นมาบนฝ่ามือ ในขณะที่ปากบางก็เม้มเอาไว้แน่นจากนั้นไม่นานถึงได้ยินเสียงทุ้มของเขาเอ่ย“ผมใช้เวลาค้นหาร้านนี้อยู่นานแล้วก็ได้เจรจากับเจ้าของบ้านหลายครั้ง ก่อนที่จะตกลงเช่าแล้วตกแต่งใหม่”เจียงชั่นตกใจเล็กน้อย“คุณบอกผมว่าอยากเปิดร้านกาแฟ” เขาสัมผัสใบหน้าสวยอย่างอ่อนโยน “ผมก็เลยเก็บมันไว้ในใจเสมอ”“ผมใช้เวลาว่างมองหาร้านอยู่หลายที่ เพื่อเปรียบเทียบร้านที่เหมาะสมที่สุดและตรงความต้องการของคุณที่สุด”“ที่รัก” เสียงทุ้มเต็มไปด้วยเสน่ห์ “ผมไม่ได้มีความสามารถอะไร แต่ผมพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณได้ในสิ่งที่ต้องการ ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้คุณได้มันมา”หัวใจของเจียงชั่นสั่นไหว ก่อนจะบีบมือเขาแน่นขึ้น“ใช้เงินไปเยอะมากใช่ไหม?”“ก็มากนิดหน่อย” หากบอกว่าน้อยเธอคงจะไม่เชื่อเขาเป็นแน่ จึงเริ่มพูดอย่างจริงจังมากขึ้น “โบนัสจากการแข่งขัน รวมกับเงินเดือนและส่วนแบ่งของธุรกิจผมช่วงนี้ เอามารวมกันมันก็เลยเพียงพอ”เจียงชั่นรู้สึกเป็นทุกข์ในใจเล็กน้อยเธอรู้ว่าหลังจบเกมเขาทำเงินไ
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั