เจียงชั่นนิ่งเงียบแล้วเดินไปด้านหน้า แล้วดึงแขนของเจียงเหยาเบาๆ เจียงเหยาที่คิดจะเคลื่อนไหว ก็ถูกสายตาของเธอหยุดเอาไว้ ปกติแล้วยากที่จะพบเจียงชั่นมีท่าทีที่ดุร้ายเช่นนี้ แต่ตอนนี้เธอเองก็ไม่ใช่กระต่ายน้อยที่จะปล่อยให้คนอื่นรังแกได้ หัวใจของเจียงเหยาสั่นไหว มุมปากกระตุกสองครั้ง ไม่กล้าที่จะส่งเสียงออกมา หรือว่าจะเป็นเพราะอยู่กับคนอย่างกู้หม่างนานไป สองสามีภรรยาเลปรับเข้าหากัน เจียงชั่นที่อ่อนโยนและขี้ขลาดมาโดยตลอดได้รับกลิ่นอายอันเย็นชามาด้วย“เธอคิดจะทำอะไร?”“พี่สาว” เจียงชั่นกดเสียงลงต่ำ ดวงตาดำขลับคู่นั้นเผยบารมีออกมาอยู่หลายส่วน “ฉันเป็นตัวแทนของบริษัท พี่ก็เป็นตัวแทนของคุณพ่อ เป็นตัวแทนของเจียงกรุ๊ป! พี่มาทำตัวไม่มีเหตุผลแบบนี้ คิดอยากจะให้คุณพ่ออับอายขายขี้หน้าหรือยังไง?”เจียงเหยามองเธออย่างตกตะลึงไป ก่อนจะกำหมัดอย่างแรง“น้ำชาในแก้วเมื่อกี้หากว่ามันสาดถูกตัวฉันเข้า ในบริษัทมีคนมากมายคงจะเอาไปพูดกัน จะต้องมีคนที่ชอบดูเรื่องสนุกเอาวีดีโอออกไปเผยแพร่ เจียงกรุ๊ปในฐานะฝ่ายเอรู้สึกอับอาย ก็เลยโจมตีพนักงานฝ่ายบีเป็นการส่วนตัว ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้ได้ว่าจะต้องเป็นหัวข้อข่าว
กู้หม่างยิ้มออกมาจาง ๆ “โรงแรมตี้หาว”เจียงชั่นกลืนน้ำลายลงไป ยกมุมปากขึ้นอย่างไม่เต็มใจนักเขานี่ช่างไม่เกรงใจจริง ๆ ทุกครั้งที่ออกไปทานอาหารข้างนอกนอกจากโรงแรมตี้หาวแล้วก็ไม่ยอมไปที่ใดเลย…แต่เมื่อเห็นแก่ที่เขาเพิ่งจะหายจากอาการบาดเจ็บ ก็ถือเสียว่าเป็นการบำรุงร่างกายให้เขาก็แล้วกัน!เจียงชั่นเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปที่โรงแรมกับกู้หม่างแขกที่เข้ามายังโรงแรมตี้หาวนั้นมีมากมาย แต่แปลกที่ตรงโต๊ะข้างหน้าต่างนั้นกลับไม่มีใครนั่งเมื่อทั้งสองเข้าไป พนักงานเสิร์ฟก็นำพวกเขาไปที่นั่งข้างหน้าต่างอย่างสุภาพ“สามี เป็นที่พวกเราเคยนั่งสองครั้งก่อนหน้านั้นอีกแล้ว!” เจียงชั่นรู้สึกประหลาดใจ พนักงานที่นี้เอาใจใส่ดีมาก พวกเราเพิ่งจะมาเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น ก็รู้ว่าพวกเราชอบนั่งตรงไหนซะแล้ว?”กู้หม่างยิ้มออกมาแต่ไม่พูดอะไร เหลือบมองเมนูอาหารก่อนจะส่งให้กับพนักงาน แล้วสบสายตากับพนักงานเสิร์ฟพนักงานเสิร์ฟเองก็จำเขาได้ รู้ว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไป๋จิ่งหยวน ฉะนั้นจึงรีบเข้าไปแจ้งให้พ่อครัวทราบไม่นานอาหารก็เสิร์ฟจนครบ เจียงชั่นลองชิมแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ เธอค่อนข้างชอบรสหวาน และอาหารทุ
ดวงตาของกู้หม่างเป็นประกาย มองเธอด้วยความสนใจ“กิจการของตัวเอง?”“ใช่แล้ว! หากว่าสามารถลงทุนทำอะไรระหว่างที่ทำงานไปด้วยได้ ทำเป็นงานเสริม ก็ถือว่าเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง!”เจียงชั่นเริ่มวางแผนอย่างจริงจัง “ถึงแม้ว่าจะเปิดแค่ร้านเล็ก ๆ หรือว่าแผงลอย นั่นก็ถือว่าเป็นธุรกิจของตัวเอง ตัวเองเป็นเจ้านายมีสิทธิ์ตัดสินใจได้ นั่นคงจะดีมาก!”“หากว่าคุณมีเงินก้อนหนึ่งสามารถนำมาลงทุนได้จริง คุณอยากจะทำอะไรมากที่สุด?”เจียงชั่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าเหมือนกับสาวน้อยที่ฝันกลางวันอยู่“เอ่อ…หากว่ามีเงินมากหน่อย ฉันก็อยากจะซื้อห้างสักแห่ง ทุก ๆ วันมีลูกค้าเข้าเต็ม! ฮิฮิ แต่ว่าคงจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าพูดถึงที่พอจะเป็นไปได้หน่อย ก็คือประหยัดเงินแล้วเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ มีหน้าต่างบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน และยังมีสวนเล็ก ๆ ที่ปลูกดอกไอริสเต็มไปหมด จากนั้นฉันก็นั่งบดกาแฟอยู่ตรงเคาท์เตอร์ อบขนมปัง ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นของกาแฟและกลิ่นของหวาน!”“เพียงแค่นี้เหรอ?”“อืม!”“ตกลง” กู้หม่างยกริมฝีปากขึ้นยิ้มเบา ๆ “ผมรู้แล้ว”เจียงชั่นตะลึงไป จากนั้นก็ได้สติขึ้นมาทันทีจากจินตนาการเมื่อครู่นี้น้ำเสียงของก
หญิงสาวคนอื่นต่างก็หวังว่าสามีของตัวเองเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก มีเพียงแค่คนตรงหน้านี้เท่านั้นที่ต่างออกไปเจียงชั่นกะพริบดวงตากลมโตมองเขา“ทำไมจะต้องพิเศษเหนือคนธรรมดา? เป็นคนธรรมดาไม่ดีหรอกเหรอ?”“ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว” กู้หม่างยิ้มจาง ๆ แล้วพูดออกมา “ผมหมายความว่า หากว่าสามีคุณมีความสามารถ คุณก็จะสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ไง?”“ตอนนี้ก็มีชีวิตที่ดีมากแล้ว!” เจียงชั่นจับแขนของเขา แล้วพิงศีรษะเล็ก ๆ เข้ากับไหล่ของเขาเธอเป็นคนที่มีความสุขง่ายดายมาโดยตลอดเมื่อเทียบกับความมั่งคั่งร่ำรวยแล้ว เธอยิ่งชอบชีวิตวันธรรมดา ๆ ที่มีมากกว่า“อันที่จริงแล้วฉันไม่ได้อิจฉาคนที่ร่ำรวยเหล่านั้น” เธอพูดน้ำเสียงแผ่วเบา “อาจจะเป็นเพราะว่าตั้งแต่เด็กจนโตก็อยู่ในครอบครัวที่ไม่ธรรมดา ฉันเห็นโศกนาฎกรรมของแม่ฉันด้วยตาตัวเอง ยิ่งรู้สึกว่าคนที่มีเงินล้วนแต่เป็นคนที่ไม่ยุติธรรม ไม่มีความเห็นใจ…”“เพราะฉะนั้น ฉันเพียงแต่ต้องการคนที่รักฉัน มีครอบครัวเป็นของตัวเอง พวกเรากินข้าวด้วยกันจนกระทั่งแก่! นี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุด”กู้หม่างมองเธอ สายตาดูเคร่งขรึมเล็กน้อย“หากว่า…” เขาพูดน้ำเสียงแหบแห้ง “ผมบอ
เขาจึงไอออกมาสองครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย “เอ่อ…เมื่อกี้เธอพูดถึงอะไรนะ? จือซิน เธอว่าเกิดอะไรขึ้นที่หยางเฉิงนะ?”ฮั่วจือซินมองไปยังพี่ชาย “ช่วงนี้อาสองรู้สึกแย่มาก คณะกรรมการบริหารหาเรื่องทะเลาะกับพ่อทั้งวันเลย ปู่ก็ไม่สนใจ! และอาสองยังบอกอีกว่า พี่ชายอาศัยอยู่กับตาที่ประเทศอังกฤษ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลฮั่วมานานแล้ว…”“โอ้โฮ!” ไป๋จิ่งหยวนยิ้มเหยียดออกมา “นายท่านฮั่วจะเชื่อเรื่องพวกนี้ได้เหรอ?”“พูดรอบสองรอบก็อาจจะยังไม่เชื่อ” กู้หม่างเอ่ยเสียงต่ำ “แต่ถ้าโกหกไปสักพันรอบ ก็จะกลายเป็นความจริงได้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”หลายคนในนั้นปิดปากเงียบไม่เอ่ยอะไรออกมา“นอกจากอาสองแล้ว พี่ชายใหญ่จือเหยียนก็ทำอะไรบางอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่” ฮั่วจือซินเอ่ยต่อ “พี่ชาย พี่ก็ระวังตัวไว้ให้ดีล่ะ ได้ยินมาว่าพี่ชายใหญ่ยังมีการติดต่อกับพวกอำนาจมืดอยู่ ถ้าเขาคิดจะทำอะไรพี่ขึ้นมา แน่นอนว่าเขาจะต้องใช้วิธีการที่ง่ายและป่าเถื่อนที่สุด อีกทั้งเขาที่อยู่ในความมืดและพี่อยู่ในแสงสว่าง พี่ต้องไม่ปล่อยให้แผนชั่วของเขาสำเร็จลุล่วงเด็ดขาด!”“อืม ฉันเข้าใจสถานการณ์ดี”ฮั่วจือเหยียนเป็นลูกชายของฮั่วจ่านเฮ่อ
กู้หม่างวางสายโทรศัพท์ สงบสติอารมณ์สองสามวินาที ก่อนจะโทรหาเจียงชั่นเพื่อยืนยันว่าเธอยังปลอดภัยดีหรือไม่เสียงจากปลายสายดูอ่อนแอ บ่งบอกถึงความจนปัญญา“ที่รัก ผู้อำนวยการยืนยันที่จะเชิญลูกค้าสองคนมาทานข้าวคืนนี้…โอ้ย คุณก็รู้ลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของพวกเราตอนนี้คือเจียงเหยา ฉันไม่ไปไม่ได้จริง ๆ”“อือ ไม่เป็นไร” กู้หม่างไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่เจียงเหยาโทรหาเขาก่อนหน้านี้ “คุณทานข้าวอยู่ไหนน่ะ? ส่งที่อยู่มาให้ผมหน่อย ถึงเวลาแล้วเดี๋ยวผมไปรับ”เจียงชั่นยิ้มก่อนจะรับปาก ไม่นานก็ส่งที่อยู่ไปให้เขาทันทีกู้หม่างคิดถูก มันเป็นที่อยู่เดียวกับที่เจียงเหยาส่งให้เขาตอนแรกเขากังวลว่าเจียงเหยาคิดจะทำอะไรไม่ดีเพื่อล่อเสือออกจากถ้ำ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้หลอกเขาแต่ทำไมเธอถึงได้โทรมาให้เขาไปทานอาหารเย็นกับพวกเขาโดยเฉพาะเจาะจงเลยล่ะ?กู้หม่างคิดอยู่ครู่หนึ่งไม่ว่าจะเพราะอะไร เพื่อความปลอดภัย เขาไปดูหน่อยจะดีกว่า……หลังจากที่ทานข้าวไปได้ครึ่งหนึ่ง บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็เริ่มจะคึกคักมีชีวิตชีวา ผู้ชายหลายคนชวนให้ดื่มเหล้า และกล่าวประจบสรรเสริญเจียงเหยากันให้วุ่นแต่ไหนแต่ไรมาเจียงชั่นไม
