แชร์

บทที่ 518

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-06-25 18:29:01
เสิ่นว่านจือมองไปที่นาง "ถ้า...ไม่ได้มาเพื่อยี่ฝาง จาหาเพื่อจวนเป่ยหมิงอ๋องหรือเปล่า"

"ไม่รู้" ซ่งซีซีไม่สามารถวิเคราะห์ออกมาในระยะสั้นๆ ถึงยังไงมีเพียงคนที่มีกลิ่นไอการฆ่าที่รุนแรงไม่กี่คนเข้ามาในเมืองหลวง ไม่มีข้อมูลอื่นๆ "ข้าต้องให้กุ้นเอ๋อร์เสริมสร้างการป้องกันของจวนอ๋อง พรุ่งนี้ข้าจะส่งรุ่ยเอ๋อร์ไปที่สถาบันการศึกษา และให้กุ้นเอ๋อร์นำเขาไปเฝ้าดูอยู่ข้างนอกไว้ก่อน จนกว่าคนเลห่านั้นจากไป"

ไม่ว่ายังไงก็ต้องคอยระวังตัวเอาไว้จะดีกว่า ตอนนี้เซี่ยหลูโม่และอาจารย์หยูต่างไม่ได้อยู่ในจวน ทุกเรื่องต้องระวังมากขึ้น กันไว้ดีกว่าแก้ จะประมาทไม่ได้

จากนั้นกุ้นเอ๋อร์เริ่มตั้งแนวป้องกัน ทหารประจำจวนห้าร้อยนายอยู่ที่ใต้เท้าจักรพรรดิ แม้ว่าจะทำให้ฮ่องเต้ไม่ไว้วางใจ แต่การใช้งานจริงนั้นยอดเยี่ยมมาก

ตอนนี้มาจัดการเรื่องระบบความปลดภัยก็ง่ายมาก สามชั่วยามเปลี่ยนเวร และกำลังคนก็เพียงพอแล้ว

เนื่องจากในเมืองหลวงไม่มีการสั่งห้ามออกไปไหนในกลางคืน ดังนั้นกุ้นเอ๋อร์ต้องเข้ามาดูแลเองในเวลากลางคืน ถึงยังไงเวลาตกมืดก็เป็นช่วงเวลาที่มีโอกาสฆ่าคนและขโมยสินค้ามากที่สุด ความเป็นไปได้ที่คนบุกเข้าจวนอ๋องในกลางวันแส
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 519

    ใบหน้าของฮูหยินซีดเผือด และฝนทำให้ผมและเสื้อผ้าของนางเปียกโชก เห็นๆ อยู่ว่านางไม่ต้องการให้คนอื่นมาเห็นสภาพที่น่าอนาถเช่นนี้ จากนั้นก็ใช้แขนเสื้อมาปิดหน้า แล้วพูดกับซ่งซีซีเบาๆ ว่า "ขอบคุณ ขอบคุณมาก""ไม่เป็นไร ฮูหยินเป็นอะไรหรือเปล่า?" ซ่งซีซีถาม"ไม่ได้เป็น... อ๊ะ!" นางขยับเท้า และรู้สึกเจ็บแปลบที่เท้าซ้าย นางก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา"เกรงว่าเท้าแพลง" ซ่งซีซีช่วยประคองนาง และสาวใช้เห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาช่วย แต่ฝ่ามือของสาวใช้กลับเต็มไปด้วยเลือด น่าจะเป็นตอนที่นางล้มลง มือของนางถูกทรายหยาบบนพื้นบาดซ่งซีซีขมวดคิ้วและพูดว่า "รถม้าของข้าอยู่ตรงหน้า มียาอยู่บนรถม้า ไม่งั้นพวกเจ้าไปกับข้า ข้าจะทำแผลให้พวกเจ้าในรถม้าของข้า"ฮูหยินกล่าวว่า "นี่...จะลำบากเกินไปหรือเปล่า ข้าไม่รู้ว่าฮูหยินคือผู้ใด"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ฮูหยินรอง ข้าชื่อซ่งซีซี เราเคยพบกันมาก่อน"ฮูหยินที่อยู่ตรงหน้าก็คือหลี่จิ้งที่ต้องการช่วยเหลือหวังชิงหลูที่ร้านจินจิงในวันนั้นหลังจากที่ซ่งซีซีกลับมาจากภูเขาเหม่ยชาน นางเคยไปเยี่ยมเยือนที่จวนโหวเซวียนผิงพร้อมกับท่านแม่ และได้พบกับนางมาครั้งหนึ่งเมื่อได้ยินคำว่า "ซ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 520

    รถม้าจอดที่มุมทิศเหนือของสถาบันการศึกษาหมินลู่ ส่วนรถม้าจากจวนโหวเซวียนผิงก็ตามมาด้านหลังเพื่อหลีกเลี่ยงการติดขัดในรถม้าฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ และมีคนมากขึ้นเรื่อยๆ หลี่จิ้งที่ได้รับบาดเจ็บที่เท้า ทำให้นางไม่อาจลงจากรถม้าในเวลานี้ได้ ได้แต่รอให้รถม้าที่ส่งเด็กๆ เข้าเรียนให้น้อยลง นางถึงกล้าลงจากรถได้"ฮูหยินรอง มาส่งเด็กเข้าเรียนหรือ" ซ่งซีซีรู้ว่านางรับเลี้ยงบุตรชายคนหนึ่งไว้ แต่ไม่รู้ว่าเขาอายุเท่าไหร่แล้ว"ใช่ เข้าเรียนวันแรก ข้าเลยมาส่งเขา" เมื่อพูดถึงบุตรชาย รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของหลี่จิ้ง และนางก็ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น"อายุเท่าไหร่? ชื่ออะไรหรือ?"หลี่จิ้งพูดว่า "เขาอายุเจ็ดขวบ และชื่อจางเว่ยกั๋ว (มีความหมายปกป้องบ้านเมื่องรักประเทศ)"เสิ่นว่านจือยิ้มและพูดว่า "พอได้ยินชื่อนี้ก็รู้ว่าเป็นลูกหลานของแม่ทัพ"สีหน้าของหลี่จิ้งเหม่อลอย และก่อนที่เธอจะกำจัดความขมขื่นในดวงตาได้ นางก็พูดเบาๆ ว่า "ท่านสามีของข้าเคยตั้งชื่อให้เด็ก หากเป็นบุรุษ ให้ตั้งชื่อเกี่ยวกับบ้านเมือง""เป็นอย่างนี้นี่เอง" เสิ่นว่านจือไม่กล้าพูดถึงหัวข้อนี้อีกต่อไป ดวงตาของนางเริ่มแดงมากจนดูเหมือนกำลังจะร้องไห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-26
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 521

    ซ่งซีซีเรียกเสิ่นว่านจือมา และให้นางช่วยวางหลี่จิ้งไว้บนหลังของนาง จากนั้นรีบอุ้มหลี่จิ้งกลับไปที่รถม้า "รออยู่ที่นี่ ข้าจะช่วยเจ้าหามัน"หลี่จิ้งตัวสั่นไปทั้งตัว ผมของนางเต็มไปด้วยน้ำ ไม่รู้ว่าใบหน้านั้นเป็นน้ำตาหรือว่าน้ำฝนกันแน่ ริมฝีปากก็สั่นเทารุนแรงด้วย "ขอร้อง ขอร้องล่ะ ต้องตามหามันให้เจอ""อย่าลงมา!" ซ่งซีซีสั่งอย่างจริงจัง "ดูแลร่างกายของตนเอง อย่าทำให้วิญญาณของเขาในสวรรค์ไม่สงบ"หลี่จิ้งปิดหน้าและร้องไห้อย่างขมขื่นซ่งซีซีให้คนควบคุมรถม้าเฝ้าดูนางเอาไว้ แล้วกลับไปค้นหาต่อหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม รถม้าก็ค่อยๆ กระจายไป แต่ฝนยังคงไม่หยุด และท้องฟ้าก็มืดมนอย่างน่าสะพรึงกลัว คนทั้งหมดสี่คนรวมทั้งคนควบคุมรถม้าจากจวนโหวเซวียนผิงด้วย ค้นหาจนไม่สามารถยืดเอวให้ตรงได้ แต่ก็ไม่พบต่างหูนั้นเมื่อทุกคนกำลังจะยอมแพ้ ซ่งซีซีกลับเห็นแสงแวววาวแวบหนึ่งใกล้ทางเข้าสถาบัน นางรีบวิ่งเข้าไปและพบว่ามันคือต่างหูไข่มุกของนางจริงๆ นางรีบเอื้อมมือออกไปหยิบมันขึ้นมา เพียงแต่ต่างหูได้รับความเสียหายเหลือเพียงไข่มุกเท่านั้น ด้ายทองที่ห้อยต่างหูและทองคำสองใบที่ยึดไข่มุกก็หายไปหมดแล้วนี่ไม่ใช่ที่ที่น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-26
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 522

    เขาไปซื้อปิ่นปักผมสีแดงทองและใส่ไว้ในกล่อง หลังจากกลับถึงจวนและถามคนใช้ถึงรู้ว่าจ้านเส้าฮวนอยู่ในเรือนของท่านแม่ เขาก็ตรงไปที่เรือนท่านแม่จ้านเส้าฮวนถือกล่องเครื่องประดับอยู่ในนั้น เมื่อเห็นเขาเข้ามา จ้านเส้าฮวนก็ลุกขึ้นยืนทันทีและถามด้วยความระมัดระวัง "คืนนี้พี่ชายรองไม่ได้เข้าเวรเหรอ? ทำไมกลับมาล่ะ?""ให้เจ้า!" จ้านเป่ยว่างยื่นกล่องให้นาง แล้วพูดอย่างใจเย็น "ได้รับเงินอุดหนุนแล้วเลยซื้อปิ่นปักผมให้เจ้า"จ้านเส้าฮวนเต็มไปด้วยความสงสัย "ซื้อปิ่นปักผมให้ข้า ทำไมต้องซื้อปิ่นปักผมให้ข้าด้วย"นางกอดกล่องเครื่องประดับไว้แน่น เมื่อสองวันที่ผ่านมา เอาแต่ให้นางไปคืนชุดเครื่องประดับบนศีรษะอยู่เลย ทำไมจู่ๆ ก็ซื้อปิ่นปักผมให้นางในยามนี้ล่ะ?"ของขวัญแต่งงานของเจ้า และเห็นเจ้าต้องดูแลท่านแม่อย่างเหนื่อยล้าในหลายวันนี้...เฮะ เก็บไว้เถอะ" จ้านเป่ยว่างหันกลับไปมองฮูหยินผู้เฒ่าจ้านที่นอนอยู่บนเตียง "ท่านแม่ วันนี้ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง??"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับพฤติกรรมของบุตรชาย หลังจากได้ยินคำถามของเขา นางจึงพูดว่า "น้องสาวของเจ้าดูแลข้าแบบนี้ต้องเหนื่อยจริงๆ วันนี้รู้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-26
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 523

    เมื่อจ้านเป่ยว่างกลับมาถึงจวนนั้น สาวใช้ก็ลากพวกนางออกไปสักที แต่ทั้งสองอยู่ในสภาพยุ่งเหยิงไม่น่ามอง ผมยุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดวิ่น และใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยเล็บมือและรอยตบ ราวกับป้าปากร้ายที่ทะเลาะกันในตลาดไม่มีผิดเลยฮูหยินผู้เฒ่านั่งบนเก้าอี้อย่างหายใจหอบ และจ้องเขม็งมองที่หวังชิงหลูอย่างดุเดือด "นางจะออกเรือนในเร็วๆ นี้ เจ้าไปทำร้ายใบหน้านางแล้วให้นางไปพบคนนอกได้อย่างไร"หวังชิงหลูนั่งอยู่บนพื้นและร้องไห้เสียงดัง รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างยิ่งจ้านเป่ยว่างเดินเข้าไปช่วยพยุงหวังชิงหลูให้ลุกขึ้น จากนั้นหยิบตัวเงินกองหนึ่งออกมาให้นาง "ชุดเครื่องประดับทับทิมบนศีรษะคืนแล้ว ตัวเงินนี้เจ้าเก็บไว้""เจ้ารอง เจ้าบ้าแล้วใช่ไหม" ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านลุกขึ้นยืนด้วยความกราดเกรี้ยว "เอาเครื่องประดับที่ซื้อมาแล้วไปคืน จวนแม่ทัพของเรายังมีหน้าเหลืออยู่หรือเปล่า?""เจ้านำมันกลับมาให้ข้า ไม่คืน ข้าไม่คืน" จ้านเส้าฮวนที่เพิ่งนั่งพักไปแป๊บหนึ่งก็พุ่งเข้ามา และทุบตีหน้าอกของเขา มีสภาพเสียท่ามากจ้านเป่ยว่างปล่อยให้นางทุบตี โดยไม่ขยับตัวด้วยสีหน้าเย็นชา เขาเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตแบบนี้ เบื่อมากน่ารำคาญมา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-27
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 524

    ดวงตาของจ้านเป่ยว่างเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง และเขาพูดอย่างเงียบๆ "ข้าอยากจะให้เจ้าบอกกับข้าจริงๆ ว่าเจ้าไม่ได้ทำสิ่งเหล่านั้นในเมืองลู่เปินเอ่อร์เลย"ยี่ฝางเยาะเย้ย "เจ้าไม่ชอบข้าเพราะเหตุการณ์เมืองลู่เปินเอ่อร์ หรือ ไม่หรอก เจ้ารังเกียจที่ข้าถูกจับบนภูเขาซีม่อน เจ้ารังเกียจที่ข้าเสียโฉม เจ้าคิดว่าข้าไม่บริสุทธิ์ แต่ข้าบอกเจ้าได้ ข้าบริสุทธิ์มาก"จ้านเป่ยว่างส่ายหัว "ไม่ เรื่องเหตุการณ์ที่ภูเขาซีม่อน ข้ารู้แต่เห็นใจเจ้า ไม่งั้นข้าจะไม่รับโทษแทนเจ้าหรอก สิ่งที่ข้ารับไม่ได้คือการกระทำทั้งหมดที่เจ้าทำในเมืองลู่เปินเอ่อร์""หยุดโกหกตัวเองได้แล้ว ได้ไหม?" ยี่ฝางยังคงเยาะเย้ย "เจ้าคิดว่าข้าผิดจริงๆ เหรอกับสิ่งที่ข้าทำในเมืองลู่เปินเอ่อร์?""เจ้าไม่คิดว่าเจ้าทำผิดหรือ" จ้านเป่ยว่างสูดลมหายใจ "จนกระทั่งถึงบัดนี้แล้ว เจ้ายังคิดว่าตนเองไม่ผิดหรือ?"ยี่ฝางไม่ได้สวมผ้าคลุมหน้า และแสงไฟส่องหน้าของนางทั้งหมด ดวงตาของนางลุกโชนด้วยความทะเยอทะยาน "จ้านเป่ยว่าง ไม่ใช่เจ้าคนเดียวที่ต้องการสร้างผลงาน ข้าก็อยากมีด้วย ข้าเป็นแม่ทัพหญิงอันดับแรกของประเทศ ต่อให้ซ่งซีซีจะสร้างผลงานในเขตหนานเจียงมากแค่ไหนก็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-27
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 525

