อุษณีย์มองหน้าลูกสาวด้วยความเจ็บปวด เธอเลี้ยงมิลานมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยไม่ตบไม่เคยตีสักครั้ง มิลานเป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่เธอเชื่อสนิทใจว่าลูกสาวที่น่ารักไม่มีทางทำร้ายใครก่อนอย่างแน่นอน
"แม่จะทวงคืนความยุติธรรมให้กับหนูเองนะมิลาน"อุษณีย์คว้ามือเรียวเล็กของลูกสาวในวัยสิบแปดปีขึ้นมากุมอย่างแผ่วเบา แม้มิลานจะโตเป็นสาวสะพรั่งแต่ในสายตาของเธอลูกสาวของเธอก็ยังคงเป็นเด็กน้อย "มิลานจำได้ไหม เมื่อตอนเด็ก ๆ มิลานเคยถามหาพ่อกับแม่อยู่ตลอดเลยนะว่าพ่อเป็นใคร" "..." "รีบตื่นขึ้นมานะลูก ตอนนี้พ่อกำลังเดินทางมาหาเราสองคนแล้วนะ"คนเป็นแม่เจ็บปวดหัวใจเมื่อได้เห็นร่างกายของลูกเต็มไปด้วยบาดแผล "มีนาแกติดต่อมิลานได้ไหม"อีกด้านหนึ่งของเมืองหลวงในยามค่ำคืนมีสองสาวเพื่อนสนิทกำลังต่อสายพูดคุยถึงการหายไปของเพื่อนสนิทอีกคน ทั้งสองพยายามต่อสายหามิลายแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ "ฉันโทรหามิลานเป็นสิบ ๆ สายแต่ก็ไม่ติด" "ฉันก็เหมือนกัน นี่กะว่าจะอวดชุดใส่ไปเที่ยวให้ดูซะหน่อย"ทั้งกุ๊กไก่และมีนาต่างซื้อเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปเที่ยวมาให้เพื่อนรักแต่ตอนนี้ทั้งคู่กลับไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้จนเกิดความรู้สึกกังวลภายในใจ "แกว่ามิลานจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทำไมพวกเราถึงติดต่อไปไม่ได้" "ฉันก็ไม่รู้ ฉันชักจะเป็นห่วงมิลานเสียแล้วสิ" "กุ๊กไก่ แกมีเบอร์แม่ของมิลานไหม" "ไม่มี"กุ๊กไก่ตอบพร้อมกับส่ายหน้าไปมาทำเอามีนาถอนหายใจ "แล้วมิลานหายไปไหน" "เอาอย่างนี้ไหม พรุ่งนี้เราไปตลาดที่แม่ของมิลานขายขนมกัน"ความหวังของทั้งคู่กลับมาอีกครั้งเพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่มิลานบอกว่าแม่ของเธอจะทำขนมไปขายอยู่ตรงส่วนไหน "เรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปถึงไหนแล้ว"เสียงเข้มมีอำนาจดังขึ้นภายในห้องรับประทานอาหารของคฤหาสน์หลังใหญ่ หัวเรือใหญ่เจ้าของบริษัทเกี่ยวกับการทำอสังหาริมทรัพย์เอ่ยถามบุตรชายเพียงคนเดียวของบ้านซึ่งกำลังนั่งทานอาหารเงียบ ๆ อยู่ตรงหน้าของเขา "ราเชนทร์" "ก็ดีครับ ทางคณะวิศวะนัด..." เพล้ง บรรยากาศภายในห้องรับประทานอาหารอึมครึมราวกับมีหมู่เมฆสีดำลอยอยู่เหนืออากาศ หัวเรื่องใหญ่อย่างคุณ'สุชาดา'มองหน้าลูกชายคนเดียวด้วยความไม่พึงพอใจ แม้แต่ภรรยาอย่างคุณหญิงเพียงเพ็ญยังไม่กล้าจะปริปากพูดออกมา "ฉันสั่งแล้วใช่ไหมว่าแกต้องสอบเข้าเรียนบริหาร ไม่ใช่วิศวะ" "แต่ผม" "ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ฉันต้องการให้แกทำก็คือสอบเข้าบริหารให้ได้ เข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า"ราเชนทร์ก้มหน้าเขาวางช้อนลงบนจานทั้งที่พึ่งจะทานอาหารเข้าไปได้ไม่กี่คำ "ราเชนทร์" "ครับ ผมได้ยิน" "ได้ยินแล้วก็ทำให้ได้ด้วย อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกแอบหนีไปเรียนวิศวะ ถ้าแกคิดจะฝ่าฝืนคำสั่งของฉันละก็รู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น"เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนมัธยมปลายพยักหน้าด้วยความไม่เต็มใจ ตอนนี้เขารู้สึกอยากจะออกไปจากที่ตรงนี้เต็มทน "แล้วเรื่องหนูเพลง" "..." "ทางนั้นได้ฤกษ์หมั้นมาแล้วนะ"ราวกับมีฝ่ามือใหญ่ของบิดาฟาดลงบนใบหน้าแรง ๆ เมื่อท่านเอ่ยคำพูดนั้นออกมา คำพูดที่เขาไม่ต้องการได้ยินกับสถานการณ์ที่เขาต้องการหนีไปให้ไกลมากที่สุดแต่ก็ไม่สามารถทำมันได้ "ก่อนมหาลัยจะเปิด แกเตรียมตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน" "มีเรื่องแค่นี้ใช่ไหมครับที่พ่อต้องการพูดกับผม" "..." "ถ้าหมดธุระที่พ่อต้องการพูดกับผมแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"เด็กหนุ่มดันเก้าอี้ลุกขึ้นยืน เขายกมือไหว้ผู้ให้กำเนิดทั้งสองก่อนจะคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายบนไหล่แล้วเดินออกไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวกับสองเรื่องที่บิดาบอกมา บรืน รถคันหรูขับออกไปจากอาณาเขตคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยความเร็วตามอารมณ์ของคนขับในตอนนี้ ราเชนทร์เขาเกิดมามีหน้าตาหล่อเหลา เกิดในตระกูลมั่งคั่งร่ำรวยมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือนั่นคือสิ่งที่เขาได้รับตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้ แต่นั่นคือสิ่งที่เขาไม่ต้องการ เพราะสิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ แล้วก็คือ อิสระอยากทำอะไรก็ได้ทำ อยากเรียนอะไรก็ได้เรียน ชีวิตของเขาถูกเข้มงวดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรบิดาจัดวางชีวิตของเขาเอาไว้หมดจนเขาไม่สามารถใช้ชีวิตตามใจตัวเองได้ เขาต้องทำตามคำสั่งของท่านตลอดมาจนกระทั่งมาถึงตอนนี้ ตอนที่ท่านสั่งให้เขาหมั่นกับคนที่เขาไม่ได้ชอบไม่ได้รัก คำว่าธุรกิจมันยิ่งใหญ่กว่าความรู้สึกของผู้เป็นลูกจึงทำให้บิดาของเขามองข้ามผ่านในเรื่องส่วนตรงนั้น เอี๊ยด เพราะสมองเอาแต่คิดถึงเรื่องบิดาความน้อยใจประดังเข้ามาราเชนทร์ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงได้ขับรถมาจอดอยู่ที่ตรงนี้ บรรยากาศโดยรอบเงียบบ้านปูนชั้นเดียวหลังไม่ใหญ่มากไม่มีแม้แต่ไฟสว่างเล็ดลอดออกมา เมื่อเขาก้มมองนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือก็พบว่าเวลาล่วงเลยมาจนถึงสองทุ่มว่า "นอนแล้วเหรอ"เขาพึมพำบ่นกับตัวเอง ชายหนุ่มปรับเบาะทิ้งตัวลงนอนสายตายังคงมองไปยังบ้านปูนหลังไม่ใหญ่มากสภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา จนเวลาผ่านไปนานหลายนาทีหลายครั้งที่เขาเผลอขับรถมาจอดตรงจุดนี้เวลาที่เขาเมื่อเรื่องไม่สบายใจ เพราะมันคงเป็นสถานที่ที่เดียวที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจได้จึงทำให้เวลาที่เขาไม่สบายใจก็มักจะขับรถมาจอดอยู่ตรงนี้อยู่เสมอ "ฝันดีนะ"ม่านตาของราเชนทร์ค่อย ๆ ปิดลง ความเย็นจากเครื่องปรับอาการทำให้เขาอยากจะปิดตาแล้วนอนหลักพักผ่อนหลังจากเหนื่อยมาตลอดทั้งวันและไหนยังต้องมารับรู้ในสิ่งที่ไม่อยากจะรู้ ถ้าชีวิตของเขาไม่ได้เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยเหมือนในตอนนี้ ชีวิตของเขาก็คงจะมีความสุขดีไม่ต้องคอยทำตามคำสั่งของใครอยากทำอะไรก็ได้ทำตามใจตัวเองไม่ต้องคอยมาเป็นเครื่องมือสร้างความภาคภูมิใจให้พ่อแม่ เขาขอแค่นั้นจริง ๆ ถ้าเลือกเกิดได้เขาอยากเกิดมาในครอบครัวธรรมดาไม่ต้องคอยแบกอำนาจหรือความร่ำรวยเอาไว้บนบ่า มีเพียงแค่ความรักจากบิดามารดาก็พอแล้วอุษณีย์ไม่สามารถข่มตาให้นอนหลับลงได้เมื่อพิษไข้เล่นงานลูกสาวของเธอตลอดทั้งคืน เนื้อตัวของมิลานร้อนดั่งไฟคนเป็นแม่กระวนกระวายแทบจะอยู่ไม่เป็นสุข 'ฮึก อย่าทำฉัน'คนบนเตียงนอนละเมอออกมาด้วยความหวาดกลัวราวกับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ได้กลายเป็นฝันร้ายสำหรับลูกสาวของเธอไปเสียแล้ว "หมอได้ฉีดยาแก้ปวดกับยาลดไข้ให้กับคนไข้แล้วนะครับ" "ขอบคุณมากนะคะหมอ" "ไม่เป็นไรครับมันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว ถ้าหากญาติต้องการความช่วยเหลืออะไรสามารถกดกริ่งเรียกพยาบาลได้ตลอดเวลาเลยนะครับ" "ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ"หมอเจ้าของไข้เดินออกไปหลังจากตรวจอาการและดูบาดแผลตามร่างกายของคนไข้ คงต้องใช้เวลาในการรักษากว่าจะหายดี อุษณีย์เดินเข้าไปใกล้ลูกสาวเธอบรรจงใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเช็ดไปตามร่างกายของมิลานด้วยความแผ่วเบาเพราะกลัวว่าถ้าหากทำรุนแรงจะไปโดนแผลเข้า "แม่ขอโทษนะลูกที่แม่ดูแลหนูไม่ดี"เธอรู้สึกโทษตัวเองยิ่งเห็นบาดแผลเต็มตัวลูกสาวยิ่งทำให้เธอนึกโกรธตัวเองมากยิ่งขึ้นที่ไม่สามารถปกป้องดูแลลูกสาวเพียงคนเดียวได้ ครืด ครืด ครืด โทรศัพท์เครื่องเก่าของหญิงสาววัยกลางคนมีสายเรียกเข้า อุษณีย์เงยหน้ามองนาฬิกาซึ่งติด
ทางกุ๊กไก่และมีนาต้องพบกับความผิดหวังเมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงตลาดแต่กลับไม่พบวี่แววของร้านขายขนมซึ่งเป็นร้านขายขนมของมารดามิลาน "ทำยังไงดีล่ะมีนา พวกเราสองคนยังติดต่อมิลานไม่ได้เลยนะ""ไปหาที่บ้านดีไหม""แต่เราไม่รู้เลยนะว่าบ้านของมิลานอยู่ตรงไหน""ถามคนแถวนี้เอาก็ได้ ไปเถอะยังไงวันนี้เราสองก็จะต้องได้เจอมิลาน"มีนาผู้ไม่มีความย่อท้อ เธอเปิดรูปถ่ายของมิลานก่อนสองสาวจะเดินไปถามชาวบ้านแถวนั้นด้วยความกระตือรือร้น"หลังนี้เหรอ""อืม ไม่ผิดแน่นอนแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีคนอยู่"ลูกคุณหนูทั้งสองยืนมองแผ่นกระดาษซึ่งเป็นแผนที่มาบ้านของมิลานซึ่งเธอทั้งสองได้มาจากคนขายของในตลาดประตูบ้านปูนถูกปิดบรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดมีบ้านของคนอื่นตั้งห่างออกไปแม้ว่ามันจะไม่ได้เปลี่ยวมากแต่ก็ใช่ว่าจะไม่น่ากลัว"เคาะประตูเรียกดูก่อนเอาไหม""เอาอย่างนั้นก็ได้"ก๊อก ก๊อก ก๊อก"ขอโทษนะคะ มีใครอยู่หรือเปล่าคะ"เงียบ ไร้เสียงขานตอบกลับมาจนทั้งคู่ต้องหันมองหน้า กุ๊กไก่อาสาเคาะประตูเรียกคนในบ้านอีกครั้งและผลตอบรับก็เหมือนเช่นเดิม"แปลก ไม่มีใครอยู่บ้านเลย""มิลานก็ยังติดต่อไม่ได้อีกด้วย""แล้วเราสองคนจะไปหามิลานที่ไหนดี ชั
บรรยากาศภายในห้องพักตกอยู่ในความเงียบ ความจริงที่มิลานรับรู้ว่าผู้ชายตรงหน้าคือพ่อแท้ ๆ ผู้ให้กำเนิดมันกำลังทำให้เธอจุกอยู่ในอก เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ออกมายังไงดี มันมีทั้งความตื่นเต้นดีใจและน้อยใจปะปนกันไปหมด"พ่อเหรอคะ"เธอมองผู้ชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยดวงตาที่สั่นไหว เด็กสาวพยายามพยุงกายลุกขึ้นนั่งโดยมีมารดาคอยช่วยอยู่อีกแรงส่วนโรเบิร์ตเขาได้แต่ยืนนิ่งยิ่งเขาเห็นดวงตากลมโตสึขใสคู่นั้นของลูกสาวสั่นเครือขาทั้งสองข้างก็อ่อนแรงลงเอาเสียดื้อ ๆ จนไม่มีแม้แต่แรงจะก้าวไปข้างหน้าแม้ตนเองอยากจะคว้าร่างเล็กมากอดสักแค่ไหนก็ตาม"ผู้ชายคนนี้คือพ่อแท้ ๆ ของหนูเหรอคะแม่""ใช่จ้ะ โรเบิร์ตเขาคือพ่อแท้ ๆ ของลูก มิลาน""...""มันเป็นความผิดของแม่เองที่ทำให้หนูขาดความอบอุ่นจากพ่อตั้งแต่เล็กจนถึงตอนนี้ ตอนนั้นพ่อกับแม่เราสองคนมีปัญหากันแม่ก็เลยหนีพ่อมาอยู่ที่เมืองไทยและไม่คิดจะติดต่อกลับไปแม้แต่เรื่องที่แม่เองก็รู้ดีว่ากำลังมีหนูอยู่ในตอนนั้น""...""แม่ขอโทษนะลูก ถ้าไม่ใช่เพราะความใจร้อนของแม่หนูก็คง...""ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูไม่เป็นไร"มิลานส่ายหน้าเธอฉีกยิ้มบาง ๆ ออกมาแม้ว่าจะยังรู้สึกเจ็
"พ่อกับแม่ไปอยู่ที่อิตาลีเถอะค่ะหนูอยู่คนเดียวที่นี่ได้ สบายมาก"นี่คือคำพูดของลูกสาวในวันที่เธอเดินทางออกจากโรงพยาบาลกลับมายังบ้านพัก ทันทีที่มิลานพูดจบโรเบิร์ตก็ทำการกวาดสายตามองไปรอบบริเวณบ้านโดยทันที"ถ้าลูกอยู่ที่นี่แม่ก็จะอยู่ที่นี่กับลูกด้วย""แม่คะ"มิลานจ้องหน้ามารดาด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก"ตลอดสิบแปดปีที่ที่แม่เลี้ยงมิลานมา มิลานรู้ว่าแม่เหนื่อยมาตลอด""...""แม่ต้องอดทนต่อสู้ต่อความเหนื่อยเพื่อเลี้ยงมิลานมา มิลานต้องทนเห็นแม่ทำขนมดึก ๆ แล้วต้องรีบตื่นเอาขนมออกไปขายตั้งแต่เช้าตั้งแต่มิลานจำความได้"ดวงตาของคนเป็นแม่สั่นเครือเพราะสิ่งที่ลูกสาวพูดออกมามันคือความจริงทุกอย่าง"มิลานอยากให้แม่ได้พักบ้าง มิลานอยากให้แม่ได้มีความสุขกับพ่อ""โถ มิลานลูก"อุษณีย์น้ำตาไหลเธอไม่นึกเลยว่าลูกสาวของเธอจะมีความคิดเป็นเหมือนผู้ใหญ่ได้ถึงขนาดนี้"แม่ควรหาความสุขให้กับตัวเองได้แล้วนะคะ มิลานอยู่ที่นี่ได้สบายมากแม่ไม่ต้องเป็นห่วง""แต่ถ้าลูกคิดจะเรียนต่อที่นี่เราคงต้องมีข้อต่อรองกันนะลูกรัก"สองแม่ลูกหันหน้าไปมองร่างสูงใหญ่ของชายวัยกลางคนซึ่งกำลังยืนนิ่งคิ้วเข้มทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน
ตึกใหญ่โตสูงเฉียดฟ้าตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองหลวงซึ่งเป็นเส้นทางสายหลักมีทั้งรถเมล์และรถไฟฟ้าสัญจรวิ่งผ่าน อีกทั้งยังมีร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ให้ความอำนวยได้อย่างสะดวกสบาย"ที่นี่เหรอคะ""ใช่แล้วลูกรัก""มันไม่แพงไปเหรอคะ มิลานว่า..."ริมฝีปากเรียวสวยของเด็กสาวเม้มเข้าหากันเมื่อเห็นว่าบิดาหันหน้ามามอง"เราสองคนตกลงกันแล้วนะลูกรัก แล้วอีกอย่างที่นี่ก็มีความปลอดภัยสูงพ่อกับแม่คงไม่สบายใจถ้าหากปล่อยให้ลูกไปอยู่ในที่ที่ ไม่มีความปลอดภัย""ก็ได้ค่ะ"สุดท้ายแล้วมิลานก็ไม่สามารถขัดต่อความต้องการของผู้เป็นพ่อได้คอนโดสุดหรูราคาแพงหูดับตกแต่งดูหรูหราอย่างที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลยในชีวิต ข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องล้วนมีราคาแพงทุกชิ้นจนเธอไม่กล้าที่จะจับ"อันที่จริงแล้วพ่อตั้งใจจะซื้อห้องฝั่งตรงข้ามให้บอดีการ์ดได้พักอยู่ใกล้ ๆ กับลูก แต่โชคไม่เข้าข้างเพราะห้องฝั่งตรงข้ามมีเจ้าของแล้ว""อันที่จริงแล้วคุณพ่อไม่ต้องสั่งให้บอดีการ์ดเฝ้าติดตามหนูก็ได้นะคะ ที่นี่มีความปลอดภัยสูงคงไม่มีใครกล้าเข้ามาทำอะไร"ห้องพักที่บิดาซื้อให้ก็อยู่เกือบถึงชั้นบนสุดคงไม่มีใครใจเด็ดปีนขึ้นมาทำอะไรเธอถึงบนนี้"ถึงที่นี่จ
เพียงภาพถ่ายรูปเดียวทำเอาทุกคนต่างพากันเงียบ กุ๊กไก่จับมือของมีน่าก่อนจะพาเดินกลับไปยังห้องพักหลังจากราเชนทร์หมุนตัวเดินออกไปได้เพียงไม่นาน"ชิ ยัยพวกโง่คาดหวังอะไรอยู่ว่ายัยมิลานจะเป็นคนดี""เธอได้รูปนี้มาจากที่ไหนเสียงเพลง"เควินเอ่ยถามคิ้วเข้มทั้งสองขมวดกันเข้าหา"หึ ทำไมพวกนายจะไปดูให้เห็นกับตาของตัวเองหรือไง""เสียงเพลงนี่ฉันพูดกับเธอดี ๆ นะ""แล้วฉันพูดไม่ดีกับนายตรงไหนเควิน ฉันได้รูปถ่ายมาจากไหนมันไม่สำคัญหรอกนะแต่ฉันได้มันมาจากคนที่มีความน่าเชื่อถือได้ก็แล้วกัน"ลูกสาวของนักธุรกิจชื่อดังเดินออกไปหลังจากพูดจบทิ้งให้สองชายหนุ่มได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กนั้นเดินออกไปยังทิศทางที่ราเชนทร์เดินออกไป"หึ ผู้หญิงแบบนี้น่ะเหรอที่ครอบครัวของไอ้ราเชนทร์จัดหามาให้""วางเพลิงในบ้านตัวเองชัด ๆ""ไอ้เค มึงเชื่อหรือเปล่าวะว่ามิลานจะเป็นไปตามสิ่งที่เสียงเพลงพูด""ไม่""อะไรที่ทำให้มึงคิดว่าไม่วะ"กราฟฟิกเอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยความสงสัย"กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ความรู้สึกของกูมันกำลังบอกว่าผู้หญิงซื่อ ๆ อย่างมิลานไม่มีทางทำแบบนั้น"แม้จะไม่ได้คบหาอยู่กลุ่มเดียวกันแต่เควินเป็นคนที่มักจะสังเกตนิสัยของเพื่อ