“ก็ดีนะ ทำไมเหรอ?”“ในเมื่ออาหารถูกปากก็ทานเยอะหน่อย ทานให้เยอะแล้วพูดให้น้อย!”“เธอ…” เจียงเหยาเบิกตากว้าง “ฉันจะทานมากทานน้อยแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอมิทราบ? แต่ฉันแค่พูดคุยไปตามสบาย สามีเธอยังไม่เห็นว่าอะไรเลย เธอละเอียดอ่อนขนาดนั้นเลยเหรอ?”“อ๊ะ คุณพี่เจียงอย่าโกรธเลยนะ!” ผู้อำนวยการจางเอ่ยพลางยกแก้วขึ้น “เจียงชั่นเขาหวังดีอยากให้คุณทานข้าวเยอะ ๆ น่ะ! มา ๆ แก้วนี้ผมให้ดื่มก่อนด้วยความเคารพเลย!”เจียงเหยาส่งเสียงหึอย่างเย็นชา ก่อนจะกระดกแก้วเหล้ารวดเดียวหมดแก้วเจียงชั่นพยายามระงับความโกรธของตัวเอง ปากบางเล็กเม้มเป็นเส้นตรง มือของเธอกำหมัดแน่นจนสั่นเล็กน้อยอยู่ใต้โต๊ะเธอมองไปยังใบหน้าที่ไร้ซึ่งความสนใจของกู้หม่าง อดไม่ได้ที่จะตำหนิตัวเองเจียงเหยาต้องการให้เขามาที่นี่เพื่อให้ตกอยู่ใต้อาณัติของเธอแน่นอน และอันที่จริงเขาก็ไม่ควรมาที่นี่ มาทนกับความทรมานและความโกรธเหล่านี้…งานเลี้ยงครั้งนี้ไม่ได้ดีไปกว่างานเลี้ยงครั้งที่แล้วด้วยซ้ำ งานเลี้ยงครั้งที่แล้วพวกเขาสองคนสามารถแอบออกไปทางประตูด้านข้างได้ แต่งานเลี้ยงครั้งนี้มีหลายคนที่เข้าร่วม ถ้าออกไปอย่างโจ่งแจ้งเลยก็ดูไม่ดีอีก“ที่รั
วันถัดมาเมื่อเจียงชั่นเดินเข้ามาในบริษัท ก็รับรู้ได้ทันทีถึงสายตาของทุกคนในบริษัทที่มองเธอแตกต่างออกไปเธอรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากที่เธอจัดการกับเอกสารจำนวนหนึ่งแล้ว อันอันก็เคาะประตูเดินเข้ามา และกระซิบข้างหูเธออย่างตื่นเต้น “ตอนนี้เรื่องกระจายไปทั่วบริษัทแล้ว…สามีเธอโคตรเจ๋งไปเลย!”เจียงชั่นตะลึง “หมายความว่ายังไง?”“หุ้นพวกนั้นไง!” อันอันยื่นมือถือที่หน้าจอเปิดสว่างจ้าให้เธอดู “กราฟแดงไปหมดเลย เธอไม่เห็นเหรอ?”ปกติแล้วเจียงชั่นจะไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้นัก แต่พอฟังคำพูดของอันอันแล้วเธอจึงรู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีพอดูกราฟแนวโน้มตลาดแล้วจึงรู้ว่าสิ่งที่กู้หม่างพูดเป็นความจริง!เธอขมวดคิ้วอย่างหนัก ในใจเกิดความรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาทันที“ได้ยินมาว่าคนพวกนั้นที่อยู่แผนกการตลาดได้ซื้อวิสาหกิจเฮ่อเหยียนอะไรนั่น ตอนนี้ขาดทุนย่อยยับเลย!” อันอันรู้สึกยินดีในความโชคร้ายของคนอื่น “อยากจะทิ้งก็ทิ้งไม่ได้ ยังดีที่ผู้อำนวยการไต้ของพวกเราไหวตัวทัน ตอนเช้าเขาให้เพื่อนในตลาดหลักทรัพย์แอบขายทิ้งไปแล้วไปซื้อตัวใหม่แทน…เหอะ คิดว่าตอนนี้ปากพวกเขาเบี้ยวกันหมดละมั้ง!”เจียงชั่นฝืนยิ้ม ในหัวของเธอร
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั