แชร์

บทที่ 703 เจตนาฆ่า

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
“อาอวี้ ท่านเป็นอะไรไป”

อินชิงเสวียนรีบไปที่น้ำพุวิญญาณ หน้าผากของเย่จิ่งอวี้มีเหงื่อผุดพรายเป็นเม็ดๆ

“เหมือนฝันเลย”

เย่จิ่งอวี้คุกเข่าลง ล้างหน้าด้วยน้ำพุวิญญาณ แล้วจึงรู้สึกสดชื่นในทันที

“ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง”

เขาหันไปหาอินชิงเสวียน เผยรอยยิ้มอันสดใส

อินชิงเสวียนนั่งลงข้างๆ เขา มองดูเขาแล้วถามว่า “ความฝันอะไรหรือ”

เย่จิ่งอวี้พูดอย่างสบายๆ “ฝันว่าข้าถูกจับไว้ในวงกลมสีแดง อาจเป็นเพราะช่วงนี้ต่อสู้กับคนตงหลิวตลอด เรื่องมีความคิดฟุ้งซ่านแล้ว”

อินชิงเสวียนตอบอ้อ และถามว่า “คราวนี้ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้วหรือ”

เย่จิ่งอวี้หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้า พูดด้วยความผิดหวังเล็กน้อย “ไม่มี บางทีความทรงจำเดียวที่ข้าลืม คือความทรงจำที่เกี่ยวกับเจ้าสำนักเซี่ยว”

อินชิงเสวียนปลอบใจเขา “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าคิดมาก ถึงอย่างไรเมื่อรถถึงหน้าภูเขาแล้วย่อมมีทางวิ่งต่อ เรือถึงสะพานย่อมมีทางไป”

“อื้ม คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สู้ใช้เวลาว่างมาพักผ่อนให้เต็มที่ดีกว่า”

เย่จิ่งอวี้กระตุกมุมปากยิ้ม จากนั้นเอื้อมมือออกไปกอดอินชิงเสวียน

เมื่อคิดถึงเหตุการณ์พัวพันเมื่อครู่ อินชิงเสวียนก็ดิ้นรนทันที

“ท่านป
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 704 แหไฟฟ้า

    อินชิงเสวียนเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของเย่จิ่งอวี้ จึงเดินปรี่เข้ามาทันที“อาอวี้ ท่านเป็นอะไรไป”เย่จิ่งอวี้รู้สึกตัว คลี่ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ข้าแค่เห็นทะเลเป็นครั้งแรก แค่ตกใจนิดหน่อย”อินชิงเสวียนพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ “ก็น่าตกใจจริงๆ เมื่อเห็นทะเลจิตใจของคนทั้งคนก็ดูกว้างขวางขึ้นมาก”เย่จิ่งอวี้กล่าวด้วยสายตาอ่อนโยน “เป็นเช่นนี้จริง คนโบราณจึงมักเปรียบเทียบปณิธานกับทะเล”อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น่าเสียดายที่ปณิธานแบบนี้ไม่มีทั่วไป ท้ายที่สุดแล้วเราทุกคนก็เป็นคนธรรมดา”เย่จิ่งอวี้เอามือไพล่หลัง มองทะเลแล้วพูดว่า “มนุษย์หาใช่ปราชญ์ไม่ เพราะเหตุนี้แล”อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ ใช่แล้ว มนุษย์ไม่ใช่นักปราชญ์ มีสักกี่คนที่ปราศจากความต้องการไร้ซึ่งความปรารถนา เมื่อมองไปที่อวิ๋นฉ่ายและจังอวี้จิ่นที่วิ่งไล่ตามคลื่นไกลๆ อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะคิดมากเกินไปจริงๆ แล้วการมีความต้องการก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป ผู้ที่ปรารถนาให้กินอิ่มนอนอุ่นก็คือความสุข ส่วนผู้ที่ปรารถนาความมั่งคั่ง หากสามารถหาเงินได้เพียงเล็กน้อย ก็จะมีความสุขไปอีกครึ่งวันและตัวเองในฐา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 705 เมืองเติงหลงถูกโจมตี