รถตู้คันใหญ่เคลื่อนตัวออกจากที่พักโดยมีสายตาของอาจารย์ที่ปรึกษาได้แต่ยืนมองด้วยความจำยอม รถตู้คันใหญ่ของทางบ้านมีนาพานักเรียนทั้งสามคนเดินทางกลับ บรรยากาศภายในรถมีแต่ความเงียบมีนาและกุ๊กไก่นั่งอยู่เบาะหน้าส่วนเบาะแถวถัดไปมีร่างสูงใหญ่ของราเชนทร์กำลังนั่งเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง"ลุงโชคคะถ้าถึงกรุงเทพแล้วยังไม่ต้องกลับบ้านก่อนนะคะ ให้ไปบ้านของเพื่อนหนูวันนั้นก่อนค่ะ""ได้ครับคุณหนู""นี่แกจะพุ่งไปบ้านของมิลานเลยอย่างนั้นเหรอ""ก็ใช่น่ะสิ ฉันอยากไปดูให้เห็นกับตาตัวเองอยากจะไปถามมิลานให้แน่ชัดว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงกันแน่"มีนาพูดกับกุ๊กไก่ด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นก่อนเธอนั้นจะหันไปถามคนที่เอาแต่นั่งเงียบอยู่ทางด้านหลัง"แล้วนายล่ะราเชนทร์จะเอายังไงจะไปกับพวกฉันหรือจะให้คนขับรถของฉันไปส่งนายที่ไหน"ชายหนุ่มนั่งนิ่งไปชั่วขณะก่อนราเชนทร์จะหันหน้าไปตอบมีนา"ไปกับเธอ"หลังจากนั้นบรรยากาศภายในรถก็ตกอยู่ในความเงียบ ราเชนทร์ล้วงโทรศัพท์ออกมากดส่งข้อความไปหาเพื่อนสนิทอีกสองคนซึ่งยังคงอยู่ยังที่พักใช้เวลาในการเดินทางร่วมสองชั่วโมงรถตู้คันใหญ่ก็สามารถฝ่าฟันจราจรที่ติดขัดมาจนถึงบ้านเช่าของมิลานได้ แต
"เรื่องมันเป็นไปเป็นมายังไงทำไมสองสามวันมานี้พวกฉันถึงติดต่อเธอไม่ได้เลย"กุ๊กไก่ยิงคำถามเมื่อทั้งสี่คนนั่งลงยังโต๊ะหินอ่อนซึ่งวางอยู่ตรงส่วนหน้าบ้าน มิลานยิ้มอ่อนเพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าควรเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟังดีไหม ถ้าเธอพูดออกไปจะดูเป็นการใส่ร้ายอีกคนหรือเปล่าหรือเธอไม่ควรเล่าเรื่องนี้ดี"ว่ายังไงล่ะมิลาน""ไม่มีอะไรหรอก พอดีว่าโทรศัพท์ของฉันพังยังไม่ได้เอาไปซ่อมขอโทษทีนะที่ทำให้พวกเธอต้องเป็นห่วง""เฮ้อ ฉันก็นึกว่าเธอเป็นอะไรไปเสียอีก"กุ๊กไก่ถอนหายใจด้วยความโล่งซึ่งไม่ต่างอะไรจากมีนาแม้ว่าทั้งสองจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติตามร่างกายของเพื่อนรักแต่มันยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดปากถามอะไรในตอนนี้"แล้วเรื่อง...""เรื่องพ่อน่ะเหรอ""อื้อ""ฉันเองก็พึ่งรู้เหมือนกัน ฉันพึ่งเจอท่านหลังจากวันสอบเสร็จวันเดียว"มิลานเล่าในส่วนที่เธอสามารถเล่าได้ซึ่งไม่ได้เจาะลึกอะไรมากมายเพราะเธอเองก็ยังไม่รู้ส่วนลึกอะไรเกี่ยวกับท่าน รู้เพียงแต่ว่าพ่อของเธอทำธุรกิจส่วนตัวหลายอย่างที่ต่างประเทศมีลูกน้องคอยคุ้มกันให้ความปลอดภัย"พ่อของเธอไม่ใช่คนไทยใช่ไหม""แกใช้อะไรคิดอะกุ๊กไก่ พ่อของมิลานหน้าตาฝรั่งจ๋าซะขนาด
"ฉันขอเลียมันนะ""อะ...อื้อ"เสียงครางในลำคอเล็กดังขึ้นเมื่อปลายลิ้นแตะลงบนเนื้อสาวผ่านผิวผ้าบางของกางเกงในสีขาว ใบหน้าของหญิงสาวแดงระเรื่อมีเหงื่อซึมไหลลมหายใจเริ่มหนักหน่วง ตรงช่วงล้างกำลังมีปลายลิ้นร้ายของชายหนุ่มปาดซ้ายเลียขวาเรียกน้ำหวานให้ซึมไหลออกมา"อ๊าส์ ซี๊ด""หวานมากเลยมิลาน"เขาเอ่ยชมก่อนจะก้มลงไปจัดการกับเนินเนื้อของเธอต่อ มิลานน้ำตาคลอเธอยืนขาสั่นเกร็ง ยิ่งเขาเร่งตวัดปลายลิ้นถี่มากเท่าไหร่ยิ่งทำให้เธออ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่ไหว"ราเชนทร์ อ๊าส์ เบาหน่อย อื้อ หยุดก่อน"เธอรีบเอ่ยปรามเมื่อรู้สึกว่าเหมือนตัวเองจะปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างออกมาแต่ทว่าชายหนุ่มกลับไม่คิดจะหยุด ราเชนทร์ใช้นิ้วสากของตัวเองเกี่ยวขอบกางเกงในตัวบางให้มาอยู่ตรงกลางกลีบอูม กลีบขาวสีขาวสวยทั้งสองฝั่งรัดกางเกงในตัวบางดันทรงให้เม็ดสวยเด้งขึ้นมาล่อตาล่อใจซึ่งมันเกินกว่าที่ชายหนุ่มจะอดใจไหวได้เม็ดสวยสีชมพูแนบไปกับกางเกงในสีขาวตัวบางจนเห็นเป็นรูปทรงสวย ราเชนทร์ฉวยโอกาสในตอนที่เธอเผลอโน้มหน้าเข้าไปฉกชิมความหอมหวานจากติ่งสวยของเธอจนมิลานดิ้นพล่านแผล็บ แผล็บ แผล็บ"อ๊าย ราเชนทร์ ฉันทนไม่ไหวแล้ว อื้อ""ก็ไม่ต้องทน ปล่
