'เสียงเพลง'ดาวเด่นของโรงเรียนเดินมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนมุ่งเข้ามาหาชายหนุ่มยังโต๊ะอาหารด้วยสีหน้ายินดีที่ได้เจอกับคนที่เธอแอบชอบและคนทั้งโรงเรียนก็เชียร์ให้เขาและเธอคบหากัน
"จะมาทานข้าวทำไมไม่บอกเราล่ะ"เสียงเพลงถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างกายของชายหนุ่มเด็กสาวพูดกับคนข้างกายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนที่มักจะใช้อยู่เป็นประจำ "ก็เธอยังสอบไม่เสร็จ" "แต่นายก็น่าจะบอกฉันก่อนสักนิดเราสองคนจะได้มาด้วยกัน"ความสนิทสนิทสนมของทั้งสองทำให้คนนั่งฟังอย่างมิลานรู้สึกลำบากใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มที่เธอแอบรักมาตลอดหลายปีไปทำความสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ตรงหน้าของเธอ "เอ่อ" "ทำไมนายมากับมิลานได้ล่ะราเชนทร์"เสียงเพลงถามตรงดวงตากลมโตมองหน้าของชายหนุ่มอย่างต้องการคำตอบ "คือเรากับเพื่อนจะมาห้างนี้อยู่พอดีก็เลยขอติดรถของราเชนทร์มาด้วยน่ะ"มิลานไม่กล้าบอกว่าชายหนุ่มลากเธอขึ้นรถมาเพราะกลัวว่าทั้งสองจะมีปัญหากัน "อ๋อ ฉันเข้าใจล่ะว่าแต่ไหนยายสองคนนั้นล่ะเพื่อนของเธอหายไปไหนทำไมถึงปล่อยให้เธอกับเชนทร์มานั่งด้วยกันสองคน" "กุ๊กไก่กับมีนาติดรถของกราฟฟิกกับเควินมาน่ะ ตอนนี้ยังมาไม่ถึง" "แล้วทำไมเธอ..." "เธอจะอยากรู้เรื่องของคนอื่นทำไมนักฮะเสียงเพลง"ชายหนุ่มเอียงหน้ามองหญิงสาวข้างกายเมื่อเธอเอ่ยถามเรื่องที่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเรื่อง "แล้วทำไมฉันจะถามไม่ได้ล่ะ ก็ฉันอยากรู้นี่" "เงียบปากสักหน่อยก็ดีนะ แล้วนี่มาทำไมมีธุระอะไร" "ก็ฉันไปหานายที่ห้องแล้วไม่เจอ มีคนบอกว่านายขับรถพาผู้หญิงมาเดินที่ห้างฉันก็อยากจะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร"เสียงเพลงตอบด้วยน้ำเสียงฉะฉานแววตาของลูกสาวนักธุรกิจชื่อดังเหลือบมองไปยังร่างของมิลานซึ่งเอาแต่นั่งเงียบอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจแต่เธอกลับไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ในตอนนี้ "แล้วทำไมเธอต้องอยากรู้ว่าฉันจะไปไหนมาไหนกับใครด้วย" "ก็..."เด็กสาวเม้มริมฝีปากแน่นเพราะเธอไม่รู้จะพูดต่อยังไงดี ก่อนเธอจะเห็นไปมองหน้าเพื่อนสนิททั้งสองคนพลางส่งสายตาสื่อความหมายบางอย่างไปให้ซึ่งเพื่อนทั้งสองก็เข้าใจดี "เสียงเพลงถ้าเธอเจอราเชนทร์แล้วฉันสองคนขอตัวกลับก่อนนะพอดีมีธุระด่วน"เพื่อนทั้งสองรีบบอกลาก่อนทั้งคู่จะเดินออกไปจากร้านอาหาร บรรยากาศภายในโต๊ะตกอยู่ในความเงียบ มิลานไม่กล้าที่จะแตะอาหารตรงหน้าเธออยู่รู้สึกอยากจะหายไปจากตรงนี้ให้ไว ๆ "ทำไมไม่กิน" "คะ...คือเราไม่ค่อยหิวน่ะนายกินเถอะ"จะให้เธอกล้าตักอาหารเข้าปากได้ยังไงเมื่อเจอสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ของเสียงเพลงมองมาอยู่ตลอดเวลา อย่าว่าแต่จะตักอาหารตรงหน้าหายใจแรง ๆ เธอก็ยังไม่กล้า "นี่ราเชนทร์ นายรู้หรือยังว่าคุณลุงกับคุณป้าจะให้เราเรียนคณะบริหารที่มหาลัยเดียวกัน" "ฉันไม่ได้อยากเรียนบริหาร"ราเชนทร์ตอบชัดเมื่อเขาไม่ต้องการเรียนคณะบริหารตามที่บิดาต้องการ "ได้ไงล่ะ นายไม่รู้เหรอว่าหลังจากเรียนจบพ่อของนายกับพ่อของฉันจะเปิดบริษัทใหม่ให้เราสองคนเข้าไปบริหาร" "..." "ท่านสองคนต้องการให้เราแต่ง..." เคร้ง "เลิกพูดเพ้อเจ้อได้แล้วเสียงเพลง จะไปไหนก็ไป" "นี่นายกล้าไล่ฉันอย่างนั้นเหรอราเชนทร์ นายกล้าไล่ฉันอย่างนั้นเหรอ"บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเริ่มไม่สู้ดีเมื่อเสียงเพลงเริ่มพูดขึ้นเสียงใส่ชายหนุ่มจนมีแขกภายในร้านหันมามองโต๊ะของทั้งสามด้วยความสนใจ "เอ่อ ฉันว่าฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่านะ พวกนั้นสองคนคงไม่มาแล้วล่ะ"มิลานคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายเพราะสถานการณ์เริ่มไม่ดีและตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมานานแล้วด้วย แต่ก่อนที่เธอจะได้ก้าวขาเดินออกจากโต๊ะก็มีเสียงเรียกของราเชนทร์ดังขึ้น "เดี๋ยวก่อน"เด็กนักเรียนหนุ่มในชุดนักเรียนเรียกชื่อของเธอก่อนเขาจะลุกขึ้นล้วงเงินค่าอาหารออกมาวางไว้บนโต๊ะท่ามกลางสายตาของเสียงเพลงที่เฝ้ามองทั้งคู่อยู่ตลอดเวลา "เดี๋ยวฉันไปส่ง" "มะ...