    จ้านเป่ยว่างกล่าวว่า "แม้แต่จะเป็นชาวซีจิงก็ยังเป็นพลเรือน เรามีข้อตกลงที่จะไม่ทำร้ายพลเรือน นี่เป็นคำสัญญาที่ผู้นำให้กับประชาชน เป็นผลดีต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ แต่เจ้าไปสังหารหมู่ ไม่เคยคิดเหรอว่าประชาชนชายแดนเฉิงหลิงของเราก็อาจถูกสังหารหมู่ด้วย?"ยี่ฝางสบถขึ้นมาเบา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย "ในฐานะแม่ทัพ เจ้ากลับถามคำถามเช่นนี้ออกมา จ้านเป่ยว่าง จริงๆ แล้วเจ้าไม่เหมาะกับสนามรบ เจ้าเป็นคนจิตใจอ่อนโยนและไม่มีความสามารถในการดำเนินการ ถ้าไม่ใช่ข้าทำเช่นนั้นในวันนั้น เจ้าจะสร้างผลงานได้ยังไง แม้แต่ต่อหน้าผู้บัญชาเซียวที่เจ้าขอร้องนำกองทัพไปเผายุ้งฉางเมืองลู่เปินเอ่อร์ ก็เป็นเพราะข้าพยายามอย่างหนักเพื่อโน้มน้าวเขา ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่ได้ทำผลงานแม้แต่การเผายุ้งฉางด้วยซ้ำ""เหตุผลที่เจ้าสร้างผลงานได้ เป็นเพราะข้าสร้างผลงาน ข้าทำสนธิสัญญาสันติภาพ ในฐานะแม่ทัพกำลังเสริม เจ้ารับผลงานของข้าไป ตอนนี้กลับมาโทษข้าที่สร้างผลงาน เจ้าไม่คิดว่าตนเองชั่วร้ายไปหน่อยหรือ"การเยาะเย้ยและดูถูกในน้ำเสียงของนาง เทียบเท่ากับการโยนความภาคภูมิใจในตนเองของจ้านเป่ยว่างลงพื้นและเหยียบย่ำมันไม่เป็นท่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-27
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 526

    จ้านเป่ยว่างยกม่านขึ้น และออกไปกับยี่ฝางทีละคน เสียงฝีเท้าของพวกเขาเบามากจนแทบไม่ได้ยิน และไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จากภายนอกพอรออยู่สักพักเขาก็เปิดประตูแล้วรีบซ่อนตัวอยู่หลังประตู หลังจากแน่ใจว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เขาก็โผล่หัวออกมาดูเพียงมองแวบเดียว เลือดของเขาก็แข็งตัวโคมไฟลมที่ด้านหน้าทางเดินส่องสว่างขึ้นบนขั้นบันได มีศพสามศพตกอยู่บนบันได พวกนางเป็นสาวใช้ข้างกายยี่ฝาง และถูกดาบปิดคอตาย ไม่ทันส่งเสียงร้องด้วยซ้ำเลือดไหลลงมาตามขั้นบันไดหิน ทำให้บันไดหินเปื้อนไปด้วยสีแดงสดทันใดนั้นจ้านเป่ยว่างก็นึกถึงคดีสังหารหมู่ของตระกูลซ่ง และตะโกนว่า "ท่านพ่อท่านแม่..."ขณะที่เขากำลังจะกระโดดออกไป แต่ถูกยี่ฝางรั้งไว้ใบหน้าของยี่ฝางซีดและริมฝีปากของเขาสั่นเล็กน้อย "เกรงว่า เกรงว่าเป้าหมายคือข้า"จ้านเป่ยว่างเข้าใจทันทีว่าเป็นไปได้ที่สายลับของเมืองซีจิงกำลังหาทางแก้แค้น เมื่อกี้นางยังบอกว่าตนเองไม่ผิด ทันใดนั้นจ้านเป่ยว่างมีสติขึ้นมาอีกครั้ง คำแก้ต่างเหล่านั้นล้วนเสแสร้งไปเมื่อกี่ยี่ฝางแก้ตัวอย่างมั่นอกมั่นใจมากแค่ไหน บัดนี้ก็กลัวมากแค่นั้นเงาสีดำตกลงไปอย่างเงียบๆ ในลานบ้าน พวกเขาแต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-28