"พ่อกับแม่ไปก่อนนะ แล้วก็อย่าลืมเรื่องหลานนะพ่อกับแม่แก่แล้วอยากอยู่บ้านเลี้ยงหลานมากกว่า"มิลานเขินอายจนหน้าแดงเมื่อมารดาทั้งของเธอและทั้งของชายหนุ่มพูดแบบนั้นออกมา แม้ว่าพวกท่านทั้งสี่จะเดินออกไปจากห้องหอของเธอในคืนนี้ได้สักพักแล้วแต่มิลานก็ยังคงเขินอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองสามีหมาด ๆ ของตัวเธอพรึ่บ"อุ๊ย"มิลานร้องอุทานเมื่อฝ่ามือใหญ่ของสามีอย่างราเชนทร์แตะลงบนท่อนแขนเปลือย "เป็นอะไรเหรอ""ปะ...เปล่า เราไม่ได้เป็นอะไร"เธอตอบชายหนุ่มออกไปด้วยน้ำเสียงซึ่งไม่ค่อยจะมั่นคงสักเท่าไหร่ สายตาเหลือบมองไปยังท่อนแขนซึ่งยังมีฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มสัมผัสอยู่"ไม่ได้เป็นอะไรแล้วทำไมตัวสั่นล่ะ หรือว่าเธอกลัว""กะ...ก็""ถ้าเธอกลัว ฉันจะรอให้ถึงวันที่เธอพร้อมก็ได้นะ"เพราะเขาเองก็ไม่อยากฝืนน้ำใจของเธอเหมือนกันแม้ว่าคืนนี้มันจะเป็นคืนสำคัญระหว่างเขาและเธอ"ไม่ใช่อย่างนั้นนะ"มิลานรีบหันตัวใช้ฝ่ามือคว้าท่อนแขนของชายหนุ่มเอาไว้เมื่อเขาดึงฝ่ามือออกจากท่อนแขนของเธอชายหนุ่มหันมามองหน้าภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายปล่อยให้เธอเดินเข้ามาสวมกอดโดยไม่คิดจะผลักเธอออกไปเพราะเรื่องแบบนี้เขาเข้าใจมันดี"คือฉันแค่กลั
'จับมือแล้วเดินกันไปด้วยกันนะ'คำคำนี้พวกเขาทั้งสองมักจะบอกต่างฝ่ายเอาไว้เสมอยามเมื่อต้องเจอเรื่องที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งเรื่องเหล่านั้นมันก็จะเกิดขึ้นในชีวิตซึ่งมันเป็นเรื่องปกติสำหรับคู่ของใครหลาย ๆ คนซึ่งหนึ่งในนั้นมันก็เป็นคู่ของเขาแต่ไม่ว่าทั้งสองจะเจอปัญหาอะไรต่างฝ่ายต่างก็ไม่คิดจะเดินหันหลังหนีให้พวกเขาทั้งสองจะใช้เวลาในการปรับความเข้าใจเพราะว่าการทำแบบนี้มันดีกว่าการเดินหนีปัญหาแล้วปล่อยให้คนรักคิดหนักไปต่าง ๆ นานา การเดินหนีปัญหาแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายต้องมานั่งจมอยู่กับความคิดมันไม่ใช่ทางเลือกของทั้งสองคน ทั้งราเชนทร์และมิลานจับมือครองรักกันมายาวนานจนถึงสี่ปีตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสี่ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับทั้งสอง คู่รักแห่งปีไม่เคยมีข่าวเสียหายเพราะต่างฝ่ายต่างให้ความสำคัญและยึดมั่นกับคนรักมากกว่าใคร วันรับปริญญาคือวันส่งท้ายการใช้ชีวิตอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยที่ราเชนทร์ได้มอบของขวัญสุดพิเศษให้กับแฟนสาวของเขา"แต่งงานกับเชนทร์นะ"น้ำตาของคนถูกขอแต่งงานอย่างมิลานแทบจะไหลทะลักอวดโชว์กลางสายตานับกว่าร้อยชีวิต มิลานทั้งรู้สึกเขินอายและอยากจะร้องไห้ในเวลาเดียวกัน เธอไม่ทั
ความรู้สึกของทั้งสองตลอดระยะเวลาหลายปีถูกปลดปล่อยมันออกมา ภาพที่ทั้งสองเคยคิดอยู่ในหัวตอนนี้มันได้เป็นจริงเสียแล้ว การคบหาของมิลานและราเชนทร์เป็นที่รับรู้ของทั้งสองครอบครัว เพราะหลังจากราเชนทร์จัดเซอร์ไพรส์มอบเกียร์วิศวะให้กับมิลานในเย็นวันนั้นรุ่งเช้าเขาก็พาเธอเข้าไปพบพ่อแม่ที่บ้านหลังใหญ่เรียกว่าการเปิดตัวคนรักของลูกชายในครั้งนี้ทำเอาคุณสุชาดาและคุณหญิงเพียงเพ็ญแทบจะตั้งตัวรับไม่ทัน'นี่มิลานครับ เธอเป็นแฟนของผม''...''เธอคือคนที่ผมเลือกแล้ว'ราเชนทร์มองตาผู้เป็นบิดา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาก้าวขาเข้ามาเหยียบในบ้านหลังนี้หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นซึ่งมันก็ผ่านมานานหลานเดือนบรรยากาศการของพบหน้าบิดามารดาของแฟนหนุ่มแม้มันจะดูผิดแปลกแต่มิลานก็สัมผัสได้ว่าท่านทั้งสองไม่ได้นึกรังเกียจเธอ และบางครั้งเธอก็แอบเห็นแววตาของท่านสุชาดาแอบมองบุตรชายอยู่บ่อยครั้งเหมือนกับว่ามีเรื่องบางอย่างอยากจะพูดด้วย'ขนมฝีมือคุณน้าอร่อยจังเลยนะคะ ไม่ทราบว่าขนมแบบนี้เขาทำกันยังไงเหรอคะ หนูอยากลองทำบ้างเผื่อวันว่าง ๆ จะได้ทำให้ราเชนทร์ได้ทาน''หนูอยากทำเหรอจ๊ะ''ค่ะ หนูอยากทำ'มารดาของราเชนทร์ยิ้มออกมาก่อนท่านจะ
"ทำไมรีบกลับจังเลยล่ะคะไม่อยู่กับหนูก่อนเหรอ"น้ำเสียงออดอ้อนของมิลานดังขึ้นเมื่อรถตู้คันหรูเคลื่อนตัวมาจอดยังสนามบิน ร่างเล็กของมิลานเข้าไปกอดบิดามารดาด้วยความคิดถึงอีกครั้งวันนี้ตลอดทั้งวันเธอได้ใช้เวลาอยู่กับท่านทั้งสองส่วนแฟนหนุ่มอย่างราเชนทร์ได้เดินทางกลับคอนโดเพื่อกลับไปเตรียมตัวสำหรับการประชุมรับน้องในวันนี้"เอาไว้พ่อเคลียร์เรื่องงานเสร็จเมื่อไหร่พ่อกับแม่จะรีบเดินทางมาหาหนูนะลูก""จริงนะคะ""จริงสิ แต่ถ้าลูกอยากจะเดินทางไปหาพ่อกับแม่ที่นั่นก็ได้นะพ่อจะได้ส่งเครื่องบินมารับ"โรเบิร์ตโอบกอดบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยความรัก "แม่กับพ่อต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะลูกเข้าใจไหม""ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ""จ้ะลูกรัก"บุตรสาวเพียงคนเดียวโบกมือลาทั้งสอง มิลานมองร่างของบิดาและมารดาเดินเคียงคู่ขึ้นไปบนเครื่องบินส่วนตัว รถตู้คันหรูเครื่องตัวออกมาจากตรงนั้นอย่างเชื่องช้า หลังจากฝ่าฟันรถติดในช่วงเวลาเย็นมาได้ทำให้มิลานรู้สึกเหนื่อยอยู่ไม่น้อย ร่างเล็กล้มตัวนอนลงบนโซฟาตัวยาวด้วยความเหนื่อยล้าแต่ทว่าวันนี้กลับเป็นวันที่เธอมีความสุขมากที่สุดเลยก็ว่าได้'พ่อกับแม่อนุญาตให้ลูกทั้งส
หนึ่งชั่วต่อมารถตู้คันหรูสองคันเคลื่อนตัวเข้ามาจอดยังบริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่สาวใช้ที่เห็นว่ามีรถคันใหญ่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดก็รีบวิ่งไปบอกผู้เป็นเจ้านายแตกต่างกับสีหน้าของคนในรถ"นี่มันอะไรกันเหรอคะ คุณพ่อพาหนูมาที่นี่ทำไม"บ้านหลังใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยก้าวขาเข้ามาเหยียบที่นี่และตอนนี้เธอก็ได้กลับมาเหยียบอีกครั้งพร้อมกับบิดาและมารดาของเธอ"คุณพ่อคะ""พ่อก็แค่จะทำเรื่องทุกอย่างให้มันจบ"ฝ่ามือสากกุมแก้มข้าวของลูกสาว รอยแผลจากเรื่องเมื่อวานยังคงเป็นรอยอยู่บนใบหน้าของมิลาน"ไม่ต้องกลัวอะไรนะลูก พ่อจะคอยปกป้องหนูเองจะไม่มีใครมาทำร้ายลูกสาวของพ่อได้อีก""คุณพ่อคิดจะทำอะไรคะ"โรเบิร์ตไม่ตอบเขาหันมองออกไปนอกตัวรถเห็นร่างของชายหญิงวัยกลางคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตู"เราลงจากรถกันเถอะค่ะ"ครืดประตูรถตู้คันหรูถูกเปิดออกด้วยฝีมือของบอดีการ์ดก่อนร่างของอุษณีกับสามีจะก้าวขาเดินลงมาจากรถด้วยท่าทีสง่างามดั่งคนมีเงิน"สวัสดีครับคุณโรเบิร์ตคุณหญิงเป็นเกียรติอย่างมากที่คุณโรเบิร์ตเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง"เกริกพลอดีตนักธุรกิจชื่อดังและภรรยาอย่างคุณหญิงประภาพรซึ่งตอนนี้ตำแหน่งคุณหญิงได้ถูกปลดออกไปเป็นที่เ