ไม่เป็นไรเรากลับเองได้" "ใช่ ถ้านายไปส่งมิลานแล้วฉันจะกลับยังไง" "ก็เรื่องของเธอสิ มาเองได้ไม่ใช่เหรอ"ชายหนุ่มคว้าท่อนแขนของมิลานให้เดินตามตนเองออกมา ทิ้งให้เสียงเพลงยืนอยู่ในร้านอาหารมองตามแผ่นหลังของร่างเล็กอย่างมิลานด้วยความไม่ชอบใจ "อันที่จริงเรากลับเองก็ได้นะ"มิลานเปิดปากบอกชายหนุ่มในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินมายังลานจอดรถ "แล้วเธอจะกลับยังไง รถเมล์เหรอ" "อืม เราขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียนเป็นประจำไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก นายช่วยปล่อยแขนฉันก่อนจะได้ไหม"แม้เธออยากจะหยุดเวลานี้เอาไว้แต่ก็ไม่อยากให้ความใกล้ชิดระหว่างเธอกับราเชนทร์ต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่ในวันข้างหน้า สายตาของเสียงเพลงยามเมื่อมองเธอมันไม่มีความพึงพอใจอยู่ในนั้นเลยสักนิด แล้วอีกอย่างความใกล้ชิดจนเกินไปทำให้เธอกำลังกลัวหัวใจตัวเอง "เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเองไม่ต้องวุ่นวายขึ้นรถเมล์ให้ลำบาก" "แต่" ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด โทรศัพท์เครื่องหรูของชายหนุ่มมีสายเรียกเข้าทำให้เขาถอนหายใจแต่ก็ไม่สามารถมองข้ามสายที่โทรเข้ามาได้เมื่อเห็นว่าเป็นใครโทรเข้ามา 'มารดา' "ครับแม่" "เชนทร์ วันนี้สอบเสร็จแล้วใช่ไหมลูก" "ครับ"แม้ปากของเขาจะพูดกับปลายสายแต่สายตายังคงมองร่างเล็กของมิลานซึ่งเธอเอาแต่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตา "วันนี้ลูกมีธุระต่อที่ไหนหรือเปล่า" "เอ่อคือ" "คุณพ่อใช้ให้แม่โทรชวนลูกให้มาทานข้าวที่บ้าน"ชายหนุ่มชะงักเมื่อได้ยินน้ำเสียงของมารดาเอ่ยเช่นนั้น "อย่าให้คุณพ่อต้องรอนานนะลูก" "ครับ" "ไว้เจอกันจ้ะ"ปลายสายของมารดาถูกตัดไป คำบอกเล่าคล้ายกับบังคับทำให้เขารู้สึกหนักใจอยู่ไม่น้อย "นายไปทำธุระเถอะ เดี๋ยวฉันกลับเองก็ได้" "แต่ฉัน..." "ฉันกลับเองได้จริง ๆ ราเชนทร์ นายไปเถอะ"เธอยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้บ้านของเธอจะห่างไกลจากห้างสรรพสินค้าแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีรถเมล์วิ่งผ่าน "ถ้าอย่างนั้นถ้าถึงบ้านแล้วก็โทรบอกฉันด้วยนะ" "อะ...อื้อ"เขามองหน้าหญิงสาวด้วยสายตายากจะคาดเดาก่อนชายหนุ่มจะตัดสินใจเดินไปยังลานจอดรถซึ่งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่จากตรงจุดนี้ ซึ่งเป็นจุดที่เธอสามารถมองเห็นได้ว่าราเชนทร์ได้ขับรถคันหรูของเขาออกไป "คนอย่างเธอไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวจังเลยนะ" "เสียงเพลง"เสียงหวานที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้มิลานหมุนตัวกลับไปมอง "ไง นังลูกแม่ค้าขายขนมกระจอก ๆ "ลูกสาวของนักธุรกิจชื่อดังใช้สายตาเหยียดหยามมองหน้าเด็กสาวอย่างมิลาน มุมปากสวยสีชมพูถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกราคาแพงแสะยิ้มเย้ยหยัน "หึ เก็บเอาความรู้สึกโง่ ๆ ของแกไว้ไปใช้กับคนอื่นเถอะอย่ามายุ่งกับผู้ชายของฉัน" "..." "ราเชนทร์เขาเป็นของฉันแกได้ยินไหมนังมิลาน เลิกวุ่นวายกับผู้ชายของฉันได้แล้ว อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะว่าแกรู้สึกยังไงกับราเชนทร์"ผู้หญิงด้วยกันย่อมดูออกเหมือนกับที่มิลานมองก็รู้ว่าเสียงเพลงรู้สึกยังไงกับชายหนุ่ม "ฉันก็แค่รู้สึก" "แค่รู้สึกก็ไม่ได้" "..." "คนจน ๆ อย่างแกหัดเตรียมตัวเตรียมกะลาหัวของตัวเองเอาไว้บ้างก็ดีนะ จนแล้วไม่เจียม" "..." "เป็นแค่ลูกแม่ค้ากระจอก ๆ อย่าคิดที่จะมาเทียบชั้นกับคนมีชาติตระกูลอย่างพวกฉัน คนอย่างแกไม่มีหวังที่จะได้ครอบครองราเชนทร์หรอก จำไว้"น้ำตาของมิลานแทบจะไหลออกมา เธอรู้สึกโกรธและโทษตัวเองที่ไม่มีความกล้าที่จะเอ่ยปากพูดอะไรออกไป "แล้วอีกอย่างฉันจะบอกอะไรให้คนโง่ ๆ อย่างแกรู้เอาไว้ด้วยนะ" "อะไร" "หลังจากสอบเสร็จทางครอบครัวของเราสองคนจะจัดงานหมั้นระหว่างฉันกับราเชนทร์ แล้วหลังจากที่เราสองคนเรียนจบมหาวิทยาลัย ให้ทายสิว่ามันอะไรจะเกิดขึ้น" "..." "เธอคงไม่โง่ขนาดที่ไม่รู้ใช่ไหมว่าตัวเองควรจะไปยืนอยู่ตรงจุดไหน"'ไม่เหมาะสม'คำคำ นี้ ลอยอยู่ในหัวสมองของมิลานนานอยู่นับชั่วโมงตั้งแต่เธอเดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าก้าวขาขึ้นรถประจำทางความคิดของเธอก็ยังไม่ได้หลุดพ้นจากเรื่องนี้หนึ่งชั่วโมงในก่อนหน้านี้เธอยังได้มีเวลาอยู่ใกล้กันกับเขาราวกับว่าเธอกำลังฝัน แต่ดูเหมือนว่าความสุขในความฝันของเธอจะอยู่ได้ไม่นานเมื่อมีเสียงเพลงคนที่เหมาะสมกับราเชนทร์เข้ามาปลุกให้เธอได้ตื่นขึ้นมาเผชิญกับความเป็นจริงเสียก่อน"หนูกลับมาแล้วค่ะแม่"แม้ข้างในจะรู้สึกเจ็บปวดแต่เธอต้องเก็บมันเอาไว้ มิลานในชุดนักเรียนเดินเข้าไปในตัวบ้านซึ่งตอนนี้กำลังมีร่างของมารดาซึ่งเธอก็พึ่งจะกลับมาจากการขายขนมจากตลาดเช่นเดียวกัน"หิวไหมลูกแม่ซื้อก๋วยเตี๋ยวน้ำตกที่หนูชอบมาด้วยนะ""ขอบคุณนะคะ หนูกำลังหิวอยู่พอดีเลย"เธอวางกระเป๋าสะพายลงบนโซฟาตัวเล็กก่อนเด็กสาวจะเดินเข้าไปกอดร่างของมารดาทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมา แม้เธอจะเกิดมาแล้วมีแต่ผู้เป็นแม่ที่คอยเลี้ยงดูไม่ได้รวยล้นฟ้าแต่เธอกลับไม่รู้สึกว่าตัวเองขาดแคลนอะไรเลยสักนิด"มิลานของแม่ จะอ้อนเอาอะไรคะ""เปล่าค่ะ หนูแค่อยากกอดแม่เฉย ๆ ""น่ารักจังเลยลูกสาวคนสวยของแม่"จมูกโด่งของมารดากดลงสูดดมความ
"มิลานพวกฉันสองคนต้องขอโทษเธอจริง ๆ นะ""ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธอะไรพวกเธอเลยจริง ๆ ""แต่ถึงยังไงพวกฉันสองคนก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี"บทสนทนาของเพื่อนรักทั้งสามดังขึ้นนานอยู่หลายนาที เนื่องจากเพื่อนทั้งสองไม่ได้มาตามนัดจนทำให้ทั้งคู่เกิดความไม่สบายใจกลัวว่ามิลานจะโกรธ"เราไม่เป็นไรจริง ๆ เธอสองคนไม่ต้องคิดมากนะ""จริง ๆ นะ"ลูกคุณหนูทั้งสองแววตาเปล่งประกาย"แต่เธอต้องบอกฉันมาก่อนว่าทำไมถึงไม่ยอมไปตามนัด ทำไมถึงปล่อยให้ฉันต้องอยู่กับราเชนทร์สองคน"มิลานนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์เครื่องเก่าซึ่งบนหน้าจอสามารถมองเห็นปฏิกิริยาของเพื่อนทั้งสองผ่านการวิดีโอคอลได้"เรื่องนี้ฉันไม่เกี่ยวนะ เป็นความคิดของยัยมีนาล้วน ๆ "กุ๊กไก่โบกมือไปมาเพราะเธอเองก็ถูกมีนาสั่งห้ามจนต้องใช้ให้คนขับรถอย่างกราฟฟิกพาเธอมาส่งที่บ้านแทนที่จะมุ่งหน้าไปห้างสรรพสินค้าตามที่นัดกันไว้"ว่าไงมีนา""ก็ฉันอยากให้เธอได้มีเวลาอยู่กับคนที่เธอชอบนี่"เด็กสาวคนคิดแผนนี้ขึ้นมาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง"ฉันคิดว่าการเปิดทางให้เธอได้อยู่กับราเชนทร์เพียงแค่สองคนมันจะทำให้เธอได้มีโอกาสบอกชอบหมอนั่น เธออย่าโกรธฉันเลยนะมิลาน""ฉันไม่โกรธเธอหรอก อย่