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1348

    ท่านอ๋องฮุยพ่นลมหายใจออกอย่างเย็นชา พลางเบือนหน้าไปทางอื่น ไม่ยอมมองเขา หนิงจวิ้นอ๋องที่ยืนตัวตรงสง่างามอยู่ตรงนั้น แต่ใบหน้ายังคงเป็นของลุงกวน พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า "ลูกขอสัญญา สิ่งที่ลูกตกลงกับเสด็จพ่อไว้ ลูกจะทำให้สำเร็จ งานก่อสร้างคลองจะแล้วเสร็จโดยไม่สังหารผู้บริสุทธิ์ ไม่ทำร้ายชาวบ้านในเมืองหลวง ไม่เหยียบย่ำพืชผลใดๆ และขอให้เสด็จพ่อวางใจ ลูกจะไม่ปล่อยให้เสด็จพ่อต้องตาย ลูกยังรับรองได้ว่า หลังจากชิงใต้หล้ามาได้ บัลลังก์จักรพรรดิ์จะต้องเป็นของเสด็จพ่อแน่นอน" ท่านอ๋องฮุยพูดเย้ยหยันว่า "เจ้านี่ช่างเป็นลูกกตัญญูยิ่งนัก" "ลูกเคยพูดแล้ว" หนิงจวิ้นอ๋องตอบอย่างจริงใจ "ลูกจะมอบตำแหน่งจักรพรรดิ์ผู้ทรงอำนาจสูงสุด ให้เสด็จพ่อ เพื่อให้เสด็จพ่อปกครองแผ่นดิน เราจะไม่ถูกแคว้นซาข่มเหงอีกต่อไป ไม่ต้องยืดเยื้อเรื่องชายแดนกับชาวซีจิง ชาวบ้านจะได้ใช้ชีวิตสงบสุข และแคว้นซางของเราจะเจริญรุ่งเรือง" ท่านอ๋องฮุยสบถเสียงดัง "เจ้ากบฏที่สมคบคิดกับแคว้นซาซีจิง กล้าพูดคำพูดไร้ยางอายแบบนี้ออกมาได้ ช่างน่ารังเกียจที่สุด" "นั่นเป็นเพียงแผนชั่วคราว รอเสด็จพ่อขึ้นครองบัลลังก์ ลูกจะขับไล่ศัตรูและท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1347

    เฉินเฉินเสนอให้ลองพิสูจน์ดู แต่เสิ่นว่านจือส่ายศีรษะ "อย่าลอง ทำเป็นไม่รู้ดีที่สุด ห้ามไปกระตุ้นให้พวกเขาระแวง พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะออกเดินทางแล้วกลับไปบอกซีซีและอาจารย์หยู" แต่หม่านโถวกลับทำท่าคิดหนัก "พวกเราจะออกไปได้หรือ?" เฉินเฉินตกใจเล็กน้อย "เจ้าหมายความว่าเขาจะไม่ยอมให้พวกเราไป? เขาจะกักตัวพวกเราไว้? แต่ท่านอ๋องฮุยบอกแล้วว่าปล่อยให้พวกเราไปนี่" "แต่เหตุใดท่านอ๋องฮุยถึงเรียกว่านจือมาที่นี่ล่ะ? พวกเจ้าเคยคิดเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า?" เสิ่นว่านจือเดินไปมาด้วยความร้อนใจ นางเคยคุยเรื่องนี้กับซ่งซีซีมาก่อนแล้ว ถ้าการเรียกตัวมาไม่ใช่เพื่อขอความช่วยเหลือ แล้วจะเป็นการกักตัวหรือ? แต่มองดูแล้วก็ไม่น่าจะใช่เรื่องนั้น คล้ายกับว่าต้องการเปิดเผยบางอย่างให้พวกเขาเห็นมากกว่า "เป็นไปได้ไหมว่า ท่านอ๋องฮุยและลุงกวนไม่ได้อยู่ข้างเดียวกัน?" เสิ่นว่านจือย้อนคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ในจวนท่านอ๋องฮุย ลุงกวนเหมือนจะอยู่ทุกที่ แต่กลับไม่มีใครรู้สึกถึงตัวตนของเขา นางอดทนไว้ ไม่กล้าพูดสิ่งที่ตนคาดเดาออกมา ลุงกวนจะใช่คนที่ปลอมตัวหรือเปล่า? หรือเขาคือหนิงจวิ้นอ๋อง? "ไม่คุยแล้ว กลับไปนอนกั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1346