รุ่งเช้าอันแสนสดใสทำให้ใครต่อใครต่างไม่อยากลุกขึ้นจากเตียงนอนรวมไปถึงหญิงสาวเจ้าของห้องพักอย่างเธอ มิลานกำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายอยู่บนเตียงนอน คำพูดหวาน ๆ ของแฟนหนุ่มกลายเป็นฝันดีทำให้เธอนอนหลับสบายทั้งคืนจนไม่อยากจะตื่นติ๊ดแม้แต่เสียงสแกนเปิดประตูห้องพักด้านนอกดังขึ้นเจ้าของห้องอย่างเธอกลับไม่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา แต่ทว่ามันกลับไม่ใช่กับคนที่หูไวอย่างราเชนทร์ซึ่งตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับชายหญิงผู้มาใหม่"นายเป็นใครทำไมถึงมาอยู่ในห้องของลูกสาวฉันได้""โรเบิร์ตคะ ใจเย็นก่อนค่ะ"เสียงแข็งกระด้างตวาดดังกึกก้องทำเอาใครต่อใครต่างพากันสะดุ้งจนภรรยาคนสวยต้องรีบปรามเพราะกลัวว่าสามีจะสั่งคนให้ไปทำร้ายเด็กหนุ่มคนนี้"ที่รัก คุณจะให้ผมใจเย็นได้ยังไงเด็กหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้มาอยู่ที่ห้องลูกสาวของเราสองคนนะ""โรเบิร์ตคะ ก่อนจะโวยวายอะไรฉันว่าเราฟังคำอธิบายจากเด็กทั้งสองคนก่อนดีกว่าไหมคะ"อุษณีย์เป็นคนอารมณ์เย็นเธอพยายามหาคำพูดมาปลอบให้ผู้เป็นสามีอารมณ์เย็นลง"สวัสดีครับคุณน้าทั้งสอง คือผม""ไม่ต้องเกร็งหรอกจ้ะ"อุษณียิ้มรับเธอพอจะคลับคล้ายคลับคลาเด็กหนุ่มตรงหน้าเหมือนว่าเธอเคยเจอกันมาก่อน"มีอะไรอ
'มั่นหน้ามากแต่สุดท้ายผู้ชายก็ไม่เอา''นั่นน่ะสิ ยังหน้าด้านไปทำร้ายแฟนเขาด้วยนะต้องมั่นหน้าเบอร์ไหนถึงคิดว่าผู้ชายจะเอา''สวยก็ไม่สวยสู้น้องคนนั้นไม่ได้สักนิด'เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนรอบข้างดังขึ้นซึ่งมีผลกระทบต่อเสียงเพลงหลังจากเรื่องทุกอย่างจบ ราเชนทร์โอบกอดร่างมิลานเดินออกไปเขาทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่าถึงอย่างไรจะไม่มีวันหันมาสนใจคนอย่างเธอ"เสียงเพลง พวกเรากลับกันเถอะฉันสองคนอายคนว่ะ"แม้แต่เพื่อนสนิทที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันยังต้องหนีหน้า แต่ทว่าเสียงเพลงยังคงยืนมองไปยังทิศทางที่ทั้งสองเดินเคียงคู่กันออกไป"ถ้าแกไม่กลับฉันสองคนกลับก่อนนะ"เมื่อเห็นว่าเสียงเพลงเอาแต่ยืนนิ่งเพื่อนทั้งสองจึงรีบเดินออกไปเพราะทนต่อสายตาของผู้คนไม่ไหว เสียงวิพากษ์วิจารณ์ยังคงดั่งอย่างต่อเนื่องพรุ่งนี้เรื่องที่เกิดขึ้นคงเป็นข่าวดังในมหาวิทยาลัยตึก ตึก ตึกกว่าเสียงเพลงจะหอบร่างอ่อนแรงออกมาจากตรงนั้นได้ก็ใช้เวลานานอยู่หลายนาที เรี่ยวแรงทั้งหมดของเธอแทบจะไม่มีเหลือเมื่อเห็นสายตาว่างเปล่าของชายหนุ่มในวันนี้ซึ่งมันไม่มีเธออยู่ในนั้นเลยตลอดเวลามีเพียงเธอคนเดียวที่คิดเข้าข้างว่ายังไงราเชนท
"อยากกินอะไรไหมเย็นนี้"ราเชนทร์ยิงคำถามทันทีหลังจากที่เขาเดินมาหาเธอซึ่งเป็นคำถามที่มิลานรู้สึกชินกับมันเสียแล้ว"อยากกินซูชิร้านนั้นที่ตลาดนัดหลังมอ""ร้อน""ไม่ได้เหรอ"เธอเงยหน้าช้อนดวงตากลมโตมองเขาทำเอาราเชนทร์ใจอ่อนยวบ"ก็ได้ ถ้าไม่รักไม่ตามใจหรอกนะ""ราเชนทร์ของมิลานใจดีที่สุดเลย"เธอยิ้มออกมาเมื่อได้รับคำตอบตามความต้องการตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ทั้งคู่เปิดใจคบหาราเชนทร์มักจะเป็นฝ่ายตามใจมิลานอยู่ตลอดไม่ว่าเธออยากทำอะไรหรือจะไปที่ไหนเพราะรอยยิ้มสดใสดูมีความสุขของเธอนั้นนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการการดูแลเอาใจใส่ต่อเธอชายหนุ่มก็ไม่เคยบกพร่องเรียกได้ว่าชายหนุ่มเอาใจใส่ดูแลเธอได้อย่างดีเยี่ยมทำเอาผู้หญิงหลายต่อหลายคนต่างพากันอิจฉามิลานที่ได้ผู้ชายแสนดีอย่างราเชนทร์ไปเป็นแฟน"คนเยอะจังเลยอะ"มิลานบ่นอุบเมื่อเห็นผู้คนยืนต่อแถวกันยาวตรงหน้าร้านขายซูชิเจ้าอร่อย "ถ้าเราไปยืนต่อแถวอีกนานเลยกว่าจะได้""เธอไปนั่งรอฉันที่ร้านข้าวมันไก่ตรงนั้นก่อน เดี๋ยวฉันไปยืนต่อคิวให้""แต่"ปึก"หรืออยากจะไปเดินซื้ออะไรก่อนก็ได้แต่อย่าไปไกลนักเข้าใจไหม"กระเป๋าสตางค์ใบหรูถูกจับยัดใส่ฝ่ามือของหญิงสาวซึ่งในมือ