    ทั้งสองนั่งศึกษาค้นคว้าอยู่ในห้อง โดยหลักการพื้นฐานได้พอสมควรแล้ว เหลือเพียงการติดตั้งในหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์มีลูกศิษย์ไม่มีขาดแคลน เมื่อเซี่ยวอิ๋นหวนเรียนรู้ว่าพวกเขากำลังจะไปตั้งค่ายกลบนชายหาด เดิมทีก็คิดว่าเป็นค่ายกลสามพรสวรรค์อะไรเทือกนั้น จึงเรียกลูกศิษย์ที่เชื่อถือได้สิบห้าคนทันทีทุกคนช่วยกันนำอุปกรณ์ติดตั้งมาถึงชายฝั่งทะเลเป่ยไห่ในตอนกลางคืน อินชิงเสวียนหยิบไฟกลางแจ้งออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดตั้งให้เย่จิ่งหลานลูกศิษย์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ต่างประหลาดใจกับสิ่งที่ส่องแสงสิ่งนี้มาก อินชิงเสวียนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องโกหกตบตาพวกเขาไปก่อนซึ่งเย่จิ่งอวี้คุ้นเคยกับสิ่งแปลกประหลาดนี้อยู่แล้ว ทุกคนต่างก็ยุ่งกันจนดึกดื่น แล้วจึงลากแหไฟฟ้าลงทะเลไปหลายร้อยเมตร และติดตั้งกังหันลมกำลังสูงสามตัวข้างๆหลังจากต่อไฟฟ้าแล้ว ก็มีเสียงซู่ๆ อยู่ใต้น้ำ โชคดีที่น้ำทะเลมีขนาดใหญ่มาก ไม่นานก็กลบเสียงได้ลูกศิษย์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยเห็นเทคโนโลยีขั้นสูงเช่นนี้มาก่อน ไม่รู้ว่ามีไว้สำหรับอะไร แต่ถ้าบอกว่าเป็นค่ายกล ก็ดูไม่เหมือนเลย ทั้งหมดไม่กล้าถาม ดังนั้นจึงกลับไปพัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 706 สันดานเลวที่ฝังรากลึก

    เย่จิ่งหลานมองไปที่อินชิงเสวียนทันที ทั้งสองคนสบตากันแล้วเบนสายตาทันควัน ต่างนึกถึงคนตงหลิวพวกนั้นที่แอบเข้าไปในเมืองหลวง“เจ้าสำนักเซี่ยวทราบหรือไม่ว่าเป็นฝีมือใคร?”อินชิงเสวียนถามเบาๆ เจ้าสำนักเซี่ยวขมวดคิ้วและพูดว่า “ต้องเป็นคนที่มาจากตงหลิวแน่ ในเมืองเติงหลงยังมีพื้นที่ติดชายทะเล คิดว่าพวกเลวระยำหมานี่คงขึ้นฝั่งที่นั่น”เย่จิ่งหลานสบถสาปแช่งอย่างอดไม่ได้ “ไอ้พวกชาติหมา ถึงกับกล้าโจมตีราษฎรธรรมดา สารเลวจริงๆ”เจ้าสำนักเซี่ยวเห็นด้วยและกล่าวว่า “ด่าได้ดี คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ควักอวัยวะภายในของราษฎร แต่ยังกินเด็กห้าหกคนทั้งเป็นด้วย ตอนที่พวกเราไปถึง มีคราบเลือดอยู่ทั่วผนังและพื้น น่าหวาดเสียวยิ่งนัก”เมื่อได้ยินเช่นนี้ท้องไส้ของอินชิงเสวียนก็ปั่นป่วน นี่เป็นเหมือนวิธีการของเดรัจฉานร้ายพวกนั้นจริงๆไม่ว่าจะยุคไหน ก็ไร้มนุษยธรรมไม่แพ้กันมิน่าเล่าไอ้พวกเลวระยำหมานี่ถึงไม่ได้ขึ้นฝั่งทางนี้หลายวันแล้ว ที่แท้ก็ไปที่เมืองข้างๆ คนพวกนี้ล้วนฝึกวรยุทธ์ที่ผิดหลักทำนองคลองธรรม ต้องใช้คนเป็นๆ มาเสริมวรยุทธ์ของพวกเขาอินชิงเสวียนอยากนำน้ำพุวิญญาณของตัวเองออกมาแจกจ่ายให้ทุกคนคนละถ้วย แต่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 707 อยู่ดีไม่ว่าดี