    เสิ่นว่านจือและพรรคพวกพักอยู่ในจวนท่านอ๋องฮุยมาหลายวัน จนแทบจะพลิกจวนค้นหาไปทั่ว แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไร นางจึงตัดสินใจจะถอนตัวกลับ ในแต่ละวัน นางเอาแต่นั่งกินดื่มกับท่านอ๋องฮุย จนรู้สึกว่าตัวเองเกียจคร้าน เสียเวลาเปล่า โดยเฉพาะเมื่อซ่งซีซีกำลังยุ่งมาก แต่นางกลับช่วยอะไรไม่ได้เลย ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ ระหว่างมื้อเย็น นางจึงบอกกับท่านอ๋องฮุยว่าจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ ท่านอ๋องฮุยมองนางพร้อมหัวเราะ "ทำไมหรือ? หรือจวนของข้าเลี้ยงดูเจ้าด้วยของดีๆ ไม่พอ?" เสิ่นว่านจือตอบอย่างตรงไปตรงมา "ท่านเลี้ยงดูดีเกินไป ทุกวันมีแต่ของเลิศรสจากป่าและทะเลจนข้ารู้สึกเกินพอ" "เจ้าช่างเป็นหมูป่าเสียจริง กินอาหารเลิศรสไม่เป็น!" ท่านอ๋องฮุยหัวเราะเสียงดัง "เอาเถอะ หากเจ้าอยู่เบื่อแล้ว ก็กลับไปเถิด" เขาเรียกลุงสิบสามมา สั่งว่า "เจ้าสิบสาม ไปที่คลังสมบัติ เลือกของขวัญสักสองสามชิ้นไว้ส่งให้พวกเขาในวันพรุ่งนี้" ลุงสิบสามตอบ "ขอรับ ข้าจะไปจัดการทันที" ลุงกวนที่ยืนรออยู่หน้าประตูได้ยินจึงกล่าวว่า "ฝ่าบาท ให้ข้าไปเถอะ" ท่านอ๋องฮุยมองเขาครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้า "อืม เจ้าก็ไปเถิด เลือกของดีๆ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1345

    เพราะการจัดกำลังป้องกันของกองทัพซวนเจีย เมืองหลวงจึงตกอยู่ในสภาวะระแวงระวังอย่างหนักด้วยการประกาศห้ามออกจากเคหสถานในเวลากลางคืน ทำให้สถานที่บันเทิงเริงรมย์ต่างๆ ดำเนินกิจการได้ลำบาก โรงน้ำชาและโรงสุราต่างปิดประตูทันทีเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน เมืองหลวงในยามค่ำคืนราวกับเป็นเมืองร้างกลยุทธ์ในตอนนี้คือ ข้าศึกไม่เคลื่อนไหว เราก็ไม่เคลื่อนไหวงานก่อสร้างคลองยังคงดำเนินต่อไป หากหยุดงานโดยไม่มีเหตุผล กองทัพซวนเจียจะบุกล้อมทันทีเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ซ่งซีซีจึงยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้และถือไพ่เหนือกว่าหากงานก่อสร้างไม่หยุด กิจการคลองจะดำเนินไปตามปกติ ซึ่งเป็นผลดีทั้งต่อราชสำนักและราษฎรแม้การเผชิญหน้าระหว่างสองกองทัพยังไม่เกิดขึ้น แต่บรรยากาศของสงครามกลับเข้มข้นราวกับควันปืนที่เริ่มปกคลุมการเข้าออกประตูเมืองถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดทุกวัน เป็นไปไม่ได้ที่นกต่อจะไม่กลับมาเมืองหลวง เมื่อเดิมพันด้วยชีวิตและทรัพย์สิน เขาจะสั่งการจากระยะไกลได้อย่างไร?ก่อนหน้านี้ ซ่งซีซีสงสัยว่านกต่ออาจกลับมาแล้ว แต่เสิ่นว่านจือที่พักอยู่ในจวนอ๋องฮุยกลับไม่พบเบาะแสใดเลย อีกทั้งข้ารับใช้ใกล้ชิดของท่านอ๋องฮุยล้วนเป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1344