"มิลานไปซื้อกับพวกฉันสองคนไหม""ไม่ล่ะ พวกเธอสองคนไปกันเถอะฉันอยากกลับไปนอนพักผ่อนมากกว่า"มิลานตอบปฏิเสธดั่งเช่นทุกครั้ง วันนี้เธอรู้สึกอยากกลับบ้านไปนอนพักผ่อนเสียมากกว่า"ถ้าอย่างนั้นเราแยกกันตรงนี้เลยนะ เจอกันวันเดินทาง"แม้เพื่อนทั้งสองอยากให้มิลานออกไปเปิดหูเปิดตาแต่ทว่าพูดเธอก็ไม่กล้าที่จะเซ้าซี้เพราะดูจากสีหน้าแล้วมิลานคงจะเหนื่อยจริง ๆ ทั้งสามโบกมือลาตรงใต้อาคารเรียน เพื่อนทั้งสองเดินไปขึ้นรถของทางบ้านมีนาซึ่งตอนนี้คนขับรถมาจอดรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนมิลานเธอทำได้เพียงแค่เดินเท้าไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าในเวลาบ่ายคล้อยนักเรียนหลายคนทยอยกลับกันไปใกล้จะหมด สายตากวาดมองบริเวณโดยรอบอย่างต้องการจดจำเพราะอีกไม่กี่วันเธอก็จะไม่ได้เห็นภาพเหล่านี้อีกแล้ว"เธอนี่พูดไม่รู้เรื่องเลยนะ"น้ำเสียงขึงขังดังมาจากทางด้านหน้าทำให้มิลานหยุดชะงักอยู่ตรงมุมตึกซึ่งเป็นจุดอับไม่มีใครได้เห็น"เสียงเพลง"มิลานเรียกชื่อของคนที่ยืนขวางเอาไว้ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาเมื่อเห็นร่างเล็กของเสียงเพลงและเพื่อนอีกสองคนของเธอเดินมาขวางทางเอาไว้"นี่น่ะเหรอสภาพของคนที่ชอบราเชนทร์ของแกมาตั้งหลายปี ดูไม่จืดเลยนี่""หน้า
อุษณีย์นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาดวงตากำลังมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ หญิงสาววัยกลางคนสลัดคราบแม่ค้าขายขนมออกวันนี้เธอแต่งตัวด้วยชุดที่ดูดีเพื่อรอเวลาให้อดีตคนรักติดต่อกลับมาหลังจากเธอลงรูปถ่ายให้เขาได้รู้ว่าเธอยังมีตัวตนครืด ครืดโทรศัพท์เครื่องเก่าส่งเสียงแผดร้องแม้จะยังใช้ได้แต่มันก็ผ่านการใช้มาอย่างยาวนาน หญิงสาววัยกลางคนนั่งนิ่งเธอนับหนึ่งถึงสิบอยู่ภายในใจก่อนจะยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายก่อนอดีตพนักงานต้อนรับของสายการบินชื่อดังจะกรอกน้ำเสียงเรียบนิ่งให้ปลายสายได้ยิน"ฮัลโหล""โอ้ว ที่รัก เดซี่คุณจริง ๆ ด้วย"น้ำเสียงดีใจของอีกฝ่ายลอยผ่านสายโทรศัพท์ โรเบิร์ต เลียม แทบจะเก็บความดีใจเอาไว้ไม่ไหวเมื่อเขาสามารถติดต่อคนรักได้ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมาน้ำตาของลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ เขาพยายามเก็บเสียงสะอื้นไม่ให้เธอได้ยิน ความตื่นเต้นดีใจมันจุกอก"เดซี่ คุณสบายดีหรือเปล่า ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนผมคิดถึงคุณเหลือเกินที่รัก""..."หญิงสาวเงียบคำพูดในก่อนหน้านี้ถูกกลืนหายเมื่อเธอได้ยินเสียงของชายคนรัก "ที่รัก ผมคิดถึงคุณเหลือเกินตั้งแต่คุณหนีไปไม่มีวันไหนที่ผมจะกินอิ่มแล้วหลับตานอนได้""..."
อุษณีย์มองหน้าลูกสาวด้วยความเจ็บปวด เธอเลี้ยงมิลานมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยไม่ตบไม่เคยตีสักครั้ง มิลานเป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่เธอเชื่อสนิทใจว่าลูกสาวที่น่ารักไม่มีทางทำร้ายใครก่อนอย่างแน่นอน"แม่จะทวงคืนความยุติธรรมให้กับหนูเองนะมิลาน"อุษณีย์คว้ามือเรียวเล็กของลูกสาวในวัยสิบแปดปีขึ้นมากุมอย่างแผ่วเบา แม้มิลานจะโตเป็นสาวสะพรั่งแต่ในสายตาของเธอลูกสาวของเธอก็ยังคงเป็นเด็กน้อย"มิลานจำได้ไหม เมื่อตอนเด็ก ๆ มิลานเคยถามหาพ่อกับแม่อยู่ตลอดเลยนะว่าพ่อเป็นใคร""...""รีบตื่นขึ้นมานะลูก ตอนนี้พ่อกำลังเดินทางมาหาเราสองคนแล้วนะ"คนเป็นแม่เจ็บปวดหัวใจเมื่อได้เห็นร่างกายของลูกเต็มไปด้วยบาดแผล "มีนาแกติดต่อมิลานได้ไหม"อีกด้านหนึ่งของเมืองหลวงในยามค่ำคืนมีสองสาวเพื่อนสนิทกำลังต่อสายพูดคุยถึงการหายไปของเพื่อนสนิทอีกคน ทั้งสองพยายามต่อสายหามิลายแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้"ฉันโทรหามิลานเป็นสิบ ๆ สายแต่ก็ไม่ติด""ฉันก็เหมือนกัน นี่กะว่าจะอวดชุดใส่ไปเที่ยวให้ดูซะหน่อย"ทั้งกุ๊กไก่และมีนาต่างซื้อเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปเที่ยวมาให้เพื่อนรักแต่ตอนนี้ทั้งคู่กลับไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้จนเกิดความรู้สึกกังวลภายในใจ"แกว่าม