    อินชิงเสวียนตกใจ หันขวับกลับไปพลัน เจ้าสำนักเซี่ยวได้เหาะแขนเสื้อกระพือออกไปแล้วเย่จิ่งอวี้ก็มาที่ประตู คว้าข้อมือของอินชิงเสวียนไว้“เราก็ไปดูกัน”มืออันแข็งแกร่งโอบไหล่ แล้วก็เหาะออกไปจากลานบ้านหลังจากข้ามถนนเส้นหนึ่ง ทั้งสองได้กลิ่นคาวเลือดรุนแรงหัวใจของอินชิงเสวียนเต้นแรงหรือว่าผีแคระตงหลิวเหล่านั้นได้ร่อนลงบนเกาะแล้ว?ตอนที่ติดตั้งแหไฟฟ้า ก็มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ด้วยหลายตัว อินชิงเสวียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันที แล้วมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นใครมาที่เกาะเลยหรือว่ามีคนตงหลิวอาศัยอยู่บนชายฝั่งทะเลเป่ยไห่มาโดยตลอด?ขณะที่คิดเรื่องนี้ เย่จิ่งอวี้ก็เหาะลงจอดที่พื้นแล้วนอกจากเจ้าสำนักเซี่ยวแล้ว ยังมีชายชราอีกสองคนที่อินชิงเสวียนไม่เคยเห็นยืนอยู่ข้างๆ มีเสียงเสื้อผ้าปะทะลมดังพึ่บพั่บอยู่เป็นระยะๆ เห็นได้ชัดว่ามีคนกำลังมาที่นี่อินชิงเสวียนรีบก้าวไปข้างหน้า ภาพตรงหน้านางเกือบทำให้นางอาเจียนอาหารทะเลที่นางกินตอนบ่ายออกมาชายวัยกลางคนสองคนนอนอยู่บนพื้น ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเลือดเกือบทั้งตัว ท้องถูกผ่าจากลำคอไปจนถึงเอว สามารถเห็นเลือดเนื้อที่กองอยู่บนพื้น และอวัยวะภายในก็ว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 708 เงาคนในกล้องวงจรปิด

    เก่อหงยวนเพียงรู้สึกมึนศีรษะ ส่วนคนกระเด็นถอยไปข้างหลังมีเสียงดังปัง ล้มหน้าหงายเนื่องจากมีคนสองคนเสียชีวิตกะทันหัน ทุกคนจึงอยู่ในความตึงเครียด ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอู้อี้อยู่ด้านหลัง จึงหันหลังกลับทันทีแทบทุกคนเห็นเก่อหงยวนล้มลงกับพื้นใบหน้าของเก่อหงยวนเปลี่ยนเป็นสีแดงจนถึงใบหูทันทีในไม่ช้านางก็ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ ใช้แขนข้างหนึ่งวางบนเข่า แล้วเท้าคางบนฝ่ามือ ถลึงตามองและพูดว่า “มองอะไรกัน ข้าขอนั่งพักสักครู่ไม่ได้หรือ”ขณะที่พูด ผู้อาวุโสสวีก็มาถึงแล้วเขาขมวดคิ้วถามว่า “หงยวน เจ้าวิ่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่”เก่อหงยวนหัวเราะแห้งๆ แล้วพูดว่า “ข้าแค่อยากมาดูเรื่องสนุก แต่จู่ๆ ก็รู้สึกเหนื่อย ก็เลยนั่งพักอยู่ที่นี่ อาจารย์อาสวี ท่านไม่ต้องสนใจข้า ไปทำธุรกิจของท่านเถอะเจ้าค่ะ!”อินชิงเสวียนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เก่อหงคนนี้มีนิสัยเหมือนเด็ก...แค่คิดได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกมีหนามทิ่มที่หลังพออินชิงเสวียนหันกลับมา ก็ไม่เห็นว่ามีใครอยู่ในระยะ แต่ความรู้สึกยังคงไม่หายไป ทำให้นางยืนขึ้นด้วยความหนาวสั่นและสยดสยองเมื่ออินชิงเสวียนหันกลับมาอีกครั้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงแรงกดดันที

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 709 ข้าจะค่อยๆ แก่เฒ่าไปพร้อมกับเจ้า

    อินชิงเสวียนตกใจ กำลังจะเรียกเย่จิ่งอวี้เข้ามาดู แต่คนผู้นั้นก็หายตัวไปแล้วหรือว่าตัวเองตาลาย หรือคนใกล้เคียงถูกโจมตีทีละคน จึงเกิดความสงสัยไปเอง?อินชิงเสวียนเปิดกล้องวงจรปิดดูอีกครั้ง ซึ่งก็มีร่างหนึ่งจริงๆ นางไม่ได้ดูผิดจากนั้นก็คิดอีกครั้ง บนชายฝั่งเป่ยไห่มียอดฝีมือมากมาย บางทีอาจมีผู้อาวุโสจากยุทธจักรคนอื่นไปลาดตระเวนชายหาด ไม่น่ามีอะไรต้องห่วงเมื่อเห็นดวงตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้หลับลง ราวกับว่าตกอยู่ในภวังค์ อินชิงเสวียนก็ถือโทรศัพท์ปัดเล่นไปมา ไม่นานก็ม่อยหลับไปในที่สุดเมื่อตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเช้าของวันรุ่งขึ้นแล้วเย่จิ่งอวี้นั่งอยู่บนขอบเตียง กำลังเล่นอยู่กับโทรศัพท์มือถือถ้าเขาไม่ได้สวมเสื้อผ้าของข้าวต้าโจว อินชิงเสวียนคงจะคิดว่าตัวเองได้กลับไปสู่ยุคปัจจุบันแล้ว“ทำไมถึงตื่นเช้าขนาดนี้”อินชิงเสวียนหาว พลางมองไปที่เย่จิ่งอวี้เย่จิ่งอวี้ยืดนิ้วออก เกาสันจมูกของนางเบาๆ“สายแล้ว ถ้าอยู่ในเมืองหลวง ข้าคงไปประชุมเช้านานแล้ว”วันธรรมดาเย่จิ่งอวี้มักจะตื่นตอนตีสี่ ถ้าตามเวลาในเมืองหลวง เวลานี้เขาคงไปประชุมได้สองชั่วยามแล้ว“อาอวี้อยากกลับเมืองหลวงไหม” อินชิงเสวียนถาม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 710 ข้าอยากยืมตัวแม่นางอิน

    “เชื่อว่าทุกท่านคงรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ วันนี้ที่เชิญทุกคนมาที่นี่ ด้วยหวังว่าทุกคนจะรวมตัวกันเป็นหนึ่ง ตามหาตัวสายลับที่ซ่อนอยู่บนชายฝั่งทะเลเป่ยไห่มาให้ได้”เฮ่ออวิ๋นทงเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้น สำนักกระบี่สังหารเป็นสำนักกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า ได้รับความเคารพยำเกรงอย่างสูง เป็นที่เข้าใจได้ว่าเขารับผิดชอบสถานการณ์โดยรวมทุกคนพยักหน้าทันที วิธีการของเมื่อวานโหดร้ายและเลวทรามอย่างยิ่ง ดูเหมือนฝีมือของชาวตงหลิวจริงๆผู้อาวุโสสวีกล่าวว่า “ข้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้ หากไม่กำจัดสายลับ เหล่าลูกศิษย์ก็จะตกอยู่ในอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้ เรารอนแรมมาไกลถึงที่นี่ แม้ว่าจะตาย ก็ต้องตายอย่างคุ้มค่า”เจ้าสำนักเซี่ยวเห็นด้วย “ใช่แล้ว”ซูถูเหลือบมองเจ้าสำนักเซี่ยว พูดกระทบกระแทกแดกดัน “ตามความเห็นของข้า อาจไม่ใช่คนตงหลิวก็ได้ อาจจะเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งในสำนักบางสำนัก ใช้ประโยชน์จากน่านน้ำที่มีปัญหา เพื่อตกปลาในเวลาลำบาก ทำร้ายเพื่อนด้วยกัน”เจ้าสำนักเซี่ยวอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว อีกทั้งยังไม่ชอบซูถูที่ใช้วิธีการไม่ชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศ จึงตบโต๊ะอย่างอดไม่ได้“ซูถู เจ้ากำลั