    แม้ว่าจะไม่ถูกต้องตามระเบียบ แต่ก่อนที่นางจีจะกลับไป ซ่งซีซีก็สั่งให้คนไปซื้อโจ๊กเนื้อบดสองหม้อ โดยอ้างว่าเป็นของชาวบ้านที่ต้องการขอบคุณฮูหยินจีสำหรับการแจกจ่ายโจ๊กตลอดหลายปีที่ผ่านมา และตอนนี้ต้องการตอบแทนบุญคุณครั้งนี้นางจีร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจ นางหวังว่าลูกๆ จะได้ดื่มโจ๊กอุ่นๆ สักคำ แม้เพียงนิดเดียวหลังออกจากหอต้าหลี่ ซ่งซีซีครุ่นคิดแล้วสั่งให้อาจารย์หยูไปเล่าถึงเรื่องที่ชาวบ้านบริจาคโจ๊กให้เป็นที่แพร่หลายเดิมทีผู้คนยังจดจำความมีน้ำใจของนางจีที่แจกจ่ายโจ๊กได้ แต่ช่วงนี้เรื่องราวนั้นเริ่มเงียบหายไปตอนนี้จึงเหมาะที่จะใช้โอกาสนี้จุดกระแสเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งอาจารย์หยูจึงแต่งเรื่องเล็กน้อย โดยเล่าว่าชาวบ้านที่มอบโจ๊กเดิมทีเป็นคนเร่ร่อนชานเมืองหลวงที่อดอยากจนเกือบตาย ดื่มโจ๊กที่โรงทานหลายวันติดต่อกัน และก่อนออกจากเมืองหลวง โรงทานยังมอบเสบียงให้เขาห่อหนึ่งแม้ปัจจุบันชีวิตของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้นนัก แต่เมื่อได้ยินว่าผู้มีพระคุณของเขาประสบเคราะห์ เขาจึงรีบเดินทางมาที่เมืองหลวงและซื้อโจ๊กอุ่นๆ สองหม้อมาส่งที่เรือนจำ พร้อมร้องขอให้นำไปให้ผู้มีพระคุณเซี่ยหรูหลิงซึ่งดูแลเรือนจำ เ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1343

    นางถามว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าและหวังชิงหลูมีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่?”หงเชวี่ยตอบว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าอาการยังพอรับได้ แต่ถ้าหวังชิงหลูไข้สูงไม่ลด ก็อาจเป็นอันตรายได้ นางเครียดเกินไป ตอนที่พบนาง นางจับมือข้าไว้แน่น ถามว่าตัวเองจะตายหรือไม่ พูดแต่เรื่องเพ้อเจ้อ เดี๋ยวโทษคนนั้น เดี๋ยวโทษคนนี้ บางครั้งก็โทษตัวเองที่ตัดสินใจผิดพลาดหลายอย่าง”ซ่งซีซีไม่ได้พูดอะไร นางไม่มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตของผู้อื่น เพียงแต่หวังว่านางจะไม่ทำให้ฮูหยินจีลำบากไปกว่านี้หากหวังชิงหลูเสียชีวิตในเรือนจำ จะสร้างความหวาดกลัวให้กับคนในตระกูลหวัง ซึ่งจะเพิ่มภาระทางจิตใจให้กับฮูหยินจีอย่างแน่นอน“หงเชวี่ย อีกสองวันเจ้าไปดูพวกเขาอีกทีนะ”หงเชวี่ยพยักหน้า “เจ้าค่ะ”ซ่งซีซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อีกสองวันเจ้าไป ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”นางอยากพูดคุยกับฮูหยินจีตามลำพัง เพราะในที่สิ้นหวังเช่นเรือนจำนั้น หากไม่มีแม้แต่คนพูดคุย มีเพียงเสียงร้องไห้ที่ไม่สิ้นสุด วันเวลาก็จะยืดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุดอย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ เนื่องจากฝ่าบาททรงพระประชวรและงดราชกิจ นางจึงต้องไปพบเสนาบดีมู่เพื่อแจ้งเรื่องจินชางหมิงเปล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1342

    เนื่องจากฝ่าบาททรงส่งชีกุ้ยไปปฏิบัติหน้าที่ข้างนอก งานดูแลเรือนจำจึงถูกมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของหอต้าหลี่ดูแล และผู้ที่รับหน้าที่นี้คือเซี่ยหรูหลิงไม่นานนัก เซี่ยหรูหลิงก็เดินทางมาที่จวนเป่ยหมิงอ๋องเพื่อพบซ่งซีซี บอกว่ามีเรื่องที่เขาตัดสินใจไม่ได้ และขอให้ซ่งซีซีช่วยแนะนำซ่งซีซีรีบกินข้าวเพียงสองสามคำแล้วออกมาพบเขา เพราะกังวลว่าอาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับฮูหยินจีและเด็กๆแต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่เซี่ยหรูหลิงกล่าว นางก็พบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับฮูหยินผู้เฒ่าและหวังชิงหลูทั้งสองคนหลังจากถูกส่งตัวเข้าเรือนจำก็วิตกกังวลทุกวัน อีกทั้งอาหารยังแย่ยิ่งกว่าอาหารที่เคยให้สุนัขกิน หลังจากนั้นไม่กี่วันก็เริ่มอาเจียนและท้องเสียก่อนหน้านี้ ซ่งซีซีเคยให้ยากับฮูหยินจี ซึ่งรวมถึงยาสำหรับอาการท้องเสียและปวดท้องเพราะไม่ชินสภาพแวดล้อม ยาทำให้อาการดีขึ้น แต่เพราะต้องกินอาหารแบบนั้นต่อไป อาการจึงกลับมาแย่ลงอีก และหวังชิงหลูก็มีไข้สูงฮูหยินผู้เฒ่าร้องขออย่างน่าสงสารให้ช่วยหาหมอ เซี่ยหรูหลิงไม่กล้าตัดสินใจ จึงออกมาขอคำปรึกษาจากซ่งซีซีซ่งซีซีถามว่า “แล้วคนอื่นล่ะ? มีอาการเหมือนกันหรือไม่?”“เดิมที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1341