อุษณีย์ไม่สามารถข่มตาให้นอนหลับลงได้เมื่อพิษไข้เล่นงานลูกสาวของเธอตลอดทั้งคืน เนื้อตัวของมิลานร้อนดั่งไฟคนเป็นแม่กระวนกระวายแทบจะอยู่ไม่เป็นสุข 'ฮึก อย่าทำฉัน'คนบนเตียงนอนละเมอออกมาด้วยความหวาดกลัวราวกับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ได้กลายเป็นฝันร้ายสำหรับลูกสาวของเธอไปเสียแล้ว "หมอได้ฉีดยาแก้ปวดกับยาลดไข้ให้กับคนไข้แล้วนะครับ" "ขอบคุณมากนะคะหมอ" "ไม่เป็นไรครับมันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว ถ้าหากญาติต้องการความช่วยเหลืออะไรสามารถกดกริ่งเรียกพยาบาลได้ตลอดเวลาเลยนะครับ" "ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ"หมอเจ้าของไข้เดินออกไปหลังจากตรวจอาการและดูบาดแผลตามร่างกายของคนไข้ คงต้องใช้เวลาในการรักษากว่าจะหายดี อุษณีย์เดินเข้าไปใกล้ลูกสาวเธอบรรจงใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเช็ดไปตามร่างกายของมิลานด้วยความแผ่วเบาเพราะกลัวว่าถ้าหากทำรุนแรงจะไปโดนแผลเข้า "แม่ขอโทษนะลูกที่แม่ดูแลหนูไม่ดี"เธอรู้สึกโทษตัวเองยิ่งเห็นบาดแผลเต็มตัวลูกสาวยิ่งทำให้เธอนึกโกรธตัวเองมากยิ่งขึ้นที่ไม่สามารถปกป้องดูแลลูกสาวเพียงคนเดียวได้ ครืด ครืด ครืด โทรศัพท์เครื่องเก่าของหญิงสาววัยกลางคนมีสายเรียกเข้า อุษณีย์เงยหน้ามองนาฬิกาซึ่งติด
ทางกุ๊กไก่และมีนาต้องพบกับความผิดหวังเมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงตลาดแต่กลับไม่พบวี่แววของร้านขายขนมซึ่งเป็นร้านขายขนมของมารดามิลาน "ทำยังไงดีล่ะมีนา พวกเราสองคนยังติดต่อมิลานไม่ได้เลยนะ""ไปหาที่บ้านดีไหม""แต่เราไม่รู้เลยนะว่าบ้านของมิลานอยู่ตรงไหน""ถามคนแถวนี้เอาก็ได้ ไปเถอะยังไงวันนี้เราสองก็จะต้องได้เจอมิลาน"มีนาผู้ไม่มีความย่อท้อ เธอเปิดรูปถ่ายของมิลานก่อนสองสาวจะเดินไปถามชาวบ้านแถวนั้นด้วยความกระตือรือร้น"หลังนี้เหรอ""อืม ไม่ผิดแน่นอนแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีคนอยู่"ลูกคุณหนูทั้งสองยืนมองแผ่นกระดาษซึ่งเป็นแผนที่มาบ้านของมิลานซึ่งเธอทั้งสองได้มาจากคนขายของในตลาดประตูบ้านปูนถูกปิดบรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดมีบ้านของคนอื่นตั้งห่างออกไปแม้ว่ามันจะไม่ได้เปลี่ยวมากแต่ก็ใช่ว่าจะไม่น่ากลัว"เคาะประตูเรียกดูก่อนเอาไหม""เอาอย่างนั้นก็ได้"ก๊อก ก๊อก ก๊อก"ขอโทษนะคะ มีใครอยู่หรือเปล่าคะ"เงียบ ไร้เสียงขานตอบกลับมาจนทั้งคู่ต้องหันมองหน้า กุ๊กไก่อาสาเคาะประตูเรียกคนในบ้านอีกครั้งและผลตอบรับก็เหมือนเช่นเดิม"แปลก ไม่มีใครอยู่บ้านเลย""มิลานก็ยังติดต่อไม่ได้อีกด้วย""แล้วเราสองคนจะไปหามิลานที่ไหนดี ชั
บรรยากาศภายในห้องพักตกอยู่ในความเงียบ ความจริงที่มิลานรับรู้ว่าผู้ชายตรงหน้าคือพ่อแท้ ๆ ผู้ให้กำเนิดมันกำลังทำให้เธอจุกอยู่ในอก เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ออกมายังไงดี มันมีทั้งความตื่นเต้นดีใจและน้อยใจปะปนกันไปหมด"พ่อเหรอคะ"เธอมองผู้ชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยดวงตาที่สั่นไหว เด็กสาวพยายามพยุงกายลุกขึ้นนั่งโดยมีมารดาคอยช่วยอยู่อีกแรงส่วนโรเบิร์ตเขาได้แต่ยืนนิ่งยิ่งเขาเห็นดวงตากลมโตสึขใสคู่นั้นของลูกสาวสั่นเครือขาทั้งสองข้างก็อ่อนแรงลงเอาเสียดื้อ ๆ จนไม่มีแม้แต่แรงจะก้าวไปข้างหน้าแม้ตนเองอยากจะคว้าร่างเล็กมากอดสักแค่ไหนก็ตาม"ผู้ชายคนนี้คือพ่อแท้ ๆ ของหนูเหรอคะแม่""ใช่จ้ะ โรเบิร์ตเขาคือพ่อแท้ ๆ ของลูก มิลาน""...""มันเป็นความผิดของแม่เองที่ทำให้หนูขาดความอบอุ่นจากพ่อตั้งแต่เล็กจนถึงตอนนี้ ตอนนั้นพ่อกับแม่เราสองคนมีปัญหากันแม่ก็เลยหนีพ่อมาอยู่ที่เมืองไทยและไม่คิดจะติดต่อกลับไปแม้แต่เรื่องที่แม่เองก็รู้ดีว่ากำลังมีหนูอยู่ในตอนนั้น""...""แม่ขอโทษนะลูก ถ้าไม่ใช่เพราะความใจร้อนของแม่หนูก็คง...""ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูไม่เป็นไร"มิลานส่ายหน้าเธอฉีกยิ้มบาง ๆ ออกมาแม้ว่าจะยังรู้สึกเจ็