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 711 แผนการชั่วร้าย

    เจ้าสำนักเซี่ยวทำเสียงฮึดฮัดแล้วพูดว่า “ชิงเสวียนสำคัญต่อข้าอย่างมากในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ จะยืมออกไปได้อย่างไร?”อาซือหลานยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ข้าเพียงอยากพาแม่นางอินไปลาดตระเวนชายฝั่งชั่วครู่ เจ้าสำนักเซี่ยวไม่ต้องตื่นตกใจ ตอนนี้ลูกศิษย์ของสำนักต่างก็ส่งออกไปทำงานกันแล้ว มีพิณการเวกอยู่ก็สามารถประกันความปลอดภัยได้มากขึ้น”เจ้าสำนักเซี่ยวพูดอย่างราบเรียบ “เจ้าสำนักฉุยต้องการลาดตระเวน ข้าไปกับเจ้าก็ย่อมได้ เหตุใดต้องรบกวนอินชิงเสวียนด้วยเล่า”อาซือหลานยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย และรีบพูดต่อว่า “เจ้าสำนักเซี่ยวพูดถูกต้องเลยทีเดียว เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้ อีกสักครู่ข้าและเจ้าสำนักเซี่ยว รวมทั้งผู้อาวุโสซูจะไปลาดตระเวนชายฝั่งด้วยกัน”เฮ่ออวิ๋นทงพูดขึ้นทันทีว่า “ข้าไปด้วยสิ”ซูถูเข้าใจในทันทีและถอนหายใจพูดว่า “ตอนนี้เกิดคดีฆาตกรรมเช่นนี้แล้ว เหล่าลูกศิษย์ต่างพากันหวาดกลัว เจ้าสำนักแต่ละท่านคอยอยู่ที่สำนักจะดีกว่า”เมื่อพูดจบ เขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “หรือว่าเจ้าสำนักเฮ่อกลัวว่าพวกข้าจะทำร้ายเจ้าสำนักเซี่ยวงั้นหรือ?”เจ้าสำนักเซี่ยวแทบไม่เห็นสองคนนี้อยู่ในสาย

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1468 อย่าได้คืบจะเอาศอก

    “สามวันติดแล้ว ที่ข้าสัมผัสลมปราณของชิงฮุยไม่ได้ หรือว่าเขาจะ...”ที่ด้านบนยอดเขา อินชิงเสวียนหยิบโต๊ะพกพาขนาดเล็กและเบาะที่นั่งสองที่นั่งออกมา ซึ่งบนโต๊ะเต็มไปด้วยน้ำผลไม้และอาหารอร่อยแม้จะบอกว่าออกมาตามหาคน แต่ในเมื่อมีปัจจัยที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ทำไมต้องไปทนทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็นล่ะนางหยิบนมพุทราจีนหนึ่งแก้วขึ้นมา แล้วยื่นให้ลั่วสุ่ยชิง“ว่ากันว่าถ้ากินพุทราจีนประจำ จะไม่แก่เร็ว มาลองกัน”ลั่วสุ่ยชิงหยิบขวดโยเกิร์ตขึ้นมาจิบ มันมีรสหวานอมเปรี้ยวและรสชาติค่อนข้างดี ในช่วงไม่กี่วันที่ออกมาข้างนอกกับอินชิงเสวียน สรรหาของมาให้นางกินจนเคยปากหมดแล้ว“เจ้าเป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ จนป่านนี้แล้ว ยังมีรสนิยมสูงแบบนี้ได้อีก”อินชิงเสวียนเม้มปากเป็นรอยยิ้ม“คนก็เหมือนเหล็ก อาหารก็เหมือนเหล็ก ถ้าไม่กินข้าวสักมื้อจะหิวโหย เมื่อมีปัจจัยที่เพียบพร้อมเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่ควรทำให้ตัวเองลำบาก”“ในมิติของเจ้า มีทุกอย่างจริงๆ หรือ”ลั่วสุ่ยชิงรู้แล้วว่าอินชิงเสวียนมีมิติมาด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง“ประมาณนั้น แต่น่าเสียดายที่คนนอกเข้ามาในมิติของข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะได้ให้เจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

DMCA.com Protection Status