    แต่ครั้งนี้เมื่อเข้าไปในวัง กลับไม่ได้พบฝ่าบาท อู๋ต้าปั้นออกมาแจ้งข่าวว่า วันนี้ฝ่าบาทไอจนมีเลือดปนและเกือบหมดสติ ตอนนี้หมอหลวงกำลังรักษาซ่งซีซีรีบถาม “เป็นเพราะพระวรกายอ่อนแอ หรือถูกลอบวางยาพิษ?”คำถามนี้ชัดเจนว่าแฝงด้วยความระแวง หากเป็นสถานการณ์ปกติหรือคนอื่น ซ่งซีซีคงไม่กล้าถามแต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างออกไป อีกทั้งคนที่นางเผชิญหน้าอยู่คืออู๋ต้าปั้น นางจึงถามอู๋ต้าปั้นถอนหายใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “หมอหลวงวินิจฉัยว่าไม่ได้ถูกวางยาพิษ แต่เพราะฝ่าบาททรงวิตกกังวลอย่างหนัก พักผ่อนน้อยและเบื่ออาหาร อีกทั้งสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้ทรงติดเชื้อและไอมาแล้วหลายวัน แม้จะดื่มยามาหลายวันแต่ไม่ได้ผล วันนี้ไอไม่หยุดจนกระทั่งมีเลือดปนและแทบหายใจไม่ออก”เมื่อได้ยินว่าไม่ใช่การวางยาพิษ ซ่งซีซีก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย หากเป็นการวางยาพิษ ก็หมายความว่ามีคนแฝงตัวเข้ามาในวังแล้ว ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ยากลำบากยิ่งขึ้นการไอเป็นเลือดอาจเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ได้ ซ่งซีซีจึงยังไม่จากไป แต่เฝ้ารออยู่ด้านนอกเพื่อรอหมอหลวงออกมาแจ้งสถานการณ์นอกจากซ่งซีซีแล้ว ยังมีขุนนางอีกหลายคนที่รอเพื่อกราบทูลเรื่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1340

    ซ่งซีซีนั่งกลับลงบนเก้าอี้ กล่าวว่า “เรื่องที่พวกเจ้าทุจริตนั้น ฝ่าบาททรงทราบดีแล้ว ตอนนี้ที่ทรงให้ข้าสอบสวนเป็นการส่วนตัว ก็เพื่อมอบโอกาสให้พวกเจ้า หากพูดความจริง หัวของเจ้าจะยังปลอดภัย หากให้ข้อมูลที่มีค่าเพิ่มเติม อย่างมากก็แค่ถูกเนรเทศไปทำงานนอกเมือง ยังสามารถโลดแล่นในวงราชการได้”เกาหมิงอวี้ที่มีประสบการณ์ในราชสำนักมานานย่อมรู้ดีว่าให้ข้อมูลที่มีค่ามากขึ้น หมายถึงการขายเจ้านายและผู้ใต้บังคับบัญชาเขาไม่มีข้อสงสัยในคำพูดของซ่งซีซีด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือ ช่วงนี้อู๋เยว่และคนของเขาตรวจสอบทางน้ำอยู่เสมอ สองคือ ซ่งซีซีออกหน้ามาสอบสวนด้วยตัวเอง หากไม่มีพระราชโองการจากฝ่าบาท นางไม่จำเป็นต้องลงมือเอง จะส่งใครมาทรมานเขาก็ได้แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าซ่งซีซีวิเคราะห์เขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และคาดการณ์ความคิดของเขาไปก่อนแล้ว“พวกเจ้าทุจริตทั้งระบบ ท่าทีของจินชางหมิงเป็นอย่างไร?”เกาหมิงอวี้ครุ่นคิดก่อนตอบว่า “จะว่าไปจริงๆ แล้ว เขาเป็นคนเริ่มเปิดทางให้เราทุจริต โดยอ้างว่าเป็นค่าเหนื่อยของเรา เมื่อเริ่มต้นแล้ว เราลองเบิกเงินเกินมาเล็กน้อย เขาก็ไม่ว่าอะไร จากนั้นเรากล้าขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาเขาเตือนเ

DMCA.com Protection Status