"ฉันขอเลียมันนะ""อะ...อื้อ"เสียงครางในลำคอเล็กดังขึ้นเมื่อปลายลิ้นแตะลงบนเนื้อสาวผ่านผิวผ้าบางของกางเกงในสีขาว ใบหน้าของหญิงสาวแดงระเรื่อมีเหงื่อซึมไหลลมหายใจเริ่มหนักหน่วง ตรงช่วงล้างกำลังมีปลายลิ้นร้ายของชายหนุ่มปาดซ้ายเลียขวาเรียกน้ำหวานให้ซึมไหลออกมา"อ๊าส์ ซี๊ด""หวานมากเลยมิลาน"เขาเอ่ยชมก่อนจะก้มลงไปจัดการกับเนินเนื้อของเธอต่อ มิลานน้ำตาคลอเธอยืนขาสั่นเกร็ง ยิ่งเขาเร่งตวัดปลายลิ้นถี่มากเท่าไหร่ยิ่งทำให้เธออ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่ไหว"ราเชนทร์ อ๊าส์ เบาหน่อย อื้อ หยุดก่อน"เธอรีบเอ่ยปรามเมื่อรู้สึกว่าเหมือนตัวเองจะปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างออกมาแต่ทว่าชายหนุ่มกลับไม่คิดจะหยุด ราเชนทร์ใช้นิ้วสากของตัวเองเกี่ยวขอบกางเกงในตัวบางให้มาอยู่ตรงกลางกลีบอูม กลีบขาวสีขาวสวยทั้งสองฝั่งรัดกางเกงในตัวบางดันทรงให้เม็ดสวยเด้งขึ้นมาล่อตาล่อใจซึ่งมันเกินกว่าที่ชายหนุ่มจะอดใจไหวได้เม็ดสวยสีชมพูแนบไปกับกางเกงในสีขาวตัวบางจนเห็นเป็นรูปทรงสวย ราเชนทร์ฉวยโอกาสในตอนที่เธอเผลอโน้มหน้าเข้าไปฉกชิมความหอมหวานจากติ่งสวยของเธอจนมิลานดิ้นพล่านแผล็บ แผล็บ แผล็บ"อ๊าย ราเชนทร์ ฉันทนไม่ไหวแล้ว อื้อ""ก็ไม่ต้องทน ปล่
"พ่อกับแม่ไปก่อนนะ แล้วก็อย่าลืมเรื่องหลานนะพ่อกับแม่แก่แล้วอยากอยู่บ้านเลี้ยงหลานมากกว่า"มิลานเขินอายจนหน้าแดงเมื่อมารดาทั้งของเธอและทั้งของชายหนุ่มพูดแบบนั้นออกมา แม้ว่าพวกท่านทั้งสี่จะเดินออกไปจากห้องหอของเธอในคืนนี้ได้สักพักแล้วแต่มิลานก็ยังคงเขินอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองสามีหมาด ๆ ของตัวเธอพรึ่บ"อุ๊ย"มิลานร้องอุทานเมื่อฝ่ามือใหญ่ของสามีอย่างราเชนทร์แตะลงบนท่อนแขนเปลือย "เป็นอะไรเหรอ""ปะ...เปล่า เราไม่ได้เป็นอะไร"เธอตอบชายหนุ่มออกไปด้วยน้ำเสียงซึ่งไม่ค่อยจะมั่นคงสักเท่าไหร่ สายตาเหลือบมองไปยังท่อนแขนซึ่งยังมีฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มสัมผัสอยู่"ไม่ได้เป็นอะไรแล้วทำไมตัวสั่นล่ะ หรือว่าเธอกลัว""กะ...ก็""ถ้าเธอกลัว ฉันจะรอให้ถึงวันที่เธอพร้อมก็ได้นะ"เพราะเขาเองก็ไม่อยากฝืนน้ำใจของเธอเหมือนกันแม้ว่าคืนนี้มันจะเป็นคืนสำคัญระหว่างเขาและเธอ"ไม่ใช่อย่างนั้นนะ"มิลานรีบหันตัวใช้ฝ่ามือคว้าท่อนแขนของชายหนุ่มเอาไว้เมื่อเขาดึงฝ่ามือออกจากท่อนแขนของเธอชายหนุ่มหันมามองหน้าภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายปล่อยให้เธอเดินเข้ามาสวมกอดโดยไม่คิดจะผลักเธอออกไปเพราะเรื่องแบบนี้เขาเข้าใจมันดี"คือฉันแค่กลั
'จับมือแล้วเดินกันไปด้วยกันนะ'คำคำนี้พวกเขาทั้งสองมักจะบอกต่างฝ่ายเอาไว้เสมอยามเมื่อต้องเจอเรื่องที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งเรื่องเหล่านั้นมันก็จะเกิดขึ้นในชีวิตซึ่งมันเป็นเรื่องปกติสำหรับคู่ของใครหลาย ๆ คนซึ่งหนึ่งในนั้นมันก็เป็นคู่ของเขาแต่ไม่ว่าทั้งสองจะเจอปัญหาอะไรต่างฝ่ายต่างก็ไม่คิดจะเดินหันหลังหนีให้พวกเขาทั้งสองจะใช้เวลาในการปรับความเข้าใจเพราะว่าการทำแบบนี้มันดีกว่าการเดินหนีปัญหาแล้วปล่อยให้คนรักคิดหนักไปต่าง ๆ นานา การเดินหนีปัญหาแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายต้องมานั่งจมอยู่กับความคิดมันไม่ใช่ทางเลือกของทั้งสองคน ทั้งราเชนทร์และมิลานจับมือครองรักกันมายาวนานจนถึงสี่ปีตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสี่ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับทั้งสอง คู่รักแห่งปีไม่เคยมีข่าวเสียหายเพราะต่างฝ่ายต่างให้ความสำคัญและยึดมั่นกับคนรักมากกว่าใคร วันรับปริญญาคือวันส่งท้ายการใช้ชีวิตอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยที่ราเชนทร์ได้มอบของขวัญสุดพิเศษให้กับแฟนสาวของเขา"แต่งงานกับเชนทร์นะ"น้ำตาของคนถูกขอแต่งงานอย่างมิลานแทบจะไหลทะลักอวดโชว์กลางสายตานับกว่าร้อยชีวิต มิลานทั้งรู้สึกเขินอายและอยากจะร้องไห้ในเวลาเดียวกัน เธอไม่ทั
ความรู้สึกของทั้งสองตลอดระยะเวลาหลายปีถูกปลดปล่อยมันออกมา ภาพที่ทั้งสองเคยคิดอยู่ในหัวตอนนี้มันได้เป็นจริงเสียแล้ว การคบหาของมิลานและราเชนทร์เป็นที่รับรู้ของทั้งสองครอบครัว เพราะหลังจากราเชนทร์จัดเซอร์ไพรส์มอบเกียร์วิศวะให้กับมิลานในเย็นวันนั้นรุ่งเช้าเขาก็พาเธอเข้าไปพบพ่อแม่ที่บ้านหลังใหญ่เรียกว่าการเปิดตัวคนรักของลูกชายในครั้งนี้ทำเอาคุณสุชาดาและคุณหญิงเพียงเพ็ญแทบจะตั้งตัวรับไม่ทัน'นี่มิลานครับ เธอเป็นแฟนของผม''...''เธอคือคนที่ผมเลือกแล้ว'ราเชนทร์มองตาผู้เป็นบิดา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาก้าวขาเข้ามาเหยียบในบ้านหลังนี้หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นซึ่งมันก็ผ่านมานานหลานเดือนบรรยากาศการของพบหน้าบิดามารดาของแฟนหนุ่มแม้มันจะดูผิดแปลกแต่มิลานก็สัมผัสได้ว่าท่านทั้งสองไม่ได้นึกรังเกียจเธอ และบางครั้งเธอก็แอบเห็นแววตาของท่านสุชาดาแอบมองบุตรชายอยู่บ่อยครั้งเหมือนกับว่ามีเรื่องบางอย่างอยากจะพูดด้วย'ขนมฝีมือคุณน้าอร่อยจังเลยนะคะ ไม่ทราบว่าขนมแบบนี้เขาทำกันยังไงเหรอคะ หนูอยากลองทำบ้างเผื่อวันว่าง ๆ จะได้ทำให้ราเชนทร์ได้ทาน''หนูอยากทำเหรอจ๊ะ''ค่ะ หนูอยากทำ'มารดาของราเชนทร์ยิ้มออกมาก่อนท่านจะ
"ทำไมรีบกลับจังเลยล่ะคะไม่อยู่กับหนูก่อนเหรอ"น้ำเสียงออดอ้อนของมิลานดังขึ้นเมื่อรถตู้คันหรูเคลื่อนตัวมาจอดยังสนามบิน ร่างเล็กของมิลานเข้าไปกอดบิดามารดาด้วยความคิดถึงอีกครั้งวันนี้ตลอดทั้งวันเธอได้ใช้เวลาอยู่กับท่านทั้งสองส่วนแฟนหนุ่มอย่างราเชนทร์ได้เดินทางกลับคอนโดเพื่อกลับไปเตรียมตัวสำหรับการประชุมรับน้องในวันนี้"เอาไว้พ่อเคลียร์เรื่องงานเสร็จเมื่อไหร่พ่อกับแม่จะรีบเดินทางมาหาหนูนะลูก""จริงนะคะ""จริงสิ แต่ถ้าลูกอยากจะเดินทางไปหาพ่อกับแม่ที่นั่นก็ได้นะพ่อจะได้ส่งเครื่องบินมารับ"โรเบิร์ตโอบกอดบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยความรัก "แม่กับพ่อต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะลูกเข้าใจไหม""ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ""จ้ะลูกรัก"บุตรสาวเพียงคนเดียวโบกมือลาทั้งสอง มิลานมองร่างของบิดาและมารดาเดินเคียงคู่ขึ้นไปบนเครื่องบินส่วนตัว รถตู้คันหรูเครื่องตัวออกมาจากตรงนั้นอย่างเชื่องช้า หลังจากฝ่าฟันรถติดในช่วงเวลาเย็นมาได้ทำให้มิลานรู้สึกเหนื่อยอยู่ไม่น้อย ร่างเล็กล้มตัวนอนลงบนโซฟาตัวยาวด้วยความเหนื่อยล้าแต่ทว่าวันนี้กลับเป็นวันที่เธอมีความสุขมากที่สุดเลยก็ว่าได้'พ่อกับแม่อนุญาตให้ลูกทั้งส
หนึ่งชั่วต่อมารถตู้คันหรูสองคันเคลื่อนตัวเข้ามาจอดยังบริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่สาวใช้ที่เห็นว่ามีรถคันใหญ่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดก็รีบวิ่งไปบอกผู้เป็นเจ้านายแตกต่างกับสีหน้าของคนในรถ"นี่มันอะไรกันเหรอคะ คุณพ่อพาหนูมาที่นี่ทำไม"บ้านหลังใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยก้าวขาเข้ามาเหยียบที่นี่และตอนนี้เธอก็ได้กลับมาเหยียบอีกครั้งพร้อมกับบิดาและมารดาของเธอ"คุณพ่อคะ""พ่อก็แค่จะทำเรื่องทุกอย่างให้มันจบ"ฝ่ามือสากกุมแก้มข้าวของลูกสาว รอยแผลจากเรื่องเมื่อวานยังคงเป็นรอยอยู่บนใบหน้าของมิลาน"ไม่ต้องกลัวอะไรนะลูก พ่อจะคอยปกป้องหนูเองจะไม่มีใครมาทำร้ายลูกสาวของพ่อได้อีก""คุณพ่อคิดจะทำอะไรคะ"โรเบิร์ตไม่ตอบเขาหันมองออกไปนอกตัวรถเห็นร่างของชายหญิงวัยกลางคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตู"เราลงจากรถกันเถอะค่ะ"ครืดประตูรถตู้คันหรูถูกเปิดออกด้วยฝีมือของบอดีการ์ดก่อนร่างของอุษณีกับสามีจะก้าวขาเดินลงมาจากรถด้วยท่าทีสง่างามดั่งคนมีเงิน"สวัสดีครับคุณโรเบิร์ตคุณหญิงเป็นเกียรติอย่างมากที่คุณโรเบิร์ตเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง"เกริกพลอดีตนักธุรกิจชื่อดังและภรรยาอย่างคุณหญิงประภาพรซึ่งตอนนี้ตำแหน่งคุณหญิงได้ถูกปลดออกไปเป็นที่เ
รุ่งเช้าอันแสนสดใสทำให้ใครต่อใครต่างไม่อยากลุกขึ้นจากเตียงนอนรวมไปถึงหญิงสาวเจ้าของห้องพักอย่างเธอ มิลานกำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายอยู่บนเตียงนอน คำพูดหวาน ๆ ของแฟนหนุ่มกลายเป็นฝันดีทำให้เธอนอนหลับสบายทั้งคืนจนไม่อยากจะตื่นติ๊ดแม้แต่เสียงสแกนเปิดประตูห้องพักด้านนอกดังขึ้นเจ้าของห้องอย่างเธอกลับไม่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา แต่ทว่ามันกลับไม่ใช่กับคนที่หูไวอย่างราเชนทร์ซึ่งตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับชายหญิงผู้มาใหม่"นายเป็นใครทำไมถึงมาอยู่ในห้องของลูกสาวฉันได้""โรเบิร์ตคะ ใจเย็นก่อนค่ะ"เสียงแข็งกระด้างตวาดดังกึกก้องทำเอาใครต่อใครต่างพากันสะดุ้งจนภรรยาคนสวยต้องรีบปรามเพราะกลัวว่าสามีจะสั่งคนให้ไปทำร้ายเด็กหนุ่มคนนี้"ที่รัก คุณจะให้ผมใจเย็นได้ยังไงเด็กหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้มาอยู่ที่ห้องลูกสาวของเราสองคนนะ""โรเบิร์ตคะ ก่อนจะโวยวายอะไรฉันว่าเราฟังคำอธิบายจากเด็กทั้งสองคนก่อนดีกว่าไหมคะ"อุษณีย์เป็นคนอารมณ์เย็นเธอพยายามหาคำพูดมาปลอบให้ผู้เป็นสามีอารมณ์เย็นลง"สวัสดีครับคุณน้าทั้งสอง คือผม""ไม่ต้องเกร็งหรอกจ้ะ"อุษณียิ้มรับเธอพอจะคลับคล้ายคลับคลาเด็กหนุ่มตรงหน้าเหมือนว่าเธอเคยเจอกันมาก่อน"มีอะไรอ
'มั่นหน้ามากแต่สุดท้ายผู้ชายก็ไม่เอา''นั่นน่ะสิ ยังหน้าด้านไปทำร้ายแฟนเขาด้วยนะต้องมั่นหน้าเบอร์ไหนถึงคิดว่าผู้ชายจะเอา''สวยก็ไม่สวยสู้น้องคนนั้นไม่ได้สักนิด'เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนรอบข้างดังขึ้นซึ่งมีผลกระทบต่อเสียงเพลงหลังจากเรื่องทุกอย่างจบ ราเชนทร์โอบกอดร่างมิลานเดินออกไปเขาทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่าถึงอย่างไรจะไม่มีวันหันมาสนใจคนอย่างเธอ"เสียงเพลง พวกเรากลับกันเถอะฉันสองคนอายคนว่ะ"แม้แต่เพื่อนสนิทที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันยังต้องหนีหน้า แต่ทว่าเสียงเพลงยังคงยืนมองไปยังทิศทางที่ทั้งสองเดินเคียงคู่กันออกไป"ถ้าแกไม่กลับฉันสองคนกลับก่อนนะ"เมื่อเห็นว่าเสียงเพลงเอาแต่ยืนนิ่งเพื่อนทั้งสองจึงรีบเดินออกไปเพราะทนต่อสายตาของผู้คนไม่ไหว เสียงวิพากษ์วิจารณ์ยังคงดั่งอย่างต่อเนื่องพรุ่งนี้เรื่องที่เกิดขึ้นคงเป็นข่าวดังในมหาวิทยาลัยตึก ตึก ตึกกว่าเสียงเพลงจะหอบร่างอ่อนแรงออกมาจากตรงนั้นได้ก็ใช้เวลานานอยู่หลายนาที เรี่ยวแรงทั้งหมดของเธอแทบจะไม่มีเหลือเมื่อเห็นสายตาว่างเปล่าของชายหนุ่มในวันนี้ซึ่งมันไม่มีเธออยู่ในนั้นเลยตลอดเวลามีเพียงเธอคนเดียวที่คิดเข้าข้างว่ายังไงราเชนท
"อยากกินอะไรไหมเย็นนี้"ราเชนทร์ยิงคำถามทันทีหลังจากที่เขาเดินมาหาเธอซึ่งเป็นคำถามที่มิลานรู้สึกชินกับมันเสียแล้ว"อยากกินซูชิร้านนั้นที่ตลาดนัดหลังมอ""ร้อน""ไม่ได้เหรอ"เธอเงยหน้าช้อนดวงตากลมโตมองเขาทำเอาราเชนทร์ใจอ่อนยวบ"ก็ได้ ถ้าไม่รักไม่ตามใจหรอกนะ""ราเชนทร์ของมิลานใจดีที่สุดเลย"เธอยิ้มออกมาเมื่อได้รับคำตอบตามความต้องการตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ทั้งคู่เปิดใจคบหาราเชนทร์มักจะเป็นฝ่ายตามใจมิลานอยู่ตลอดไม่ว่าเธออยากทำอะไรหรือจะไปที่ไหนเพราะรอยยิ้มสดใสดูมีความสุขของเธอนั้นนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการการดูแลเอาใจใส่ต่อเธอชายหนุ่มก็ไม่เคยบกพร่องเรียกได้ว่าชายหนุ่มเอาใจใส่ดูแลเธอได้อย่างดีเยี่ยมทำเอาผู้หญิงหลายต่อหลายคนต่างพากันอิจฉามิลานที่ได้ผู้ชายแสนดีอย่างราเชนทร์ไปเป็นแฟน"คนเยอะจังเลยอะ"มิลานบ่นอุบเมื่อเห็นผู้คนยืนต่อแถวกันยาวตรงหน้าร้านขายซูชิเจ้าอร่อย "ถ้าเราไปยืนต่อแถวอีกนานเลยกว่าจะได้""เธอไปนั่งรอฉันที่ร้านข้าวมันไก่ตรงนั้นก่อน เดี๋ยวฉันไปยืนต่อคิวให้""แต่"ปึก"หรืออยากจะไปเดินซื้ออะไรก่อนก็ได้แต่อย่าไปไกลนักเข้าใจไหม"กระเป๋าสตางค์ใบหรูถูกจับยัดใส่ฝ่ามือของหญิงสาวซึ่งในมือ